Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ - Coggle Diagram
แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ
แผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติ ฉบับที่ 1(พ.ศ.2504-2509)
เน้นการขยายสถานบริการสาธารณสุข
ปัญหาสุขภาพ
ป่วยและตายด้วยโรคติดต่อจากความยากจนและความไม่รู้ เช่น อหิวาตกโรคไข้ทรพิษ
เด็กป่วยและตายด้วยโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน ไอกรน โปลิโอ
ป่วยด้วยโรคจากปัญหาสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม
อัตราการตายของมารดาและทารกสูง
ประชาชนในชนบทได้รับการดูแลสุขภาพไม่ทั่วถึง
นโยบายสำคัญ
ปรับปรุงสถานบริการและเพิ่มบุคลากรเพื่อให้การบำบัดรักษาที่ครอบคลุมทั่วถึงยิ่งขึ้น
แผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2510-2514)
เน้นการวางแผนกำลังคนและการกระจายการพัฒนาสู่ชนบท เร่งรัดการผลิตบุคลากร ทางการแพทย์ และการสาธารณสุข
ปัญหาสุขภาพ
ป่วยและตายด้วยโรคติดต่อจากความยากจนและความไม่รู้
นโยบายสำคัญ
เร่งผลิตบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ขยายการบริการสู่ประชาชนในชนบท
แผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ.2515-2519)
พัฒนาบริการสาธารณสุขแบบผสมผสาน และให้ความร่วมมือของประชาชนในการแก้ปัญหาสาธารณสุขและมีการกล่าวถึง การลดอัตราเพิ่มของประชากร
ปัญหาสุขภาพ
1.ประชากรเพิ่มอย่างรวดเร็ว
2.โรคติดต่อต่างๆและโรคจากพฤติกรรมไม่ถูกต้อง
3.อัตราตายของมารดาและทารกยังคงสูงอยู่
นโยบายสำคัญ
มุ่งเน้นการอนามัยแม่และเด็ก การวางแผนครอบครัว ปรับปรุงและขยายการบริการรักษามีการพัฒนาความร่วมมือของประชาชนในเรื่องอนามัยสิ่งแวดล้อมและมีนโยบายการรักษาพยาบาลฟรีแก่ผู้มีรายได้น้อย
แผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ.2520-2524)
เน้นการแก้ไขและลดช่องว่างของปัญหาสาธารณสุข
ตั้งเป้าหมายสุขภาพดีถ้วนหน้าในปี 2543 โดยกลยุทธ์สาธารณสุขมูลฐาน
ปัญหาสุขภาพ
1.ประชาชนในชนบทยังมีสุขภาพไม่ดีเนื่องจากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
2.มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรค
นโยบายสำคัญ
เริ่มมีโรงพยาบาลประจำอำเภอ
มีโครงการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคขั้น พื้นฐานเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2521 มีการอบรม ผสส. และ อสม. เป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2520
แผนการพัฒนาสาธารณสุข ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2525-2529)
เน้นชุมชนมีส่วนร่วม
ปัญหาสุขภาพ
1.อัตราป่วยและตายด้วยโรคติดต่อและโรคระบาดลดลง
2.โรคที่สอดคล้องกับการขยายตัวของการคมนาคมและการย้ายถิ่นเพิ่มขึ้น เช่น มาลาเรีย
3.โรดจากสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมในชุมชนแออัดเขตเมืองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
4.ขาดการศึกษาวิจัย
นโยบายสำคัญ
เน้นความเป็นธรรมของการบริการสาธารณสุขแก่ประชาชนเร่งดำเนินการสาธารณสุขมูลฐาน ยกฐานะสำนักงานผดุงครรภ์ให้เป็นสถานีอนามัย และใช้เป้าหมาย "สุขภาพดีถ้วนหน้า 2543"
แผนพัสาธารณสุขแห่งชาติ ฉบับที่ 6 (พ.ศ.2530-2534)
เริ่มแนวคิดเรื่องหลักประกันสุขภาพ
ปัญหาสุขภาพ
1.โรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนมีแนวโน้มลดลง
2.โรคของประเทศที่พัฒนาแล้วในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเริ่มมีมากขึ้น เช่น หลอดเลือดหัวใจ อุบัติเหตุ
3.โรคจากการประกอบอาชีพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในสถานประกอบการ
4.มีการระบาดของโรคเอดส์เนื่องจากความเบี่ยงเบนในพฤติกรรม
นโยบายสำคัญ
ขยายสถานบริการสาธารณสุขให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย ยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาการสาธารณสุข การรณรงค์ควบคุมโรคเอดส์ เริ่มแนวคิดเรื่องหลักประกันสุขภาพ
แผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติ ฉบับที่ 7 (พ.ศ.2535-2539)
เน้นการกระจายรายได้ไปสู่กลุ่มผู้ด้อยโอกาสและเน้นการพัฒนาในพื้นที่เฉพาะ เช่น พื้นที่เขตเศรษฐกิจใหม่
ปัญหาสุขภาพ
ปัญหาโรคและการบาดเจ็บจากการทำงานเพิ่มมากขึ้น
2.โรคเอดส์แพร่กระจายมากขึ้นและเกิดกับประชาชนทุกกลุ่ม
3.โรคไม่ติดต่อที่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพไม่ถูกต้องมีแนวโน้มสูงขึ้น(อุบัติเหตุ)
4.โรคเรื้อรัง โรคจิตประสาทความเครียด มีอัตราสูงขึ้น
นโยบายสำคัญ
เน้นการพัฒนาสถานีอนามัยให้เป็นจุดเริ่มของงานสุขภาพดีถ้วนหน้า พัฒนาสถานบริการสาธารณสุขให้มีคุณภาพมาตรฐาน
เน้นความพยายามในการสร้างหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้กับคนไทยทุกคน)
แผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ.2540-2544)
เน้น “คน”เป็นจุดศูนย์กลาง
ปัญหาสุขภาพ
1.ปัญหาพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่ถูกต้องเพิ่มมากขึ้น เช่น การบริโภค การออกกำลังกาย การขับขี่ยานพาหนะ
2.ผู้สูงอายุมีจำนวนมากขึ้น ทำให้มีแนวโน้มของโรคที่เกิดจากความเสื่อมและโรคเรื้อรังต่างๆเพิ่มขึ้น
3.สถานบริการไม่เพียงพอต่อการรับผู้ป่วยใน
4.โรคเอดส์ สารเสพติด
นโยบายสำคัญ
-เน้นการพัฒนาศักยภาพของคนในด้านสุขภาพโดยเฉพาะพฤติกรรมสุขภาพ
-เน้นความครอบคลุมหลักประกันสุขภาพด้วยบริการที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ
-เน้นการพัฒนาสุขภาพในการประกอบอาชีพโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรม
-นำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาร่วมแก้ปัญหาสาธารณสุข
แผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติ ฉบับที่ 9 (พ.ศ.2545-2549)
เน้นสุขภาพคือสุขภาวะ
ปัญหาสุขภาพ
1.ปัญหาการเจ็บป่วยจากโรคติดเชื้อ
2.ปัญหาการเจ็บป่วยจากโรคที่มีสาเหตุทางพฤติกรรม
3.ปัญหาสุขภาพจิต สารเสพติด อาหารเสริมผลิตภัณฑ์ความงามที่ขาดคุณภาพ
4.ปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อม
5.การกระจายบุคลากรด้านสุขภาพไม่เท่าเทียม ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพขาดประสิทธิภาพ
นโยบายสำคัญ
-สร้างสุขภาพเชิงรก ให้ประชาชนมีส่วนร่วมคิดร่วมทำ ในการพัฒนาสุขภาพ (สร้างนำซ่อม)
-พ.ศ. 2545 ได้มีการประกาศใช้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรด เพื่อขยายบริการสุขภาพให้ครอบคลุม
-ประกาศให้เป็นปีเริ่มต้นแห่งการรวมพลังสร้างสุขภาพ โดยการรณรงค์ 5 อ ได้แก่ ออกกำลังกาย อาหาร อารมณ์ อนามัย สิ่งแวดล้อม อโรคยา (และในปี 2548 ได้เพิ่ม อ ที่ 6 คืออบายมุข)
-พ.ศ.2547 มีการประกาศนโยบายและเป้าหมาย เมืองไทยแข็งแรง (He althy Thailand) ภายในปี 2550
แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ..2550-2554)
นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางการพัฒนาสุขภาพและยึดหลักการสุขภาพดี เป็นผลจากสังคมดี
หลักการสำคัญธรรมาภิบาล
นิติธรรม
คุณธรรม
ความโปร่งใส
มีส่วนร่วม
สำนึกรับผิดชอบ
ความคุ้มค่า
ปัญหาสุขภาพ
1 .ยังคงมีปัญหาเหมือนแผนพัฒนาฯ ฉบับ 9
2.มีความทุกข์ในระบบบริการทางการแพทย์
3.ปัญหาด้านการเงิน การคลังด้านสุขภาพ
4.ขาดแคลนกำลังคนด้านสาธารณสุข
5.เทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารการแพทย์ยังไม่ทันสมัย"สุ
นโยบายสำคัญ
-ปรัชญานำทาง "เศรษฐกิจพอเพียง" ยืดทางสายกลาง มีความสมดุลพอดี รู้จักพอประมาณ การมีเหตุมีผล มีระบบภูมิคุ้มกัน รู้เท่าทันโลก
วิสัยทัศน์ระบบสุขภาพไทย "มุ่งสู่ระบบสุขภาพพอเพียง"
-สร้างสุขภาพดีตั้งแต่ครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน
แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่11 (พ.ศ.2555-2559)
มุ่งพัฒนาภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปัญหาสุขภาพ
โครงสร้างประชากรที่มีวัยสูงอายุมากขึ้น วัยเด็ก และวัยแรงงานลดลง
การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก
ความมั่นคงทางอาหารและพลังงานเปลี่ยนแปลงไปความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
การก่อการร้าย ความไม่สงบทางการเมือง
นโยบายสำคัญ
-ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้ประชาชนทุกคนมรสุขภาพดี ร่วมสร้างระบบสุขภาพพอเพียง เป็นธรรมนำสู่สังคมสุขภาวะ
-สร้างหลักประกันและจัดบริการที่ครอบคลุมเป็นธรรม สร้างภูมิคุ้มกันต่อภัยคุกคาม ให้ประชาชนชุมชน ท้องถิ่นลดการเจ็บป่วยจากโรคที่ป้องกันได้หรือโรคที่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพ
-มีความสัมพันธ์ที่ดรระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ มีระบบบริหารจัดการการเงินการคลังด้านสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพเป็นเอกภาพ
แบบแผนสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่12 (พ.ศ.2560-2464)
ยุทธศาสตร์การพัฒนาสุขภาพ 4 ยุทธศาสตร์
ยุทธศาสตร์ที่ 1 :เร่งการเสริมสร้างสุขภาพคนไทยเชิงรุก
1 . ระดับพัฒนาการเด็กไทยสมวัย ( ไม่น้อยกว่าร้อยละ 85)
IQ เฉลี่ยเด็กไทย (ไม่ต่ำกว่า 100)
EQ เด็กไทย สูงกว่าคะแนน มาตรฐาน (ร้อยละ 70)
อัตราการเสียชีวิตจากการ บาดเจ็บทางถนน (ไม่เกิน 16 คน ต่อประชากรแสนคน)
อัตราตายก่อนวัยอันควรจากโรค N CD (เบาหวาน ความดัน โลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง ปอดเรื้อรัง(ลดลงจากปี2559ร้อยละ 25)
อัตราของ Healthy Ageing เพิ่มขึ้น (ADL มากกว่า 12 คะแนน เต็ม 20)
ยุทธศาสตร์ที่ 2 : สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในระบบบริการสุขภาพ
เพื่อสร้างและพัฒนาระบบ บริการปฐมภูมิที่มีแพทย์เวชศาสตร์ ครอบครัวประจำให้ครบทุกแห่งเพื่อ เพิ่มความเป็นธรรมในการ เข้าถึงบริการและคุณภาพในการดูแลประชาช
เพื่อยกระดับขีดความสามารถของหน่วยบริการทุกระดับให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน มีความเป็นธรรม ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและสามารถเข้าถึง บริการได้อย่างทั่วถึง ทัดเทียมกัน
เพื่อสร้างความเข้มแข็งและสามารถในการแข่งขันให้กับระบบสุขภาพของประเทศ
เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการได้รับบริการด้านการแพทย์และ สาธารณสุข
ยุทธศาสตร์ที่ 3 : พัฒนาและสร้างกลไกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารจัดการกำลังคนด้านสุขภาพ
เพื่อวางแผนกำลังคนด้านสุขภาพที่สอดรับกับการออกแบบระบบสุขภาพและความจำเป็นด้านสุขภาพของประชาชนแต่ละพื้นที่ และทิศทางระบบสุขภาพของประเทศ
2 . เพื่อบูรณาการระบบการผลิตกำลังคนด้านสุขภาพของประเทศให้ ตั้งอยู่บนฐานของความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้กำลังคนด้านสุขภาพทั้งภาครัฐและเอกชน
เพื่อสร้งกลไกและระบบการบริหารจัดการกำลังคนด้านสุขภาพรวมทั้งระบบการติดตามและประเมินผลการบริหารจัดการกำลังคนด้านสุขภาพในทุกระดับ
เพื่อสร้างเครือข่ายกำลังคนด้านสุขภาพที่ประกอบด้วยภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาชน
ยุทธศาสตร์ที่ 4 : พัฒนาและสร้างความเข้มแข็งในการอภิบาลระบบสุขภาพ
ความครอบคลุมของหน่วยงานด้านสุขภาพที่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ITA (Integrity and Transparency Assessment) (ร้อยละ 93)
ระดับการใช้ประโยชน์ได้ทั้งการบริหารจัดการและบริการ ประชาชนของระบบข้อมูลสุขภาพครอบคลุมประเด็นข้อมูลที่สำคัญ (ใช้ประโยชน์ได้ ในระดับนโยบายและการปฏิบัติ
จำนวนผลงานวิจัย/ นวัตกรรมด้านสุขภาพที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 5)
สัดส่วนมูลค่าการนำเข้ายาและเทคโนโลยีด้านสุขภาพ (ไม่เพิ่มขึ้น)
รายจ่ายด้านสุขภาพต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (ไม่เกินร้อยละ 5)
มีกลไกที่สามารถสร้งความ เป็นเอกภาพด้านสุขภาพอย่างยั่งยืน