Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ผู้ป่วยหญิง Bedridden เตียง 21 อายุ 72 ปี Dx: UTI with Pneumonia -…
ผู้ป่วยหญิง Bedridden เตียง 21 อายุ 72 ปี
Dx: UTI with Pneumonia
Pneumonia
อาการ
หายใจลำบาก
เจ็บหน้าอก
ไอ อาจมีเลือดหรือนอง มีเสมหะ
การรักษา
ให้ยาละลายเสมหะและยาขยายหลอดลมตามแผนการรักษา ให้ยาปฏิชีวนะ ให้ยาแก้ปวดลดไข้ บันทึกสัญญาณชีพทุก 2 ถึง 4 ชั่วโมงหรือแล้วแต่สภาพของผู้ป่วย
กระตุ้นให้ผู้ป่วยเปลี่ยนท่าบ่อยบ่อยทุกหนึ่งถึง 2 ชั่วโมงจัดให้นอนศีรษะสูง
วินิจฉัย
ตรวจและเพาะเชื้อจากเสมหะและเลือด
CBC,WBC
ตรวจนับเม็ดเลือดขาว
สาเหตุของภาวะปอดอักเสบ ได้แก่ เชื้อแบคทีเรียและไวรัส เชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อย คือ เชื้อStreptococcus pneumoniaeส่วนไวรัสที่ทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบบ่อยที่สุดคือ Cytomegalovirus ซึ่งมักพบในผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยที่ได้รับการเปลี่ยนอวัยวะ ผู้ป่วยโรคเอดส์และผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านมะเร็ง ส่วนในผู้ป่วยโรคเอดส์หรือผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกัน จะพบเชื้อ Pneumocystis cariniiบ่อยที่สุดปอดอักเสบ มีสาเหตุจากเชื้อโรคหรือสารเคมีเข้าไปในปอด
พยาธิ
ระยะที่ 1 ระยะเลือดคั่ง
พบใน 12-24 ชั่วโมงแรกหลังจากเชื้อแบคทีเรียเข้าไปในถุงลมและมีการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันจะมีปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายเกิดขึ้นโดยมีเลือดคั่งในบริเวณที่มีการอักเสบและ
มี Cellular Exudate เข้าไปในถุงลม(Exudate ประกอบด้วย เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว แบคทีเรีย และไฟบริน)ระยะนี้อาจมีเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่กระแสเลือด (Bacteremia)
ระยะที่ 2 ระยะปอดแข็งตัว(Hepatization)
ระยะปอดแข็งตัวนี้เกิดขึ้นในวันที่ 2-3 ของโรคระยะแรกจะพบว่ามีเม็ดเลือดแดงและไฟบรินอยู่ในถุงลมเป็นส่วนใหญ่หลอดเลือดฝอยของปอดที่ผนังถุงลมจะขยายตัวออกมากทำให้เนื้อปอดมีสีแดงจัด เรียกว่า Red Hepatization ในรายที่มีการอักเสบอย่างรุนแรงจะมีการอักเสบมากขึ้น หลอดเลือดฝอยของปอดที่ผนังถุงลมมีขนาดเล็กลง ทำให้เนื้อปอดเปลี่ยนเป็นสีเทา เรียกว่า Gray Hepatizationซึ่งจะตรงกับวันที่ 4-5 ของโรค ระยะนี้กินเวลาประมาณ 3-5 วัน
ระยะที่ 3 ระยะฟื้นตัว(Resolution)
ในวันที่ 7-10 ของโรคเมื่อร่างกายมีภูมิต้านทานโรคเกิดขึ้น เม็ดเลือดขาวสามารถทำลายแบคทีเรียที่อยู่ในถุงลมให้หมดและเริ่มสลายตัว ขณะเดียวกันจะมีเอ็นไซม์ออกมาละลายไฟบริน exudates ส่วนใหญ่จะถูกกำจัดออกจากบริเวณที่มีการอักเสบโดยเซลล์ชนิดโมโนนิวเคลียร์ที่เหลือจะหลุดออกมาเป็นเสมหะขณะไอระยะนี้การอักเสบที่เยื่อหุ้มปอดจะหายไปหรือมีพังผืดเกิดขึ้นแทนพยาธิสภาพของปอดอักเสบติดเชื้อจาก Diplococus pneumoniaมักจะกลับคืนเป็นปกติได้ นอกจากในรายที่มีการทำลายเนื้อเยื่อต่างๆอย่างมาก จะทำให้เกิดพังผืดขึ้นในส่วนที่เคยมีการอักเสบนั้น
UTI (Urinary Tract infection)
อาการ
แรกรับ มีไข้ 38 องศา
ปัสสาวะมีสีเข้ม
ปัสสาวะน้อย
วินิจฉัย
WBC >100 cell/HPF
Bacteria numerous
Pseudohyphae with budding Moderate
การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ คือการตอบสนองของการอักเสบของเยื่อของเยื่อบุผิวระบบทางเดินปัสสาวะต่อการบุกเข้าของแบคทีเรียมักตรวจพบว่ามีแบคทีเรียและเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะ
Dx:UTI sepsis with Pneumonia บทางเดินปัสสาวะ
การทำความสะอาดอวัยวะการทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ไม่ถูกต้องและไม่สะอาด
มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายนอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆที่เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะเช่นการร่วมเพศและการกลั้นปัสสาวะบ่อยบ่อยก็สามารถหกการเกิดUTI ได้ เช่นกันมักพบได้ในผู้ป่วยสูงอายุหรือมีปัจจัยอื่นๆที่ทำให้ความสามารถของภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำลง
การรักษา
ให้ให้ยาปฏิชีวนะ Ceftriaxone 2 g vein OD
ตรวจ CBC เพื่อสังเกตอาการการติดเชื้อต่อ
แพลนทำ H/C เพื่อคิดตามอาการติดเชื้อในร่างกาย