Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลในระยะที่ 3 และระยะที่ 4 ของการคลอด - Coggle Diagram
การพยาบาลในระยะที่ 3 และระยะที่ 4 ของการคลอด
ระยะที่ 3 Third stage of labor
หลังทารกคลอดมาจนกระทั่งรกและเยื่อหุ้มรกคลอด โดยเฉลี่ยใช้เวลา 5-15 นาที แต่ไม่เกิน 30 นาที
Mechanism of placenta separation
การลอกตัวของรกเกิดจาก
กล้ามเนื้อมดลูกมีการหดรัดตัว แบบ contraction และ retractionเป็นระยะ
-> ทำให้ผนังมดลูกหนาขึ้น ความจุภายในมดลูกจะลดลง ->
เกิดช่องว่างบริเวณมดลูกส่วนบน
->
มีผลต่อพื้นที่ที่รกเกาะ (placenta site)
มีขนาดเล็กลง
-> ทำให้
รกมีการลอกตัว
การลอกตัวของรกมี 2 ชนิด
1. Schultze's Method
เป็นการลอกตัวของรกจะเกิดขึ้นที่ตรงกลางของรกก่อน ทำให้เลือด
ออกและขังอยู่ด้านใน (retroplacental clot) จึงไม่มีเลือดออกมาให้เห็นทางช่องคลอดก่อนรกคลอด
2. Matthews Duncan's Method
เป็นการลอกตัวของรกโดย
เริ่มที่บริเวณริมรกก่อนส่วนอื่น
และ
เลือดที่เกิดจากการฉีกขาดของผนังมดลูกจะไหลซึมออกมาภายนอก (vulva sign)
การลอกตัวชนิด
นี้ไม่มีเลือดขังอยู่หลังรกที่จะช่วยในการลอกตัวของรก จึงทำให้รกลอกตัวได้สมบูรณ์ช้ากว่าชนิดแรก
Nursing Process
1.
Assessment
1.1 ลักษณะทั่วไป
Pulse
1.1.1 ชีพจร (pulse ) อาจจะต่ำกว่าปกติเล็กน้อย คือ ประมาณ 60-70 ครั้ง/นาที
If พบว่ามีชีพจรเร็วขึ้นเกิน 90 ครั้ง/นาที ควรนึกถึงการมีเลือดออกมาก (ตกเลือด) หรือ ช็อค
BP
1.1.2 ความดันโลหิต (blood pressure)
ถ้าความดันโลหิต
ลดลงจากระดับปกติมาก
คือ systolic ลดลงมากกว่า 30 mmHg. หรือ diastolic ลดลงมากกว่า 15 mmHg. หรือ
pulse pressure แคบ
ควรจะนึกถึง
-> การตกเลือด
หรือช็อค
Skin
1.1.3 ผิวหนัง
ผิวหนังควรจะอุ่นและแห้ง
การตรวจพบสีผิวซีด เย็นและขึ้นไปด้วย
1.2 มดลูก Uterus
สังเกตดู
ขนาดและความแข็งตัวของมดลูก หลังการคลอด
ทารกแล้วยอดมดลูก (fundus)
จะอยู่ต่ำกว่าระดับสะดือ 1 นิ้ว
Fundus อยู่เหนือระดับสะดือมากกว่า 1 นิ้ว ควรจะหาสาเหตุ
1. มีทารกอยู่ในมดลูกอีกหรือไม่
โดยการคลำ ถ้าพบลักษณะคล้ายทารก หรือ
ฟัง fetal heart sound ได้
2. ขนาดของรกใหญ่กว่าปกติ
เช่น ในรายที่เป็นครรภ์แฝด
ขนาดของรกจะโตหรือมีความผิด
ปกติของรก
3. มีเลือดออกอยู่ข้างใน (internal bleeding)
-ประเมินได้จาก
อาการผิดปกติภายนอก
เช่น ผู้คลอดที่มีอาการ
อ่อนเพลีย หายใจไม่สะดวก
คล้ายจะเป็นลม
ชีพจรเบาเร็ว
> มากกว่า 100 bpm
4. กระเพาะปัสสาวะเต็ม (bladder full)
ควรตรวจดู
บริเวณเหนือหัวเหน่าว่ามีกระเพาะปัสสาวะเต็มหรือไม่
ถ้าพบมีกระเพาะปัสสาวะเต็มควรทำการสวนทิ้งเพราะกระเพาะปัสสาวะที่เต็มจะดันมดลูก
1.3 จำนวนเลือดที่ออกทางช่องคลอด
สิ้นสุดระยะที่ 3 ของการคลอด
จะมีเลือดที่ออกประมาณ 120-240 ซี.ซี.
