Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
RC (Renal Calculi) นิ่วในไต - Coggle Diagram
RC (Renal Calculi)
นิ่วในไต
อาการของนิ่วในไต
ทฤษฎี
ปวดบริเวณหลังหรือช่องท้องด้านล่างข้างใดข้างหนึ่ง อาจปวดร้าวลงไปถึงบริเวณขาหนีบ
มีอาการปวดบีบเป็นระยะ และปวดรุนแรงเป็นช่วง ๆ
ปัสสาวะเป็นเลือด หรืออาจมีสีแดง ชมพู และน้ำตาล
ปัสสาวะแล้วเจ็บ แสบ
ปวดปัสสาวะบ่อย แต่ออกน้อย
ปัสสาวะขุ่นหรือมีกลิ่นแรง
คลื่นไส้ อาเจียน หนาวสั่น เป็นไข้
Case
ผู้ป่วยปัสสาวะเป็นเลือด มีอาการแสข ขัด หลังจากที่ปัสสาวะ รู้สึกปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะน้อย แต่บ่อย
ข้อมูลกรณีศึกษา :
ผู้ป้วยหญิงไทย อายุ 57 ปี ได้รับการวินิจฉัยเป็น RC (Renal Calculi) นิ่วในไต
อาการสำคัญที่ทำให้มาโรงพยาบาล
แพทย์นัดมาทำการผ่าตัด
ประวัติการเจ็บป่วยในปัจจุบัน
1 เดือนก่อนมาโรงพยาบาล ฉี่เป็นเลือด จึงมาพบแพทย์ ตรวจ UIS + film KUB พบนิ่ว แพทย์จึงนัดผ่าตัด
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
ผู้ป่วยปฏิเสธโรคประจำตัว
ประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว
ผู้ป่วยปฏิเสธประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว
ความหมาย
โรคที่เกิดจากแร่ธาตุแข็งชนิดต่าง ๆ ที่รวมตัวกันเป็นก้อน ก้อนนิ่วมีชนิดและขนาดที่แตกต่างกันไป โดยมักเกิดขึ้นบริเวณไต แต่พบได้ตลอดระบบทางเดินปัสสาวะ และมีโอกาสเกิดได้สูงหากปัสสาวะมีความเข้มข้นจนแร่ธาตุต่าง ๆ ตกตะกอนจับตัวเป็นนิ่ว นิ่วในไตอาจสร้างความเจ็บปวดทรมานให้ผู้ป่วยได้อย่างมากหากก้อนนิ่วมีขนาดใหญ่จนไปปิดกั้นและสร้างแผลบาดเจ็บที่ท่อไต และอาจส่งผลให้ปัสสาวะออกมาเป็นเลือด
การตรวจวินิจฉัย
Case
การตรวจเลือด
ตรวจ CBC วันที่ 13 มิ.ย. 65
ผล EGFR 70.26 อัตราการกรองของไตอยู่ที่ระดับ 2
การตรวจปัสสาวะ
ตรวจ Urine Examination วันที่ 13 มิ.ย. 65
ผล Normal
ทฤษฏี
การตรวจเลือด
ผลการตรวจเลือดจะสามารถบ่งบอกถึงสุขภาพไตของผู้ป่วย และช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคต่าง ๆ ได้ รวมทั้งตรวจวัดระดับของสารที่อาจทำให้เกิดนิ่ว โดยผู้ป่วยที่มีนิ่วในไตอาจตรวจพบว่ามีปริมาณแคลเซียมหรือกรดยูริกในเลือดที่มากเกินไป
การตรวจปัสสาวะ
เพื่อดูว่าร่างกายมีการขับแร่ธาตุที่รวมตัวเป็นก้อนนิ่วมากเกินไป หรือมีสารป้องกันการเกิดนิ่วที่น้อยเกินไปหรือไม่ ตลอดจนตรวจหาภาวะติดเชื้อ สามารถทำได้โดยเก็บปัสสาวะของผู้ป่วยทั้งหมดในช่วง 24 ชั่วโมง เช่น ถ้าเริ่มนับตั้งแต่ 8.00 นาฬิกา ในเวลานี้ผู้ป่วยต้องปัสสาวะทิ้งไปก่อน แล้วเก็บครั้งต่อ ๆ ไปทุกครั้งจนถึง 8.00 นาฬิกาของวันต่อไปจึงเก็บเป็นครั้งสุดท้าย
การตรวจโดยดูจากภาพถ่ายไต
วิธีนี้จะช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นก้อนนิ่วที่เกิดขึ้นตามทางเดินปัสสาวะ การถ่ายภาพไตมีหลากหลายวิธีให้เลือกใช้ เช่น การฉายรังสีเอกซ์เรย์ในช่องท้อง ซึ่งอาจทำให้มองไม่เห็นก้อนนิ่วในไตขนาดเล็กหรือนิ่วบางชนิด การตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวน์ไต นอกจาก 2 วิธีนี้ แพทย์อาจพิจารณาใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) ซึ่งอาจทำให้เห็นนิ่วก้อนเล็ก ๆ ได้
การตรวจไตและทางเดินปัสสาวะโดยการฉีดสี (IVP)
ทำได้ด้วยการฉีดสีเข้าไปที่เส้นเลือดใหญ่บริเวณแขน แล้วถ่ายภาพเอกซเรย์เพื่อให้เห็นสิ่งกีดขวางในขณะที่ไตกรองสีดังกล่าวออกจากเลือดแล้วขับถ่ายไปเป็นปัสสาวะ โดยให้ผู้ป่วยขับปัสสาวะผ่านเครื่องกรอง เพื่อดักจับนิ่วที่ออกมา และนำไปวิเคราะห์หาสาเหตุของการเกิดก้อนนิ่ว วิธีนี้จะช่วยให้แพทย์วางแผนป้องกันการเกิดนิ่วที่อาจเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
