Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ไข้ออกผื่นจากการติดเชื้อไวรัส (viral infection) - Coggle Diagram
ไข้ออกผื่นจากการติดเชื้อไวรัส (viral infection)
-หัด (measles)
• อาการแบ่งออกเป็น 3 ระยะ
ระยะฟักตัว 10 – 12 วัน
ระยะไข้ 2-3 วัน จะมีไข้ต่ำๆ ร่วมกับมีอาการ 3C ได้แก่ ไอ (cough) น้ำมูกไหล (coryza) ตาแดง (conjunctivitis) ในปากจะพบ Koplik spots ซึ่งเป็นลักษณะจำเพาะสำหรับ (pathognomonic)
ระยะผื่นออก อาการแบ่งเป็น 3 ระยะ
ผู้ป่วยจะมีไข้สูง 40 – 40.5 องศาเซลเซียส
มีพื้นชนิด maculopapular rash เริ่มเป็นที่ไรผม หลังหู ไล่ลงมาตามคอ หน้าอก ท้องและขาตามลำดับ ซึ่งใช้เวลาจากศีรษะถึงเท้า 48- 72 ชั่วโมง
-เมื่อผื่นลามถึงเท้าอาการไข้จะลดลงภายใน 24 ชั่วโมง อาการไอจะดีขึ้น หลังจากผื่นออกเต็มที่จะค่อยจางลงเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีด (hyperpigmentation) หายไปภายใน 7 – 10 วัน
• การรักษา ไม่มีการรักษาเฉพาะ ส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการ ได้แก่ การให้ยาลดไข้ ยาแก้ไอ และระวังโรคแทรกซ้อน
-หัดเยอรมัน (rubella)
• พบบ่อยในเด็กโต เกิดจากเชื้อ rubella virus
• มักไม่ค่อยมีอาการนำมาก่อน ผู้ป่วยจะมีไข้ต่ำๆ ปวดเมื่อยตามตัว ผื่นจะเกิดขึ้นภายหลังมีไข้ 2-3 วัน โดยผื่นขึ้นที่หน้าก่อน แล้วกระจายอย่างรวดเร็วไปที่คอ ลำตัว แขน ขา ผื่นจะมีอยู่ไม่เกิด 3 วัน และหายได้เองโดยไม่มีสีดำ (hyperpigment)
• การตรวจร่างกายพบต่อมน้ำเหลืองโตที่บริเวณท้ายทอย หลังหู และต้นคอ ในปากตรวจพบจุดเลือดออกที่ uvula (Fouchheimer’s spot)
• การรักษา โดยทั่วไปโรคนี้ไม่มีอันตราย สามารถหายเองได้ ยกเว้นการติดเชื้อหัดเยอรมันในหญิงมีครรภ์ ซึ่งถ้าเป็นหัดเยอรมันในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ อาจทำให้ทารกมีความผิดปกติหลายระบบ เช่น ระบบหัวใจ หูหนวก ต้อกระจก เป็นต้น ถ้าสงสัยเด็กเป็นหัดเยอรมัน ควรสัมภาษณ์ประวัติการสัมผัสในหญิงที่ตั้งครรภ์โดยเฉพาะใน 3 เดือนแรก ในรายที่ไม่แน่ใจว่าหญิงที่ตั้งครรภ์มีประวัติสัมผัสโรคนี้ ควรเจาะเลือด ตรวจ hemagglutination test เพื่อการวินิจฉัยที่แน่นอน
โรคมือเท้าปาก (Hand foot and mouth disease)
• สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่ม enteroviruses เช่น coxsackievirus A16 enterovirus 71 echovirus โดยเชื้อที่มีความรุนแรงและพบผู้ป่วยเสียชีวิตคือ enterovirus 71
• ติดต่อโดยสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากจมูกลำคอหรือน้ำจากตุ่มน้ำใสและติดต่อทาง fecal-oral
• อาการ มีไข้ต่ำๆ ประมาณ 38-39 องศาเซลเซียส เบื่ออาหาร อ่อนเพลียเป็น 1–2 วัน
• มีแผลในปาก (enanthem) ซึ่งมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำขนาดเล็กบริเวณลิ้น เพดานปากและกระพุ้งแก้มต่อมาตุ่มน้ำแตกกลายเป็นแผลตื้น ๆ หายไปใน 1 – 6 วัน
• พบผื่นที่บริเวณมือและเท้ามีลักษณะเป็น vesicles ผนังบางมีอาการเจ็บปวดและกันได้โดยจะหายไปภายใน 1 สัปดาห์โดยมี absorption ของ fluid ไปได้เองหรือแตกเอง โดยไม่มีรอยแผลเป็น
ไข้เลือดออก (dengue infection)
• เกิดจากการติดเชื้อ dengue virus
• ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ไม่มีอาการไอหรือน้ำมูก ปวดท้อง อาเจียน
• ผื่นพบในวันที่ 4-5 หลังจากไข้ลดลง ลักษณะเป็นผื่นแดง มีจุดขาวตรงกลาง (convalescence rash) โดยพบที่แขน ขา และพบจุดเลือดออก อาจพบอาการคันร่วมด้วย
• การตรวจร่างกายพบ ตับโต กดเจ็บ การตรวจเลือด complete blood count (CBC) พบ hemoconcentration, atypical lymphocyte เพิ่มขึ้น และเกร็ดเลือดต่ำ
• การรักษา รักษาตามอาการ รักษาภาวะช็อค และเลือดออก
• HSV•
HSV-1 ทำให้เกิดโรคที่บริเวณผิวหนังและเยื่อบุส่วนบนของร่างกายเช่น herpes labialis, herpes gingivostomatitis, herpetic keratoconjunctivitis, herpes encephalitis
