Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีความผิดปกติใน ระบบภูมิคุ้มกัน, นางสาว ณัฐกานต์…
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีความผิดปกติใน
ระบบภูมิคุ้มกัน
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิไวเกิน
ภาวะภูมิไวเกินแบบที่ 2 (Type II)
การอักเสบและการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อและการเสียหน้าที่ของเซล ซึ่งเกิดขึ้นภายใน 15- 30 นาที
พบในภาวะการให้เลือดผิดกลุ่ม, ปฏิกิริยาการให้เลือด ภาวะ Autoimmune hemolytic anemia
ภาวะภูมิไวเกินแบบที่ 3 (Type III)
พบใน serum sickness, rheumatoid arthritis, systemic lupus erythematosus, Arthus reactions (อาจพบหลังฉีดวัคซีน Tetanus หรือ Diphtheria)
ภาวะภูมิไวเกินแบบที่ 1 (Type I )
อาการเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายใน 15-30 นาที อาจเกิดอันตรายถึงชีวิต
อาการแพ้อย่างเฉียบพลัน (Anaphylaxis) โรคหอบหืด (Allergic asthma) จมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic rhinitis or Hay fever) ลมพิษ (Urticaria)
สาร Allergen ที่พบบ่อย
ละอองเกสร สปอร์เชื้อรา ไรฝุ่น ฝุ่น ขนสัตว์ สารพิษจากแมลง โปรตีนธรรมชาติ เช่น ถั่ว นม อาหารทะเล ไข่ ยา
ภาวะภูมิไวเกินแบบที่ 4 (Type IV)
ภาวะภูมิแพ้แบบช้า เกิดขึ้นหลังจากได้รับสาเหตุของอาการแพ้ผ่านไปแล้ว 12 ชั่วโมง
การประเมินสภาพ
การตรวจร่างกาย
การประเมินสัญญาณชีพ ปฏิกิริยาภูมิแพ้ทำให้หลอดเลือดขยายทั่วร่างกาย
ภูมิไวเกินชนิดที่ 1
อาการอาจมีเพียงเล็กน้อยเช่น allergic rhinitis
ผู้ป่วยจะหายใจเร็ว หายใจลำบาก หายใจมีเสียงดัง มีปัสสาวะออกน้อย
ภูมิไวเกินชนิดที่ 2 การให้เลือดผิดหมู่
มีไข้ อาจมีหนาวสั่น
ไม่มีไข้ แต่สั่นสะท้าน ตัวเกร็ง มีอาการปวดบริเวณอก ท้องและบริเวณลำตัว หรือเส้นเลือด
มีผื่นคัน หน้าแดง มีบวมตามผิวหนังหรือบริเวณหลอดเลือด
ผิวหนังเปลี่ยนแปลง เช่น มีผื่นคัน หน้าแดง มีบว
อาการ ระยะเวลาการเกิดอาการ และสิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการ
ภูมิไวเกินชนิดที่ 3
อาการปวดรุนแรง บวม มีเลือดออก อาจมีเนื้อตาย เกิดภายหลังฉีดวีคซีน 4-12 ชั่วโมง
การรักษา
ยา epinephrine/ ยา beta2 adrenoceptor agonist
ยา antihistamines และ/หรือ corticosteroids.
หยุดสิ่งที่ทำให้แพ้
การรักษาเฉพาะ
ภูมิไวเกินแบบที่ 1: Allergen immunotherapy เป็นการ desensitizing
ภูมิไวเกินแบบที่ 2 ขณะให้เลือด หรือ ภูมิไวเกินแบบที่ 3
หยุดยาทันที
ให้ยา Dexamethasone 10 mg IV และ CPM 10 mg IV ทันที
ภูมิไวเกินแบบที่ 4
รักษาตามอาการ
โรคเอสแอลอี (Systemic Lupus Erythematosus: SLE)
ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันชนิดที่ทำให้มีการสร้างแอนติบอดี้มาทำลายเนื้อเยื่อของร่างกายทำให้เกิดการอักเสบ
การประเมินสภาพ
อาการ ระยะเวลาการเกิดอาการและสิ่งกระตุ้น
ประวัติความเจ็บป่วยในครอบครัวและโรคทางพันธุกรรม
การตรวจร่างกาย
การตรวจจากห้องปฏิบัติการ
Antinuclear antibody (ANA)
Anti-DNA, Anti-double-standard DNA (Anti-ds DNA)
CBC
Erythrocyte Sedimentation Rate (ESR)
หลักเกณฑ์การวินิจฉัยโรคเอสแอลอี ของ American Rheumatism Associationตั้งแต่ 4 อย่างขึ้นไป ให้วินิจฉัยได้ว่าเป็นโรคSLE
ไวต่อแสงแดด หรือมีอาการแพ้แสงแดด
แผลในปาก (Oral ulcer)
ผื่น Discoid
ข้ออักเสบ (Arthritis)
ผื่นบริเวณโหนกแก้ม ลักษณะคล้ายปีกผีเสื้อbutterfly rash
ความผิดปกติทางไต มักตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ (Proteinuria)
ชัก หรืออาการทางจิต
เยื่อหุ้มปอดอักเสบ (Pleuritis) หรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (Pericarditis)
