Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 9 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาความผิดปกติของการขับถ่ายปัสสาวะ -…
บทที่ 9
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาความผิดปกติของการขับถ่ายปัสสาวะ
การประเมินสภาพผู้ใหญ่ในระบบทางเดินปัสสาวะ
การตรวจร่างกาย
การเคาะ: เคาะหรือทุบเบาๆ ใต้ชายโครงด้านหลัง
การคลำ: หาตําแหนงกระเพาะปสสาวะบริเวณ Suprapubic
การฟัง: ฟัง bruit ที่ท้อง
การดู: น้ำหนัก อาการบวมบริเวณใบหน้าหรือแขนขา
การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจคุณสมบัติของปัสสาวะ (urine exam, UA, urinalysis)
การตรวจเพาะเชื้อปัสสาวะ (urine culture)
การตรวจระดับสารต่าง ๆ ในเลือด
การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
การตรวจระดับฮีโมโกลบิน ฮีมาโตคริต
การซักประวัติ
อาการที่สำคัญและประวัติปัจจุบัน
การถ่ายปัสสาวะผิดปกติ
ไม่มีปัสสาวะ (Anuria)
ปัสสาวะบ่อยและมาก
ปัสสาวะกลางคืน
ปัสสาวะแบบเร่งรีบ (Urgency)
ปัสสาวะน้อย (Oliguria)
ปัสสาวะแสบขัด (Dysuria)
ปัสสาวะค้าง (residual urine)
กลั้นปัสสาวะไม่ได้ (Incontinence of urine)
ปัสสาวะไม่ออก (retention of urine)
ถ่ายปัสสาวะลำบาก (Difficulty of urination)
ปัสสาวะผิดปกติเช่น สี ขุ่นผิดปกติ
ปัสสาวะเป็นฟองจากการมีโปรตีนในปัสสาวะ (proteinuria)
ปัสสาวะมีสีเหลืองน้ำตาลของบิลิรูบิน (bilirubinuria)
ปัสสาวะเป็นเลือด (Hematuria)
อาการปวด
ปวด
บริเวณเหนือหัวเหน่า (Suprapubic pain)
ปวดบริเวณ Lower quadrant
ปวดหลังบริเวณ Costovertebral angle (Flank pain)
อาการบวม
ภาวะที่มีการเพิ่มของน้ำในเนื้อเยื่อ (interstitial fluid)
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะ
เนื้องอก
Bladder cancer
เป็นความผิดปกติของเซลล์ในกระเพาะปัสสาวะที่มีการเจริญเติบโตแบ่งตัวเพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์อย่างรวดเร็วและมากผิดปกติ
แบ่งชนิดได้ตามลักษณะของเซลล
squamous cell carcinomas (SCC)
adenocarcinomas
transitional cell carcinomas
การรักษา
ในระยะที่เนื้องอกยังไม่ลุกลามถึงชั้นกล้ามเนื้อ (superficial disease) อาจสอดเครื่องมือเล็กๆ เข้าไปทางท่อปัสสาวะแล้วจี้ที่ก้อนมะเร็ง
ในระยะที่เนื้องอกลุกลามเข้าไปยังชั้นกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะแล้ว (invasive disease) อาจต้องตัดเอากระเพาะปัสสาวะออก (cystectomy)
การขับปัสสาวะผิดปกติ
Neurogenic bladder
แบ่งได้เป็น 3 ชนิดได้แก
กระเพาะปัสสาวะที่ไม่มีรีเฟล็กซ์
กระเพาะปัสสาวะแบบผสม
กระเพาะปัสสาวะที่มีรีเฟล็กซ์มากกว่าปกต
การอุดกั้นของระบบทางเดินปัสสาวะ
Urinary calculi
นิ่วเป็นสิ่งแปลกปลอมที่เกิดขึ้นในระบบทางเดินปัสสาวะเป็นสาเหตุสำคัญให้อุดตันและติดเชื้อ
ชนิดของนิ่ว
Calcium
phosphate5-10%
กรดยูริก
5-10%
Calcium oxalate
80%
Struvite
10-15%
Cystine
1-2%
Xanthine
อาการและอาการแสดงของนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
นิ่วในไต (Renal calculi, RC)
นิ่วในหลอดไต (ureteric calculi, UC)
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (vesical calculi, VC)
ภาวะไตวาย
Acute renal failure
ภาวะที่มีการสูญเสียการทำงานของไตในช่วงเวลาเป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน
ห้เกิดการคั่งของของเสียและการควบคุมสมดุลกรดด่าง
การที่ไตมีการเสื่อมหน้าที่ลง ไม่สามารถขับของเสีย
การติดเชื้อและการอักเสบ
Pyelonephritis
การอักเสบของกรวยไต (renal pelvis)
กรวยไตอักเสบสามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่ม
กรวยไตอักเสบเรื้อรัง (Chronic pyelonephritis)
กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน (Acute pyelonephritis)
ภาวะแทรกซ้อน: hydronephrosis , pyonephrosis, perinephric abscess
การประเมินสภาพ
IVP พบไตเสื่อมหน้าที่, และ uremia, ความดันสูงร่วมด้วย
ตรวจปัสสาวะพบ WBC, RBC, เชื้อ,
การรักษา
ยาต้านการหดเกร็งของกระเพาะปัสสาวะ
การให้สารน้ำอย่างเพียงพอ
ยาปฏิชีวนะ โดยใช้ผล bacteria sensitive ให้โดยทันทีและมีการตรวจติดตาม
กำจัดสาเหตุการติดเชื้อ เช่น การอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ
การรักษาตามอาการ กรณีติดเชื้อเรื้อรัง
Perinephric abscess
เกิดจากการแตกของฝีในไตออกมาในบริเวณช่องว่างรอบไตและอาจเป็นผลจากการติดเชื้อรอบๆไต
การวินิจฉัยโรค ตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงและถ่ายภาพรังสีคอมพิวเตอร์บอกตำแหน่งฝี
การรักษา การผ่าตัดระบาย อาจเป็นท่อระบายหรือการผ่าตัดเปิด และยาปฏิชีวนะ
Urethritis
การอักเสบมีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ การระคายเคือง
อาการและอาการแสดง
มีอาการบวมแดงของ labial tissue
ผลตรวจปัสสาวะจะพบมี pus.
