บทที่9
การบาดเจ็บที่เกิดกับศีรษะและสมอง
การบาดเจ็บที่ศีรษะ (Head injury)
- การบาดเจ็บที่หนังศีรษะ (Scalp)
บวม ช้ำหรือโน (Contusion) เกิดจากแรงกระแทกจากวัตถุไมjมีคม
- แผลถลอก (Abrasion)
- แผลฉีกขาด (Laceration) เกิดจากวัตถุไมjคม
- แผลขอบเรียบ (Cut wound) เกิดจากวัตถุมีคม
- การบาดเจ็บต่กะโหลก (Skull)
กะโหลกศีรษะแตกร้าวเป็นแนว (Linear skull fracture)
กะโหลกแตกร้าวบริเวณฐาน (Basilar skull fracture)
กะโหลกศีรษะแตกยุบ (Depressed Skull fractures)
กะโหลกศีรษะแตกร้าวบริเวณรอยประสานของกะโหลกศีรษะ (Diastatic skull
fractures)
- การบาดเจ็บของสมอง หรือ สมองบาดเจ็บ (Traumatic brain injury; TBI)
การเปลี่ยนแปลงการทำงานของสมอง (Alteration in brain function)
Loss of conscious, LOC
Retrograde amnesia
อาการบกพร่องทางระบบประสาท
Mental state
พยาธิสภาพในสมอง อาจมองด้วยตาเปล่าหรือตรวจพบจากภาพรังสีหรือผลการตรวจ
ทาง ห้องปฏิบัติการที่บ่งถึงการบาดเจ็บที่สมอง
การบาดเจ็บที่มีสาเหตุจากแรงกระทบจากภายนอก
ภาวะสมองบาดเจ็บ
การบาดเจ็บระยะแรก (Primary brain injury)
การบาดเจ็บระยะที่สอง (Secondary brain injury)
การประเมินระดับความรุนแรงของสมองบาดเจ็บ
เป็นการบาดเจ็บของสมองที่เกิดขึ้นทันที
ภายหลังการบาดเจ็บ
ส่งผลให้เนื้อสมองและเซลล์ประสาทเสียหายเพิ่มขึ้น
การประเมินจากอาการและอาการแสดง (signs and symptoms)
. การประเมินจาก CT scan โดยแพทย์จะใช้ Marshall score
พยาธิสภาพ
สมองกระทบกระเทือน (Cerebral concussion)
ภาวะที่สมองได้รับความกระทบกระเทือนจากแรงที่มากระทบศีรษะ จะหมดสติเป็นระยะเวลาสั่น ๆ ประมาณ 2-3 วินาที
สมองช้ำ (Cerebral contusion)
เป็นภาวะที่สมองได้รับอันตรายจากแรงที่มากระทบศีรษะ มีความรุนแรงมากกว่าภาวะสมองกระทบกระเทือน โดยจะพบสมองชอกช้ำ บวม และมีเลือดออกเป็นจุด ๆ โดยไมมีการฉีกขาดของเยื่อหุ้มชั้นอแรคนอยด์ (Arachnoid mater) และเยื่อหุ้มเพีย
เนื้อสมองฉีกขาด (Cerebral Laceration)
การฉีกขาดของเนื้อสมองร่วมกับการฉีกขาดของเยื่อหุ้มสมองชั้น Arachnoid mater และ Pia mater จากกะโหลกแตกยุบแล้วมีการทำลายเนื้อสมองและเยื่อหุ้มสมองโดยตรง โดยเฉพาะบริเวณกะโหลกที่มีกระดูกยื่นนูน
การบาดเจ็บทั่วไปบริเวณเนื้อสมองส่วนสีขาว (Diffused white matter injury)
ทำให้หมดสติทันทีมีการชอกช้ำ ฉีกขาดของเนื้อสมองหรือมี
ก่อนเลือดในสมองร่วม
Diffuse axonal injury (DAI)
เกิดจากการฉีกขาดของใยประสาทที่นำกระแส
ประสาทออกจากตัวเซลล์หรือแอกซอน (Axon) เนื่องจากมีแรงเร่ง-แรงเฉื่อย (Acceleration deceleration) อย่างรวดเร็ว
ก้อนเลือดในโพรงกะโหลกศีรษะ (Intracranial hematoma)
1) กเอนเลือดเหนือเยื่อดูรา (Epidural hematoma, EDH)
2) ก้อนเลือดใต้เยื่อดูรา (Subdural hematoma, SDH)
3) ก้อนเลือดใต้ชั้นอแรคนอยด์(Subarachnoid hemorrhage, SAH)
4) ก้อนเลือดภายในเนื้อสมอง (Intracerebral hematoma, ICH)
5) เลือดออกในโพรงสมอง (Intraventricular hemorrhage, IVH)
ภาวะสมองบวม (Brain edema)
เซลล์เนื้อเยื่อบวม
