Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลสาธารณภัยและอุบัติภัยหมู่ - Coggle Diagram
การพยาบาลสาธารณภัยและอุบัติภัยหมู่
แนวคิดเกี่ยวกับสาธารณภัย
สาธารณภัย หมายถึง ภัยที่เกิดขึ้นกับคนจำนวนมาก ก่อให้เกิดความเสียหายที่รุนแรง เป็นอันตรายต่อชีวิตร่างกายของประชาชน สร้างความความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชนหรือรัฐ รวมไปถึงสิ่งแวดล้อม จนกำลังในพื้นที่ไม่สามารถรับมือหรือจัดการได้ต้อง ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภายนอก
อุบัติภัยหมู่ (mass casualty incident : MCI) หมายถึง เหตุการณ์ที่มีผู้บาดเจ็บเกิดขึ้นจำนวนมาก จนต้องระดมกำลัง ความช่วยเหลือจากทุกแผนกในโรงพยาบาล โดยอาจจำเป็นต้องส่งต่อไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลอื่นทั้งในและนอกจังหวัด
ประเภทสาธารณภัย
Natural disaster เป็นสาธารณภัยที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มักเกิดขึ้นตามฤดูกาลเป็นส่วนใหญ่ หรือเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว เช่น วาตะภัย ภัยแล้ง ดินถล่ม การระบาดของโรค
Man made disaster เป็นสาธารณภัยที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์
สาธารณภัยที่สำคัญของประเทศไทย
อัคคีภัย (Fire) เป็นภัยที่ร้ายแรงเกิดได้เนื่องจากความประมาทของมนุษย์ และเกิดจากธรรมชาติ
อุทกภัย (Floods) เป็นภัยที่เกิดจากฝนตกมีสาเหตุจาก พายุหมุนเขตร้อน เช่น น้ำป่าไหลหลาก สึนามิ
วาตภัย (Depression/Typhoon) เป็นภัยที่เกิดจากลมพายุ
ภัยจากจราจร (Traffic) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องมาจากการเดินทางของคน ซึ่งประสบเหตุโดยไม่คาดไว้ก่อน
แผ่นดินไหว (Earthquake)
ภัยแล้ง (Drought)
การระบาดของโรค (Epidemics)
ภัยจากความขัดแย้ง เช่น การจลาจล สร้างความปั่นป่วน การก่อการร้าย
ภัยจากอุตสาหกรรมและความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
ปัญหาและผลกระทบทางการสาธารณภัย (Problem and Impact of Disaster)
ผลกระทบโดยอ้อม
ผลกระทบด้านจิตใจของญาติ เพื่องฝูงของผู้บาดเจ็บ/ผู้ป่วย/ผู้เสียชีวิต เกิดจากการสูญเสียสิ่งที่ตนรัก
ระบบบริการสุขภาพเป็นการให้บริการที่ต่อเนื่อง ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ทำงานด้วย
ความเครียด
ประเทศต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อฟื้นฟูบูรณะความเสียหาย
การอพยพผู้ประสบภัยจำนวนมากมาพักอาศัยร่วมกันชั่วคราว
สาธารณูปโภคถูกทำลาย การคมนาคมขนส่งเกิดความล่าช้าต่อการฟื้นฟู
เกิดการคอร์รัปชั่นในรูปแบบต่างๆ จากการฉกฉวยผลประโยชน์จากงบประมาณ
ผู้ที่ได้รับผลกระทบ
กลุ่มที่ 1 ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง (Primary casualties) คือ ผู้ที่ประสบภัยพิบัติ
กลุ่มที่ 2 ผู้ได้รับผลกระทบทุติยภูมิ (Secondary casualties) คือ ญาติ หรือเพื่อนของผู้ประสบภัยโดยตรง ผู้ที่เห็นเหตุการณ์
กลุ่มที่ 3 ผู้ได้รับผลกระทบตติยภูมิ (Tertiary casualties) คือ ผู้ที่ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัต
ผลกระทบโดยตรง
ทำให้ผู้ประสบภัย เสียชีวิต พิการหรือทุพพลภาพ บาดเจ็บ สภาพจิตใจได้รับการกระทบกระเทือน
