Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พยาธิสรีรวิทยาของระบบหัวใจและหลอดเลือด - Coggle Diagram
พยาธิสรีรวิทยาของระบบหัวใจและหลอดเลือด
1. โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
สาเหตุ
การดื่มเบียร์
เกิดจากพันธุกรรมและจะเริ่มตรวจพบเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น
จากพฤติกรรมการใช้ชีวิต
เกิดจากอาการข้างเคียงของโรคอื่น ๆ
อาการ
โดยส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการ แต่สามารถมีอาการปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้อาเจียน เลือดกำเดาออกโดยไม่ทราบสาเหตุ ตาพร่ามัว หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้มีอาการเส้นเลือดในสมองแตกเป็นอัมพาตได้ และอาจมีอาการแน่นหน้าอกจากหลอดเลือดหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้หรือหัวใจวายได้
การรักษา
ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงต้องดูแลสุขภาพโดยเฉพาะอาหารการกิน
วิธีลดความดันสูงโดยไม่ต้องกินยา
การรับประทานอาหารแบบ DASH หรือ Dietary Approaches to Stop Hypertension
ข้าวหรือธัญพืชต่างๆ แบบไม่ขัดสี 7-8 ทัพพีต่อวัน
ผักสด 4-5 ทัพพีต่อวัน
ผลไม้สด รสหวานน้อย 4-5 ทัพพีต่อวัน
เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไม่เกิน 2 ทัพพี และควรรับประทานเนื้อปลาเป็นประจำ เพราะมีโอเมก้า 3 ที่ช่วยบำรุงหัวใจ
นมไขมันต่ำหรือโยเกิร์ต 2-3 แก้วต่อวัน
ถั่ว (หลีกเลี่ยงแบบทอดหรือใส่เกลือ) 4-5 กำมือต่อสัปดาห์ เพราะเป็นแหล่งโอเมก้า 3,6,9 แมกนีเซียม โปรตีน ไขมันดี และใยอาหาร
ไขมันหรือน้ำมันชนิดดี ไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดทานตะวัน หลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานส์
ของหวานหรือน้ำตาล ไม่เกิน 5 ครั้งต่อสัปดาห์ และควบคุมปริมาณเกลือโซเดียมให้ไม่เกิน 1500 มิลลิกรัมต่อวัน
ยารักษา
Angiotensin Converting Enzyme Inhibitors (ACEIs) เช่น Enalapril
Angiotensin Receptor Blockers (ARBs) เช่น Candesartan, Losartan
Beta-blockers หรือยาต้านเบต้า เช่น Propranolol, Atenolol
Calcium-channel blockers (CCBs) หรือยาต้านแคลเซียม เช่น Amlodipine ,Verapamil, Nifedipine
ยาขับปัสสาวะ โดยมักจะใช้ในผู้ป่วยไตและหัวใจมีความผิดปกติ เช่น Furosemide, Spironolactone, Metolazone
การป้องกัน
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารเค็มจัด หวานจัด ไขมันสูง
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
รู้จักจัดการกับความเครียด และหมั่นหากิจกรรมหรืองานอดิเรกทำ เพื่อผ่อนคลายจิตใจ
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 3-5 วัน
หาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ
ตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพราะหากตรวจพบและรักษาเร็ว จะเป็นอันตรายน้อยกว่า
