Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมการเลี้ยงบุตรด้วยน้ำนมมารดา - Coggle Diagram
การส่งเสริมการเลี้ยงบุตรด้วยน้ำนมมารดา
ผลของการเลี้ยงบุตรด้วยน้ำนมของมารดา
ประโยชน์
ด้านมารดา
ประโยชน์ของการให้นมแม่ที่มีผลต่อมารดา
ลดโอกาสการเสียเลือดหลังคลอด เนื่องจากการให้ลูกดูดนมแม่ ทําให้ตัวแม่ก็ยังคงมีฮอร์โมน Oxytocin ต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเสียเลือดหลังคลอด
Lactation amenorrhoea method ประจําเดือนมาช้า เป็นการคุม กําเนิดโดยธรรมชาติ ในระยะ 6 เดือนแรก และลดโอกาสเกิดปัญหาการขาดธาตุเหล็ก
น้ําหนักแม่ลดลงสู่ปกติได้เร็ว เนื่องจากใช้พลังงานในการสร้างน้ํานม ประมาณ 300-500 แคลอรี่/วัน
Gestational diabetes ช่วยทําให้ภาวะเบาหวานในระยะตั้งครรภ์ดีขึ้น
ลดโอกาสเป็นโรคกระดูกพรุน ถึงแม้ในระหว่างให้นมลูกแม่จะมีกระดูกบางไปบ้าง แต่เมื่อหยุดให้นมมวลกระดูกก็จะกลับมาปกติ และในระยะยาวพบว่าแม่กลุ่มนี้จะมีโอกาสเป็นโรคกระดูกพรุน กระดูกหักจากภาวะกระดูกพรุนน้อยกว่าแม่ที่ให้นมผสม
ลดโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมในวัยหมดประจําเดือน เนื่องจากระยะที่ให้นมลูกแม่จะ exposes ต่อฮอร์โมน estrogen น้อย และก็พบว่าการเปลี่ยนแปลงของเต้านมในระยะให้นมลูก อาจมีผลช่วยในเรื่องนี้ด้วย
ด้านทารก
การให้นมแม่ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง6 เดือน มีผลต่อทารก ดังนี้
2.ลดการติดเชื้อทางเดินหายใจ
3.ลดการเกิดภูมิแพ้
1.ทารกมีการเจริญเติบโตเป็นปกติ
4.ผลของการเจริญเติบโตทางสมองและพัฒนาการ
ความสัมพันธ์กับการแสดงออกของ NRAMP 1
ยีน NRAMP1 มีส่วนช่วยในการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน และมีผลโดยตรงต่อเชื้อโรคที่ยังคงอยู่ใน macrophage เกี่ยวข้องกับบทบาทของยีน NRAMP1 ในการควบคุมเชื้อโรค
แนวทางการปฎิบัติของการเลี้ยงบุตรด้วยน้ำนมมารดา
ปัจจัย
3.เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมีหน้าที่หลักในการดำเนินการตามบันได 10 ขั้นเพื่อการดูแลและสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างต่อเนื่อง
2.กลุ่มทางสังคม ในชุมชนการมีกลุ่มมารดาหลังคลอดที่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เหมือนกันจะทำให้ มารดากล้าซักถามแสดงความคิดเห็นเพราะมีปัญหาคล้ายกัน
1.ด้านครอบครัวของมารดาหลังคลอด
บันได 10 ข้อ
บันไดขั้นที่ 3 : ให้คำแนะนำกับหญิงตั้งครรภ์ถึงประโยชน์
และวิธีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
บันไดขั้นที่ 4 : ให้ลูกดูดนมแม่ภายในครึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอด
บันไดขั้นที่ 2 : จัดอบรมและให้ความรู้ เช่น ประโยชน์นมแม่,ความเสี่ยงในการเลี้ยงลูกด้วยนมผสม
บันไดขั้นที่ 5 : สอนให้แม่รู้วิธีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และได้รับปริมาณของน้ำนมที่เพียงพอ
