Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
⭐️การแสดงพื้นเมือง๔ภาค, 🚩ผู้รับผิดชอบศิลปินผู้ทรงคุณค่า นางสาวพลอยพรรณ…
⭐️การแสดงพื้นเมือง๔ภาค
ภาคเหนือ
การแสดงพื้นเมืองภาคเหนือเรามักเรียกว่า “ ฟ้อน “ มีลักษณะคล้ายระบำ คือมีผู้แสดงหลายคนเป็นชุดเป็นหมู่ ร่ายรำทำท่าเหมือนๆกัน แต่งกายเหมือนกัน มีการแปรแถวแปรขบวนต่างๆ แต่ที่ไม่เรียกว่าระบำ เพราะฟ้อนมีจังหวะและลีลาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนระบำหรือการแสดงอื่นๆ
ศิลปะการแสดงทางภาคเหนือ เป็นลักษณะศิลปะที่มีการผสมผสานกันระหว่างชนพื้นเมืองชาติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไทยลานนา ไทยใหญ่ เงี้ยว รวมถึงพวกพม่าที่เคยเข้ามาปกครองล้านนาไทย ทำให้นาฏศิลป์หรือการแสดงที่เกิดขึ้นในภาคเหนือมีความหลากหลาย
คงมีเอกลักษณ์เฉพาะที่แสดงถึงความนุ่มนวลของท่วงท่า และทำนองเพลงประกอบกับความไพเราะของเครื่องดนตรีประเภทเครื่องดีด สี ตี เป่า ที่มีความเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็น พิณเปี๊ยะ สะล้อ ซอ ซึง และกลอง
-
-
-
การแสดงพื้นเมืองภาคเหนือนอกจะมีลักษณะเป็นแบบพื้นเมืองเดิม ไทยลานนา ไทยใหญ่ เงี้ยวรวมถึงพม่า ผสมกันอยู่แล้ว ยังมีลักษณะการแสดงของภาคกลางรวมอยู่ด้วย ทำให้อิทธิพลการแสดงของภาคเหนือในสมัยพระราชชายาเจ้าดารารัศมีมีลักษณะของภาคกลางปะปนอยู่บ้าง
-
๑.ลักษณะการฟ้อนแบบพื้นเมืองเดิม เป็นการแสดงที่มีอยู่ตามท้องถิ่นทั่วไป เช่น ฟ้อนครัวทาน ฟ้อนเล็บ ฟ้อนเทียน เป็นต้น
๒.ลักษณะการฟ้อนที่ได้รับอิทธิพลจากชาติอื่น อาทิ พม่า ไทยใหญ่ เงี้ยว เช่น ฟ้อนไต ฟ้อนโต ฟ้อนเงี้ยว เป็นต้น
๓.ลักษณะการฟ้อนแบบคุ้มหลวง เป็นการฟ้อนที่เกิดขึ้นในคุ้มของพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ซึ่งมีลักษณะการฟ้อนของภาคกลางผสมอยู่ เช่น ฟ้อนม่านมุ้ยเชียงตา ฟ้อนน้อยใจยา เป็นต้น
-
-
-
ภาคอิสาน
-
-
ศิลปินผู้ทรงคุณค่า
เปลื้อง ฉายรัศมี ศิลปินแห่งชาติปีพ.ศ. 2529 สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีอีสานพื้นบ้าน-โปงลาง) นักดนตรีพื้นบ้านอีสานที่มีความสามารถพิเศษสามารถเล่นและถ่ายทอดการเล่น ดนตรีพื้นบ้านอีสานได้เกือบทุกชนิด ทั้ง พิณ แคน ซอ โปงลางและอื่นๆ โดยเฉพาะ "โปงลาง" นั้น สามารถเล่นและถ่ายทอดการเล่นได้เป็นพิเศษ และที่สำคัญที่สุดคือ เป็นผู้ศึกษา ค้นคว้า ปรับปรุงและพัฒนาโปงลางมาตลอดระยะเวลา 40 ปี จนทำให้ "เกราะลอ" ซึ่งเป็นเพียงสิ่งที่ใช้ตีไล่นก กา ตามไร่ ตามนา พัฒนามาเป็น "โปงลาง
-
ภูมิประเทศภาคอีสานเป็นที่ราบสูง ค่อนข้างแห้งแล้งเพราะพื้นดินไม่เก็บน้ำ ฤดูแล้งจะกันดาร ฤดูฝนน้ำจะท่วม แต่ชาวอีสานก็มีอาชีพทำไร่ทำนา และเป็นคนรักสนุก จึงหาความบันเทิงได้ทุกโอกาส การแสดงของภาคอีสาน มักเกิดจากกิจวัตรประจำวัน หรือประจำฤดูกาล เช่น แห่นางแมว เซิ้งบั้งไฟ เซิ้งสวิง เซิ้งกระติบ รำลาวกระทบไม้ ฯลฯ ลักษณะการแสดงซึ่งเป็นลีลาเฉพาะของอีสาน คือ ลีลาและจังหวะในการก้าวเท้า มีลักษณะคล้ายเต้น แต่นุ่มนวล มักเดินด้วยปลายเท้าและสะบัดเท้าไปข้างหลังสูง เป็นลักษณะของ เซิ้ง
-
ภาคใต้
