Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ยาที่ออกฤทธิ์ต่อกระบบทางเดินหายใจ - Coggle Diagram

- - - - รักษาความผิดปกติของการหายใจ เช่น ภาวะหอบหืด
    - - กระตุ้นตัวรับ α และ β-adrenergic ภายในระบบประสาทซิมพาเธติค ใช้รักษาภาวะหดเกร็ง ของหลอดลมและการแพ้ยาชนิด Anaphylaxis
    - - หากได้รับยาเป็นเวลานานๆจะทําให้เกิดปฏิกิริยากับหวั ใจและการไหลเวียน เช่น เกิดความดันโลหิตสูงชีพจรเต้นเร็วหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ใจสั่นปวดศีรษะ
    - - รายงานแพทย์เมื่อจังหวะการเต้นของหัวใจผิดจังหวะ
  - - - บรรเทาอาการหอบหืด
    - - ขยายหลอดลมเพิ่มการบีบตัวของหัวใจ ทำให้หลอดเลือดขยายตัวและมีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะด้วยจึงมีผลแก้ไขภาวะน้ำท่วมปอดได้ดี
    - - ความดันโลหิตต่ำ ใจสั่นหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะกระสับกระสาย หงุดหงิด คลื่นไส้ อาเจียน ปัสสาวะคั่งค้าง ปวดศีรษะและอาจเกิดอาการชัก
    - - -รับประทานยาอย่างถูกต้อง ครบห้ามหยุดยาเองโดยเด็ดขาด -รับประทานยาหลังอาหาร -ดื่มน้ำมากๆเพื่อให้เสมหะอ่อนตัวและขับออกได้ง่าย
  - - - รักษาอาการหอบในผู้ป่วยโรคหืด
    - - เป็น β2-adrenergic agonist ที่มีฤทธิ์ยาว
    - - อาจเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ มือสั่น ปวดศีรษะ กล้ามเนื้อเกร็ง
  - - - ป้องกันการเกิดอาการหอบหืดและการหดเกร็งของหลอดลม
    - - เป็น β2-adrenergic agonist
    - - กระสับกระส่าย มึนงง กลัว เหนือยล้าหัวใจเต้นเร็ว
        แสบอก
    - - -พ่นยาตามแผนการรักษาหาก พ่น 2 Puff ให้พ่นห่างกัน 1 นาที หรือพ่นให้ห่างจากยาอื่น 5 นาที -ระวงั ยาเข้าตา
        -ยาอาจทําให้ปากแห้งควรบ้วนปากทุกครั้งหลังพ่นยา
  - - - รักษาผู้ป่วย Chronicbronchitis และ Emphysema
    - - ยาประกอบด้วยIpratropium bromide ซึ่งเป็นยาประเภท Anticholinergic ออกฤทธิ์ลดการเกร็งของหลอดลม
    - - อาจพบอาการกล้ามเนื้อสั่นกระสับกระส่าย
        ที�พบไม่บ่อยนัพได้แก่ อาการ หัวใจเต้นเร็วเวียนศีรษะ ใจสั่น
    - - เหมาะที่จะใช้ในผู้ป่วยที่มีหลอดลมเฉียบฟลัน เช่น โรคหืด
  - - - เป็น� β2- adrenergic agonistที่มีฤทธิ์ยาว
    - - ขยายหลอดลมรักษาอาการหอบในผู้ป่วยโรคหืด
    - - อาจเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ มือสั่น ปวดศีรษะ กล้ามเนื้อเกร็ง
    - - ระวังผู้โรคหืดที่มีโรคหังใจและหลอดเดบือ
  - - - บรรเทาอาการหดเกร็งของหลอดลมในโรคหอบหืดทุกชนิดหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง
    - - ยาจะกระตุ้น β2-adrenocepter ในขนาดที่ใช้รักษาจะออกฤทธิ์ที่ β2-adrenocepter ของกล้าม้นื้อหลอดลมหากใช้ในขนาดสูง
    - - มีน้อยโดยเฉพาะยาที่ให้โดย การพ่นหรือสูดดมหากใช้รับประทานอาจพบอาการมมือสั่นปวดศีรษะหัวใจเต้นเร็ว
    - - ดื่มน้ำมากๆและให้ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ
  - - - บรรเทาอาการหอบหืด
    - - ยับยั้ง Phosphodiesterase และ ช่วยสร้าง Cyclic adrenosine monphosphate,CAMP
    - - หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะกระสับกรัส่าย หงุดหงิด คลื่นไส้อาเจียนปัสสาวะคั่งค้าง ปวดศีรษะ กังวล นอนไม่หลับ