ผู้ประสบภัยต้องสูญเสียทรัพย์สิน แหล่งทำมาหากิน ไม่มีรายได้
ระบบบริการสุขภาพไม่สามารถให้บริการได้เต็มที่ เนื่องจาก ขาดประสิทธิภาพ บุคลากรไม่เพียงพอ
ทำให้สังคมสับสนวุ่นวาย อาจเกิดความขัดแย้งในหมู่ประชาชน
สาธารณูปโภค การคมนาคมขนส่ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพ
สิ่งแวดล้อมอาจถูกทำลายจนขาดสมดุล
ระดับความรุนแรงและการจัดการสาธารณภัย
ระดับความรุนแรง
ระดับ 1 สาธารณภัยขนาดเล็ก มีผู้อำนวยการอำเภอ ผู้อำนวยการท้องถิ่น และ/หรือผู้ช่วยผู้อำนวยการกรุงเทพมหานคร ทำหน้าที่ควบคุมและสั่งการจัดการกับสถานการณ์และระงับภัยได้โดยลำพัง
ระดับ 2 สาธารณภัยขนาดกลาง เป็นสถานการณ์ที่ผู้อำนวยการอำเภอ ผู้อำนวยการท้องถิ่นไม่สามารถควบคุมได้ผู้อำนวยการกรุงเทพมหานคร จะเข้ามาทำหน้าที่ควบคุม สั่งการและบัญชาการ
ระดับ 3 สาธารณภัยขนาดใหญ่ เป็นสถานการณ์ที่ผู้อำนวยการจังหวัดไม่สามารถควบคุมได้ มีผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ทำหน้าที่เข้าควบคุม สั่งการและบัญชาการ
ระดับ 4 สาธารณภัยร้ายแรงอย่างยิ่ง มีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย ทำหน้าที่ควบคุม สั่งการ
ระยะการเกิดสาธารณภัย
Response phase เป็นระยะของการให้การช่วยเหลือ/มุ่งที่การช่วยชีวิต/การค้นหาผู้บาดเจ็บในขณะเกิดเหตุทันทีโดยใช้หลักการ CSCATTT ดังนี
C – Command and control คือ การควบคุมและสั่งการ มีผู้บัญชาการเหตุการณ์ (Incident commander) ทำหน้าที่กำกับดูแล
S – Safety คือ การควบคุมสถานการณ์ให้ปลอดภัยความปลอดภัยต่อตนเองและทีมผู้ช่วยเหลือ (Self safety) ความปลอดภัยของสถานที่เกิดเหตุ (Scence safety) ความปลอดภัยของผู้ประสบภัย (Survivor safety)
C – Communication คือ การสื่อสารและการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอก
A – Assessment คือ การประเมินสถานการณ์และทีมช่วยเหลือ และรายงานสถานการณ์ไปยังศูนย์สั่งการหรือผู้บังคับบัญชา
T – Triage คือ การคัดแยกผู้บาดเจ็บ
T -Treatment คือ การรักษา ณ จุดเกิดเหตุ
T – Transport คือ การขนย้ายลำเลียงผู้บาดเจ็บ
2.Recovery phase เป็นระยะที่ใช้เวลานานมาก เป็นระยะของการฟื้นฟูผู้ที่รอดชีวิตหลังระยะเกิดภัยพิบัติให้กลับมาใช้ชีวิตดังปกติ
Mitigation/prevention phase เป็นช่วงของการบรรเทา ป้องกันความเสี่ยงหรือการเกิดเหตุซ้ำ
preparedness phaseรับมือโดยการเตรียมความพร้อมของรัฐบาลและทุกภาคส่วนในการรับมือและฟื้นฟูบูรณะผลกระทบจากภัยภิบัติ
หลักการบริหารจัดการในที่เกิดเหตุและรักษาผู้บาดเจ็บเมื่อเกิดสาธารณภัย
D – Detection คือ การประเมินสถานการณ์ ซึ่งประกอบด้วย การประเมินลักษณะ ขนาด สาเหตุของสาธารณภัย การตรวจพบสารอันตราย รวมทั้งความปลอดภัยของสถานการณ์ในที่เกิดเหตุ
I - Incident command คือ ระบบผู้บัญชาเหตุการณ์ ประกอบด้วย 5 ส่วน คือ
ฝ่ายบัญชาการ (Command) มีผู้บัญชาการ (Incident commander) คอยควบคุม กำกับ ตรวจสอบ สั่งการ
ฝ่ายวางแผน (Planning) ทำหน้าที่รับข้อมูลรายละเอียดจากทุกฝ่ายแล้วทำการวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์
ฝ่ายงบประมาณ (Finance) ทำหน้าที่รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