-> ระยะนี้
ควรตรวจดู Vulva เสมอเพื่อดูว่ามีเลือดอกมากหรือไม่
1.4 การฉีกขาดของฝีเย็บ
ดูบริเวณที่ฉีกขาดหรือว่ามี bleeding มากน้อยเพียงใด
1.5 อาการแสดงการลอกตัวของรก
หลังจากทารกเกิดแล้ว รกจะลอกตัวจากผนังมดลูก
โดยทั่วไปจะมีอาการแสดงของการลอกตัวของรกเกิดขึ้นภายใน 5 นาที
1.5.1 อาการแสดงของมดลูก (uterine sign)
คือ มดลูกจะเปลี่ยนรูปร่างจาก
แบนเป็นกลม ขนาดจะเล็กลง มดลูกจะหดตัวแข็ง
ภายหลังจากรกลอกตัวแล้ว
1.5.2 อาการแสดงของสายสะดือ (cord signs)
คือ
สายสะดือจะเคลื่อนต่ำลงมาประมาณ 3 นิ้ว
ในขณะที่มดลูกหดรัดตัวแข็งและมีการลอกตัวของรก
1.5.3 อาการที่พบทางช่องคลอด (vulva signs)
คือ จะมี
เลือดออกมาให้เห็นทางช่องคลอด ระมาณ 30-60 ซี.ซี.
แต่อาการแสดงนี้ไม่แน่นอน
2. Nursing intervention การพยาบาล ในระยะรกคลอด
2.1 การรักษาความสะอาด (aseptic and antiseptic)
Sterile Gloves
2.2 ท่าของผู้คลอด (position)
นอนหงายเพื่อช่วยให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของมดลูก สีหน้าของผู้คลอด และสะดวกในการช่วยทำคลอดรก
2.3 การป้องกันการตกเลือด ให้การพยาบาล
2.3.1 ก่อนรกลอกตัว
ห้ามคลึงมดลูก
หรือกระตุ้นมดลูกโดยวิธีต่าง ๆ เพราะจะทำให้รกลอกตัวที่ริมรกก่อนเวลา
2.3.2 การฉีดยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก (Oxytocin agent)
การฉีดยา
กระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกภายหลังทารกเกิด
**
Oxytocin
ยา Oxytocin -สกัดได้จาก posterior pituitary gland -ใช้สารสังเคราะห์-ที่นิยมใช้มากคือ
Syntocinon
และPitocin -ทำให้
กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวและคลายตัวเป็นระยะ ๆ
-
รกกลอกตัวได้เร็วขึ้น ช่วยลดภาวะตกเลือดในระยะที่ 3 ของการคลอด
Ergonovine maleate (ergotrate)
สารสังเคราะห์ที่ได้จาก Ergot - เชื้อราอยู่ในข้าวไร(rye) หรือข้าวชนิดอื่น ๆ - มีทั้งชนิดฉีดและรับประทาน - ทำให้
มดลูกหดรัดตัวชนิดไม่คลาย (tetanic contraction)
ฤทธิ์ของยาอยู่ได้นานเป็นชั่วโมง
จึง
มักใช้ในระยะที่ทารกและรกคลอดออกมาแล้ว
เพราะถ้าทารกยังไม่คลอดจะทำให้ทารกเกิดภาวะขาดออกชิเจน
Syntometrine 1 ml. [ Syntocinon 5 unit และ Ergometrine maleate o.5 mg
ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ [IM]
syntocinon จะออกฤทธิ์ก่อน -> ทำให้มดลูกหดรัดตัวและรกลอกตัวเร็วขึ้น
ส่วน
Ergometrine
จะออกฤทธิ์ภายหลัง ->
ทำให้มดลูกหดรัดตัวแบบไม่คลาย ช่วยป้องกันการตกเลือดหลังคลอด
การทำคลอดรก
3.1 การเตรียมผู้คลอด
3.1.1.การเตรียมด้านจิตใจของผู้คลอด ควรแจ้งให้ผู้คลอดทราบว่าจะทำคลอดรกให้เพื่อผู้คลอดให้ความร่วมมือ