รักษาสมดุลของน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์พอดี ไม่อ้วนจนเกินไป
9. Disease of veins (โรคทางหลอดเลือดดำ)
1. Varicose veins:
หลอดเลือดดำขอดและพอง
สาเหตุ
การขยายตัวของหลอดเลือดดำในชั้นตื้นผิดปกติ เกิดจากลิ้นของหลอดเลือดดำที่ทำหน้าที่เปิดปิดไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับ เกิดการทำงานได้ไม่ปกติ หรือไม่สามารถปิดได้สนิท เกิดการไหลย้อนกลับของเลือด
เนื่องจากมีความดันสูงในหลอดเลือดดำนาน ๆ
Loss of support of venous wall:
ผนังหลอดเลือดสูญเสียการค้ำจุน
ตำแหน่งที่เป็น
1. Superficial veins of legs:
หลอดเลือดดำชั้นตื้นที่ขา
พบบ่อยที่สุด
ประวัติยืนนาน ๆ เช่น อาชีพช่างผม, OR nurse
ภาวะแทรกซ้อน (Complication)
Stasis dermatitis
เป็นโรคผิวหนังอักเสบ
Ulcer
เป็นแผลเรื้อรังจากหลอดเลือดดำเสื่อม
2. Esophageal varices:
ภาวะหลอดเลือดโป่งขอดที่หลอดอาหาร
มักพบในคนไข้ Cirrhosis (ตับแข็ง)
Portal hypertension: ความดันระบบ portal สูง
เลือดผ่านไปทาง esophageal vein มากขึ้น
เป็นสาเหตุของ upper GI bleed: ภาวะเลือดออกจากทางเดินอาหารส่วนต้น
3. Hemorrhoids:
ริดสีดวงทวาร
มักพบในหญิงตั้งครรภ์
ท้องผูกเบ่งนาน ๆ Prolonged pelvic congestion (ปวดแน่นอุ้งเชิงกรานเป็นเวลานาน)
อาจพบในคนไข้ Cirrhosis (ตับแข็ง)
อาการ
มีก้อนที่รูทวาร อาจเป็นแผลเลือดออก
อาจเกิด Thrombosis (ลิ่มเลือด) ทำให้ปวดมาก ๆ
2. Deep vein thrombosis (DVT):
หลอดเลือดดำอุดตัน หรือภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ
ภาวะที่เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ตามปกติ เกิดจากลิ่มเลือด (Thrombosis) อุดตันภายในหลอดเลือดดำส่วนลึกที่ขา (deep vein of leg) ลิ่มเลือดนั้นสามารถวิ่งขึ้นไปยังหัวใจแล้วอาจจะค้างอยู่ที่ปอดได้
ขาบวมแข็งเพียงข้างเดียว ปวดขาอย่างมาก มักเป็นบริเวณน่อง มีอาการร้อนที่ขา กดเจ็บตามแนวหลอดเลือดดำที่อุดตัน ผิวหนังเป็นสีแดงหรือสีผิวที่ขาเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด อาจสัมพันธ์กับการนั่งเครื่องบินหรือนั่งรถเป็นเวลานาน นั่งนิ่ง ๆ ไม่ขยับขานาน กล้ามเนื้อขาไม่เกิดการหดตัว
ปัจจัยเสี่ยง (Risk factor)
1. Prolonged immobilization
(การไม่ขยับเป็นเวลานานเกิน 4 – 8 ชั่วโมง)
Prolonged bed rest:
ผู้ป่วยที่พักฟื้นบนเจียงนาน ๆ ไม่ได้ขยับ
Post operation:
หลังการผ่าตัด
นั่งเครื่องบินนาน ๆ
2. Hypercoagulability syndrome
(ภาวะเลือดแข็งตัวเร็วผิดปกติ)
genetic disease:
โรคทางพันธุกรรม
ภาวะแทรกซ้อน (Complication)
Pulmonary embolism (โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด): อาจตายได้ทันที
Phlebothrombosis/thrombophlebitis (หลอดเลือดดำอุดตัน/เส้นเลือดขอดอักเสบ)
มีการอักเสบของ thrombosed vein
3. ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart failure)
ชนิด
1. ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน (Acute Heart Failure)
