Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กรณีศึกษาที่3 Borderline personality disorders - Coggle Diagram
กรณีศึกษาที่3 Borderline personality disorders
หลักการพยาบาลผู้ป่วยตามกรณีศึกษา
หลักการพยาบาลผู้ป่วยบุคลิกภาพผิดปกติ
1)การให้เรียนรู้จากแบบอย่างของพฤติกรรมที่กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม (Assertive behavior)
2) แนะนําการแสดงความคิดเห็นต่อผู้อื่นด้วยวิธีการที่เป็นที่ยอมรับได้ในสังคม
3) ให้เลือกและทดลองใช้เทคนิคการแก้ปัญหาแบบใช้เหตุผลโดยแก้ที่ต้นเหตุของปัญหา
4)ให้เลือกวิธีการผ่อนคลายความเครียดที่เหมาะสมกับตนเอง โดยพยาบาลเป็นผู้แนะนําเทคนิคการคลายเครียด ต่างๆ ให้
5) ฝึกให้แสดงบทบาทสมมติ (Role play) เกี่ยวกับทักษะที่เหมาะสมในการดําเนินชีวิต
6) ชมเชยและให้แรงเสริมทางบวกในทุกๆ พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
7)แนะนําว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมควรกําหนดเป้าหมายที่ทําได้ไม่ยากและสามารถที่จะทําได้สําเร็จใน ระยะเวลาสั้นๆ
8 )แนะนําผู้ป่วยและครอบครัวในการฝึกทักษะทางสังคมอย่างเหมาะสมกับผู้อื่น เช่น ทักษะการกล้าแสดงออก อย่างเหมาะสมในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น
9) แนะนําครอบครัวในการฝึกผู้ป่วยให้ตัดสินใจในเรื่องต่างๆด้วยตนเองเช่น การรับประทานยา การมาพบแพทย์ ตามนัด เพื่อเพิ่มความสามารถในการรับผิดชอบตนเอง
10) แนะนําครอบครัวให้เข้าใจและให้กําลังใจผู้ป่วย
11) แนะนําครอบครัวสังเกตพฤติกรรมของผู้ป่วย หากมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายให้ นําส่งโรงพยาบาล
12) แนะนําแหล่งช่วยเหลือที่มีอยู่ในชุมชน
หลักการพยาบาลผู้ป่วยคิดฆ่าตัวตาย
1.สร้างสัมพันธภาพเมื่อพบกับผู้ที่พยายามฆ่าตัวตายในครั้งแรก ซึ่งพยาบาลต้องมีทักษะในการสื่อสารเพื่อการบําบัด ซึ่งมีองค์ประกอบทั้ง 7 ข้อ ได้แก่ ฟังอย่างตั้งใจ ใส่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน ให้ความสนใจ รับรู้ อารมณ์ ความรู้สึก มีการใช้คําถามปลายเปิด เอื้อให้ผู้ป่วยมีการเปิดเผยตัวเอง
2.ส่งเสริมและให้กําลังใจผู้ที่พยายามฆ่าตัวตาย ให้เห็นคุณค่าในตนเองโดยมองให้เห็นข้อดีของตนเอง ความสามารถหรือศักยภาพที่มีอยู่ ช่วยบรรเทาความเครียดที่ทําให้เกิดพฤติกรรมการฆ่าตัวตาย
3.ให้ผู้ที่พยายามฆ่าตัวตาย ทําข้อสัญญาว่าจะไม่ทําร้ายตนเองอีก ซึ่งต้อง ระมัดระวังในการทําสัญญาเพราะผู้ที่พยายาม ฆ่าตัวตายอาจะมีความรู้สึกผิด ความไม่ปลอดภัยต่อผู้ให้การบําบัด
4.ช่วยกระตุ้นให้ผู้ที่พยายามฆ่าตัวตายเข้าร่วมกิจกรรมที่ระบายออกของความตึงเครียด และความโกรธ การเข้าร่วมกิจกรรมที่ชอบ เช่น การเล่นกีฬา การออกกําลังกาย
5.ส่งเสริมให้ครอบครัวและญาติมีส่วนร่วมในการดูแลให้กําลังใจแก่ผู้ที่พยายามฆ่าตัวตายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผู้ที่พยายามฆ่าตัวตายเกิดความรู้สึกอบอุ่นใจมีที่พึ่งทางใจไม่คิดฆ่าตัวตายช้ำ