มีการทำลายโครงสร้างและหน้าที่ของ Blood Brain Barrier ทำให้ความสามารถในการซึมผ่าน ของสารน้ำนอกหลอดเลือดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้น้ำและโปรตีนรั่วเข้าไปในช้องว่างระหว่างเซลล์(Intercellular space) เกิดการบวมของเนื้อเยื่อระหว่างเซลล์สมอง
การบวมในเซลล
เซลล์สมองได้รับออกซิเจนและน้ำตาลกลูโคสไม่เพียงพอ ทำให้กระบวนการ Metabolismแปรปรวน เซลล์สมองขาดพลังงาน ATP ทำให้ Sodium-potassium pump ที่ผนังเซลล์ทำงานไม่ได้ส่งผลให้เกิดการสะสมสารน้ำในเซลล์(Intracellular accumulation)
ภาวะสมองเคลื่อน (Brain displacement or Brain herniation)
Cingulate herniation (Subfalcine herniation)
Central herniation
Uncal herniation (Lateral transtentorial herniation)
Tonsillar herniation
ภาวะสมองขาดเลือด (Cerebral ischemia)
กลไกการปรับตัวเพื่อรักษาเลือดที่มาเลี้ยงสมองให้เพียงพอทำให้เกิดการคั่งของ
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซดบริเวณที่เนื้อเยื่อสมองได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่พอจะมีการแตกสลายของเซลล์
ก่อให้เกิดของเสีย
ภาวะความดันในกะโหลกสูง (Increase Intracranial Pressure หรือ IICP)
อาการ/อาการแสดง
ปวดศีรษะ
ระยะท้าย
ระยะแรก
ปวดศีรษะมากโดยเฉพาะตอนเช้า
ปวดศีรษะเป็นช่วงๆ
ร่างกายจะมีกระบวนการชดเชย 2 กลไก
กลไกที่ 1 การปรับชดเชยของน้ำไขสันหลัง
รางกายจะปรับตัวโดยการขยับเลื่อนน้ำไขสันหลังไหลออกจากโพรง Subarachnoid ของสมองและห้องสมองต่างๆ ลงไปยังโพรง Subarachnoid ของไขสันหลัง
คอรอยด์ เพล็กซัส (Choroid plexus)ในห้องสมองจะลดการผลิตน้ำไขสันหลังลง ขณะเดียวกันก็จะเพิ่มการดูดซึมที่อะแรชนอยด์ วิลไล(Arachnoid villi) มากขึ้น
กลไกที่ 2 เป็นการลดปริมาณเลือดไหลเวียนในสมอง (CBF)
โดยเลือดดำจะเปลี่ยนทิศทางการ
ไหลเวียนออกจากสมองส่วนที่มีพยาธิสภาพเข้าไปในแอ่งเลือดที่อยู่ไกลออกไป
ระดับความรู้สึกเปลี่ยนแปลง
ระยะแรก
กระสับกระส่าย สับสน ง่วงซึม ไม่รู้วัน เวลา สถานที่ และบุคคล
ระยะท้าย
หมดสะติ
ต่าพร่ามัวและจ่อประสาทตาบวม
รูม่านตาผิดปกตื
ระยะแรก
ขยายข้างเดียวกับรอยโรค
ระยะท้าย
ขยายทั้ง 2 ข้างและไม่พบปฏิกิกริยาต่อแสง
สัญญาณชีพเปลี่ยนแปลง
กำลังกล้ามเนื้อผิดปกติ
ระยะแรก
อ่อนแรงด้านตรงข้ามรอยโรค
ระยะท้าย
ไม่มีการเคลื่อนไหว
อาเจียน
ระยะท้าย
อาเจียนพุ่ง
ภาวะหลอดเลือดสมองผิดปกติ
Ischemic stroke
เกิดจากอุดตันหรือตีบแคบของหลอดเลือดส่งผลให้เนื้อเยื่อสมองขาดอาหารและออกซิเจน เมื่อสมองขาดเลือดไปเลี้ยงเป้นเวลานานก็จะเกิด
เนื้อตายตามมา
โรคหลอดเลือดขาดเลือดจากภาวะหลอดเลือดสมองตีบ (Cerebral
thrombosis / Thrombotic stroke)
โรคหลอดเลือดขาดเลือดจากภาวะหลอดเลือดสมองอุดตัน (Embolic
Strokes / Occlusive stroke)
Hemorrhagic Stroke
เลือดออกในสมองใหญ่ (Intracerebral hemorrhage)
เกิดจากภาวะ
ความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว
เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง (Subarachnoid hemorrhage)
เกิดจาก