    - - ห้ามหยุดยาเองโดยเด็ดขาด ห้ามเคี้ยวหรือบดให้เม็ดยาให้แตก
- - - - ใช้ตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด,ควรใช้ยาอย่างต่อเนื่องและใช้ในเวลาเดียวกันทุกๆวัน,หากใช้ยาแล้วอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
    - - ขึ้นอยู้กับดุลพินิจของแพทย์ ผู้ใหญ่ หากใช้เครื่องสูดพ่นยาชนิดผงให้ใช้ครั้งละ 1 แคปซูล หรือปริมาณ 18 ไมโครกรัม วันละ 1 ครั้ง ในเวลาเดียวกันของทุกๆวัน
    - - ปากแห้ง เวียนศีรษะ มองเห็นเป็นภาพเบลอ ท้องผูกเจ็บขณะปัสสาวะ ท้องไส้ปั่นป่วนเจ็บหน้าอก เป็นต้น
    - - แจ้งให้แพทย์ทราบ,หากมีประวัติแพ้ยา,หากผู้ป่วยต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทันตกรรมใดๆ,ไม่อนุญาตให้ใช้ยาในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี
  - - - ยาตามใบสั่งแพทย์
    - - ยาปฏิชีวนะ
    - - รักษาวัณโรค
    - - ยารับประทาน น้ำหนักน้อยกว่า 50 กม. รับประทานวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 450มิลลิกรัม,น้ำหนักมากกว่า 50 กม. ขึ้นไป รับประทานวันละ1 ครั้ง ครั้งละ 600มิลลิกรัม
    - - มีอาการแพ้ มีเลือดออก มีอาการคบ้ายไข้หวัดใหญ่
  - - - ยารักษาวัณโรค
    - - ยาตามใบสั่งแพทย์
    - - รับประทานยาในขณะที่ท้องว่าง อย่างน้อย 1 ชั่วโมง ก่อนอาหาร หรือ 2 ชั่วโมงหลังอาหาร,ห้ามให้ผู้อื่นใช้ยานี้ และห้ามใช้ยาของผู้นอื่น
    - - ปริมาและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับลักษณะการติดเชื้อและดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาโดนมีตัวอย่างการใช้ยา
    - - หลีกเลี่ยงการใช้ยาหากกำลังป่วยเป็นโรคตับ มีประวัติแพ้ยาชนิดนี้อย่างรุนแรง
    - - ปวดท้องส่วนบน เบื่ออาหาร คลื่นไส้ รู้สึกไม่สบายหรืออ่อนเพลียกะทันหัน
  - - - ยาต้านวัณโรค
    - - ยาตามใบสั่งแพทย์
    - - ใช้ตามฉลากและตามแพทย์อย่างเคร่งครัด,สามารถรับประทานยาพร้อรมอาหารหือไม่ก็ได้
    - - ผู้ใหญ่ปริมาณการใช้ยาPyrazinamide สําหรับการรักษาปกติเป็นระยะเวลา 2 เดือน น้ําหนักตัวน้อยกว่า 50 กิโลกรัม รับประทานยาปริมาณ 1.5 กรัม/วัน น้ําหนักตัว 50 กิโลกรัมข้ึนไป รับประทานยา 2 กรัม/วัน เด็ก รับประทานยาปริมาณ 35 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
    - - แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาหากมีประวัติเป็นโรคเก๊าท์โรคตับ โรคไต โรคเบาหวาน เป็นต้น
    - - ปวดข้อหรือข้อบวม ตับผิดปกติเข่น ไม่อยากอาหาร อาเจียน อ่อนเพลีย ตัวเหลืองตาเหลือง เป็นต้น
  - - - ยารักษาวัณโรค
    - - ยาตามใบสั่งแพทย์
    - - หากลืมใช้ยาตามเวลาที่กำหนดให้ใช้ยาทันทีที่นึกขึ้นได้,แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง
    - - ผู้ให รับประทานยาปริมาณ 15-25 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เด็ก รับประทานยาปริมาณ 15-20 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม วันละ 1 ครั้ง
    - - แจ้งให้แพทย์ พยาบาล เภสัชกร และทันตแพทย์ ทราบว่ากำลังใช้ยานี้ก่อนเข้ารับการรักษาใดๆ
    - - ปวดข้อหรือข้อบวม ตับผิดปกติ เช่น ไม่อยากอาหาร อาเจียน อ่อนเพลีย ตัวเหลืองตาเหลือง ท้องไส้ปั่นป่วน