6.การดูแลด้านจิตวิญญาณ เมื่อผู้ที่พยายามฆ่าตัวตายได้รอดชีวิตจากการฆ่าตัวตายพยาบาลควรให้การสนับสนุนความเชื่อด้านวัฒนธรรม และศาสนาของผู้ที่พยายามฆ่าตัวตาย ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ไม่มีความคิดฆ่าตัวตายซ้ำได้
7.การให้สุขศึกษาแก่ผู้ที่พยายามฆ่าตัวตายและครอบครัว เช่นกาวะโรคร่วม โรคติดสุรา โรคซึมเศร้า เนื่องจากพบว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่กระตุ้นให้เกิดการฆ่าตัวตายช้ำได้
8.การดูแลต่อเนื่องในชุมชนด้วยการส่งต่อให้ทีมเยี่ยมบ้าน หรือสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน เพื่อเป็นการเฝ้าระวังการฆ่าตัวตายซ้ำ เมื่อกลับไปอยู่ในชุมชน
หลักการพยาบาลผู้ป่วยแสดงอารมณ์ไม่เหมาะสม
การใช้เทคนิคในการติดต่อสื่อสาร
การเรียกชื่อและบอกให้ผู้ป่วยนั่งลง การใช้คําพูด ด้วยท่าทีสงบใช้น้ําเสียงโทนต่ำ ไม่ใช้เสียงแข่งกับผู้ป่วย พูดช้าลง การใช้คําพูดนุ่มนวลชัดเจนประโยคสั้นกระชับ ไม่ด่วนแปลความ แต่เน้นให้ผู้ป่วยได้ระบายความรู้สึกและพยาบาลแสดงออกถึงการรับฟัง การรับรู้ถึงความรู้สึกของผู้ป่วยให้ความมั่นใจว่าพร้อมจะช่วยเหลือ
การปรับสิ่งแวดล้อม
การจัดพื้นที่ที่ไม่แออัดเกินไป การให้ผู้ป่วยมีพื้นที่ส่วนตัวการเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับผู้รับบริการ การให้ผู้รับบริการได้ดูโทรทัศน์ในรายการที่เหมาะสม จะช่วยลดพฤติกรรก้าวร้าวได้ ส่วนการจัดห้องที่เงียบสงบร่วมกับการใช้ดนตรีเพื่อการผ่อนคลาย การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีลักษณะอ่อนนุ่มให้ความรู้สึกสุขสบาย จะช่วยเพิ่มความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยให้กับผู้ป่วย
การปรับพฤติกรรม
1) กําหนดขอบเขตเฉพาะพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดผลเสียหาย
2) กําหนดขอบเขตให้ชัดเจน และบอกให้ผู้ป่วยทราบ
3) เสนอทางเลือกให้ผู้ป่วย
4) อย่ากล่าวโทษหรือโต้เถียงต่อคําแก้ตัวของผู้ป่วย
5) หลีกเลี่ยงการเผยแพร่พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้ป่วยในที่สาธารณะ
6)เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบทั้งหมดจะต้องได้ตัวอย่างการจํากัดพฤติกรรม"คุณโกรธเพื่อนได้ แต่คุณทําร้ายเพื่อนไม่ได้ หากคุณไม่สามารถควบคุมความโกรธได้ เจ้าหน้าที่สามารถช่วยคุณได้”
ความหมาย
ภาวะบุคลิกภาพผิดปกติชนิดก้ำกึ่ง เป็นความผิดปกติทางจิตที่ส่งผลต่อความคิดและความรู้สึกที่ผู้ป่วยมีต่อ ตนเองและผู้อื่น ผู้ป่วยอาจมีอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ อารมณ์รุนแรง หุนหันพลันแล่น มีความคิดและนิสัยไม่คงที่ ซึ่ง ส่งผลให้มีปัญหาในการรักษาความสัมพันธ์กับผู้อื่นและการใช้ชีวิตประจําวัน โดยมักพบได้ในวัยผู้ใหญ่และอาจมี อาการดีขึ้นเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น
