Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ, A6380064 นางสาวปาริฉัตร สิมมา - Coggle Diagram
แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ
แผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติฉบับที่1 (พ.ศ.2504-2509)
ปัญหาสุขภาพ
ป่วยและตายด้วยโรคติดต่อจากความยากจนและความไม่รู้ เช่นอหิวาตกโรค ไข้ทรพิษ
เด็กป่วยและตายด้วยโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน ไอกรน โปลิโอ
ป่วยด้วยโรคจากปัญหาสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม
อัตราตายของมาดาและทารกสูง
ประชาชนในชนบทได้รับการดูแลสุขภาพไม่ทั่วถึง
นโยบายสำคัญ
ปรับปรุงสถานบริการและเพิ่มบุคลากรเพื่อให้การบำบัดรักษาที่ครอบคลุมทั่วถึงยิ่งขึ้น
แผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติฉบับที่2 (พ.ศ.2510-2514)
ปัญหาสุขภาพ
ป่วยและตายด้วยโรคติดต่อจากความยากจนและความไม่รู้ เช่น โรคไข้ทรพิษ กาฬโรค โรคคุดทะราด และไข้มาลาเรีย
นโยบายสำคัญ
เร่งผลิตบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ขยายการบริการสู่ประชาชนในชนบท
แผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติฉบับที่3 (พ.ศ.2515-2519
ปัญหาสุขภาพ
ประชากรเพิ่มอย่างรวดเร็ว
โรคติดต่อต่างๆและโรคจากพฤติกรรมไม่ถูกต้อง
อัตราตายของมารดาและทารกยังคงสูงอยู่
นโยบายสำคัญ
มุ่งเน้นการอนามัยแม่และเด็ก การวางแผนครอบครัว ปรับปรุงและขยายการบริการรักษา
มีการพัฒนาความร่วมมือของประชาชนในเรื่องอนามัยสิ่งแวดล้อมและมีนโยบายการรักษาพยาบาลฟรีแก่ผู้มีรายได้น้อย
แผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติ ฉบับที่ 4(พ.ศ.2520-2524)
ปัญหาสุขภาพ
ประชาชนในชนบทยังมีสุขภาพไม่ดรเนื่องจากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรค
นโยบายสำคัญ
เริ่มมีโรงพยาบาลประจำอำเภอมีโครงการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคขั้นพื้นฐานเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2521 มีการอบรม ผสส. และ อสม. เป็นครั้งแรกในพ.ศ. 2520
แผนการพัฒนาสาธารณสุขฉบับที่ 5(พ.ศ.2525-2529)
ปัญหาสุขภาพ
อัตราป่วยและตายด้วยโรคติดต่อและโรคระบาดลดลง
โรคที่สอดคล้องกับการขยายตัวของการคมนาคมและการย้ายถิ่นเพิ่มขึ้น เช่นมาลาเรีย
โรคจากสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมในชุมชนแออัดเขตเมืองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ขาดการศึกษาวิจัย
นโยบายสำคัญ
เน้นความเป็นธรรมของการบริการสาธารณสุขแก่ประชาชนเร่งดำเนินกาสาธารณสุขมูลฐาน ยกฐานะสำนักงานผดุงครรภ์ให้เป็นสถานีอนามัย และใช้เป้าหมาย "สุขภาพดีถ้วนหน้า 2543"
แผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติ ฉบับที่ 6(พ.ศ.2530-2534)
ปัญหาสุขภาพ
โรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนมีแนวโน้มลดลง
โรคของประเทศที่พัฒนาแล้วในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเริ่มมีมากขึ้น เช่น หลอดเลือดหัวใจ อุบัติเหตุ
โรคจากการประกอบอาชีพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในสถานประกอบการ
มีการระบาดของโรคเอดส์เนื่องจากความเบี่ยงเบนในพฤติกรรมทางเพศ
นโยบายสำคัญ
ขยายสถานบริการสาธารณสุขให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย ยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาการสาธารณสุข การรณรงค์ควบคุมโรคเอดส์ เริ่มแนวคิดเรื่องหลักประกันสุขภาพ
แผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติ ฉบับที่ 7(พ.ศ.2535-2539)
ปัญหาสุขภาพ
ปัญหาโรคและการบาดเจ็บจากการทำงานเพิ่มมากขึ้น
โรคเอดส์แพร่กระจายมากขึ้นและเกิดกับประชาชนทุกกลุ่ม
โรคไม่ติดต่อที่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพไม่ถูกต้องมีแนวโน้มสูงขึ้น(อุบัติเหตุ)