เป็นภาวะหัวใจล้มเหลวที่มีอาการเกิดขึ้นใหม่อย่างรวดเร็วหรือมีภาวะหัวใจล้มเหลวที่มีอาการคงที่แต่กลับแย่ลงในเวลาไม่นาน
2. ภาวะ หัวใจล้มเหลวเรื้อรัง (Chronic Heart Failure)
พบได้ในผู้ป่วยที่เคยได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันมาก่อนหรือไม่ก็ได้แต่ในขณะที่ทำการวินิจฉัยผู้ป่วยมีอาการของภาวะหัวใจล้มเหลวและหรือมีการทำงานที่ผิดปกติไปของหัวใจคงอยู่เป็นเวลานาน
อาการ
อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
หายใจลำบากเมื่อนอนหงาย
ตื่นกลางดึกเพราะไอ หรือหายใจลำบาก
ข้อเท้าหรือเท้าบวม
เวียนศีรษะ หน้ามืดบ่อย
เข้าห้องน้ำบ่อยตอนกลางคืน
เส้นเลือดดำที่คอโป่งพอง
สาเหตุ
สาเหตุอื่น ๆ เช่น ขาดการควบคุมและดูแลในเรื่องเกลือ น้ำ และยา ได้รับยาที่มีฤทธิ์เป็นพิษต่อหัวใจ ภาวะติดเชื้อ บริโภคแอลกอฮอล์มากเกินควร การทำงานของไตผิดปกติ ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด ความดันโลหิตสูง ต่อมไธรอยด์ทำงานผิดปกติ ภาวะโลหิตจาง
รับประทานยาที่ทำให้น้ำและเกลือคั่ง หรือยาที่กดการทำงานของหัวใจ
รับประทานยาไม่สม่ำเสมอรับประทานอาหารเค็มเกินไป
สาเหตุจากหัวใจ เช่น หัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะ หัวใจเต้นช้าเกินไป กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย โรคลิ้นหัวใจ หัวใจพิการแต่กำเนิด เป็นต้น
สาเหตุสำคัญ : เกิดจากโรคหลอดเลือดตีบ ความดันโลหิตสูง
อาการแสดง
ภาวะหัวใจซีกซ้ายล้มเหลว (Left sided heart failure)
นอนไม่หลับ ฝันร้าย วิตกกังวล
ภาวะไตวาย (Pre renal failure)
หายใจแบบซินสโตค
ไอเสมหะเป็นฟองขาวหรือสีชมพูหรือไอแห้ง ๆ
มีอาการหอบในเวลากลางคืน
หายใจลำบาก หายใจหอบในท่านอนราบ
ภาวะหัวใจซีกขวาล้มเหลว (Right sided heart failure)
ท้องมาน แน่นท้อง ท้องอืด
เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
ตับไต กดเจ็บ
เท้าบวมหรือมีการบวมของอวัยวะส่วนปลาย
หลอดเลือดดำคอโป่ง
พยาธิสภาพ
หลอดเลือดหัวใจอุดตัน ความดันโลหิตสูง โรคกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ โรคลิ้นหัวใจ
สมรรถภาพการทำงานของหัวใจห้องล่างซ้ายลดลง เพิ่มการกระตุ้นผนังหัวใจให้กระตุ้น RAAS และระบบประสาทซิมพาเทติค
เกิดพังผืดเซลล์ตาย กล้ามเนื้อหัวใจหนา กล้ามเนื้อหัวใจเป็นพิษ
มีการคั่งของน้ำและเกลือในร่างกาย เกิดหัวใจล้มเหลวมีอาการหายใจลำบาก บวมน้ำ อ่อนเพลีย
ปัจจัยเสี่ยง
โรคหัวใจในอดีต
การได้รับยาหรือสารที่เป็นพิษต่อหัวใจ แอลกอฮอล์ ยากลุ่ม Anthracyclines, Trastuzumab, Cyclophosphamide ขนาดสูงและการฉายรังสีบริเวณ Mediastinum
โรคทาง Systemic ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว คือ Collagen
Vascular disease, Thyroid disorder
โรคหัวใจในครอบครัว
ประเมินความรุนแรงของภาวะหัวใจล้มเหลว NYHA Functional Class
ระดับที่ 1
ผู้ป่วยยังทำงานได้ตามปกติ ไม่มีอาการขณะพัก แต่มีอาการแม้จะออกแรงเพียงเล็กน้อย