พยาธิสภาพของโรค และเปรียบเทียบพยาธิสภาพกับกรณีศึกษา
ทฤษฎี
สาเหตุ
พันธุกรรมเป็นสาเหตุที่สําคัญและพบว่าโรคนี้มี ความสัมพันธ์กับโรคอารมณ์แปรปรวน lmpulse disorders มีพัฒนาการผิดปกติในวัยเด็กโดยเฉพาะเด็กที่ถูกทํา ร่างกายและทางเพศ รวมทั้งบิดามารดา มีเรื่อง บาดหมางกัน
จากบิดามารหรือถูกทอดทิ้ง
อาการ
1.มีความพยายามอย่างบ้าคลั่งเพื่อหลีกเลี่ยงการถูก ทอดทิ้ง (ไม่รวมพฤติกรรมการฆ่าตัวตายหรือการทํา ร้ายตัวเอง)
2.แบบแผนของสัมพันธภาพระหว่างบุคคลไม่แน่นอน โดยอาจจะดีที่สุดหรือเลวร้ายที่สุดก็ได้
3.มีความแปรปรวนในเอกลักษณ์แห่งตน การมอง ภาพลักษณ์ของตนเองหรือความรู้สึกต่อตนเองไม่ แน่นอน
4.มีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นที่ควบคุมไม่ได้และอาจ ทําให้เกิดความเสียหายต่อตนเอง อย่างน้อย 2 อย่าง เช่นใช้จ่ายเงิน สําส่อนทางเพศ ใช้สารเสพติด ขับรถ โดยไม่ระมัดระวัง และดื่มสุราจัด เป็นต้น
5.มีพฤติกรรมการฆ่าตัวตายซ้ำๆ แสดงท่าทาง ข่มขู่ หรือจงใจที่จะทําร้ายตนเอง
6.อารมณ์ไม่มั่นคงเปลี่ยนแปลงง่าย
กรณีศึกษา
สาเหตุ
ไม่สามารถระบุสาเหตุได้ เนื่องจากไม่มีข้อมูลในกรณีศึกษา
อาการ
1.ผู้ป่วยพกมีดไปด้วยเพราะคิดว่าช่วงนี้แฟนมี พฤติกรรมห่างเหินกับตน
2.ผู้ป่วยมักเปลี่ยนกลุ่มเพื่อนบ่อย เพราะคิดว่าเพื่อน กลุ่มเดิมไม่ดี เพื่อนคนอื่นดีกว่า แต่ไม่นานก็รู้สึกว่า เพื่อนกลุ่มที่คิดว่าดีนั้นไม่ดีอีกแล้ว
3.ไม่มีอาการ
4.ไม่มีอาการ
5.ร้องไห้ฟูมฟายว่าจะฆ่าตัวตาย และผู้ป่วยพยายาม กรีดแขนตัวเอง
6.เมื่อต้องพึ่งพาใครจะรู้สึกว่าคนนั้นดีมากๆ แต่เมื่อมี เรื่องไม่พอใจจะรู้สึกโกรธมาก และไม่เห็นความดีของ คนนั้นอีกเลย ผู้ป่วยมักเปลี่ยนกลุ่มเพื่อนบ่อย เพราะ คิดว่าเพื่อนกลุ่มเดิมไม่ดี เพื่อนคนอื่นดีกว่า
การรักษาและการเปรียบเทียบกับการรักษาที่ผู้ป่วยได้รับ
Lorazepam 2 mg. 2 tab oral hs
ยาลอร่า2แพม (Lorazepam) เป็นยาในกลุ่ม Antianxiety
กลุ่มย่อย Benzodiazepines ชื่อทางการค้า Ativan ออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลางจึงยั้บยั้งการทำงานของเซลล์ประสาท ส่งผลให้ลดความวิตกกังวล ทำให้ง่วง ต้านอาการชัก คลายกล้ามเนื้อ และอาจเกิดภาวะเสียความจำชั่วขณะ
ข้อบ่งชี้
ใช้รักษาผู้ป่วยกระวนกระวาย โรควิตกกังวลและโรคชัก
วิธีใช้ยา
ขนาดของยาชนิดนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบของตัวยาว่าเป็นยาเม็ด ยาน้ำ หรือยาฉีด ควรรับประทาน LOrazepam ให้เท่ากับที่แพทย์สั่งจ่ายมาให้ ยาเม็ด Lorazepam มีขนาด 0.5มิลลิกรัม 1 มิลลิกรัม และ 2 มิลลิกรัม
ข้อควรระวังในการใช้ยา
การรับประทานการรับประทานยาลอร่าสิแปมร่วมกับยาในโรคโอปิออยด์ opioid หรืหรือกลุ่มยาแก้ปวดที่ไปรับยังสัญญาณความเจ็บปวดที่เข้าสู่สมองเช่น Codeine, Hydrocodone อาจเพิ่มอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงร้ายแรง รวมถึงการเสียชีวิตเพื่อความเสี่ยงดังกล่าวแพาย์จะให้รับประทานยารอล่าสิแพมขนาดยาที่ต่ำที่สุด
