Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การแสดงพื้นบ้านอาเซียน ประเทศ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี - Coggle Diagram
การแสดงพื้นบ้านอาเซียน
ประเทศ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี
ญี่ปุ่น
ละครคาบูกิ : เป็นละครอีกแบบหนึ่งของญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมากกว่าละครโน้ะ มีลักษณะเป็นการเชื่อมประสานความบันเทิงจากมหรสพของยุคเก่าเข้ากับยุคปัจจุบันคำว่า “คาบูกิ” หมายถึง การผสมผสาน ระหว่างโอเปร่า บัลเล่ต์ และละคร ซึ่งมีทั้งการร้อง การรำ และการแสดงละคร
เอกลักษณ์
ของคาบูกิวิธีการแสดงคาบูกินั้นจะไม่เน้นความเป็นธรรมชาติหรือความสมจริง แต่จะเน้นความเว่อร์วังอลังการ โดยทุกอย่างในการแสดงจะเกินจริงทั้งหมด เช่น สีหน้า วิกผมฟูฟ่อง เสื้อผ้าสีสันจัดจ้าน ท่าโพสหรือท่าสะบัดวิกผมและมองด้วยสายตาดุดันอันเป็นเอกลักษณ์
อ้างอิงจาก
https://strikernzero.blogspot.com/2017/12/blog-post.html?m=1
ผู้รับผิดชอบ
นางสาวขนิษฐา จีนบุญ เลขที่ 31 ม.4/16
นายณัฏฐกิตติ์ นิลตีบ เลขที่ 5 ม.4/16
สืบค้นเมื่อ วันที่12 มิถุนายน 2565
ที่มา
ต้นกำเนิดของละครคาบูกิมาจากหญิงชื่อ โอคุนิ เกอิชาผู้แต่งกายด้วยชุดหรูหราอลังการ บางครั้งก็แต่งเป็นซามูไรเลียนแบบผู้ชายออกแสดงด้วยท่าทางการร่ายรำแปลกตา ในสมัยนั้นเรียกการแสดงของโอคุนิด้วยภาษาญี่ปุ่นว่า คาบุอิตะเอ็นชุสึ (การแสดงแปลกใหม่น่าแปลกตา) จึงกลายเป็นที่มาของคำว่า คาบูกิ
ลักษณะการแสดง
ละครคาบูกิตัวละครมีทั้งพูดเอง หรือมีผู้พากย์แบบโขน ท่าทางที่แสดงมีแบบแผนเคร่งครัด แม้แต่การแต่งหน้า จะกำหนดไว้เป็นแบบแผนว่าละครตัวไหนจะต้องแต่งหน้าอย่างไร มีการเขียนหน้าคล้ายงิ้วของจีน ตัวร้ายจะแต่งหน้าแดง ในการแสดงจะแสดงแต่เฉพาะวิธีฟันโดยที่อาวุธจะไม่โดนกัน ผู้แสดงจะทราบว่าฟันแบบไหน แรงเท่าใด และฟันท่าไหนตัวละครถึงจะตาย การกินน้ำชาในเรื่องก็ทำท่าดื่มโดยไม่มีถ้วยชา ผู้แสดงเป็นชายทั้งหมด
.เครื่องแต่งกาย เครื่องแต่งกายวิจิตรงดงามและสีสดสวยงาม ในฉากต่อสู้จะมีดาบ และจะมีการแต่งหน้าตามตัวละครนั้นๆ
.ดนตรีประกอบการแสดง ได้แก่ ขลุ่ย ซามิเซน กลองเล็ก ฆ้อง ไม้เคาะ หรือเรียกว่า "กรับ" ผู้เคาะไม้จะกำกับการเปิด ปิดม่าน เริ่มตีด้วยจังหวะช้าแล้วรัวถี่ขึ้น เมื่อตัวละครออกมาจะเคาะ 1 ที
จีน