- - - - ยาลดความหนืดข้องของเสมหะ
    - - รักษาChronicemphysema,Chronic asthmatic bronchitis, Tuberculosis, Bron chiectasis, Bronchitis, Pneumonia, Tracheobronchitis
    - - ช่วยให้เสมหะที่เหนียวเหลวขึ้น ขับพวกมูก
    - - ซึม ง่วงนอน เยื่อบุปากอักเสบ น้ำมูกใสๆไหล คลื่นไส้ อาเจียน ผื่นลมพิษ
    - - สังเกตอาการข้างเคียงขิงยา, หายใจลึกๆเพื่อบร้หารปอด
  - - - ยาละลายเสมหะตัวใหม่
    - - รักษาโรคทางเดินหายใจที่มีเสมหะผิดปกติ
    - - เพิ่มการสร้างและหลั่ง Surfacant และการกระจายของSurfacant
    - - หากให้ขนาดสูงๆอาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศรีษะ ขนาดปกติพบอาการน้อยมาก
    - - หากมีอาการผิดปกติหลังจากใช้ยาให้ไปพบแพทย์,ไม่ควรรับประทานยานี้ร่วมกับยาลดกรด
  - - - ยาขับเสมหะ
    - - รักษาผหลอดลมอักเสบและผู้ป่วยหลอดลมโปร่งพรอง
    - - ขับเสมหะอย่างอ่อน การดูดซึมของยาจะเป็นไปอย่างสมบูรณ์ใน 3-6 ชั่วโมง
    - - ปวดศีร ซึมเศร้า ง่วงหลับ สันกระตุก ชีพจรจังหวะการเต้นหัวใจไม่สม่ำเสมอ มีผื่นแดงที่ผิวหนัง
    - - รับประทานยานี้ทันทีหลังอาหาร,ดื่มน้ำมากๆเพื่อให้เสมหะเหลวขับออกง่าย
  - - - ยาลดความหนืดข้นขิงเสมหะ
    - - รักษาผู้ป่วยหลอดลมอย่างเฉียบพลันและเรื้อรัง
    - - ช่วยให้เสมหะที่เหนีวเหลวขึ้น ขับพวกมูกโดยไปทำลายDisulfide bond ของ Mueaprotein ซึ่งเป็นตัวทำให้มูกหรือเสมหะที่เป็นหนองเหนียวอ่อนตัวลงและขับออกได้ง่าย
    - - ซึม ง่วงนอน เยื่อบุปากอักเสบ น้ำมูกใสๆไหล คลื่นไส้ อาเจียน ผื่นลมพิษ ควรระวังในผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืด
    - - ระมัดรสำหรับผู้ป่วยที่มีแผลในกระเพาะอาหาร,ดื่มน้ำมากๆอย่างน้อย 1,500-2,000 มิลลิลิตร เพื่อให้เสมหะอ่อนตัว
  - - - ยาแก้ไอชนิดเสพติด
    - - บรรเทาอาการเจ็บปวดปานกลาง แก้ไขใช้ร่วมกับ Aspirin หรือ Paracetamol เพื่อบดอาการปวด
    - - กดศูนย์การไอ มีประสิทธิภาพในการระงับอาการไอประมาณหนึ่ง
    - - คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก มึนศีรษะ ใจสั่น ง่วงนอน หากได้ยาเกินขนาด จะมีอาการชัก เป็นลม
    - - กระตุ้นการขับเสมหะ
  - - - ยาแก้ไอยานี้ไม่ทำให้เสพติดและไม่มีฤทธิ์ระงับปวด
    - - ระงับอาการไอดนื่องจากความเย็นหรือการสูดดมสิ่งที่ระคาบเคือง
    - - กดการไอมีผลโดยตรงกับศูนย์กลางการไอที่ Medulla ยาจะดูดซึมได้อย่างรวดเร็วในระบบทางเดินอาหาร
    - - หากให้ขนาดสูงๆจะมีอาการซึม มึนงง ทำให้ง่วง คลื่นไส้และมึนศีรษะ
    - - ดื่มน้ำมากๆอย่างน้อย 1,500-2,000 มิลลิลิตร เพื่อให้เสมหะอ่อนตัวลง
  - - - ยากลุมต้านฮีสตามีน
    - - ระงับอาการไอที่เกิดขึ้นร่วมกับอาการคัดจมูกและจามซึ่งมีสาเหตุจทกอาการหวัดและแพ้อากาศ แก้สารพิษ แก้แพ้
    - - ต้านฮีสตามีนร่วมกับยาต้าน Cholinergic ปิดกั้นฮีสตามีนตรงตำแหน่ง H1 receptor จึงช่วยลดอาการบวม ลดการหดเกร็งตัวของระบบหายใจ ทางเดินอาหาร ลดการอาเจียน
    - - ทำให้ง่วงนอน มึนซึม ปวดศีรษะ ปากแห้ง ท้องผูก เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย ใจสั่น ชีพจรเร็ว