ผลข้ผลข้างเคียงของยา
ลมพิษ หายใจลำบาก มีอาการบวมในบริเวณใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น
การพยาบาล
ให้ความรู้ผู้ป่วยเรื่องอาการข้างเคียงของยา เช่น ยาจะกดการทำงานของระบบประสาทส่วนกลางทำให้มีอาการง่วงซึม ทำให้ความสามารถในการคิด จำและการตัดสินใจลดลง สมาธิลดลง ควบคุมแขนขาไม่สัมพันธ์กันไม่มีแรง
ดูแลระมัดระวังอันตรายต่างๆหากผู้ป่วยต้องกลับไปรับยาที่บ้านแนะนำหลีกเลี่ยงการขับรถการใช้ของมีคมเพราะยามีผลทำให้ง่วงนอน
ดูแลไม่ให้ใช้ยาร่วมกับยากดประสาท ยานอนหลับ สุรา
แนะนำผู้ป่วยที่ติดยาเนื่องจากต้องใช้ยาเป็นเวลานานและปริมาณสูงให้ไม่ให้หยุดยาเอง เพื่อป้องกันอาการขาดยา ควรให้แพทย์เป็นผู้ลดยาให้
ทำไมควรได้รับยา lorazepam
ผู้ผู้ป่วยมีอาการวิตกกังวลอารมณ์แปรปรวนจึงได้รับยา lorazepam เพราะตัวยามีฤทธิ์ช่วยให้ผ่อนคลาย
Fluoxetine 20mg.1tab oral of.pc.เช้า กลุ่ม Antidepressant
( SSRIs-SelectiveSerotoninReuptakeInhibitors )การออกฤทธิ์ของ Fluoxetine คือ จะเข้าไปยับยั้งการดูดซึมกลับของสาร Serotonin ทําให้ระดับ Serotonin ในร่างกายสมดุล
ข้อบ่งชี้
ใช้รักษาโรคทางจิตเวชหลายโรคเกิดจากการขาดสาร Serotonin
ผลข้างเคียง
คลื่นไส้ ง่วงนอน เวียนศีรษะ วิตกกังวล นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เหงื่อออก
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยา
1.ผลต่อสมอง มึนง่วง นอนไม่หลับ แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานยาในตอนเช้าหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน สอนเทคนิคคลายเครียดให้ผู้ป่วยใช้ก่อนนอน
2.ปวดศรี ษะ รายงานให้แพทย์ทราบ
3.น้ําหนักลดให้รับประมานอาหารให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
4.ความต้องการทางเพศลดลง เสื่อมสมรภาพทางเพศ ให้ผู้ป่วยพูดถึงความรู้สึก รายงานเเพทย์ให้ทราบ เพื่อให้การช่วยเหลือ
ทําไมควรได้รับยา fluoxetine
ผู้ป่วยพยายามทําร้ายตนเอง จึงควรได้รับยา fluoxetine เพราะยาช่วยลดความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย หรือเรียกอีกอย่างว่ายาต้านเศร้า เป็นยาที่มีผลข้างเคียงไม่รุนแรงและผลข้างเคียงเหล่านั้นสามารถหายได้เองหากใช้ ยาไประยะหนึ่ง
ชื่อทางการค้า
แอนแซก(Anzac) ฟลูออกซีน(Fluzac) ฟลูแซก(Prozac
(congnitive Behavioral therapy) ปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมบำบัด
การใช้พฤติกรรมบำบัดบำบัดเป็นการมุ่งเน้นถึงสถานการณ์ความเครียดในปัจจุบัน และประสบการณ์ด้านลบในวัยเด็ก เรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองให้เกิดความสุขในชีวิตและเป็นที่ยอมรับในสังคม โดยใช้เทคนิคการปรับพฤติกรรมต่างๆ เช่น assertive behavior และ social skill training ในผู้ป่วย advoidance personality dissorder
แนวคิดพื้นของการบำบัดรักษาด้วย CBT
