Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Prolapsed cord ภาวะสายสะดือย้อย [:warning:] - Coggle Diagram
Prolapsed cord ภาวะสายสะดือย้อย [:warning:]
ชนิดของสายสะดือย้อย
Overt prolapsed cord เกิดในรายที่ถุงน้ำคร่ำแตกแล้ว พบว่าสายสะดือย้อยลงมาต่ำกว่าส่วนนำของทารกในครรภ์ พ้นจากปากมดลูกมาอยู่ในช่องคลอด หรือโผล่พ้นปากช่องคลอด
Forelying cord หรือ Funic presentation สายสะดือย้อยลงมาอยู่ต่ำกว่าส่วนนำของทารกในครรภ์และถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก
Occult prolapsed cord สายสะดือย้อยลงมาต่ำกว่าปกติ อยู่ข้าง ๆ ส่วนนำของทารกในครรภ์ สายสะดือส่วนนี้จะถูกกดกับช่องทางคลอดได้เมื่อทารกเคลื่อนต่ำลง หรือมดลูกหดรัดตัว ถุงน้ำคร่ำอาจจะแตกหรือไม่แตกก็ได้
ความหมาย
สายสะดือย้อยหรือสายสะดือแลป หมายถึง ภาวะที่สายสะดือลงมาอยู่ข้างๆหรืออยู่ต่ำกว่าส่วนนำของทารกในครรภ์
อุบัติการณ์
ร้อยละ 0.1 -0.6 ในทารกส่วนนำเป็นก้นแบบ Frank breech
ร้อยละ 1 แบบ Complete breech
ร้อยละ 5 แบบ Footling breech
ร้อยละ 20 ทารกท่าขวาง
การดูแลรักษา
การช่วยเหลือแบบฉุกเฉิน ได้แก่
ผู้คลอดที่ได้รับการวินิจฉัยว่าสายสะดือย้อย
นอนในท่าโก้งโค้ง (Kneechest position)
นอนในท่านอนหงายยกก้นสูง (Trendelenburg position)
นอนตะแคงยกก้นสูง (Elevate Sim's position)
ในกรณีที่ต้องเคลื่อนย้ายผู้คลอดเพื่อส่งต่อในระยะไกลๆเพื่อรักษาต่อ
ให้นอนในท่า Elevate Sim's position
สอดมือเข้าไปในช่องคลอดแล้วดันส่วนนำไว้ไม่ให้เคลื่อนลงมากดสายสะดือ (funic decompression) หรืออาจจะดันส่วนนำนั้นให้พ้นช่องเชิงกรานให้ทารกอยู่ในแนวเฉียงหรือท่าขวางโดยดันในขณะมดลูกคลายตัว ช่วยลดความเมื่อยล้าของมือที่ดันส่วนนำของทารก
ให้ออกซิเจน (100%) แก่มารดาอาจจะทำให้ทารกได้รับออกซิเจนมากขึ้น
ให้สายสะดือย้อยอยู่ในช่องคลอด ซึ่งอุ่นและไม่แห้ง ทำให้ลด vasospasm ได้ ไม่ควรดันสายสะดือกลับเข้าไปในโพรงมดลูก เพราะยากและมักจะทำไม่สำเร็จ และยังเพิ่ม vasospasm ทำให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์มากขึ้น
ทำให้กระเพาะปัสสาวะโป่งตึง (bladder filling) โดยการใส่น้ำเกลือ 500-700 มล. ทางสายสวนปัสสาวะ เชื่อว่ากระเพาะปัสสาวะจะช่วยดันส่วนนำของทารก และลดความรุนแรงของการหดรัดตัวของมดลูก มีรายงานการให้ยายับยั้งการหดรัดตัวของมดลูกร่วมกับการทำให้กระเพาะปัสสาวะโป่งตึง RCOG guideline ปี 2008 แนะนำ terbutaline 0.25 mg ฉีดใต้ผิวหนัง