ระดับที่ 2
ผู้ป่วยทำงานตามปกติแล้วเหนื่อย ไม่มีอาการขณะพัก ทำงานที่เคยทำเป็นประจำได้ปกติ แต่หากออกแรงมากกว่ากิจกรรมที่เคยทำประจำจะเหนื่อย
ระดับที่ 3
ผู้ป่วยทำงานเพียงเล็กน้อยก็เหนื่อยขณะพักไม่มีอาการแต่เมื่อไปทำงานที่เคยทำประจำแล้วจะเหนื่อยขึ้น
ระดับที่ 4
ผู้ป่วยที่แม้ไม่ทำงานอะไรก็ยังเหนื่อย กรณีนี้ถือว่าโรคเป็นรุนแรงที่สุด ขณะนอนพักที่เตียงก็มีอาการเหนื่อย
การตรวจร่างกาย
เสียงปอดผิดปกติ
บวมกดบุ๋ม (Pitting edema)
ตับโต (Hepatomegaly)
น้ำในช่องท้อง (Ascitis)
หัวใจเต้นเร็ว
Pulse pressure แคบ
ตรวจพบเสียง S3 หรือ S4
การดูแลตนเอง
ชั่งน้ำหนักตัวเองและบันทึกทุกวันหรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ในตอนเช้า
จำกัดการรับประทานเกลือโซเดียม (2-3 กรัมต่อวัน) ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม อาหารกระป๋อง และของหมักดอง
งดสูบบุหรี่และจำกัดการแอลกอฮอล์
หมั่นออกกำลังกายที่พอเหมาะอย่างสม่ำเสมอ หากมีอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย รู้สึกไม่สุขสบายตรงควรงดออกกำลังกาย
รับประทานยารักษาอย่างสม่ำเสมอ หากมีอาการผิดปกติใด ๆ ที่เป็นอาการข้างเคียงของยาต้องปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดรับประทานยาทุกครั้ง
ลดความเครียดโดยวิธีการต่าง ๆ เช่น ออกกำลังกายที่พอเหมาะ การทำสมาธิ
หลีกเลี่ยงการเดินทางไกลที่ต้องนั่งเป็นระยะเวลานาน
เรียนรู้อาการต่าง ๆ ของภาวะคั่งน้ำและเกลือ ได้แก่ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น บวม เหนื่อย นอนราบไม่ได้หรือต้องลุกขึ้นมานั่งหอบตอนกลางคืน หากมีอาการต้องแจ้งแพทย์และพยาบาลที่ให้การดูแลรักษา
2. โรคหัวใจจากความดันโลหิตสูง (Hypertensive heart disease)
เกิดจาก Uncontrolled hypertension เป็นภาวะแทรกซ้อนในระยะท้ายของความดันโลหิตสูงที่มีผลต่อหัวใจ
ประเภท
การหดตัวของหลอดเลือดแดง
คือ หลอดเลือดหัวใจส่งเลือดไปยังกล้ามเนื้อหัวใจ เมื่อความดันโลหิตสูงทำให้หลอดเลือดแคบการไหลเวียนของเลือดไปสู่หัวใจอาจช้าหรือหยุดลง ภาวะนี้เรียกว่า
"โรคหลอดเลือดหัวใจ (CHD)"
หรือที่เรียกว่า
"โรคหลอดเลือดหัวใจ"
ความหนาและการขยายตัวของหัวใจ
คือ ความดันโลหิตสูงทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ยาก กล้ามเนื้อหัวใจหนาขึ้นและโตขึ้น มักเกิดที่หัวใจห้องซ้าย ภาวะนี้ เรียกว่า
"การเจริญเติบโตมากเกินไปของกระเป๋าหน้าท้องด้านซ้าย (LVH)"
ภาวะแทรกซ้อน
หัวใจล้มเหลว คือ หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้เพียงพอ
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
โรคหัวใจขาดเลือด คือ หัวใจไม่ได้รับออกซิเจนเพียงพอ
หัวใจวาย คือ การไหลเวียนของเลือดไปยังหัวใจถูกขัดจังหวะและกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดออกซิเจน
หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน: หัวใจของคุณหยุดทำงานกะทันหันคุณหยุดหายใจและหมดสติ
