การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีโรคหรือภาวะผิดปกติของหัวใจ
โรคหลอดเลือดแดงโคโรนารี (Coronary artery disease) และ กล้ามเนื้อหัวใจตาย (Myocardial infarction)
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
(Cardiac arrhythmias or dysrhythmias)
Sinus dysrhythmia
สาเหตุ
เกิดจากภาวะไม่สมดุลของกรด-ด่าง ภาวะไม่สมดุลของเกลือแร่
เซลล์ขาดออกซิเจน
ความผิดปกติของจุดกำเนิดคลื่นไฟฟ้าและ/หรือระบบการนำไฟฟ้า
ความผิดปกติของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน พิษจากยา
ความผิดปกติแต่กำเนิด
ภาวะเครียดทางอารมณ์
กล้ามเนื้อหัวใจโต
กล้ามเนื้อหัวใจโต
Atrial dysrhythmia
Junctional dysrhythmia
1) หัวใจเต้นช้า (Sinus bradycardia)
อัตราการเต้นของหัวใจต่ำกว่า 60 ครั้งต่อนาที
การรักษา
- ให้ยา Atropine 0.6 มิลลิกรัม เข้าทางหลอดเลือดดำ
- หากไม่ได้ผลอาจต้องใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้า (Pacemaker)
2) หัวใจเต้นเร็ว (Sinus Tachycardia)
อัตราการเต้นของหัวใจมากกว่า 100 ครั้งต่อนาที
การรักษา
- งดใช้ยาที่กระตุ้นประสาทซิมพาเทติก อาจให้ยาปิดกั้นเบต้า เช่น Propranolol / ยาปิดกั้นแคลเซียม
2) หัวใจห้องบนเต้นแบบฟลัตเตอร์
(Atrial flutter)
1.หัวใจห้องบนเต้นก่อนจังหวะ
(Premature atrial contraction: PAC)
3.หัวใจห้องบนสั่น (Atrial fibrillation, AF)
การรักษา
- หากมีการเต้นติดต่อกันนานกว่า 6 นาที อาจต้องใช้ยาเพื่อควบคุม เช่น ควินีดีน ดิจิทาลิส ยาปิดกั้นเบตา
การรักษา
- แก้ไขตามสาเหตุ
- หากหัวใจห้องบนเต้นเร็วมากหรือเจ็บหน้าอกและหัวใจห้องล่างซ้ายล้มเหลวช็อกไฟฟ้า
การรักษา
เพื่อป้องกันการเกิด thromboembolism ประเมินความเสี่ยงการมีเลือดออกก่อนให้ยา ยาที่ให้คือ warfarin
เพื่อรักษาการเต้นของหัวใจ โดย การรักษาด้วยยา Amiodarone
อาการ
- อาการจากการเต้นของหัวใจผิดปกติ เช่น ใจสั่น เจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย
- อาการจากการอุดตันของลิ่มเลือด (Thromboembolism) เช่น stroke
ช็อกหัวใจด้วยไฟฟ้า (cardioversion) เพื่อปรับอัตราการเต้นของหัวใจใหม่
การรักษาด้วยการผ่าตัด
หัวใจเต้นเร็วจากหัวใจห้องบน (Supraventricular Tachycardia)
หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติชั่วคราวที่มีจุดกำเนิดเหนือหัวใจห้องล่าง ( PSVT)
ventricular dysrhythmia
หัวใจเต้นเร็วที่เกิดในหัวใจห้องล่าง (Ventricular Tachycardia)
อัตราการเต้นของหัวใจ 100-220 ครั้ง/นาที
หัวใจห้องล่างเต้นก่อนจังหวะ
(Premature ventricular contraction; PVC)
การรักษา
- หากเกิดขึ้นบ่อยมากกว่า 5-6 ครั้ง/นาที หรือเป็น PVC นำไปสู่การเต้นของหัวใจผิดจังหวะชนิด VT, VF ต้องให้ยา Lidocaine หรือ Xylocaine ทางหลอดเลือดดำ
- ให้ออกซิเจนเพิ่มออกซิเจนให้กับกล้ามเนื้อหัวใจ จะช่วยลดความถี่ในการเกิด PVC
การรักษา
ในรายที่จับชีพจรได้ รู้สึกตัวดี ไม่มีอาการเจ็บหน้าอก ให้ออกซิเจน และให้ยาต้านการเต้นของหัวใจผิดจังหวะในสารละลายกลูโคส นิยมใช้ Lidocaine
หัวใจห้องล่างสั่น (Ventricular fibrillation; VF)
การรักษา
การช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) และติด EKG monitor พบ VF ให้ทุบหน้าอก หากไม่ได้ผลให้ช็อกหัวใจด้วยไฟฟ้าทันที เมื่อช็อกไฟฟ้าครบ 3 ครั้งแล้วยังไม่ประสบผลสำเร็จ ให้CPR และให้ยา อิพิเนฟริน, Bretylium Lidocaine, Procainamide หรือแมกนีเซียม ควบคู่กับการใส่ท่อหลอดลมคอ และให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
conduction dysrhythmia
First-degree atrioventricular (AV) block
Second-degree atrioventricular (AV) block
การรักษา
- หากช่วง P-R มากกว่า 0.26 วินาทีหรือเกิดการปิดกั้นในระดับสูงขึ้นให้ Atropine 1 มิลลิกรัม ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ หรือให้ Isoproterenol หรือ Isuprel