การบำบัดด้วย CBT เชื่อว่าความคิดที่บิดเบือนไปจากความเป็นจริงหรือ dysfunction thinking ทำให้เกิดผลกระทบต่ออารมณ์มนุษย์ โดยในโรคทางจิตเวชส่วนใหญ่จะพบลักษณะความคิดที่บิดเบือนไปบางประการ ดังนั้นแนวทางในการบำบัด คือ ถ้าสามารถประเมิน (evaluate) ความคิดให้ถูกต้องตามความเป็นจริงหรืออยู่ในโลกของความเป็นจริงได้ (realistic) อาการเกี่ยวกับ emotion,behavior ของผู้ป่วยก็จะดีขึ้น โดยขั้นตอนคือการทำให้ผู้ป่วยเข้าใจก่อนว่าความคิดนั้นมีความ dysfunctional อย่างไรแล้วให้ประเมินและแก้ไขให้ดีขึ้น
CBT เป็นการรักษาที่ใช้การผสมผสานระหว่างเทคนิคการปรับความคิดและการปรับพฤติกรรม ซึ่งในการรักษาทำหน้าที่ชี้แนะให้ผู้ป่วยได้เข้าใจรูปแบบต่างๆของความคิดที่เบี่ยงเบนและพฤติกรรมผิดปกติ โดยอภิปรายโต้แย้งความคิดที่ผิดปกติอย่างเป็นระบบ ประกอบกับการให้ผู้ป่วยฝึกทำกิจกรรมต่างๆ เป็นการบ้าน เพื่อช่วยให้เขาประเมิน ปรับเปลี่ยนความคิดที่เบี่ยงเบนและพฤติกรรมที่ผิดปกติด้วยตนเอง
Congnitive therapy เป็นจิตบำบัด (psychotherapy) แขนงหนึ่งที่มุ่งความสนใจที่ dysfunctional thinking โดยเฉพาะโรคต่างๆที่เกี่ยวข้องกับความคิดที่บิดเบือนไป และการที่คนรู้สึก คิด หรือมีพฤติกรรมอย่างไรนั้น เกิดจากการที่บุคคลเติบโตหรือมีประสบการณ์มาอย่างไร Dysfunctional thinking ในระดับของ automic thought หากสามารถเข้าใจและแก้ไขได้อาการของผู้ป่วยก็จะดีขึ้น แต่ถ้าหากแก้ไขได้ในระดับความเชื่อก็ยิ่งจะทำให้อาการดีขึ้นอย่างคงทนยืนนาน
การทำ cognitive model ให้ได้ผลดีต้องมีการทำ congnitive conceptualization โดยการใช้ cognitive model มาใช้กับผู้ป่วยให้เข้าใจโรคหรือปัญหาของตนเอง เช่น การบำบัดผู้ป่วย depression ก็จะดูว่าผู้ป่วยมี cognitive model หรือมีวิธีคิดและมองโลกอย่างไร ทั้งนี้ในแต่ละคนก็จะใช้ cognitive model ที่ต่างกันไป และเมื่อพบเหตุการณ์ก็จะมีวิธีคิดและตีความแตกต่างกันไป
โรคทางจิตเวชที่มีงานวิจัยสนับสนุนว่าบำบัดด้วย CBT ได้ผลดี
Major depression
Generalized anxiety disorder
Panic disorder
Socail phibia
Substance abuse
Eating disorder
ขั้นตอนการบำบัดด้วย CBT
1.ตั้งagenda และอธิบายเหตุผลของ agenda
2.ทบทวนอาการโรคซึมเศร้าที่ผู้ป่วยประสบอยู่
3.ถามข้อมูลผู้ป่วยเพิ่มเติมเพื่อนำไปใช้ในการทำ Case conceptualization
4.ค้นหาปัญหาผู้ป่วยและตั้งเป้าหมายร่วมกัน
5.ให้ความรู้เกี่ยวกับ cognitive model
6.ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคซึมเศร้า
7.ให้การบ้านและอธิบายวัตถุประสงค์
8.สรุปและให้ผู้ป่วย feedback
Homework
บันทึกอารมณ์และกิจกรรมที่ผู้ป่วยทำในแต่ละวัน
ข้อบ่งชี้
ผู้ป่วย ควรมีลักษณะ psychological minded สามารถที่จะรับรู้และเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของ ตนเอง สามารถตระหนักได้ถึงความคิดอัตโนมัติของตน เชื่อมโยงอารมณ์ความคิด กับพฤติกรรมเข้าหากันได้ และมี reality testing ดี สำหรับในแง่ของสติปัญญานั้น
