Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
คุณสมบัติของไม้ - Coggle Diagram
คุณสมบัติของไม้
กลสมบัติของไม้
-
ความแข็ง (hardness) เป็นความต้านทานต่อการเสียรูปที่ไม่คืนตัว ความ แข็งของไม้ต่อการกดเป็นรอยใช้เพื่อเปรียบเทียบความเหมาะสมของไม้ต่องานที่ต้องการ เช่น ไม้ ที่มีความแข็งน้อยจะไสง่ายเหมาะกับงานเฟอร์นิเจอร์ ไม้ที่มีความแข็งมากควรใช้ทำพื้นไม้ซึ่งจะ เป็นรอยหรือสึกกร่อนยาก
กำลังต้านทานแรงเฉือน (shearing strength) จากลักษณะการเรียงตัวของเสี้ยนไม้ตามแนวยาวขนานกับลำต้น ดังนั้น ไม้จึงถูกเฉือน ฉีกแยกออกตามแนวขนานกับเสี้ยนได้ง่ายกว่าการถูกเฉือนขวางเสี้ยน นั่นคือ ไม้มีกำลังต้านทานแรงเฉือนในแนวขนานเสี้ยนน้อยกว่าในแนวตั้งฉากเสี้ยน
โมดูลัสยืดหยุ่น (modulus of elasticity) คืออัตราส่วนระหว่างหน่วยแรง (stress) กับหน่วยการยืดหรือหดตัว (strain) ซึ่งพิจารณาจากหน่วยแรงภายในขีดจำกัดยืดหยุ่น หรือช่วงอิลาสติก ค่าโมดูลัสยืดหยุ่นที่ได้จากการทดสอบหาความต้านทานต่อแรงดัดเป็นค่าที่ใช้ วัดความแกร่ง (Stiffness) ของวัสดุ ไม้สดโก่งตัวมากกว่าไม้ที่ผึ้งหรืออบแห้งแล้ว
-
-
-
-
-
คุณสมบัติทางกายภาพของไม้
การหดตัวของไม้ (Shrinkage of Wood) การหดตัวและการขยายตัวของไม้ขึ้นกับปริมาณความชื้น และจะเกิดขึ้นเฉพาะในช่วงที่ปริมาณ ความชื้นอยู่ระหว่างจุดที่เสี้ยนไม้อิ่มตัวกับสภาวะอบแห้ง ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดหรือ ปริมาตรของเนื้อไม้ การหดตัวของไม้ทางด้านต่างๆของเนื้อไม้มีค่าไม่เท่ากัน ไม้จะหดตัวมากที่สุดทางด้านที่ สัมผัสกับเส้นวงปี (tangential) ส่วนการหดตัวทางด้านที่ตั้งฉากกับเส้นวงปีหรือในแนวรัศมี (radial) จะน้อยกว่าทางด้านที่สัมผัสกับเส้นวงปีประมาณครึ่งหนึ่ง ถึง สองในสาม และไม้หดตัว น้อยมากทางด้านยาวที่ขนานเสี้ยนไม้ ฉากกับเส้นวงปี
-
-
ความต้านทานเพลิงไหม้ ไม้เป็นวัสดุติดไฟก็จริงแต่ก็ไม่ติดไฟง่ายนัก ไม้จะเริ่มลุกไหม้ติดไฟเมื่ออุณหภูมิประ มาณ 90 องศาเซลเซียส และถูกเผาเป็นถ่านเมื่ออุณหภูมิเท่ากับ 200 องศาเซลเซียส เมื่อเกิดการลุกไหม้ที่ทำให้ผิวไม้เริ่มเกรียมเป็นถ่านแต่ถ้าสามารถดับเพลิงได้ทันจะพบ ว่าส่วนของไม้ภายในชั้นถัดเข้ามาจะยังไม่เกิดความเสียหายและอาจจะยังรับน้ำหนักได้อีกต่อไป ไม้มีคุณสมบัติเป็นฉนวน สามารถต้านทานเพลิงไหม้ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง การทำให้ไม้มีความทนทาน สามารถต้าน ทานเพลิงได้มากขึ้น ทำได้โดยการทาหรืออัดน้ำยาเข้าไปในไม้ด้วยสารเคมี
-
ประเภทของเนื้อไม้
ในต่างประเทศ