โรคหลอดเลือดสมองและการเสียชีวิตอย่างกะทันหัน
อาการ
เจ็บหน้าอก (angina)
ความแน่นหรือความดันในหน้าอก
หายใจถี่ เหนื่อยล้า
ปวดคอหลังแขนหรือไหล่
ไอถาวร
เบื่ออาหาร
ขาหรือข้อเท้าบวม
ป้องกันโรค
การเฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้ความดันโลหิตสูงเกินไป
การลดความดันโลหิตและคอเลสเตอรอล โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และติดตามระดับความเครียด
การรักษาน้ำหนัก นอนหลับให้เพียงพอ และออกกำลังกายเป็นประจำ
การรักษา
การใช้ยา
การผ่าตัด
Cardioverter-defibrillators (ICDs)
เป็นอุปกรณ์ปลูกถ่ายที่สามารถใช้ในการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่ร้ายแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิต
การผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจ (CABG)
เป็นการรักษาหลอดเลือดหัวใจอุดตัน สิ่งนี้ทำได้เฉพาะใน CHD ที่รุนแรงเท่านั้น การปลูกถ่ายหัวใจหรืออุปกรณ์ช่วยหัวใจอื่น ๆ อาจมีความจำเป็นหากอาการของคุณรุนแรงเป็นพิเศษ
4. Ischemic heart disease : โรคหัวใจขาดเลือด
= โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease: CAD/Coronary Heart Disease: CHD)
มักเกิดจากการตีบแคบอุดตันของ Coronary artery ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากไขมันและเนื้อเยื่อสะสมอยู่ในผนัง ของหลอดเลือด
Pathophysiology
Atherosclerosis :
ภาวะผนังหลอดเลือดแดงแข็งตัว
เกิดการพอกนูนที่ผนังชั้นในของ Coronary artery ด้วย atheromatous plaque
Lumen ตีบแคบลง
Thrombosis :
ภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่หลอดเลือด
มีการสร้าง Thrombus ซ้ำเติมโดยเฉพาะบริเวณ plaque
ทำให้ Lumen อุดตันได้
อาจเป็น Complete หรือ Partial Occlusion
3. Coronary vasospasm
มีการหดตัวของหลอดเลือด ทำให้ Lumen แคบลงได้
อาการ
2. Myocardial infarct (MI)
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือดไปเลี้ยงหัวใจ
การเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อหัวใจขึ้นอยู่กับเวลาและจำนวนการอุดตันของหลอดเลือด
ไม่รักษามีโอกาสเสียชีวิตสูง
ภาวะแทรกซ้อน
กล้ามเนื้อหัวใจฉีดขาด
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
หัวใจล้มเหลว หัวใจวาย
1. Angina Pectoris
มักไม่มี Ischemic necrosis ของกล้ามเนื้อหัวใจ
อาการมักดีขึ้นเมื่อได้รับยาขยายหลอดเลือดหัวใจ
ภาวะเจ็บแน่นหน้าอกเป็นครั้งคราว อาจมีร้าวไปแขนซ้าย
3. Chronic ischemic heart disease
ภาวะที่มี ischemic myocardial damage แล้วทำให้มี congestive heart failure ตามมา เรียกว่า ischemic cardiomyopathy
7. ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis)
สาเหตุ
เกิดจากการทำลายผนังชั้นในของเส้นเลือดแดงซึ่งเป็นบริเวณที่มักเริ่มมีการสะสมของสารต่าง ๆ โดยคราบตะกอนเหล่านี้ทำให้เลือดที่ไหลเวียนในหลอดเลือดถูกจำกัด เกิดการแข็งตัวตามมาภายหลังและเกิดการตีบตัน