สาเหตุของนิ่วในไต
กินอาหารที่มีสารออกซาเลตยับยังการดูดซึมแคลเซียม อาทิ ถั่ว หน่อไม้ ช็อกโกแลต ผักปวยเล้ง มันเทศ ฯลฯ
ดื่มน้ำน้อยเกินไป
รับประทานอาหารแคลเซียม โปรตีน เกลือ และน้ำตาล สูงมากเกินไป
สาเหตุของ case :
ผู้ป่วยดื่มน้ำน้อย และมักชอบทานหน่อไม้
การรักษา
Case
USRL & ESWL Right Kidneey & DJ stent
การใช้คลื่นเสียงแตกตัวก้อนนิ่ว
เหมาะกับนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 2 เซนติเมตร รักษาด้วยเครื่อง Extracorporeal Shock Wave Lithotripsy (ESWL)
การส่องกล้อง
สำหรับก้อนนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 3 เซนติเมตร แพทย์อาจใช้กล้อง Ureteroscope เพื่อฉายลำแสงแคบผ่านหลอดปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ แล้วใช้เครื่องมือชนิดพิเศษจับหรือทำให้ก้อนนิ่วแตกตัวเป็นชิ้นเล็กจนสามารถถูกขับออกมาทางเดินปัสสาวะได้
การใส่สายระบายปัสสาวะในท่อไต (Ureteral Stenting, Double J Stent)
คือ การใส่ท่อพลาสติกเส้นเล็กๆ ยืดหยุ่นได้ไว้ในท่อไตเพียงชั่วคราวเพื่อช่วยให้ปัสสาวะไหลจากไตลงไปสู่กระเพาะปัสสาวะได้เมื่อท่อไตเกิดอุดตัน
ทฤษฎี
การใช้คลื่นเสียงแตกตัวก้อนนิ่ว
เหมาะกับนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 2 เซนติเมตร รักษาด้วยเครื่อง Extracorporeal Shock Wave Lithotripsy (ESWL) โดยใช้แรงสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงทำให้นิ่วแตกตัวเป็นชิ้นเล็ก ๆ จนสามารถผ่านออกทางการขับปัสสาวะได้ วิธีนี้ผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บปวดระดับปานกลาง แพทย์จึงอาจใช้ยาระงับประสาทเพื่อให้ผู้ป่วยสงบหรือทำให้สลบแบบตื้น กระบวนการรักษาใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที และอาจส่งผลข้างเคียงให้ปัสสาวะเป็นเลือด มีแผลฟกช้ำด้านหลังช่องท้อง เลือดออกรอบบริเวณไตและอวัยวะรอบข้าง รวมถึงรู้สึกเจ็บเมื่อเสี้ยวก้อนนิ่วเคลื่อนผ่านทางเดินปัสสาวะออกมา การรักษาโรคนิ่ววิธีนี้ระยะเวลากว่าเศษนิ่วจะหลุดออกมาหมดนั้นไม่แน่นอน บางรายต้องสลายนิ่วซ้ำอีกหนึ่งหรือหลายครั้ง ไม่สามารถรับรองผลการรักษาได้ทุกราย โดยมีอัตราปลอดนิ่วที่ 3 เดือนประมาณร้อยละ 75
การผ่าตัดก้อนนิ่วออก (Percutaneous Nephrolithotomy)
เหมาะกับนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 3 เซนติเมตร อาจใช้ตามหลังวิธีใช้คลื่นเสียงแตกตัวก้อนนิ่ว (ESWL) ไม่ได้ผล แพทย์อาจเลือกใช้การผ่าตัดนิ่วด้วยการใช้กล้องโทรทรรศน์ขนาดเล็กและเครื่องมือสอดเข้าไปบริเวณหลังของผู้ป่วย โดยพักฟื้นที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 1-2 วัน และมีประสิทธิภาพถึง 72-99 เปอร์เซ็นต์
การส่องกล้อง
สำหรับก้อนนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 3 เซนติเมตร แพทย์อาจใช้กล้อง Ureteroscope เพื่อฉายลำแสงแคบผ่านหลอดปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ แล้วใช้เครื่องมือชนิดพิเศษจับหรือทำให้ก้อนนิ่วแตกตัวเป็นชิ้นเล็กจนสามารถถูกขับออกมาทางเดินปัสสาวะได้ เพื่อลดอาการบวมหลังผ่าตัดและช่วยให้หายเร็วขึ้น จึงอาจมีการใช้ท่อเล็ก ๆ ยึดไว้ที่หลอดปัสสาวะด้วย การส่องกล้องนี้พบว่ารักษาได้ผลถึง 94 เปอร์เซ็นต์ หากเป็นนิ่วเขากวางมีกิ่งก้านมากกว่า 2 กิ่ง หรือนิ่วที่มีขนาดใหญ่กว่า 3 เซนติเมตร แพทย์มักพิจารณาเป็นการผ่าตัดเปิดตามความเหมาะสม
การผ่าตัดต่อมไทรอยด์
โรคต่อมไทรอยด์ทำงานสูง เกิดการผลิตฮอร์โมนพาราไทรอยด์ขึ้นมามากผิดปกติ และเป็นสาเหตุให้เกิดก้อนนิ่วจากแคลเซียมฟอสเฟตได้ง่าย การทำงานที่ผิดปกตินี้หากมีสาเหตุมาจากเนื้องอกที่เติบโตบนต่อมไทรอยด์ การผ่าตัดเอาเนื้องอกดังกล่าวออกจะเป็นช่วยลดการเกิดนิ่วในไตได้ด้วย