การดันสายสะดือกลับ พิจารณาทำในบางรายที่ไม่สามารถผ่าตัดคลอดได้ หรือสามารถรอคลอดทางช่องคลอดในเวลาไม่นานได้ แต่ต้องมีการตรวจติดตามการเต้นของหัวใจทารกอย่างต่อเนื่อง และทำโดยสูติแพทย์ผู้มีความชำนาญ การดันกลับอาจทำให้เกิด vasospasm ของ umbilical artery และเกิด asphyxia ตามมาได้ วิธีการให้ดันหัวเด็กขึ้นพร้อมกับกดบริเวณหัวเหน่า ดันสายสะดือไปเหนือต่อหัวส่วนที่กว้างที่สุดเพื่อกันกลับไปบริเวณต้นคอ
การคลอด
ผ่าท้องทำคลอด โดยทั่วไปเป็นวิธีที่ดีที่สุด ยกเว้นกรณีที่ทารกเสียชีวิตหรือมีความผิดปกติแต่กำเนิด อัตราการผ่าท้องทำคลอดในกรณีสายสะดือย้อยพบประมาณร้อยละ 30-72 ในกรณีที่จังหวะการเต้นของหัวใจทารกช้ามากหรือต่ำกว่า 80 ครั้ง/นาที แพทย์บางท่านเชื่อว่าเซลล์ของสมองทารกอาจจะตายและไม่สามารถกลับคืนสู่ปกติ ดังนั้นการผ่าท้องทำคลอดอาจจะไม่มีประโยชน์
ใช้คีมช่วยคลอดถ้าปากมดลูกเปิดหมด และศีรษะทารกลงมาต่ำพอสมควร ไม่มีภาวะผิดสัดส่วนของส่วนนำของทารกกับช่องเชิงกราน
Breech extraction ในกรณีที่เป็นท่าก้น ปากมดลูกเปิดหมด ไม่มีภาวะผิดสัดส่วนของทารกกับช่องเชิงกราน ผู้ทำคลอดควรจะเป็นผู้มีประสบการณ์คลอดท่าก้นมาพอสมควร และมักจะต้องให้ยาสลบหรือ regional anesthesia
ใช้เครื่องดึงสุญญากาศ ในรายที่เป็นครรภ์หลังปากมดลูกเปิดเกือบเต็มที่แล้ว และท่าศีรษะที่ไม่มีการผิดสัดส่วนของทารกกับช่องเชิงกรานมารดา ได้ผลดีพอสมควร ช่วยลดอัตราการตายของทารกจึงอาจจะเหมาะสมสำหรับสถานที่ที่มีการทำผ่าตัดได้ช้า เช่น ห้องผ่าตัดไม่พร้อม เป็นต้น
Internal version และ breech extraction อาจทำได้ในกรณีที่ปากมดลูกเปิดหมด ทารกอยู่ในท่าขวาง ไม่มีภาวะผิดสัดส่วนของทารกกับเชิงกราน ต้องวางยาสลบ วิธีนี้มีอันตรายมากทั้งต่อมารดา และทารก โดยเฉพาะในรายที่ถุงน้ำแตกมานานแล้ว หรือผู้ทำไม่ชำนาญพอ
ครรภ์หลัง ๆ ที่ปากมดลูกเปิดตั้งแต่ 7-8 ซม. ขึ้นไป ที่เป็น Forlying cord ท่าของทารกปกติ มีความก้าวหน้าของการคลอดเร็ว ทารกไม่มีภาวะ fetal distress ก็พยายามไม่ให้ถุงน้ำแตก อาจจะรอเพื่อให้คลอดเองทางช่องคลอด
ในกรณีที่ทารกเสียชีวิตหรือผิดปกติ ควรจะปล่อยให้คลอดเองทางช่องคลอด ยกเว้นกรณีที่มีการผิดสัดส่วนระหว่างทารกกับช่องเชิงกราน อาจจะต้องทำสูติศาสตร์ทำลายเด็ก หรือผ่าท้องทำคลอด