อาการ
หลอดเลือดแดงแข็งที่แขน ขา และกระดูกเชิงกราน
เกิดอาการปวดและชาบริเวณแขนและขา
อาจทำให้เป็นตะคริวบ่อยครั้ง
มือและเท้าเย็น
มือและเท้ามีสีเขียวคล้ำและอาจเกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรงได้
หลอดเลือดแดงแข็งที่ไต
เหนื่อยง่าย
เบื่ออาหาร
คลื่นไส้
เท้าบวม
ปัสสาวะผิดปกติ อาจมากหรือน้อยผิดปกติร่วมกับมีความดันโลหิตสูง
หลอดเลือดแดงแข็งที่หัวใจ
เจ็บหน้าอกเหมือนมีอะไรมากดทับ อาการรุนแรงขึ้นเมื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ และทุเลาลงเมื่อหยุดพัก
อาการเจ็บร้าวมาที่คอ กระดูกกราม ไหล่ และแขน โดยเฉพาะฝั่งซ้ายของร่างกาย
เหงื่อออกมาก
หายใจหอบเหนื่อย
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
คล้ายจะเป็นลมหรือหมดสติได้
หลอดเลือดแดงแข็งที่คอและสมอง
แขนขาอ่อนแรงเฉียบพลัน
ปวดศีรษะอย่างมากในทันที
วิงเวียน
สับสน
ปากเบี้ยว พูดไม่ชัดหรือพูดไม่ได้
ตามองไม่เห็นชั่วคราว 1 ข้าง ซึ่งเป็นอาการของโรคเส้นเลือดสมองตีบชั่วคราว อาจทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองwfh
ชาบริเวณใบหน้า แขน และขา
สูญเสียการทรงตัว
เป็นอัมพาต
หายใจไม่ได้
ปัจจัยเสี่ยง
ผู้ที่มีอายุมากจะเสี่ยงเกิดโรคนี้ได้มากกว่า
พันธุกรรม
ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมัน และคอเลสเตอรอลในเลือดสูง
ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน โรคอ้วน
การสูบบุหรี่
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก
การรักษา
การรักษาด้วยยา
การขยายหลอดเลือดหัวใจ โดยใช้ท่อบอลลูน หรือลวดตาข่าย
การทำบายพาส
5. Valvular heart disease : โรคลิ้นหัวใจ
Rheumatic heart disease :
โรคหัวใจรูมาติค
อาการ
ไข้
ข้ออักเสบ
แขน ขา เคลื่อนไหวผิดปกติ
หัวใจอักเสบ
ตุ่มใต้ผิวหนัง
เป็น Systemic inflammatory disease
มักเกิดตามหลัง URI (upper respiratory infection) จากเชื้อ Streptococcus group A, beta-hemolytic ที่ไม่ได้รักษา
Pathophysiology
เกิด immune reaction ต่อ antigen ของเชื้อต้นเหตุ และ cross reaction ต่อ tissue antigen ของ ข้อ สมอง หัวใจ และ เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง
Carditis :
endocardium, myocardium และ pericardium
Heart valve damage :
ลิ้นหัวใจตีบ เช่น Atrial stenosis , Mitral failure
ถ้าไม่รับรักษา เกิด heart failure
2. Infective Endocarditis
มีการติดเชื้อของ Endocardium ลิ้นหัวใจ
มักเกิดจาก Bacteria : Bacterial Endocarditis
Pathophysiology
1.) Vegetation
มีการอักเสบทำให้เกิด Fibrin และเชื้อโรคสะสมบริเวณลิ้นหัวใจ
2.) Septic embolism
Vegetation ที่เปราะ หลุดง่าย ลอยไปตามกระแสเลือด
Emboli อุดตันหลอดเลือด และ ติดเชื้ออวัยวะอื่น เช่น สมอง ไต ปอด เกิด Abscess ได้
ปัจจัยเสี่ยง
neutropenia
immunodeficiency
therapeutic immunosuppression