โลหิตจางแบบ Hemolytic anemia
Anti-double stranded DNAให้ผลบวก
การตรวจ Antinuclear antibodies (ANA) ในเลือดให้ผลบวก
การรักษา
Hydroxychloroquine sulfate หรือ Chloroquine
Corticosteroid ชนิดรับประทานหรือชนิดฉีด
NSAIDs เช่น Diclofenac, Indomethacin
ให้ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressant)
การติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์ (HIV infection and AIDS)
life cycle of HIV
Uncoating and reverse transcription
ปล่อยยีโนมและเอนไซม์ออกจาก core particle และเปลี่ยน RNA เป็น DNA โดย RT
Nuclear entry
proviral DNA จะ form complex กับโปรตีนเป็น preintegration complex
Binding and entry
เชื้อไวรัสจะจับกับ plasma membrane ของเซลล์โดยใช้ envelop
glycoprotein จับกับ receptor ต่าง ๆ บนผิวเซลล์จะแทรกตัวเข้าไปภายใน cytoplasm ของเซลล์
Integration and transcription
เอนไซม์ integrase จะทำหน้าที่แทรก DNA ของไวรัสเข้าไปใน chromosome DNA ที่มีตำแหน่งไม่แน่นอน ที่เรียกว่า provirus ผู้ป่วยอาจจะไม่แสดงอาการนานหลายปี จนมีสิ่งกระตุ้น
Translation, assembly and budding
RNA ของไวรัสตัวใหม่หรือเป็น mRNA ซึ่งจะถูก translate ไปเป็นโปรตีน ของไวรัส จากนั้นโปรตีนและยีโนม RNA จะรวมตัวเป็นอนุภาคไวรัสตัวใหม่
การติดเชื้อเอชไอวี 3 ระยะ
ระยะติดเชื้อเรื้อรัง (chronic HIV infection)
ผู้ติดเชื้อใช้เวลา 10-15 ปี
ระดับ CD4 มักจะมีจำนวน 200-500 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร
มีไข้เป็น ๆ หาย ๆ หรือไข้ติดต่อกันเกิน 1 เดือน ต่อมน้ำเหลืองโต น้ำหนักลด ปวดกล้ามเนื้อและข้อ ไซนัสอักเสบเรื้อรัง ปอดอักเสบ
ระยะสุดท้ายคือ ระยะเอดส์เต็มขั้น (AIDS )
CD4 ต่ำกว่า 200
มีการติดเชื้อฉวยโอกาส (OI)
การติดเชื้อในกระแสเลือด โรคปอดอักเสบ(PCP)
วัณโรค (TB)
โรคเชื้อราในปากและลำคอ (Oral and esophageal candidiasis)
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อราคริปโตคอคคัส
เป็นตุ่มหรือผื่นสีม่วงที่ผิวหนัง (Kaposi’s sarcoma)
ระยะเฉียบพลัน (Acute HIV Infectious)
CD4 ลดลงอย่างรวดเร็ว
มีไข้ เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต ปวดเมื่อยตามร่างกาย มีผื่น ปวดหัว
ช่วง 2-4 สัปดาห์
การตรวจการติดเชื้อ HIV
การตรวจโปรตีนของเชื้อเอชไอวี (p24) หรือ HIV p24 antigen testing
ารตรวจโดยใช้ชุดตรวจแอนติบอดีจำเพาะต่อเชื้อเอชไอวี
การตรวจ nucleic acid test (NAT)
CD4+ T lymphocytes cell count
การตรวจหาแอนติบอดี (Anti-HIV testing)
Serum HIV RNA หรือ viral load
การรักษา
ยาต้านรีโทรไวรัส (antiretroviral drugs, ARV)
ยาต้านไวรัสเอดส์ในประเทศไทย มี 5 กลุ่ม
NNRTIs เช่น Efavirenz (EFV) ริวพิไวรีน (Rilpivirine: RVP)
Protease inhibitors (PIs) เช่น Lopinavir/ritonavir(LPV/r), Atazanavir (ATV), Darunavir (DRV), Indinavir (IDV)
Integrase inhibitors (INSTI) เช่น raltegravir, dolutegravir, elvitegravir
NRTIs เช่น Lamivudine (3TC) Tenofovir disoproxil fumarate (TDF), Tenofovir alafenamide (TAF)
CCR5 antagonists เช่น Abacavir (ABC)
การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีและเอดส์ในผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ
ยาต้านฉุกเฉิน (post-exposure prophylaxis, PEP)
ยาต้านก่อนเสี่ยง (Pre-exposure prophylaxis, PrEP) ใช้ ยา ARV
การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี
การใช้ถุงยางอนามัยและถุงอนามัยสตรี
การคัดกรองและรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
นางสาว ณัฐกานต์ สุขแดง 6101210729