ฝ่ายจัดหา (Logistics) ทำหน้าที่ในการจัดหาบริการต่างๆ อุปกรณ์ และวัตถุดิบที่จำเป็นในการสนับสนุนบุคลากร
ฝ่ายปฏิบัติการ (Operations) ทำหน้าที่ในการควบคุมสถานการณ์ และจัดการทรัพยากรทั้งหมด
Medical Direction ทำหน้าที่จัดการรักษาพยาบาลในที่เกิดเหตุ ตัดสินใจคัดแยกผู้บาดเจ็บ ทำหัตถการทางศัลยกรรม
S –Safety and Security คือ การคำนึงถึงความปลอดภัยและป้องกันตนเองรวมทั้งทีมเป็นอันดับแรก
A – Assess Hazards คือ การประเมินที่เกิดเหตุซ้ำๆ เป็นการระวังอันตราย
S –Support คือ การเตรียมการล่วงหน้า โดยมีแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนเป็นส่วนสำรอง
T – Triage/Treatment คือ การคัดแยกผู้บาดเจ็บในที่เกิดเหตุ (Field triage) โดยใช้ระบบ MIMMS
E– Evacuation การอพยพผู้บาดเจ็บระหว่างที่เกิดเหตุ
R- Recovery ช่วงการฟื้นฟูเริ่มต้นทันทีหลังจากเกิดเหตุการณ์
ระบบบัญชาการในสถานการณ์ (Incident command system : ICS)
ระบบบริหารจัดการภัยพิบัติที่มี่มาตรฐาน ณ ที่เกิดเหตุที่ช่วยให้ผู้ใช้งานปรับใช้โครงสร้างขององค์กรที่มีการบูรณาการเพื่อความเหมาะสมตามสถานการณ์ที่มีความซับซ้อนโดยปราศจากการถ่วงเวลาให้ล่าช้าจากขอบเขตหน้าที่ของกฎหมาย
พรบ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550
สาระสำคัญตามมาตรา 11(1) มาตรา 12
แนวทางมาตรการและงบประมาณที่จำเป็นต้องใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
แนวทางและวิธีการในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อน
แนวทางในการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องมือเครื่องใช้ และการจัดระบบปฏิบัติการ
แนวทางในการซ่อมแซม บูรณะ ฟื้นฟู และให้ความช่วยเหลือประชาชนภายหลังที่สาธารณภัยสิ้นสุด
สาระสำคัญตาม มาตรา 15(1), มาตรา 16
การจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ เมื่อเกิดสาธารณภัยขึ้น
แผนและขั้นตอนของ อปท. ในการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ และยานพาหนะ
แผนและขั้นตอนของ อปท. ในการจัดให้มีเครื่องหมายสัญญาณ หรือสิ่งอื่นใดในการแจ้งให้ประชาชนได้ทราบถึงการเกิดสาธารณภัย
แผนการประสานงานกับองค์กรสาธารณกุศล
แผนปฏิบัติการในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของ อปท.
บทบาทหน้าที่ของผู้บัญชาการเหตุการณ์และเจ้าหน้าที่ส่วนบังคับบัญชา
เจ้าหน้าที่ส่วนบังคับบัญชา
เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ (Publish Information officer) มีหน้าที่รับและจัดหาข้อมูลข่าวสารให้กับชุมชนและสื่อ
เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัย (Safety officer) ทำหน้าที่ยืนยันความปลอดภัยของบุคลากรทั้งหมดในสถานการณ์
เจ้าหน้าที่ประสานงาน (Liaison officer) ทำหน้าที่ช่วยผู้บัญชาการเหตุการณ์ โดยเป็นจุดติดต่อประสานผู้แทนหน่วยงาน
เจ้าหน้าที่ทั่วไป
ส่วนปฏิบัติการ (Operation section) ทำหน้าที่ในการนำและประสานการปฏิบัติการทางยุทธวิธีของสถานการณ์
ส่วนวางแผน (Planning section) ทำหน้าที่จัดเตรียมแผนปฏิบัติการในสถานการณ์และแผนการถอนกำลัง
ส่วนสนับสนุน (Logistic section) ทำหน้าที่ในการติดต่อสื่อสาร การสนับสนุนทางการแพทย์ อาหาร อุปกรณ์