ผู้รักษา ควรมีคุณสมบัติเหมือนนักจิตบำบัดทั่ว ๆ ไป คือ wamth สนใจผู้ป่วย เข้าใจและไม่วิจารณ์หรือ ตำหนิผู้ป่วย ไม่นำปัญหาของตนเข้ามาในการรักษา ผู้รักษาที่มีทักษะในการทำจิตบำบัดวิธีนี้และมีความสามารถใน การสอนผู้ป่วยจะเป็นปัจจัยทำให้ได้ผลการรักษาที่ดี
ข้อควรระวังในการรักษา
การรักษาด้วย Cognitive Behavioral Therapy มักไม่มีความเสี่ยงหรือข้อควรระวังในการรักษา แต่ผู้เข้า รับการบำบัดอาจรู้สึกไม่สะดวกใจ อึดอัด เครียด กังวล หรือร้องไห้ขณะเข้ารับการบำบัด เนื่องจากถูกกระตุ้นให้นึก ถึงปัญหาที่ตนอยากหลีกเลี่ยง แต่อาการที่เกิดขึ้นมักไม่รุนแรง และจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษาไป ระยะหนึ่ง
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
ข้อวินิจฉัย ข้อที่1 เสี่ยงต่อการทำร้ายตนเอง / ทำร้ายผู้อื่นเนื่องจากขาดทักษะการจัดการทางอารมณ์
ข้อมูลสนับสนุน
O: มีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดบ่อย เรียกร้องความสนใจ มักทะเลาะกับแฟนบ่อย ทุกครั้งที่ทะเลาะกับแฟนจะโกรธมาก มักใช้มีกรีดแขนตัวเอง และมีประวัติพยายามฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง
S–
วัตถประสงค์
เพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัยและไม่เกิดการทำร้ายตนเอง
เกณฑ์การประเมินผล
ปลอดภัยจากภาวะเสี่ยงต่ออันตรายหรืออุบัติเหตุ ไม่มีพฤติกรรมทำร้ายตนเอง
2.ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้
รอยบาดแผลการทำร้ายตนเองไม่เพิ่มขึ้น
ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมทำร้ายตนเอง / ทำร้ายผู้อื่นเพื่อร้องขอความเห็นใจ
กิจกการพยาบาล
1.สร้างสัมพันธภาพระหว่างผู้ป่วยและพยาบาล เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความไว้วางใจและให้ความร่วมมือในการรักษา
2.เฝ้าระวังพฤติกรรมรุนแรง ทั้งการทำร้ายตนเองและการทำร้ายผู้อื่น
3.จัดสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยทำร้ายตนเองหรือพยายามฆ่าตัวตายได้ โดยการหลีกเลี่ยงเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตจากแก้ว หรือพลาสติกที่แตกหักง่าย รวมทั้งวัสดุที่มีลักษณะแหลมคม
4.เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึก โดยพยาบาลไม่มีความคิดอคติต่อผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วยพูดความรู้สึกในขณะนั้น เช่น ความรู้สึกโกรธ อิจฉา หรือเศร้า เพื่อไม่ให้ผู้ผู้ป่วยนำความรู้สึกเหล่านี้มาเก็บกดและแสดงออกมาในรูปแบบที่ไม่เหมาะสม เช่นการฆ่าตัวตายหรือทำร้ายผู้อื่น
5.แนะนำให้ใช้เทคนิคการผ่อนคลายความวิตกกังวล ความกลัว เช่น เทคนิคการหายใจ เทคนิคการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เทคนิคการฝึกสมาธิ เป็นต้น แล้วให้ผู้ป่วยเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับตนเอง
ข้อวินิจฉัยข้อที่ 2 ผู้ป่วยมีวีธีการเผชิญปัญหาไม่เหมาะสมเนื่องจากความสามารถในการควบคุมอารมณ์น้อย