    - - ควรรับก่อนเดินทาง 30 นาที เพื่อป้องกันการเมารถ,หาก/ด้รับยานี้นานๆควรได้รับการตรวจนับเม็ดเลือดเป็นระยะๆ,ดื่มน้ำมากๆ(หากไม่มีข้อห้าม)เนืองจากยานี้ทำให้คอแห้ง
  - - - ยาแก้ไอ ยาละลายเสมหะ
    - - บรรเทาอาการไอเนื่องจากหวัด หลอดลม อักเสบ และการติดเชื้อที่ปอด
    - - ลดความหนืดของเสมหะช่วยทำให้เสมหะเหลวลงโดยเพิ่มความชุ่มชื่นในทางเดินหายใจ ขับออกได้ง่ายด้วยการไอออกมา
    - - พบน้อย คลื่นไส้ อาเจียน มึนงง ปวดศีรษะ ผื่นแพ้ ท้องเสีย ปวดท้อง
    - - ดื่มน้ำมากๆหลังรับประทานยาและดื่มน้ำไม่น้อยกว่า 1,500-2,000 มิลลิลิตร ต่อวัน
- - - - ผื่นแดง คัน ลมพิษ คัด จมูก น้ำมูก ไหล จาม ตาแดง คันตา น้ำตาไหล ไอ เจ็บคอ คอแห้ง อาการบวมตามผิวหนังเปลือกตา
    - - 1.ยาต้านฮีสตามนชนิดง่วงซึม เช่น ยาคลอร์เฟนิรามีน (Chlorpheniramine), ยาไดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine) , ยาไดเมนไฮดริเนต (Dimenhydrinate), ยาไฮดรอไซซีน (Hydroxyzine), ยาบรอมเฟนิรามีน (Brompheniramine) 2.ยาต้านฮีสตามีนชนิดไม่ง่วง เช่น ยาเซทิริซีน (Cetirizine), ยาเลโวเซทิริซีน (Levocetirizine), ยาลอราทาดีน (Loratadine), ยาเดสลอราทาดีน (Desloratadine), ยาเฟกโซเฟนาดีน (Fexofenadine)
    - - อ่านฉลากก่อนใช้และใช้ยาตามแพทย์และเภสัชกรเสมอ
  - - - บรรเทาอาการคัดจมูกอันเนื่องจากโรคหวัด โรค ภูมิแพ้ โรคไซนัสอักเสบ โยดตัวยาจะช่วยให้ทางเดินหายใจโล่ง
    - - ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยานั้นๆหรือแพ้ยาอื่นๆ,ใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุไว้ในฉลากอย่างเคร่งครัด,ห้ามใช้ยาแก้คัดจมูกมากกว่า 1 ชนิด
    - - ปวดศีรษะ กระสับกระส่าย วิตกกังวล หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ โรคต่อหิน ปัสสาวะไม่ออ/ปัสสาวะคัด คลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออกมาก
  - - - กลุ่มยาขับเสมหะนี้จะไปช่วยกระตุ้นให้มีการพัดโบกของขน ในทางเดินหายใจ เพื่อช่วยให้ไอและขับเอามูกออกมาได้มากขึ้น
    - - 1.แอมโมเนียม คลอไรด์ (Ammonium Chloride), 2.กัวฟีนีซีน (Guafenesin หรือ Glycerol Guaicolate), 3.เทอร์พีน ไฮเดรต (Terpin hydrate)
    - - เวียนศ ปวดศีรษะ ง่วงนอน มีผื่นขึ้น หายใจไม่ออก หน้าบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง
  - - - อะเซทิลซิสเทอีน (Acetylcysteine) และ คาร์โบซิสเทอีน (Carbocysteine) มีกลไกการออกฤทธิ์คือ การไปทําให้การเกาะกันของ พันธะไดซัลไฟด์ของเสมหะลดลง เสมหะจึงมีความข้นเหนียวลดลง
    - - 1.ยาน้ำละลายเสมหะ 2.เม็ดฟู่ละลายเสมหะ 3.ยาพ่นละลายเสมหะ 4.ยาสมุนไพรละลายเสมหะ
    - - ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง
  - - - ยาชนิดนี้อาจทำงานโดยการยับยั้งการทำงานของสมองส่วนที่ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นจนทำให้เกิดการไอแต่กลไกที่แท้จริงในการออกฤทธิ์ของยาจะมีผลรักษาอาการไอแห้งๆ
    - - ก่อนใช้ยา ผู้ป่วยต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเสมอหากเคยแพ้ยาระงับอาการไอตัวใดมาก่อน กรือมีอาการแพ้ยาและสารชนิดใด
    - - คลื่นไ อาเจียน ปวดหัว กระสับกระส่าย เวียนหัว ง่วงซึม ท้องผูก ท้องไส้ปั่นป่วน