ปวดแสบเวลาปัสสาวะ
การรักษา : ยาปฏิชีวนะ (antibiotic)
Cystitis
ตุจากการติดเชื้อแบคทีเรีย (E. Coli ร้อยละ 80) ที่เกิดขึ้นบริเวณผนังของกระเพาะปัสสาวะ
อาการและอาการแสดง
การบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ
การระคายเคืองของผิวกระเพาะปัสสาวะ
ปวดแสบขณะถ่ายปัสสาวะ (burning)
การรักษา: กระตุ้นการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 3 ลิตร และการให้ยาปฏิชีวนะ
Glomerulonephritis
เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Beta-streptococcus group A
ผู้ป่วยจะปัสสาวะออกมาเป็นสี
แดงเหมือนน้ำล้างเนื้อ
การรักษาไตวาย
Dialysis (PD, HD)
โดยการล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal
dialysis) และการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis)
การล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal dialysis)
กระบวนการแลกเปลี่ยนน้ำ
และสารละลายภายในช่องท้อง
แบ่งเป็น 2 แบบ คือ
ชนิดชั่วคราว (Acute peritoneal dialysis)
ชนิดถาวร
Continuous Cyclic
Peritoneal Dialysis (CCPD)
Continuous Ambulatory Peritoneal Dialysis (CAPD)
ข้อห้ามในการทำ CAPD ได้แก่
มีภาวะโรคติดเชื้อในร่างกาย (Systematic inflammation diseases)
มีภาวะปวดหลังเรื้อรัง หรือเป็นโรคของกระดูกสันหลัง
มีพังผืดที่บริเวณท้องจากการผ่าตัด
Intermittent Peritoneal Dialysis (IPD)
ข้อดีของการทำ Peritoneal dialysis
ผู้ป่วยทำเองได้
เกิดการเปลี่ยนแปลงความดันโลหิตน้อยกว่าการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
ไม่ต้องจำกัดอาหาร น้ำ เกลือ อย่างเข้มงวด
มีการขับของเสียในร่างกายตลอด
ข้อเสียของการทำ Peritoneal dialysis
ระดับน้ำตาลในเลือดสูง
น้ำหนักเพิ่ม
เกิดภาวะขาดน้ำได้ง่าย เนื่องจากมีการขับน้ำตลอดเวลา
สูญเสียภาพลักษณ
เกิดภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบ: ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อ Staphylococcus aureus
ปวดไหล่ ปวดท้อง ไส้เลื่อน ปวดหลัง
ต้องทำทุกวัน ต้องจดบันทึกปริมาณสารน้ำที่เข้าและออกจากร่างกายทุกครั้ง
Renal transplantation
เป็นการผ่าตัดนำไตจากผู้บริจาคใส่เข้าในร่างกายของผู้ป่วย
ไตใหม่จะทำหน้าที่แทนไตเดิมซึ่งไตที่ได้อาจมาจากผู้บริจาคที่มีชีวิต
การดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัดปลูกถ่ายไต
ใน 24-48 ชั่วโมงแรก เป็นระยะวิกฤติ ผู้ป่วยต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ hemodynamic, respiratory care, และ fluid managementและเฝ้าระวังภาวะสลัดไต
ติดตามผลการตรวจ BUN และ creatinine ในเลือด
หากปัสสาวะออกน้อยหรือไม่
ออก แสดงว่ามีภาวะสลัดไต
วิธีการปลูกถ่ายไตในผู้บริจาคที่มีชีวิต
ตรวจร่างกายเพื่อค้นหาความผิดปกติระบบต่างๆ ทดสอบสภาพจิตใจของผู้บริจาคและผู้รับ
ตรวจสอบเอกสารแสดงความสัมพันธ์ของผู้บริจาคและผู้รับบริจาค ยืนยันความเป็นญาติ
นัดเจาะเลือดเพื่อตรวจชนิดของเนื้อเยื่อและผสมเลือดเพื่อทดสอบการเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อ
ฉีดสีดูเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงไต เพื่อเลือกข้างของไตที่จะทำการผ่าตัดบริจาคให้ผู้รับไต
กำหนดการผ่าตัดปลูกถ่ายไต ตามความพร้อมของผู้ป่วย