บันไดขั้นที่ 1 : นโยบายการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นลายลักษณ์อักษร
บันไดขั้นที่ 6 : ไม่ให้นมผสม น้ำ หรืออาหารแก่เด็กแรกเกิด
บันไดขั้นที่ 7 : ให้แม่และลูกอยู่ห้องเดียวกันตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเสริมสร้างความรักความผูกพันของแม่กับลูก
บันไดขั้นที่ 8 : ส่งเสริมให้ลูกได้ดูดนมแม่ตามต้องการ ดูดได้เกลี้ยงเต้า
บันไดขั้นที่ 9 : ไม่ให้ลูกดูดหัวนมยางหรือหัวนมปลอม เพราะทารกจะเกิดการสับสนหัวนม
บันไดขั้นที่ 10 : ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดตั้งกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็น,การนัดตรวจหลังคลอด
การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของพยาบาล
การฝึกทักษะการจัดท่าทารกและการแก้ปัญหาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เช่น ลูกนอนขวางบนตักเป็นท่าปกติ ท่านอนขวางตักแบบประยุกต์ เหมาะสำหรับนำลูกเข้าหัวนม ท่าอุ้มลูกฟุตบอล เหมาะสำหรับคุณแม่หัวนมสั้น ลูกงับไม่ถนัด ท่านอน เหมาะกับคุณแม่ที่ไม่สามารถนั่งให้นมเป็นเวลานานได้
การฝึกแก้ปัญหาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เช่นการปัญหาขาดการเริ่มดูดเร็วและไม่ได้กระตุ้นอย่างต่อเนื่อง
การเพิ่มพูนความรู้การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนม ในระยะตั้งครรภ์ คือ การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบ5หมู่ และการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเตรียมพร้อมให้นมลูก และระยะคลอดและหลัง คลอด โดยใช้หลักการ 3 ดูด ดูดแรก คือ ดูดเร็ว ภายใน 1 ชั่วโมงหลังเกิดหรือเร็วที่สุด ดูดที่สองคือ ดูดบ่อย 2-3 ชั่วโมงทั้งกลางวันและกลางคืน ดูดสุดท้ายคือ ดูดถูกวิธี ป้องกันภาวะสับสนหัวนมเกี่ยวกับการใช้จุกนมปลอม
การผลิตน้ำนมของมารดา
การให้นม
ช่วยในการเจริญเติบโตของลูก สิ่งที่สำคัญที่สุดนอกจากการให้นมลูก คือช่วยสร้างความรัก ความผูกพันธ์ระหว่างแม่กับลูกได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นช่วงเวลาที่แม่สบตากับลูก โอบกอดลูกที่ช่วยให้แม่เกิดความรู้สึกของการเป็นแม่ได้เป็นอย่างดี ทำให้แม่สามารถผลิตฮอร์โมนออกซิโทซินเพื่อสร้างความสุข
การหลั่งน้ำนม
น้ำนมนั้นสามารถหลั่งออกจากเต้านมได้เองโดยไม่ต้องมีการบีบนม ความเครียดสามารถทำให้น้ำนมผลิตไม่เพียงพอ มารดาที่รู้สึกเครียดเกี่ยวกับน้ำนมไม่เพียงพอควรได้รับการส่งเสริมให้ใช้เทคนิคการผ่อนคลายดังนี้ 1.การหายใจลึกๆ 2.การนวดเบาๆ 3.การรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ชอบ 4.การฟังเพงที่ชื่นชอบเพื่อส่งเสริมการหลั่งของน้ำนม
การควบคุมการผลิตน้ำนม