การแสดงของภาคใต้มีลีลาท่ารำคล้ายกับการเคลื่อนไหวของร่างกายมากกว่าการฟ้อนรำ ซึ่งจะออกมาในลักษณะกระตุ้นอารมณ์ให้มีชีวิตชีวาและสนุกสนาน เช่น โนรา หนังตะลุง รองเง็ง ตารีกีปัส เป็นต้น
-
-
-
-
ศิลปินผู้ทรงคุณค่า
นครินทร์ ชาทอง
นครินทร์ ชาทอง (15 กันยายน พ.ศ. 2488 - 28 ธันวาคม พ.ศ. 2563) เป็นครูหนังตะลุงที่มีชื่อเสียงของไทยในอดีต และเป็นศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2550
ผลงานวรรณกรรมหนังตะลุง การแสดงหนังตะลุง รักษาธรรมเนียมการแสดงแบบโบราณ ทุกเรื่องที่ใช้การแสดงสอดใส่แง่คิดและคติสอนใจ สร้างความเข้าใจระหว่างทางราชการกับประชาชน รวมเรื่องที่ใช้การแสดงตั้งแต่เริ่มฝึกฝนถึงปัจจุบัน จำนวน 110 เรื่อง
-
เกียรติคุณที่ได้รับ พ.ศ. 2527 ได้รับเกียรติบัตรจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ในฐานะบุคลากรเพื่ออนุรักษ์เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยเมื่อ 11 สิงหาคม 2527
พ.ศ. 2532 ได้รับโล่เกียรติคุณจากผลงานการผลิตสื่อหนังตะลุงต่อต้านยาเสพติด เรื่อง วูบเดียวแห่งชีวิต จากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2532 เป็นต้น
-
ภาคกลาง
-
-
ศิลปินผู้ทรงคุณค่า
แม่บัวผัน จันทร์ศรี
แม่บัวผัน จันทร์ศรี สกุลเดิม โพธิ์พักตร์ เกิดเมื่อวันเสาร์ เดือน 8 ขึ้น 9 ค่ำ ปีวอก ตรงกับวันเสาร์ ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2463
ปี 2526–2527 รับโล่ชูเกียรติจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ และศูนย์สังคีตศิลป์ ในพิธีเชิดชูเกียรติศิลปินพื้นบ้านครั้งที่ 2 (สาขาเพลงพื้นบ้านภาคกลาง) ซึ่งในพิธีมอบรังวัลเชิดชูเกียรติศิลปินเพลงพื้นบ้านครั้งที่ 2 แม่บัวผัน จันทร์ศรี และยายทองอยู่ รักษาพล ได้ร่วมร้องเพลงฉ่อย อวยพรถวายแด่ พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลทิฆัมพร องค์ประธานในพิธี และได้รับประทานรางวัลเป็นเงินสดจำนวน 500 บาท จากพระหัตถ์
-
-
โดยธรรมชาติภาคกลางภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำหลายสายเหมาะแก่การกสิกรรมทำนา ทำสวน และเป็นศูนย์รวมของศิลปวัฒนธรรม การแสดงจึงออกมาในรูปแบบของขนบธรรมเนียมประเพณี และการประกอบอาชีพ เช่น เต้นกำรำเคียว เพลงเกี่ยวข้าว เพลงเรือ เพลงฉ่อย เพลงอีแซว เป็นต้น ประชาชนอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ จึงมีการเล่นรื่นเริงในโอกาสต่างๆมากมาย ทั้งตามฤดูกาล และตามเทศกาล ตลอดจนตามโอกาสที่มีงานรื่นเริง
ภาคกลางเป็นที่รวมของศิลปวัฒนธรรม การแสดงจึงมีการถ่ายทอดสืบต่อกัน และพัฒนาดัดแปลงขึ้นเรื่อยๆ จนบางอย่างกลายเป็นการแสดงนาฏศิลป์แบบฉบับไปก็มี เช่น รำวง เป็นต้น และเนื่องจากเป็นที่รวมของศิลปะนี้เอง ทำให้คนภาคกลางรับการแสดงของท้องถิ่นใกล้เคียงเข้าไว้หมด แล้วปรุงแต่งตามเอกลักษณ์ของภาคกลางคือ การร่ายรำที่ใช้มือ แขน และลำตัว เช่นการจีบมือ ม้วนมือ ตั้งวง การอ่อนเอียงและยักตัว สังเกตได้จาก รำลาวกระทบไม้ ที่ดัดแปลงมาจาก เต้นสาก การเต้นเข้าไม้ของอีสานในการเต้นสากก็เป็นการเต้นกระโดดตามลีลาอีสาน แต่การรำลาวกระทบไม้ที่กรมศิลปากรปรับปรุงขึ้นใหม่นั้น นุ่มนวลอ่อนหวาน กรีดกรายร่ายรำ แม้การเข้าไม้ก็นุ่มนวลมาก
-
-
-
-
-
-
-
-