Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาความผิดปกติของทางเดินหายใจ - Coggle Diagram

- - - - การดูทรวงอก สังเกตดูสี ความตึงตัว ไขมันใต้ผิวหนัง ดูลักษณะรูปร่างและขนาดของทรวงอก
        
        อกไก่ (Pigeon chest)
        
        อกบุ๋ม (Funnel chest or Pectus excavatum)
        
        อกถัง (Barrel chest)
        
        อกแบนหรือโป่งข้างเดียว (Unilateral flattening)
        
        หลังโก่ง (Kyphosis)
        
        หลังคด (Scoliosis)
      - ดูแบบแผนการหายใจและอัตราการหายใจ
        
        หายใจลำบาก (Dyspnea)
        
        ปกติหายใจ 14-20 ครั้ง/นาท
    - - การสั่นสะเทือนของเสียงสะท้อน
      - การคลำหาตำแหน่งที่เจ็บ บริเวณที่ผิดปกติ
      - การเคลื่อนไหวของทรวงอกและปอดทั้งสองข้าง
    - - การตรวจปากและคอ
      - การตรวจท่อลม หลอดลมใหญ
      - การตรวจจมูกและโพรงอากาศ
    - - ดูนิ้วปุ้ม (Clubbing finger)
      - ดูภาวะเขียว (Cyanosis)
    - - เสียงกังวาน (Resonance)
      - เสียงโปร่ง (Hyper resonance)
      - เสียงทึบ (Dullness)
      - เสียงโปร่งมาก (Tympany)
      - เสียงทึบสนิท (Flatness)
    - - เสียงจากการพูด (Voice sound)
      - เสียงผิดปกติ(Adventitious sound)
      - เสียงหายใจ (Breath sound)
  - - - สีครีม (Creamy) พบใน Staphylococcal infection สีเขียว ติดเชื้อ Pseudomonas
      - สีสนิมเหล็ก (Rusty) เสมหะเป็นเลือด (Reddish) เช่น วัณโรค มะเร็ง เป็นต้น
      - หนอง (Pururent) แสดงว่า เชื้อแบคทีเรียใน Bronchiectasis , Lung abscess
      - ฟองสีชมพู(Frothy) พบใน Pulmonary edema
      - มูกใส (Mucoid) พบในโรคหวัด หลอดลมอักเสบ
      - การตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์โดยย้อมสี (Gram’s stain)
        
        ดูรูปร่างลักษณะเชื้อแบคทีเรีย
      - เหลวใส (Watery) แสดงว่า มีการติดเชื้อไวรัส ใน Pulmonary congestion
      - การเพาะเชื้อและทดสอบความไวของยา
      - การส่งเสมหะตรวจเพื่อหาเซลล์มะเร็ง (Cytology)
    - - การตรวจนับเม็ดเลือด (Complete blood count, CBC)
    - - ระดับก๊าซในเลือดแดง
    - - ระดับก๊าซ CO2 ภาวะ
        กรด - ด่างร่างกาย
    - - การตรวจ CT Scan
      - การตรวจ MRI (Magnetic Resonance Imaging)
      - การถ่ายภาพรังสีทรวงอก (Chest x–ray)
      - การฉีดสีหลอดเลือดแดงในปอด (Pulmonary angiography)
      - การตรวจระบบทางเดินหายใจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร
    - - การส่องกล้องตรวจหลอดลม
      - การส่องกล้องในช่องอก (Thoracoscopy)
  - - - ไอ ไอเป็นเลือด เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก
        หายใจมีเสียงดังผิดปกติ เจ็บคอ มีไข้
    - - แบ่งเป็น 3 ประเภทคือ
        
        ไม่สุดหรือไม่เต็มที่
        
        การหายใจมาก
        
        หายใจไม่อิ่ม
    - - เริ่มไอเมื่อใด ไอแบบเฉียบพลันหรือไอเรื้อรัง
        ช่วงเวลาที่ไอ เช่น ไอเฉพาะตื่นนอนตอนเช้า หรือเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง
      - การไอแบ่งตามระยะเวลาได้ 3 ชนิด
        
        ไอน้อยกว่า 3 สัปดาห์เป็นแบบเฉียบพลัน (acute)
        
        ไอ 3-8 สัปดาห์เป็นแบบกึ่งเฉียบพลัน (subacute)
        
        ไอแบบเรื้อรังนานเกิน 8 สัปดาห์
        (chronic)
    - - การไอร่วมกับเลือดออกในทางเดินหายใจส่วนล่างตั้งแต่สายเสียงลงไป
      - ปริมาณเลือดที่ออกเป็น 3 ประเภท
        
        ออกเล็กน้อย เป็นเส้น (blood streaking)
        
        ออกชัดเจน
        (frank or gross hemoptysis)
        
        ะออกมาก (massive hemoptysis)
    - - ภายนอก (somatic chest pain)
      - จากอวัยวะภายใน (visceral chest pain)
      - การซักประวัติให้ถามรายละเอียด
        