ส่วนงบประมาณบริหาร (Finance/Administration section) ทำหน้าที่รับผิดชอบด้านการเงิน
ประโยชน์ที่ได้รับจากระบบบัญชาการในสถานการณ์
ตรงความต้องการของสถานการณ์ทุกแบบและทุกขนาด
ช่วยให้เจ้าหน้าที่จากต่างหน่วยงานประสานความร่วมมือได้อย่างรวดเร็ว และเข้าสู่โครงสร้างการจัดการร่วมกัน
จัดบริการสนับสนุนด้านการส่งกำลังและการบริหารให้กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน
ควบคุมประสิทธิภาพค่าใช้จ่ายโดยลดการทำงานซ้ำซ้อน
การพยาบาลสาธารณภัย
วัตถุประสงค์
ป้องกันและลดความรุนแรงที่จะเกิดจากสาธารณภัย
มุ่งเน้นหนักด้านการพยาบาลฉุกเฉินที่ให้แก่ผู้ประสบภัยจำนวนมากในขณะเกิดภัย
ช่วยฟื้นฟูสภาพของผู้ประสบภัยและญาติทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
8.2 คุณสมบัติของพยาบาลที่ปฏิบัติการพยาบาลสาธารณภัย
มีความรู้ทางการพยาบาลและมีประสบการณ์การปฏิบัติงานการพยาบาลฉุกเฉิน การพยาบาลวิกฤต และการรักษาขั้นต้น
มีความรู้ด้านสาธารณภัย มีความสามารถในการประเมินสถานการณ์และคาดการณ์ถึงปัญหาสุขภาพที่เกิดจากสาธารณภัย
มีทักษะในการตัดสินใจที่ดี มีภาวะการเป็นผู้นำ และสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
มีทักษะในการสื่อสาร และการบันทึกข้อมูลต่างๆ
มีวุฒิภาวะ มีสติ จิตใจเข้มแข็ง รอบคอบ อดทน และต้องมี
บทบาทหน้าที่ของพยาบาล
ระยะก่อนเกิดสาธารณภัย
การซ้อมแผนสาธารณภัย
การให้ความรู้แก่ประชาชน เกี่ยวกับสาธารณภัยที่พบบ่อย ปัญหาและผลกระทบจากสาธารณภัย การป้องกันและลดความรุนแรง
การเตรียมการเพื่อรับสาธารณภัย
การจัดทำแผนหรือร่วมจัดทำแผนสาธารณภัย
แผนรับอุบัติภัยหมู่ ณ จุดเกิดเหตุ เป็นการจัดระบบการช่วยเหลือ ณ จุดเกิดเหตุ โดยมีบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันทำงาน
แผนรับอุบัติภัยหมู่ในโรงพยาบาล เป็นแผนการตั้งรับอุบัติภัยหมู่ในโรงพยาบาล ซึ่งมีคณะกรรมการที่รับผิดชอบอย่างชัดเจน
การประเมินสถานการณ์สาธารณภัย
ขณะเกิดสาธารณภัย
การประเมินสถานการณ์สาธารณภัยที่เกิดขึ้น เมื่อได้รับแจ้งข่าวการเกิดสาธารณภัย
การใช้แผนและประเมินความพร้อมรับสาธารณภัย
การปฏิบัติการพยาบาล การช่วยเหลือ ณ จุดเกิดเหตุ
การประสานงานเพื่อช่วยเหลือ และส่งต่อผู้ประสบภัย
การจัดทำทะเบียนบันทึกเหตุการณ์ และการรายงานเหตุการณ์สาธารณภัย
การประเมินสถานการณ์ หัวหน้าทีมต้องประเมินสถานการณ์สาธารณภัยว่ารุนแรงมากขึ้นหรือสงบลงเพื่อพิจารณาปรับแผนระดมคนเพิ่มขึ้นหรือยกเลิกแผน
ระยะหลังเกิดสาธารณภัย
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องโดยมุ่งหวังให้ผู้ประสบภัย รวมทั้งญาติสามารถกลับคืนสู่สภาพปกติได้
การประเมินสถานการณ์หลังเกิดสาธารณภัย เพื่อรวบรวมข้อมูลความเสียหายของผู้ประสบภัย
การปฏิบัติการพยาบาล เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลในรายที่บาดเจ็บหรือเจ็บป่วย การดูแลที่ต่อเนื่องในรายที่ป่วยเรื้อรัง
การจัดทำบันทึกรายงานและการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้บาดเจ็บ
การประสานงานกับแหล่งสนับสนุน เพื่อให้การรักษาต่อเนื่อง
การประเมินผลการปฏิบัติการในสถานการณ์สาธารณภัยที่เกิดขึ้น เพื่อค้นหาปัญหา เพื่อนำไปปรับแก้ไขในครั้งต่อไป