diabetic mellitus
alcohol
intravenous drug abuse (IVDU)
อาการ
ไข้หนาวสั่น
ไอเจ็บคอ
เหนื่อยอ่อนเพลีย
ปวดศีรษะ
ปวดตามกล้ามเนื้อและข้อต่อ
เหงื่อออกตอนกลางคืนหรือขณะนอนหลับ
เจ็บหน้าอกขณะหายใจ หายใจไม่อิ่ม
มีอาการบวมบริเวณเท้า ขา และหน้าท้อง
6. โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
(Congenital heart disease)
สาเหตุ
เกิดจากความผิดปรกติในการเจริญเติบโตของระบบไหลเวียนโลหิต หัวใจและหลอดเลือดตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์มารดาสาเหตุพบได้หลายชนิด
โครงสร้างของโครโมโซมผิดปกติ
ยีนที่กำหนดพันธุกรรมผิดปรกติ
มารดาติดเชื้อได้รับสารพิษ สารเสพติดหรือได้รับยาบางชนิดระหว่างตั้งครรภ์ หรือมารดาขาดสารอาหารบางชนิด
อาการ
เหนื่อยง่าย
หายใจเร็ว
หอบ
เจริญเติบโตช้าบวม
ริมฝีปากหรือนิ้วมีสีม่วงคล้ำผิดปกติ
ใจสั่น
หน้ามืด
วูบหรือหมดสติ
Left to right shunt lesions :
พยาธิสภาพที่มีการติดต่อระหว่างห้องหัวใจหรือหลอดเลือด ทำให้มีปริมาณโลหิตไหลไปปอดเพิ่มขึ้น
โรคหัวใจที่มีรูรั่วระหว่างผนังกั้นห้องหัวใจด้านบน (Atraial septal defect : ASD)
รูรั่วนี้ทำให้เกิดการไหลของเลือดจากซ้ายไปขวา (Left to Right Shunt)
โรคหัวใจที่มีรูรั่วระหว่างผนังกั้นห้องหัวใจด้านล่าง (Ventricular septal defect : VSD)
การมีรูรั่วที่ผนังกั้นห้องหัวใจห้องล่าง ทำให้เลือดแดงจากหัวใจห้องล่างซ้ายผ่านรูรั่วไปยังหัวใจห้องล่างขวา และออกสู่หลอดเลือดแดงของปอด เกิดภาวะหัวใจวาย
โรคหัวใจที่มีเส้นเลือดแดงเกินผิดปกติระหว่างปอดและหัวใจ (Patent ductus arteriosus : PDA)
เส้นเลือดแดงที่เกินมาจะเชื่อมระหว่างหลอดเลือดแดงใหญ่ของร่างกายและปอด
Right to left shunt lesions :
พยาธิสภาพที่ทำให้มีโลหิตที่ไหลจาก systemic veins มารวมกับโลหิตที่ไหลจาก pulmonary veins ทำให้มี oxygen saturation ในโลหิตที่ไปเลี้ยงร่างกายลดลง
มีรูรั่วของผนังกั้นหัวใจห้องล่างร่วมกับหลอดเลือดหัวใจที่จะไปยังปอดตีบหรือลิ้นหัวใจตีบ
(Tetralogy of Fallot : TOF)
เด็กจึงมีภาวะเขียว
หลอดเลือดใหญ่ของหัวใจสลับขั้ว
(Transposition of great arteries : TGA)
การที่หลอดเลือดดำและแดงของหัวใจสลับขั้วกันอย่างสิ้นเชิง จากขวาเป็นซ้าย จากซ้ายเป็นขวา ทำให้เด็กมีภาวะเขียว
Obstructive lesions :
พยาธิสภาพที่มีการตีบของลิ้นหัวใจหรือหลอดเลือด มีผลทำให้เกิด pressure overload ต่อบริเวณส่วนต้นของการตีบ (proximal portion) ห้องหัวใจจึงเกิดการขยายตัว (dilatation) และหนาตัวขึ้น (hypertrophy)
โรคหลอดเลือดใหญ่เลี้ยงร่างกายตีบ
(Coarctation of aorta)
บางรายมีอาการมากอาจตรวจพอตั้งแต่เป็นทารก
โรคลิ้นหัวใจเส้นเลือดไปปอดตีบ
(Pulmonic Valve Stenosis)
เนื่องจากมีลิ้นหัวใจตีบ ทำให้หัวใจห้องล่างขวาซึ่งทำหน้าที่บีบเลือดไปฟอกที่ปอดต้องทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้มีหัวใจโตได้
8. Vasculitis (โรคหลอดเลือดอักเสบ)
สาเหตุ