3.1.2 การเตรียมร่างกายผู้คลอด โดยกระเพาะปัสสาวะของผู้คลอดจะต้องว่าง จัดให้อยู่ในท่านอนหงายชันเข่า แยกขาออกจากกัน
3.1.3 เตรียมภาชนะที่จะรองรับรก เช่น ชามกลม หรือซามรูปไต วางไว้ชิดกับปากช่องคลอด
3.2 ทำคลอดรก
รกสามารถคลอดได้เองโดยอาศัยแรงเบ่งจากผู้คลอดช่วยผลักดันให้รกเคลื่อนต่ำลงสู่ช่องคลอด และเคลื่อนออกมาภายนอกด้วยแรงถ่วงของรกเอง (spontaneous delivery of placenta)
3 วิธี
3.2.1 Modified Crede' Maneuver หรือ Simple expression
นิยมปฏิบัติมากและผู้คลอดจะปลอดภัยมากที่สุด
หลักการคลอดรกใดยอาศัยมดลูกส่วนบนที่หดรัดตัวแข็งดันเอารกซึ่งอยู่ในส่วนล่างของทางคลอดออกมา
การตรวจรก และเยื่อหุ้มทารก
4.1 เพื่อตรวจว่า
รกและเยื่อหุ้มทารกคลอดครบหรือไม่
เพราะถ้า
ค้างอยู่ในโพรงมดลูกอาจทำเกิดภาวะแทรกซ้อน
Complication
การตกเลือดภายหลังคลอด มดลูกเข้าอู่ไม่ดี (subinvolution of uterus) และเกิดการอักเสบติดเชื้อภายในโพรงมดลูก
4.2
รกและเยื่อหุ้มทารก คลอดออกมาครบแล้ว
-> รีบตรวจการหดรัดตัวของมดลูก + ช่วย
คลึงมดลูกให้แข็งตัวและดันยอดมดลูกลงมา
-> เพื่อ
ไล่ก้อนเลือดที่อยู่ในโพรงมดลูกออก
ช่วยให้มดลูกว่างและหดรัดตัวดีเพราะก้อนเลือดที่ค้างอยู่จะไปขัดชวางการหดรัดตัวของมดลูก
การทำคลอดรก
ระยะที่ 4 ของการคลอด fourth stage of labor
Nursing Process
Assessment
ประเมินสภาพร่างกายของมารดา ควรประเมินทุก 15 นาที ในชั่วโมงแรกหลังคลอด และ ทุก 30 นาทีในชั่วโมงที่สอง
1.1 General Examination
1.1.3 General Appearance
1.1.2 ความดันโลหิต ชีพจร หายใจ ควรประเมินและบันทึกทุก 15 นาที ในชั่วโมงแรก แล้วประเมินทุก 30 นาทีในชั่วโมงที่สองหลังคลอด
1.1.3 อุณหภูมิของร่างกาย ภายหลังคลอดอุณหภูมิอาจสูงหรือต่ำกว่าปกติเล็กน้อยโดยอาจสูงถึง 38o C เรียกว่า reactionary fever ซึ่งพบได้ใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
1.1.4 ผิวหนัง ควรจะแห้งและอุ่น
ถ้าผิวหนังมีสีซีดอาจเป็นอาการแสดงของการเสียเลือดมากกว่าปกติ
1.1.5 ความเจ็บปวด (pain)
ในระยะนี้ผู้คลอดจะมีอาการเจ็บปวดบริเวณมดลูกเนื่องจากมดลูกมีการหดรัดตัวตามปกติ และปวดแผลบริเวณผีเย็บ ->
ประเมินความเจ็บปวด
1.2 การตรวจร่างกายเฉพาะที่
Uterus
1.2.1 มดลูก (uterus) โดยการตรวจดูการหดรัดตัวของมดลูกและระดับของมดลูกในระยะนี้มดลูกจะต้องมีการหดรัดตัวเป็นระยะอย่างสม่ำเสมอ ควรตรวจสอบการหดรัดตัวของมดลูกทุก15 นาทีใน 1 ชั่วโมง
Blood Loss
1.2.2 จำนวนเลือดที่ออกทางช่องคลอด (bleeding per vagina) ปกติจะมีการญเสียเลือดภายหลังรกคลอดแล้วประมาณ 100-200 ซีซี. และในระยะ 2 ชั่วโมงหลังคลอดจะมีออกได้อีก 100 ซีซี. ซึ่งรวมแล้วหญิงหลังคลอดจะเสียเลือดประมาณ 300 ซีซี.