จำพวกใบกว้าง (broad-leaved tree) ซึ่งเป็น ต้นไม้ผลัดใบตามฤดูกาล สำหรับเซลล์ของต้นไม้จำพวกใบกว้างมักแน่นและถี่ ทำให้ไม้จำพวกนี้มีน้ำหนัก มาก มีความทนทานและความแข็งแรงสามารถทานแรงที่กระทำได้ดี ดังนั้นในต่างประเทศจึงมัก เรียกต้นไม้จำพวกนี้ว่า ไม้เนื้อแข็ง (hardwood)
จำพวกใบแคบหรือใบเข็ม (needle-leaved tree) ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มี ใบเขียวตลอดปี เซลล์ของต้นไม้จำพวกใบเข็มปกติจะโปร่ง และบอบบาง ทำให้ไม้จำพวกนี้มีน้ำหนักเบาและอ่อน มีความทนทานและความแข็งแรงน้อย ดัง นั้นในต่างประเทศจึงมักเรียกต้นไม้จำพวกนี้ว่า ไม้เนื้ออ่อน (softwood)
ในประเทศไทย
กรมป่าไม้
จำแนกไม้ไทย โดยคำนึงถึงความแข็งแรง (ประลัย) ต่อ แรงดัด (flexural strength) ของไม้ฝั่งหรืออบแห้งซึ่งมีความชื้นประมาณ 10 - 14 % และความ ทนทาน (durability) ตามธรรมชาติของไม้นั้น
ประเภท
-
-
-
หมายเหตุ หากอาบน้ำยาไม้ที่มีความทนทานต่ำ โดยใช้ปริมาณน้ำยาตามที่กำหนดก็ให้เลื่อนชั้นขึ้นไปตามความแข็งแรง
-
การเรียกชื่อไม้
อาศัยหลักทางพฤกษศาสตร์เพื่อความเป็นสากลซึ่งทำให้ทราบถึง คุณลักษณะของไม้นั้น ทั้งนี้เพราะไม้ที่อยู่ต่างท้องที่หรือต่างจังหวัดอาจเรียกชื่อไม้ไม่เหมือนกัน ทั้งๆที่เป็นไม้ชนิดเดียวกัน
ชื่อทางพฤกษศาสตร์ของไม้ต่างๆ เป็นภาษาลาติน ประกอบด้วยคำสองคำ คำแรกเป็น ชื่อสกุล (genus) หรือตระกูล คำที่สองเป็นรายละเอียดเฉพาะของประเภทหรือชนิด (species) ของต้นไม้ แต่ในบางครั้งอาจมีชื่อของผู้ที่พบหรือตั้งชื่อ ต่อท้ายชื่อไม้นั้นด้วย
บทนำ
ไม้ (wood) เป็นวัสดุอย่างเดียวในโลกที่ให้ประโยชน์ต่อมนุษย์ครบทั้ง 4 ปัจจัยซึ่งต่าง จากคอนกรีต และเหล็ก เนื่องจากไม้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม้มีคุณค่าและประโยชน์มากมาย โดยถูกนำมาใช้งาน หรือประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของมนุษย์ที่ต้องการ
ในด้านการก่อสร้าง แต่เดิมนิยมใช้ไม้กันมากโดยถูกนำมาใช้ประโยชน์มากมายหลาย อย่างนอกเหนือจากการทำเป็นโครงอาคารหรือสะพาน เพราะไม้มีราคาถูก มีความแข็งแรงสูงกว่าวัสดุก่อสร้างอื่นเมื่อเทียบกับน้ำหนักของตัวเอง มีความ ยืดหยุ่นตัวสามารถทนต่อแรงกระแทกและสั่นสะเทือนได้ดี กันความร้อนได้ดี เป็นฉนวนไฟฟ้าดี (เมื่ออยู่ในสภาพแห้ง) อีกทั้งมีลวดลายสวยงามเมื่อไสและตกแต่งเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ การประกอบ รื้อถอน เจาะ บาก หรือไสก็ทำได้ง่ายไม่ต้องการอุปกรณ์หรือเครื่องมือพิเศษอื่น มี ความทนทานและอายุการใช้งานได้ไม่น้อยกว่า 15-20 ปีขึ้นไป แต่ ในปัจจุบัน วิศวกรได้หันไปใช้คอนกรีตและเหล็กแทนไม้ สาเหตุเพราะเริ่มหาไม้ที่มีคุณภาพดี ได้ยากขึ้น อีกทั้งราคาของไม้ก็แพงมากขึ้น