2. Immunologic vasculitis:
จากระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ
Lupus vasculitis: SLE
ผู้ป่วยภูมิแพ้ตนเอง
Granulomatosis with Polyangiitis (Wegener’s granulomatosis):
ทำให้เกิดการเน่าตายของเนื้อเยื่อ (necrotizing small vessel vasculitis) โดยเฉพาะในระบบทางเดินหายใจส่วนบน ปอด และไต
Pneumonia:
ปอดบวม
Sinusitis:
ไซนัสอักเสบ
nasopharyngeal ulcer: แผลในหลังโพรงจมูก
โรคไตร่วมด้วย
1. Infectious vasculitis:
จากการติดเชื้อโรคต่าง ๆ
ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด
(Unknown cause)
Giant cell (Temporal) arteritis:
หลอดเลือดแดงอักเสบแบบไจแอนต์เซลล์ หรือหลอดเลือดแดงขมับอักเสบ
ปวดศีรษะตุ๊บ ๆ บริเวณขมับ อาจกดเจ็บ
Granulomatous inflammation ที่ temporal Artery
Thromboangiitis obliterans (Buerger’s disease):
โรคเบอร์เกอร์
เป็นความผิดปกติของหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำบริเวณแขนและขา ทำให้เกิดการอักเสบ บวม และอุดตัน
เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดแดงขนาดเล็ก
มักเกิดในผู้ชายสูบบุหรี่จัด
ปวดเจ็บบริเวณขา แขน เวลาออกกำลังกาย
อาจมีแผล และ gangrene ที่เท้า มือ
เป็นกลุ่มโรคที่มีการอักเสบเกิดขึ้นกับหลอดเลือด (Inflammatory disease of blood vessel)
เกิดได้ที่หลอดเลือดแดง หลอดเลือดดำ หลอดเลือดฝอย
ทำให้อวัยวะต่าง ๆ ที่หลอดเลือดไปเลี้ยงทำงานผิดปกติ อาจเกิดขึ้นเพียงอวัยวะเดียว หรือหลายอวัยวะ หรือมีอาการเพียงผิวหนัง
พบไม่บ่อย เกิดได้ทั้งชายหญิงในอายุที่แตกต่างกัน
อาการและอาการแสดง:
มีความจำเพาะต่อโรคแตกต่างกันไป
อาการทั่วไป
ไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดตามข้อ
ที่ผิวหนัง
ผื่นนูนแดงคล้ายจุดเลือดออก หรือจ้ำเลือดนูน หรือปื้นนูนแดงเหมือนลมพิษ หรือผื่นชนิดเรียบสีม่วงแดงรูปร่างเป็นร่างแหคล้ายตาข่าย หรืออาจมีตุ่มน้ำใสป็นแผลถลอก หรือเกิดเนื้อตาย ผื่นอาจคันหรือเจ็บก็ได้
มักเกิดบริเวณขาทั้งสองข้าง
ระบบอื่น ๆ
ระบบทางเดินายใจ
เหนื่อย ไอเป็นเลือด
ระบบทางเดินอาหาร
ปวดท้อง ถ่ายดำ
อาการทางไต
ตรวจพบปัสสาวะผิดปกติ
การวินิจฉัยแยกโรค
ซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด อาจมีการตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจพยาธิวิทยา และอาจทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจดูเม็ดเลือดแดง ตรวจหาไวรัสตับอักเสบบีและซี แอนติบอดี้ ตรวจปัสสาวะ เอ็กซเรย์ปอด
การรักษา
ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยและความรุนแรงของอาการ
การให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองเบื้องต้น
ควรพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามอาการและผลข้างเคียงจากยา ไม่ควรปรับขนาดยาเองหรือซื้อยาสมุนไพรมาทานเอง
ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นโรคติดเชื้อ หรือไปในที่แออัด