ฝีเย็บ
1.2.3 ฝีเย็บ ในการคลอดฝีเย็บจะมีการฉีกขาดได้ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับกระบวนการคลอด ถ้าทารกคลอดช้าๆ ฝีเย็บที่นุ่มมีโอกาสยืดได้จนบาง การฉีกขาดจะมีได้น้อย แต่ถ้าทารกคลอดเร็วเกินไปหรือคลอดโดยใช้เครื่องมืออาจจะทำให้มีการฉีกขาดมาก
Bladder
1.2.4 กระเพาะปัสสาวะ ในระยะ 1-2 ชั่วโมงแรกหลังคลอดนี้ กระเพาะปัสสาวะควรจะว่าง เพราะถ้ากระเพาะปัสสาวะมีน้ำปัสสาวะเต็มจะขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูกทำให้มดลูกหดรัดตัวไม่ดี
Nursing Intervention การพยาบาล
2 ระยะ
2.1 การซ่อมแซมฝีเย็บ
ผู้คลอดที่ได้รับการตัดฝีเย็บ (Episiotomy) หรือมีการฉีกขาดของช่องทางคลอด
2.2 การพยาบาลที่หน่วย 2 ชั่วโมงหลังคลอด
2.2.1 จัดให้ผู้คลอดนอนศีรษะสูงเล็กน้อย (semi Fowler's position)
2.2.2 ดูแลสภาพร่างกายผู้คลอดให้สะอาด โดยเปลี่ยนผ้า
2.2.3 ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายผู้คลอด
2.2.4 ดูแลให้ผู้คลอดได้ดื่มน้ำ
โดยอาจจะเป็นน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ ซึ่งจะช่วยทดแทนโพแทสเซียมที่ร่างกายสูญเสียไปในขณะที่เหงื่อออกมากได้ แต่ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะและค่อย ๆ ดื่ม
อาหารอ่อนเช่น ข้าวต้ม หรือโจ๊กอุ่น ๆ
2.2.5 ส่งเสริมสัมพันธภาพของครอบครัว ในระยะนี้ควรนำบุตรมาไว้กับผู้คลอดและควรจะให้สามีหรือญาติช่วยดูแลด้วย
2.2.6 ให้ผู้คลอดได้พักผ่อน
2.2.7 การบันทึกรายงานการคลอดและอาการต่าง ๆ ของผู้คลอดในระยะ 2 ชั่วโมง
โดยก่อนย้ายพยาบาลจะต้อง
ประเมินสภาพที่สำคัญดังต่อไปนี้
2.2.8.1 ตรวจสอบการหดรัดตัวของมดลูก มดลูกจะต้องมีการหดตัวปกติและ
อยู่ต่ำกว่าระดับสะดือ คลึงมดลูกให้หดตัวเต็มที่และดันมดลูกเพื่อไล่ก้อนเลือดออกจากโพรงมดลูกอีก
ครั้งหนึ่ง
2.2.8.2 ตรวจดูกระเพาะปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะจะต้องว่างถ้าพบว่า
ปัสสาวะเต็มต้องกระตุ้นให้ผู้คลอดถ่ายปัสสาวะ
2.2.8.3 ตรวจสอบสัญญาณชีพ และสอบถามอาการผิดปกติที่อาจพบได้
เช่น อาการเวียนศีรษะ หน้ามืด จะเป็นลม
2.2.8.4 ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์อีกครั้งด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ แล้ว
เช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้
2.2.8 การย้ายผู้คลอดออกจากห้องคลอด ภายหลังดูแลครบ 2 ชั่วโมง แล้วถ้าไม่มี
อาการผิดปกติจะย้ายออกจากห้องคลอด
แผนการพยาบาล
1 มีใกาสเกิดการขาดสารน้ำและอาหารในระยะหลังคลอด เนื่องจาก
เจ็บครรภ์รุนแรง หรือมีอาการคลื่นไส้อาเจียน รับประทานอาหารไม่ได้
2 มีโอกาสตกเลือดหลังคลอดเนื่องจากมีแผลในโพรงมดลูก และแผล
ที่ฝีเย็บ
3 ไม่สุขสบายเนื่องจากปวดมดลูกและเจ็บแผลบริเวณผีเย็บ
การพยาบาล
ระยะตั้งแต่
รกคลอดถึง 2 ชั่วโมงหลังคลอด