การแสดงงิ้วเป็นการแสดงที่เน้นดนตรี ขับร้อง ศิลปะการต่อสู้ การแสดงอารมณ์ นักแสดงจะต้องมีทักษะรอบได้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงที่ไพเราะ มีความอดทนอดกลั้น มีความจำที่ดีเลิศ โดยองค์ประกอบที่สำคัญของการแสดงงิ้วประกอบไปด้วย
อ้างอิงจาก
https://americanidiotonbroadway.com/
1.บทบาทตัวละคร ในเรื่องจะแบ่งออกเป็น 2 ตัว คือ “บู๊” กับ “บู๋น” โดยฝ่ายที่รับบทเป็นบู๊จะรับหน้าที่ในการแสดงกายกรรม ในขณะที่บุ๋นรับหน้าที่ขับร้องเพลง
2.เทคนิคการแสดง นักแสดงจะต้องเคลื่อนไหวให้มีจังหวะที่งดงาม ทุกการเคลื่อนไหวจะไม่เสียเปล่า เพื่อเป็นการสื่อความหมายกับละครใบ้
3.เครื่องแต่งกาย ชุดมีอยู่มากมายที่ต้องแต่งตัวตามเนื้อเรื่อง เช่น ชุดจักรพรรดิ ชุดนักรบ
4.เครื่องดนตรี เครื่องดนตรีประกอบไปด้วย บู๊ และ บุ๋น ได้แก่ ซอ ปักกิ่ง กรับ กลองหนัง ฆ้องใหญ่ ฆ้องชุด ฯลฯ
5.เวที และอุปกรณ์ ในสมัยก่อนเวทีมักจะถูกทำขึ้นจากวัสดุที่หาได้ตามง่าย คือ “อิฐ” หรือ “หิน”
บุคคลสำคัญ
เหมย หลันฟัง เป็นนักแสดงงิ้วตัวนางที่มีลีลาการแสดงที่อ่อนช้อยงดงามมาก แม้จะเป็นชายแต่เขาก็สามารถทำให้ผู้ชมอินด์ไปกับตัวละครนั้นๆ ที่เขาสวมบทบาทอยู่ได้ นอกจากนี้เขาก็ยังพัฒนาและคิดค้นท่าร่ายรำอยู่ตลอด ด้วยความสามารถบวกพรสวรรค์นี่เองจึงทำให้เหมย หลันฟัง กลายเป็นนักแสดงงิ้วระดับตำนานและอยู่ยงคงประพันในวัฒนธรรมจีนจนถึงทุกวันนี้
อ้างอิงจาก
https://mgronline.com/china/detail/9520000004277
ผู้รับผิดชอบ
นายณัฐกิตติ์ วงแหวน เลขที่9 ม.4/16
นางสาวอักษราภัค พงศ์อินทร์ เลขที่21 ม.4/16
สืบค้นเมื่อ วันที่12 มิถุนายน 2565
อินเดีย
ภารตะนาฏยัม เป็นนาฏศิลป์ที่เก่าแก่ที่สุดในอินเดีย มีส่วนสำคัญในพิธีของศาสนาฮินดูสมัยโบราณ สตรีฮินดูจะถวายตัวรับใช้ศาสนาเป็น “เทวทาสี” ร่ายรำขับร้อง บูชาเทพในเทวาลัย ซึ่งจะเริ่มฝึกตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ศึกษาพระเวท วรรณกรรม ดนตรี การขับร้องของเทวทาสีเปรียบประดุจนางอัปสรที่ทำหน้าที่ร่ายรำบนสวรรค์
อ้างอิงจาก
https://www.gotoknow.org/posts/408293
บุคคลสำคัญ
ประวัติความเป็นมาของนาฏศิลป์อินเดียตามคัมภีร์นาฏยศาสตร์ คือ พระภารตะมุนีเป็นผู้รับพระราชทานนาฏลีลาจากพระพรหม และพระศิวะ ชาวฮินดูจึงยกย่องพระศิวะเป็น “นาฏราชา” หมายถึง พระราชาแห่งการฟ้อนรำ