หลอดเลือดผิดปกติ
อาการของภาวะเลือดออกในสมอง
ปวดศีรษะ อาการนี้พบได้บ่อยโดยจะพบมากในกลุ่มที่มีกก่อนเลือดขนาดใหญ
อาเจียน
การระคายเคืองเยื่อหุ้มสมอง (Meningism)
หยุดหายใจ (Apnea)
การติดเชื้อในระบบประสาท
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis)
อาการและอาการแสดง
เบื่ออาหาร หนาวสั่น และมีไข้สูง
อาการชัก ปวดศีรษะมากและปวดที่บริเวณคอร่วมด้วย ซึมลง
เป็นการอักเสบของเยื่อหุ้มสมอง หากเกิดจากเชื้อ
แบคทีเรียจะอันตรายที่สุด ส่วนเชื้อไวรัส เชื้อรา หรือการอักเสบจากสารเคมีหรือสารพิษ
เนื้อเยื่อสมองอักเสบ หรือสมองอักเสบ (Encephalitis)
การอักเสบของเนื้อสมองซึ่งอาจเกิดทั้งสมองหรือบางส่วนของเนื้อสมอง สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย เชื้อราหรือโปรโตซัว และสาเหตุอื่นที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ
ฝีในสมอง (Brain abscess)
อาการและอาการแสดง
ปวดศีรษะ
เกิดภาวะสมองบวม และความดันในกะโหลกศีรษะสูง
การอักเสบติดเชื้อในเนื้อสมอง และมีการรวมตัวของ
infected material ทำให้เกิดโพรงหนองขึ้นภายในเนื้อสมอง
ภาวะชัก
ความเสื่อมของระบบประสาท (Neurodegenerative disorder)
อาการชักที่เกิดขึ้นกับสมองทั้ง 2 ซีก
อาการชักแบบเหม่อลอย (Absence Seizures)
มักเกิดขึ้นในเด็ก อาการเด่นที่พบ คือ
การเหม่อลอย หรือมีการขยับเขยื้อนร่างกายเพียงเล็กน้อย
อาการชักแบบชักเกร็ง (Tonic Seizures)
ทำให้เกิดอาการเกร็งของ
กล้ามเนื้อ โดยมักจะเกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อบริเวณหลัง แขนและขา จนทำให้ผู้ป่วยล้มลงได้
อาการชักแบบกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Atonic Seizures)
กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อขณะเกิดอาการได้
อาการชักแบบชักกระตุก (Clonic Seizures)
อาการชักที่ก้อให้เกิดการเคลื่อนไหว
ของกล้ามเนื้อที่ผิดปกต
อาการชักแบบชักกระตุกและเกร็ง (Tonic-clonic Seizures)
ส่งผลต่อ
กล้ามเนื้อในร่างกายทุกส่วน ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อเกร็งและกระตุก
ภาวะสมองเสื่อม (Dementia syndrome
การเปลี่ยนแปลงดานโครงสร้างสมอง ซึ่งสาวนใหญ่จะเกิดบริเวณเปลือกสมอง โดย
จะพบการเปลี่ยนแปลง
Cortical atrophy
น้ำหนักของสมองลดลง
รอยนูน (Gyrus) แคบและร่องสมอง (Sulcus) กว้างขึ้น
Ventricle มีขนาดใหญ่ขึ้น
มีการสูญเสียเซลล์ประสาท
การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างในเซลล์(Cytoskeletal structure)
Neurofibrillary tangle, NFTs
Amyloid plaques
Amyloid angiopathy
Parkinson’s disease
อาการ
อาการสั่น (Tremor) โดยจะมีอาการสั่นขณะพัก (Resting tremor)
อาการแข็งเกร็ง (Rigidity) ของกล้ามเนื้อแขนขาและลำตัว
การเคลื่อนไหวช้า (Bradykinesia) และน้อย (Hypokinesia)
ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล ไม่มีความสุข รู้สึกกระวน
กระวายใจ
กลุ่มโรคที่เกิดจากการเสื่อมของเซลล์ประสาท
(Neurodegenerative disorder) ในสมองส่วนที่ส้างสารสื่อประสาทโดปามีน (Dopamine)