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
เสียงต่อการเกิดสายสะดือย้อย เนื่องจากทารกอยู่ในท่าผิดปกติ
เสี่ยงต่อการเกิดสายสะดือย้อยเนื่องจากมีน้ำเดินก่อนการเจ็บครรภ์
ทารกในครรภ์ขาดออกซิเจน เนื่องจากเกิดภาวะสายสะดือย้อย
มารดาและครอบครัวมีความเศร้าโศกเนื่องจากการสูญเสียทารก
อาการเเละอาการเเสดง
คลำพบสายสะดือจากการตรวจภายในเเละอาจจะจับได้ชีพจรบนสายสะดือเต้นเป็นจังหวะ
เห็นสายสะดือโผ่ลพ้นช่องคลอดออกมา
เสียงหัวใจทารกในครรภ์ผิดปกติ โดยหาสาเหตุอื่นไม่พบ
Ultrasound
การพยาบาล
ประเมินสภาพมารดาและทารในครรภ์ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดสายสะดือย้อย
ดูแลให้พักผ่อนบนเตียงเมื่อถุงน้ำคร่ำแตก
ประเมินอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์
ตรวจภายในด้วยความนุ่มนวล ระมัดระวังไม่ให้ถุงน้ำแตก
ถ้าตรวจพบสายสะดือย้อย ใช้นิ้วมือดันส่วนนำไว้ไม่ให้เคลื่อนต้ำลงมา
ดูแลให้มารดาได้รับออกซิเจนเพิ่มขึ้น
เตรียมการคลอดฉุกเฉินหรือเตรียมผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องและรายงานแพทย์
อธิบายให้มารดาเข้าใจเกี่ยวกับการวางแผนการช่วยเหลือ
ประเมินสภาพจิตใจมารดาหลังคลอดในกรณีที่สูญเสียบุตร
สาเหตุ
ทารกท่าผิดปกติ เช่น ท่าก้นชนิดที่มีเท้ายื่นเป็นส่วนนำท่าขวาง
การตั้งครรภ์แฝด/แฝดน้ำ
สายสะดือยาวกว่าปกติ(ยาวกว่า 75 cm.)
การตั้งครรภ์หลัง
รกเกาะต่ำหรือสายสะดือเกาะบริเวณริมขอบรก
การเจาะถุงน้ำหรือถุงน้ำเเตกก่อนที่ส่วนนำจะลงสู่ช่องเชิงกราน
ทารกไม่ครบกำหนด
Cephalopelvic disportion คือ ความเเตกต่างของขนาดศรีษะทารกเเละอุ้งเชิงกราน
ผลกระทบ
มารดา
มีผลกระทบด้านจิตใจของมารดาถ้าทารกในครรภ์เสียชีวิต
ทารก
เสียชีวิตจากการขาดออกซิเจน
การวินิจฉัย
ตรวจภายในพบสายสะดืออยู่ต่ากว่าส่วนนาหรืออาจพบสายสะดืออยู่ในช่องคลอดหรือโผล่พ้น ให้เห็นนอกช่องคลอด
ฟังเสียงหัวใจทารกทางหน้าท้อง พบเสียงหัวใจทารกเปลี่ยนแปลง
การป้องกัน
พยายามไม่ให้ถุงน้ำแตกก่อนกาหนด
เจาะถุงน้ำในรายที่มีข้อบ่งชี้จริง ๆ
3.รายที่ถุงน้ำแตกแล้วและส่วนนายังไม่ผ่านลงช่องเชิงกราน ควรจากัดการเคลื่อนไหวของ มารดา
ฟังเสียงหัวใจเด็กถ้าพบว่าผิดปกติควรคำนึงถึงภาวะนี้
บอกให้ผู้คลอดแจ้งให้ทราบทันทีที่รู้สึกว่ามีน้าไหลออกมาระหว่างเจ็บครรภ์