โรคเรื้อรัง โรคจิตประสาทความเครียด มีอัตราสูงขึ้น
นโยบายสำคัญ
เน้นการพัฒนาสถานีอนามัยให้เป็นจุดเริ่มของานสุขภาพดีถ้วนหน้า พัฒนาสถานบริการสาธารณสุขให้มีคุณภาพมาตรฐาน
เน้นความพยายามในการสร้างหลักประกันสุขภา
แผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติ ฉบับที่ 8(พ.ศ.2540-2544)
ปัญหาสุขภาพ
ปัญหาพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่ถูกต้องเพิ่มมากขึ้น เช่น การบริโภค การออกกำลังกาย การขับขี่ยานพาหนะ
ผู้สูงอายุมีจำนวนมากขึ้น ทำให้มีแนวโน้มของโรคที่เกิดจากความเสื่อมและโรคเรื้อรังต่างๆเพิ่มขึ้น
สถานบริการไม่เพียงพอต่อการรับผู้ป่วยใน
โรคเอดส์ สารเสพติด
นโยบายสำคัญ
เน้นการพัฒนาศักยภาพของคนในด้านสุขภาพโดยเฉพาะพฤติกรรมสุขภาพ
เน้นความครอบคลุมหลักประกันสุขภาพด้วยบริการที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ
เน้นการพัฒนาสุขภาพในการประกอบอาชีพโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาร่วมแก้ปัญหาสาธารณสุข
แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 9(พ.ศ. 2545-2549)
ปัญหาสุขภาพ
ปัญหาการเจ็บป่วยจากโรคติดเชื้อ
ปัญหาการเจ็บป่วยจากโรคที่มีสาเหตุทางพฤติกรรม
ปัญหาสุขภาพจิต สารเสพติด อาหารเสริมผลิตภัณฑ์ความงามที่ขาดคุณภาพ
ปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อม
การกระจายบุคลากรด้านสุขภาพไม่เท่าเทียม ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพขาดประสิทธิภาพ
นโยบายสำคัญ
สร้างสุขภาพเชิงรุก ให้ประชาชนมีส่วนร่วมคิดร่วมทำ ในการพัฒนาสุขภาพ (สร้างนำซ่อม)
พ.ศ.2545 ได้มีการประกาศใช้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค เพื่อขยายบริการสุขภาพให้ครอบคลุม
ประกาศให้เป็นปีเริ่มต้นแห่งการรวมพลังสร้างสุขภาพ โดยการรณรงค์ 5 อ ได้แก่ ออกกำลังกาย อาหาร อารมณ์ อนามัยสิ่งแวดล้อม อโรคยา (และในปี 2548 ได้เพิ่ม อ ที่ 6 คือ อบายมุข)
พ.ศ.2547 มีการประกาศนโยบายและเป้าหมายเมืองไทยแข็งแรง (Healthy Thailand) ภายในปี2550
แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติฉบับที่ 10(พ.ศ.2550-พ.ศ.2554)
ปัญหาสุขภาพ
ยังคงมีปัญหาเหมือนแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9
มีความทุกข์ในระบบบริการทางการแพทย์
ปัญหาด้านการเงิน การคลังด้านสุขภาพ
ขาดแคลนกำลังคนด้านสาธารณสุข
เทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารการแพทย์ยังไม่ทันสมัย
นโยบายสำคัญ
ปรัชญานำทาง "เศรษฐกิจพอเพียง" ยึดทางสายกลาง มีความสมดุลพอดี รู้จักพอประมาณ การมีเหตุมีผล มีระบบภูมิคุ้มกัน รู้เท่าทันโลก
วิสัยทัศน์ระบบสุขภาพไทย "มุ่งสู่ระบบสุขภาพพอเพียง"
สร้างสุขภาพดีตั้งแต่ครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน
แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติฉบับที่ 11(พ.ศ.2555-พ.ศ.2559)
ปัญหาสุขภาพ
โครงสร้างประชากรที่มีวัยสูงอายุมากขึ้น วัยเด็ก และวัยแรงงานลดลง
การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก
ความมั่นคงทางอาหารและพลังงานเปลี่ยนแปลงไป
ความก้าวหน้าทางเทคนโลยี
การก่อการร้าย ความไม่สงบทางการเมือง
นโยบายสำคัญ
มุ่งพัฒนาภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้ประชาชนทุกคนมีสุขภาพดี ร่วมสร้างระบบสุขภาพพอเพียง เป็นธรรม นำสู่สังคมสุขภาวะ
สร้างหลักประกันและจัดบริการที่ครอบคลุมเป็นธรรมสร้างภูมิคุ้มกันต่อภัยคุกคาม ให้ประชาชน ชุมชน ท้องถิ่นลดการเจ็บป่วยจากโรคที่ป้องกันได้หรือโรคที่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพ
มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ มีระบบบริหารจัดการการเงินการคลังด้านสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพเป็นเอกภาพ
แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 12(พ.ศ.2560-2564)
ยุทธศาสตร์ที่ 1 : เร่งการเสริมสร้างสุขภาพคนไทยเชิงรุก
เป้าหมายและตัวชี้วัด
ระดับพัฒนาการเด็กไทยสมวัย ( ไม่น้อยกว่าร้อยละ 85)
IQ เฉลี่ยเด็กไทย (ไม่ต่ำกว่า 100)
EQ เด็กไทย สูงกว่าคะแนน มาตรฐาน (ร้อยละ 70)
อัตราการเสียชีวิตจากการ บาดเจ็บทางถนน (ไม่เกิน 1 6 คน ต่อประซากรแสนคน)
อัตราตายก่อนวัยอันควรจากโรค N C D (เมาหวาน ความดัน โลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจหลอดเลือดสมอง ปอดเรื้อรัง (ลดลงจากปี2559ร้อยละ25)
อัตราของ Healthy Ageing เพิ่มขึ้น (ADL มากกว่า 12 คะแนน เต็ม 20)
อัตราการเจ็บป่วยจาก ผลิตภัณฑ์สุขภพและสิ่งแวดล้อม (ลดลงร้อยละ 5 เมื่อเปรียบเทียบ กับปี 2559)
ระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ ของคนไทย (ระดับดีมาก เพิ่มขึ้น ร้อยละ 25)
พฤติกรรมสุขภาพของคนไทย (เปรียบเทียบจากข้อมูลการ สำรวจสุขภาพคนไทยครั้งที่ 5)
อัตราการออกกำลังกาย (เพิ่มชื้นร้อยละ 50)
อัตรการบริโภคผัก ผลไม้ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 10)
ความชุกของการสูบบุหรี่ และบริโภคแอลกอฮอล์ (ลดลง ร้อยละ 5)
ยุทธศาสตร์ที่ 2: สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในระบบบริการสุขภาพ
เป้าหมายและตัวชี้วัด
1.ความครอบคลุมของหน่วย บริการปฐมภูมิ (P C C ) ที่มีทีมแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว(ร้อยละ 100)
จำนวนศูนย์แพทย์เชี่ยวชาญ เฉพาะทาง 4 สาขาหลัก (มะเร็ง หัวใจ อุบัติเหตุ ทารกแรกเกิด) ใน12 เขตสุขภาพ (มีครบทั้ง 4 สาขาทุกเขตสุขภาพ)
อัตราส่วนเตียง (ในระบบประกันสุขภพภาครัฐ)ต่อประชากรภาพรวมทั้งประเทศ (ไม่น้อยกว่า2:1,000) และการกระจายระหว่างพื้นที่ (แตกต่างกันไม่เกิน ร้อยละ 10)
ระยะเวลารอคอยในการรับการรักษพยาบาลที่แผนกผู้ป่วยนอก (ลดลงร้อยละ 30 จากค่าเฉลี่ยของปี2557, 2558, 2559)
อัตราการส่งต่อออกนอกเขตสุขภาพ (ลดลงร้อยละ 50)
อัตราตายจากโรคที่สำคัญ (มะเร็งตับ หลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง) (ลดลงร้อยละ 5 จากค่าเฉลี่ย ของปี 2557, 2558, 2559)
ความพึงพอใจของ ผู้รับบริการสุขภาพ (ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 90)
ความพึงพอใจของผู้ให้บริการ สุขภาพ (ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90)
ยุทธศาสตร์ที่ 3: พัฒนาและสร้างกลไกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารจัดการกำลังคนด้านสุขภาพ
เป้าหมายและตัวชี้วัด
เป้าหมายและตัวชี้วัด
อัตราส่วนกำลังคนด้าน สุขภาพต่อประชากร แพทย์ 1 : 1,800 ทันตแพทย์ 1:3,600 เภสัชกร 1 :2,300 พยาบาลวิชาชีพ 1:300
สัดส่วนแพทย์ต่อประชากรระหว่างพื้นที่ (แตกต่างกันไม่เกิน ร้อยละ 20)
ขีดความสามารถของบุคลากรด้านสุขภาพ (อยู่ในระดับ 1 ใน 3 ของเอเชีย)
ระดับความสุขในการปฏิบัติงานของบุคลากรด้านสุขภาพ (ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80)
ยุทธศาสตร์ที่ 4: พัฒนาและสร้างความเข้มแข็งในการอภิบาลระบบสุขภาพ
เป้าหมายและตัวชี้วัด
ความครอบคลุมของหน่วยงานด้นสุขภพที่ผ่านเกณฑ์การประเงิน ITA (Integrity and Transparency Assessment) (ร้อยละ93)
ระดับการใช้ประโยชน์ได้ทั้งการบริหารจัดการและบริการ ประชาชนของระบบข้อมูลสุขภาพ ครอบคลุมประเด็นข้อมูลที่สำคัญ (ใช้ประโยชน์ได้ ในระดับนโยบายและการปฏิบัติ)
จำนวนผลงานวิจัย/ นวัตกรรมด้านสุขภพที่สามารถไปใช้ประโยชน์ได้ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 5)
สัดส่วนมูลค่าการนำเข้ายาและเทคโนโลยีด้านสุขภาพ (ไม่เพิ่มขึ้น)
รายจ่ายด้านสุขภาพต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (ไม่เกินร้อยละ 5)
มีกลไกที่สามารถสร้งความ เป็นเอกภาพด้านสุขภาพอย่างยั่งยืน
A6380064 นางสาวปาริฉัตร สิมมา