ยุคที่อินเดียตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ อินเดียได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงทางด้านนาฏศิลป์ การละคร วัฒนธรรม ตะวันตกได้เข้ามาผสมผสานทำให้นาฏศิลป์ที่เป็นแบบฉบับในราชสำนักขาดการดูแลรักษา ต่อมาเมื่ออินเดียเป็นเอกราช จึงฟื้นฟูนาฏศิลป์ประจำชาติขึ้นมาใหม่ อ้่างอิงจาก
https://strikernzero.blogspot.com/2017/12/blog-post_27.html
ผู้รับผิดชอบ
นางสาว จิรภิญญา ลาภวงศ์ ม.4/16 เลขที่33
สิบค้นเมื่อ 12 มิถุนายน 2565
การแสดง ผู้แสดงต้องได้รับการฝึกฝนอย่างมีแบบแผน ด้วยระยะเวลายาวนานจนมีฝีมือยอดเยี่ยม สามารถเครื่องไหวร่างกายได้สอดคล้องกับจังหวะดนตรี เนื้อหาสาระของการแสดง สะท้อนสัจธรรมที่ปลูกฝังยึดมั่นในคำสอนของศาสนา แสดงได้ทุกสถานที่ ไม่เน้นเวที ฉาก เพราะความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของภารตะนาฏยัม คือลีลาการเต้น และการ่ายรำ
ดนตรี ที่ใช้ประกอบการแสดง ในวงดนตรีจะมีผู้ขับร้อง 2 คน คนหนึ่งจะตีฉิ่ง คอยให้จังหวะแก่ผู้เต้น อีกคนจะเป็นผู้ขับร้องและตีกลองเป็นหัวใจสำคัญของการแสดงภารตะนาฏยัม ส่วนเครื่องดีด และเครื่องเป่า เช่น ขลุ่ย เป็นเพียงส่วนประกอบให้เกิดความไพเราะเท่านั้น
เครื่องแต่งกาย ในยุคโบราณ จากหลักฐานที่ปรากฏตามรูปปั้น รูปแกะสลัก ไม่สวมเสื้อ สวมแต่ผ้านุ่งยาวแค่เข่า ใส่เครื่องประดับ สร้อยคอ ต่างหู กำไล ข้อมือ ข้อเท้า ต้นแขน ปละเครื่องประดับที่ศีรษะ ปัจจุบันสวมเสื้อ ยึดหลักการแต่งกายสตรีที่เป็นชุดประจำชาติของอินเดีย แต่สมัยใหม่ก็ได้มีการปรับปรุงให้สวยงามมากยิ่งขึ้น
เกาหลี
บูชาชุม -Buchaechum
การเต้นรำนี้ดำเนินการในงานเฉลิมฉลองและงานต่างๆ ในประเทศเกาหลี และได้รับความนิยมไปทั่วโลก นักเต้นใช้พัดขนาดใหญ่ที่วาดด้วย ดอกโบตั๋นสีชมพูเพื่อสร้างรูปทรงต่างๆ ที่แสดงภาพ เช่น นก ดอกไม้ ผีเสื้อ มังกร และคลื่น นักเต้นมี ชุด ฮันบก หลากสี ชุดพื้นเมือง ของเกาหลี
อ้างอิงจาก
https://nwikisk.cyou/wiki/Buchaechum
บุคคลสำคัญ
Buchaechum ก่อตั้งในปี 1954 โดยนักเต้น Kim Baek-bong ซึ่งได้รับอิทธิพลจากการเต้นรำตามพิธีกรรมShamanic ของเกาหลี และศาล Joseon แบบดั้งเดิม และการเต้นรำพื้นบ้าน
อ้างอิงจาก
https://nwikipt.cyou/wiki/Buchaechum
ผู้รับผิดชอบ
นางสาวนภัสวรรณ บุญชู เลขที่26 ม.4/16
สืบค้นวันที่ 12 มิถุนายน 2565