- หยุดยาดิจิทาลิส ยาต้านหัวใจเต้นผิดจังหวะ หากผู้ป่วยได้รับยานี้
การรักษา
- หยุดให้ยาที่เป็นสาเหตุ เช่น ยาดิจิทาลิสหรือยาต้านหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ในรายที่มีอัตราการเต้นของหัวใจห้องล่าง < 50 ครั้ง/นาที อาจให้ Isoproterenol 1 มิลลิกรัมในสารละลายกลูโคส 250 มิลลิลิตร หยดทางหลอดเลือดดำ
- ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าชนิดชั่วคราว (Temporary pacemaker)
Third-degree atrioventricular (AV) block *
- ใส่เครื่องกระตุ้นจังหวะหัวใจด้วยไฟฟ้าชนิดชั่วคราว และให้ Isoproterenol 1 มิลิกรัม ในสารละลายกลูโคส 250 500มิลลิลิตร
Coronary artery disease
อาการ
เจ็บหน้าอกข้างซ้าย ชนิด Angina pectorisเจ็บแบบแน่นๆ หนักๆ เหมือนมีของหนักทับบริเวณอกซ้าย แน่นอึดอัด
กล้ามเนื้อหัวใจตาย (Myocardial infarction)
การเจ็บหน้าอกแบ่งกลุ่ม 2 กลุ่ม
อาการเจ็บหน้าอกมักเป็นขณะพักหรือออกแรงเพียงเล็กน้อยและเป็นอยู่นานมากกว่า 15-20 นาที
อาการอาจเจ็บร้าว (Refer pain) ไปที่ขากรรไกร ไหล่และ/หรือแขนด้านใดก็ได้ แต่มักเป็นด้านซ้าย
รู้สึกหายใจไม่ออก
Acute coronary syndrome (ACS)
chronic stable angina
อาการเจ็บเป็นๆ หายๆ ทำให้เจ็บหน้าอกขณะออกกำลังกายหรือทำงานหนักพักแล้วหาย
เจ็บหน้าอกรุนแรงเฉียบพลันหรือเจ็บขณะพัก
(Rest angina) นานกวา 20 นาที
2.ST elevation myocardial infarction (STEMI) ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
- NonST elevation myocardial infarction (NSTEMI)
การรักษา
- ดูแลควบคุมโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
- การรักษาด้วยยา เช่นยา Aspirin ยาลดไขมันในเลือด
- ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
- การสวนหัวใจ
ภายหลังจากระยะแรก (Subsequent care)
ก่อนออกจากโรงพยาบาล
ระยะแรก
ระยะฉุกเฉิน
วินิจฉัยให้เร็วที่สุด และรีบประเมินอัตราเสี่ยงผู้ป่วย ประเมินและเฝ้าระวัง CHF, Cardiogenic shock และ Sudden cardiac arrest เตรียมอุปกรณ์และยาในภาวะฉุกเฉินให้พร้อม Early Defibrillation เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยทันเวลา
การให้ยากลุ่มละลายลิ่มเลือดอย่างรวดเร็ว การรักษาภาวะหัวใจล้มเหลว ช็อก และ Life-threatening arrhythmia การรักษาเช่น การให้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดภายใน 30 นาทีและการทำ PCI ภายใน 90 (+,- )30 นาที
การให้ยารับประทาน ประกอบด้วย ASA, ACE inhibitor, Nitrate, Calcium antagonists, Magnesium และ Lidocaine เพื่อลดอัตราการตาย
ลดอาการเจ็บหน้าอก และเพิ่มการบีบตัวของหัวใจ
การประเมินอัตราเสี่ยงในการเกิดหัวใจล้มเหลวและลดอัตราตาย การประเมินอัตราเสี่ยงประเมินจากอาการทางคลินิก การป้องกันการกลับเป็นซ้ำคือ
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ
โรคลิ้นหัวใจผิดปกติ Cardiac valvular disease
- Mitral Stenosis
- Mitral Regurgitation
อาการที่พบ
หายใจลำบาก เหนื่อยหอบเวลาออกแรง อ่อนเพลีย
อาการที่พบ
หายใจหอบเหนื่อย อ่อนเพลีย ใจสั่น ไอ
- Mitral valve prolapse
อาการที่พบ
เหนื่อยหอบ อ่อนเพลีย เจ็บอก วิงเวียนศีรษะวิตกกังวล
เป็นลม ใจสั่น
- Aortic Regurgitation
- Aortic Stenosis
อาการที่พบ
แรง เวียนศีรษะเป็นลมจากเลือดเลี้ยงสมองลดลง เจ็บอกจากความต้องการออกซิเจนเพิ่มขึ้น จากกล้ามเนื้อหัวใจโตขึ้น
การรักษา
อาการที่พบ
อาการเหนื่อยหอบนอนราบไม่ได้ เหนื่อยหอบเวลากลางคืน
การรักษาด้วยยา
1) ยาดิจิทาลิส รักษาอาการเต้นเร็วของเวนตริเคิล
2) ยาต้านการแข็งตัวของเลือดลดการเกิด thrombus
3) ยาปฏิชีวนะ
4) ยาขับปัสสาวะหากมีภาวะหัวใจล้มเหลว
การขยายหรือถ่างลิ้นหัวใจตีบด้วยบอลลูน
การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของหัวใจเนื่องจากการอักเสบติดเชื้อ
การพยาบาลผู้ป่วย Rheumatic Endocarditis
click to edit