อัตราการผลิตน้ำนมจะสูงขึ้นและจะมีการผลิตน้ำนมอย่างต่อเนื่องจากการที่เต้านมมีการระบายน้ำนมออกจากเต้ามากขึ้น หากน้ำนมมีการระบายออกจากเต้าน้อยก็จะส่งผลให้ผลิตน้ำนมได้น้อย ดังนั้นหากมารดาต้องการให้เต้านมมีการผลิตน้ำนมที่มากขึ้นก็ควรปั๊มนมออกจากเต้า ให้ทารกดูดนมจากเต้าอย่างถูกวิธีดูดจนหมดเต้าไม่เหลือนมค้างเต้าหากเหลือนมค้างเต้าแล้วมารดาไม่บีบนมค้างเต้าออกจะส่งผลให้นมค้างเต้าไปยับยั้งการสร้างน้ำนมทำให้มารดามีนมไม่เพียงพอต่อความต้องการของทารก
การใช้ปั๊มนมสูญญากาศ
การใช้เครื่องปั๊มเต้านมสูญญากาศทั้ง 2 ข้างพร้อมกันเพื่อจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของน้ำนมเพื่อส่งเสริมการผลิตน้ำนม
สาเหตุที่นมผลิตไม่เพียงพอ
การเจริญเติบโตของทารกผิดปกติหรือไม่แข็งแรง ส่งผลต่อความสามารถในการดูดนมของทารก
ความผิดปกติของระบบประสาท
ความไม่เพียงพอของการให้นม อาจเกิดจาก เนื้อเยื่อของเต้านมไม่เพียงพอรวมไปถึงฮอร์โมนที่ไม่เหมาะสม
การผลิตน้ำนม
การผลิตน้ำนมแม่ที่จัดตั้งขึ้นนั้นกำหนดไว้อย่างสมบูรณ์ภายใน 1 เดือนและการผลิตน้ำนมแม่ตามปกติของทารกที่กินนมแม่เพียงอย่างเดียว 1-6 เดือนสอดคล้องกับความต้องการพลังงานรายวันที่ทารกต้องการ
การเพิ่มผลการผลิต
การผลิตน้ำนมไม่เพียงพอจะมีการเพิ่มการควบคุมทางสรีรวิทยาของการ สร้างน้ำนม
รูปแบบการส่งเสริมการผลิตน้ำนมของมารดา
1.การเพิ่มพูนความรู้ให้เป็นปัจจุบัน ในเรื่องการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
ความรู้ในระยะตั้งครรภ์ เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารสุกๆดิบๆ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือใช้สารเสพติด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ความรู้ในระยะคลอดและหลังคลอด เช่น ทารกหลังเกิดใช้หลักการ 3 ดูด เพื่อให้นมแม่ผลิตและมีปริมาณเพียงพอสำหรับทารก ดูดที่ 1 คือ ดูดเร็ว ให้ทารกดูดนมแม่ภายใน 1 ชั่วโมงหลังเกิดหรือเร็วที่สุด ดูดที่ 2 คือดูดบ่อย ให้ทารกดูดนมแม่ทุก 2-3 ชั่วโมงทั้งกลางวันและกลางคืน และดูดได้บ่อยตามต้องการ ดูดสุดท้ายคือ ดูดถูกวิธี ท่าอุ้มของแม่และการดูดจากเต้าของทารกถูกต้องโดย ลูกดูดถึงลานนม ไม่ใช่หัวนม และให้ดูดให้เกลี้ยงเต้า และนอกจากนี้ ต้องไม่ใช้จุกนมปลอม เพื่อป้องกันภาวะสับสนหัวนม
2.การให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดท่าทารก และการแก้ไขปัญหาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
ฝึกทัการจัดท่าทารก เช่น ท่านอนขวางบนตัก ท่านอนขวางบนตักแบบประยุกต์ ท่าอุ้มลูกฟุตบอล ท่านอน
ฝึกทักษะการแก้ปัญหาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เช่น ปัญหาการไม่รู้ ไม่ได้รับการสอน ไม่เข้าใจ ปัญหาขาดการเริ่มดูดเร็วและไม่ได้กระตุ้นอย่างต่อเนื่อง เกิดปัญหาเมื่อพยายามทำตามแล้วแต่ไม่สำเร็จ
3.เพิ่มความรู้และฝึกทักษะการให้คำปรึกษาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
ฝึกทักษะการให้คําปรึกษา
ให้ความรู้เรื่องการให้คำปรึกษา
4.การประเมินความรู้และทัศนคติต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่