HSV – 2 ทำให้เกิดโรคที่บริเวณอวัยวะสืบพันธ์และในทารกแรกเกิด เช่น herpes encephalitis
Infectious mononucleosis
• เกิดจากการติดเชื้อ Epstein-Barr virus (HHV4)
• ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง 4-14 วัน ต่อมน้ำเหลืองโต เจ็บคอร่วมกับมีฝ้าขาวในคอ ตับม้ามโต ตาบวม ตาเหลือง ผื่นพบในสัปดาห์แรกร้อยละ 10-15 ลักษณะผื่นเป็นแบบ maculopapular อาจพบpetechiae, papulovesicular หรือ urticaria
• ถ้าผู้ป่วยโรคนี้ได้รับยาปฏิชีวนะโดยเฉพาะยา ampicillin หรือ amoxicillin จะพบผื่นสูงถึงร้อยละ 90 ของผู้ป่วย ลักษณะเป็นผื่นแดงเข้มทั่วร่างกายร่วมกับอาการคัน แต่ผู้ป่วยรายนี้ไม่ใช่แพ้ยา ampicillin หรือ amoxicillin สามารถใช้ยาดังกล่าวได้
• การวินิจฉัย สามารถวินิจฉัยจากอาการแสดงทางคลินิก ร่วมกับผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เจาะเลือดตรวจ complete blood count (CBC) พบ atypical lymphocyte สูงในสัปดาห์ที่ 2-3 และการตรวจ virus capsid IgM (VCA IgM) ให้ผลบวก
• การรักษา ไม่มีการรักษาเฉพาะ เป็นการรักษาตามอาการ ในระยะเฉียบพลันควรพักผ่อนให้เต็มที่ อาการทั่วไปจะดีขึ้นภายใน 10-20 วัน
• โรคแทรกซ้อนสำคัญ คือ ม้ามแตก ความผิดปกติของระบบประสาท อาการของทางเดินหายใจส่วนบนอุดกั้น (upper airway obstruction) เป็นต้น
ส่าไข้หรือไข้ผื่นกุหลาบ (Roseola Infatum)
• พบบ่อยในเด็กอายุ 3 เดือนถึง 3 ปี
• เกิดจากเชื้อ human herpesvirus type 6
• ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง เบื่ออาหาร ร้องกวน ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก ตาไม่แดง ไข้จะมีอยู่ประมาณ 3-5 วัน แล้วลดลงอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นจึงมีผื่นลักษณะเป็น maculopapular rash ขึ้นที่ลำตัวก่อน แล้วกระจายไปที่หน้า แขน ขา ผื่นจะอยู่นานไม่เกินสัปดาห์ ลักษณะคล้ายกับผื่นในโรคหัด แต่โรคนี้แยกจากโรคหัดโดยเด็กไม่มีอาการไอ ผื่นขึ้นโดยไม่มีไข้ และผื่นหายโดยไม่มี hyperpigment การตรวจร่างกายอื่นๆ พบต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณหลังหู และคอ
• การรักษา โรคนี้เป็นโรคที่ไม่รุนแรงและหายได้เอง วิธีการรักษาในระยะที่มีไข้สูงคือ ผู้ป่วยดื่มน้ำมากๆ เช็ดตัวและรับประทานยาลดไข้ ส่วนในระยะผื่นขึ้น ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาใดๆ
-โรคสุกใส (Varicella zoster infection)
• สาเหตุ varicella zoster virus ในการติดเชื้อครั้งแรกจะเป็นโรคสุกใส (chickenpox) หลังจากนั้นเชื้อจะเข้าไปซ่อนตัวอยู่ที่ dorsal root ganglion เมื่อภูมิต้านทานของร่างกายต่ำลงจะเกิดเป็นงูสวัด (shingles, zoster)
• มักเป็นในเด็กอายุ 2-8 ปี แต่ก็เกิดได้กับทุกอายุ ในผู้ใหญ่อาการรุนแรงกว่าในเด็ก
• การติดต่อ ติดต่อโดย- สัมผัสผื่นโดยตรงกับผู้ป่วย (direct contact) ติดต่อได้จนกระทั่งตุ่มน้ำแห้งเป็นสะเก็ด
airborne transmission จากสารคัดหลั่งทางระบบหายใจ (respiratory secretions)
ระยะติดต่อเริ่มตั้งแต่ 1-2 วันก่อนผื่นออกจนถึง 4-5 วันหลังตื่นขึ้น
• อาการ ระยะฟักตัว 10-21 วันโดยมากมักเกิดอาการภายใน 14-16 วันเริ่มมีอาการไข้, อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร 24 – 48 ชั่วโมงก่อนที่ผื่นจะขึ้น
• ลักษณะสำคัญของผื่น คือ จะเริ่มเป็น macule ต่อมาเปลี่ยนเป็น papule และ vesicle ตามลำดับซึ่งใช้เวลาเพียง 6 – 8 ชั่วโมง ทำให้มีลักษณะเป็น various stage ในผิวหนังบริเวณใกล้เคียงกัน
• ลักษณะการกระจายของฝุ่น จะเริ่มจากลำตัวก่อนแล้วจึงกระจายไปที่แขน ขา โดยตุ่มใหม่จะเกิดขึ้นเรื่อย ๆ อีกประมาณ 3 – 5 วันหลังจากเริ่มมีตุ่มแรก
• ดังนั้นกว่าผื่นชุดสุดท้ายจะตกสะเก็ดใช้เวลารวม 1-2 สัปดาห์