        เจ็บทันทีทันใดพบในลิ่มเลือดอุดตัน
        
        เจ็บเวลาใด เช้า กลางวัน เย็น หรือตอนกลางคืน
        
        ตำแหน่งที่เจ็บหน้าอก อาการปวดร้าว
        
        ความรุนแรงประเมินด้วย
        Pain Scale
    - - เสียงวิ้ด (wheeze) ลักษณะเสียงแหลมหรือความถี่สูง มีระดับเดียวหรือหลายระดับก็ได้
      - เสียงกรน (snoring) เสียงความถี่ต่ำและค่อนข้างหยาบ
      - Stridor เป็น monophonic wheezing ที่มีความถี่สูง เกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจขนาดใหญ
    - - อประวัติโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ
      - ประวัติการบาดเจ็บ การผ่าตัดบริเวณทรวงอก
      - ประวัติความเจ็บป่วยเรื้อรังและการรักษา
    - - ประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว
- - - - ปอดอักเสบหรือปอดบวม เป็นกระบวนการอักเสบของหลอดลมฝอย (bronchiole) และถุงลมปอด (alveoli)
      - ไข้สูงทันทีทันใด หนาวสั่น (โดยเฉพาะในระยะที่เริ่มเป็น) อ่อนเพลีย หายใจหอบ
    - - การอักเสบของเยื่อบุผิวภายในหลอดลมทําให้ต่อมเมือก
      - การติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
      - ไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ไอบ่อย ระยะแรกจะไอแห้งๆ ต่อมาเสมหะมีปริมาณมากขึ้น
    - - เกิดจากเนื้อเยื่อหรือกล้ามเนื้อเรียบบริเวณผนังหลอดลมที่ทำหน้าที่ควบคุมการหดตัวของหลอดลมเสียหาย
      - โรคซิสติกไฟโบรซิส ซึ่งเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรม
      - ไอเรื้อรัง ไอมีเสมหะมาก อาจมีสีใส สีเหลือง สีเขียว ไอเป็นเลือด
    - - เป็นภาวะถุงลมในปอดขยายตัวได้ไม่เต็มท
      - หายใจหอบเหนื่อย หัวใจเต้นเร็ว ไอ มีเหงื่อออกมาก ปากเขียวหรือตัว
        เขียว ไข้ เจ็บหน้าอก
    - - กลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับการอุดกั้นทางเดินหายใจหรือเนื้อปอด
      - ไม่มีอาการ หากเป็นมากขึ้นอาจเหนื่อยหอบเมื่อออกแรง ไอเรื้อรัง ไอมีเสมหะ มากตอนเช้า
    - - โรคที่เกิดจากการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม
    - - เกิดขึ้นอาจเกิดขึ้นที่ปอดโดยตรง (Primary tumor) หรือแพร่กระจาย (Metastasis)
    - - วัณโรคเกิดได้ในทุกอวัยวะ ส่วนใหญ่เกิดที่ปอด
      - ไอเรื้อรังเกิน 2 สัปดาห์ ไอแห้งๆหรือมีเสมหะสีเหลือง เขียวหรือไอปนเลือด
      - เบื่ออาหาร น้ำหนักลด มีไข้ต่ำๆ ตอนบ่ายหรือเย็น เจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยหอบ อ่อนเพลีย
    - - ไข้ หอบเหนื่อย เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เจ็บหน้าอกเฉพาะเวลาหายใจเข้าสุดหรือไอ
      - ภาวะที่มีหนองสะสมอยู่ในช่องเยื่อหุ้มปอด
  - - - ภาวะความดันหลอดเลือดปอดสูง
        
        เกิดจากความไม่สมดุลของสารเคมีที่มีผลต่อ
        การหดและขยายตัวของหลอดเลือดรวมถึงความผิดปกติของ K channel
    - - ภาวะที่มีลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดแดงปอดและแขนง
      - ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดปอดหากมีผลให้การไหลเวียนไม่คงท
  - - - เป็นภาวะที่มีเนื้องอกของเยื่อบุจมูกและโพรงอากาศข้างจมูก
        
        คัน จาม คัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง เมื่ออาการมากขึ้นจะพบอาการคัดจมูก ไอ ระคายคอ
    - - เกิดหลังการติดเชื้อในทางเดินหายใจหรือภูมิแพ
      - ปวด กดเจ็บบริเวณโพรงอากาศข้างจมูก มักเป็นในช่วงเวลาตื่นนอนตอนเช้า คือ คัดจมูก
    - - ภาวะที่มีเลือดออกทางจมูกจากการฉีกขาดของหลอดเลือดฝอยในเยื่อบุช่องจมูก
        
        การบาดเจ็บ สิ่งแปลกปลอม การติดเชื้อ ความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด
    - - เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย กลุ่ม Beta–hemolytic streptococcus, Staphylococcus
      - เจ็บคอมาก กลืนลำบาก ไข้สูงมากกว่า 38.3 องศาเซลเซียส
    - - เป็นการอักเสบของเนื้อเยื่อในลำคอที่อยู่บริเวณหลังช่องปาก
      - คออักเสบจากเชื้อไวรัสใช้เวลาฟักตัว 1-3 วัน
      - ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บคอเล็กน้อยถึงปานกลาง
      - คออักเสบจากเชื้อแบคทีเรียใช้เวลาฟักตัว 2-5 วัน
        
        ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บคอมากจนกลืนน้ำและ
        อาหารลำบาก
    - - จะเกิดจากเชื้อไวรัสหวัดชนิดใหม่หมุนเวียนกันไป
      - ผู้ป่วยจะจาม คันจมูก น้ำมูกไหลหรือไหลลงคอ คัดจมูก คันเพดานปาก
        หรือคอ เมื่อมีสิ่งกระตุ้น
  - - - รคล้ายไข้หวัด โดยจะแสดงอาการในทางเดินหายใจ
      - คัด
        จมูก เจ็บคอ เช่น มีไข้ ไอ มีน้ำมูก