ข้อมสนับสนุน
S:-
0 : ผู้ป่วยมีนิสัยเจ้าอารมณ์หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้ป่วยควบคุมอารมณ์และรู้วิธีเผชิญปัญหาอย่างเหมาะสม
เกณฑ์การประเมินผล
1.ผู้สามารถรู้วิธีเผชิญปัญหาและสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้อย่างเหมาะสม
2.ผู้ป่วยสามารถสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
กิจกรรมการพยาบาล
1.ซักถามผู้ป่วยว่ารู้สึกอย่างไร สามารถจัดการกับอารมณ์ที่ตนเองเป็นอยู่ได้หรือไม่
2.พยาบาลพยายามให้ผู้ป่วยได้พูดระบายความรู้สึกของผู้ป่วย และควรฟังอย่างตั้งใจเพื่อให้ผู้ป่วยได้ระบาย ความรู้สึกที่ขัดข้องในใจ
3.แนะนำให้ผู้ป่วยเห็นถึงผลกระทบที่เกิดจากความวิตกกังวล ที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมที่ผิดปกติของผู้ป่วยส่งเสริมให้
ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะทางสังคมอย่างต่อเนื่อง
4.แนะนำให้ใช้เทคนิคการผ่อนคลายความวิตกกังวลกลัว เช่น เทคนิคการหายใจ เทคนิคการผ่อนคลาย กล้ามเนื้อ
เทคนิคการฝึกสมาธิ
5.แนะนำหรือให้ความรู้วิธีการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ป่วยไปประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ได้
ข้อวินิจฉัย ข้อที่3 การสร้างสัมพันธภาพกับผู้ป่วยบกพร่อง เนื่องจากผู้ป่วยมีปัญหาในการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น
กิจกรรมการพยาบาล
การให้เรียนรู้จากแบบอย่างของพฤติกรรมที่กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม (Assertive behavior)
แนะนําการแสดงความคิดเห็นต่อผู้อื่นด้วยวิธีการที่เป็นที่ยอมรับได้ในสังคม
ให้เลือกและทดลองใช้เทคนิคการแก้ปัญหาแบบใช้เหตุผลโดยแก้ที่ต้นเหตุของปัญหา
ให้เลือกวิธีการผ่อนคลายความเครียดที่เหมาะสมกับตนเอง โดยพยาบาลเป็นผู้แนะนําเทคนิคการคลายเครียดต่างๆ ให้
ฝึกให้แสดงบทบาทสมมติ (Role play) เกี่ยวกับทักษะที่เหมาะสมในการดําเนินชีวิต
ชมเชยและให้แรงเสริมทางบวกในทุกๆ พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
แนะนําว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมควรกําหนดเป้าหมายที่ทําได้ไม่ยากและสามารถที่จะทําได้สําเร็จในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเป็นกําลังใจในการเปลี่ยนแปลงตนเองในด้านอื่นๆ
แนะนําผู้ป่วยและครอบครัว ในการฝึกทักษะทางสังคมอย่างเหมาะสมกับผู้อื่น เช่น ทักษะการกล้าแสดงออกอย่างเหมาะสมในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น การพูดแสดงความโกรธของตนออกมา มากกว่าที่จะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมา
แนะนําครอบครัวในการฝึกผู้ป่วยให้ตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ด้วยตนเอง เช่น การ รับประทานยา การมาพบแพทย์ตามนัด เพื่อเพิ่มความสามารถในการรับผิดชอบตนเอง
แนะนําครอบครัวให้เข้าใจและให้กําลังใจผู้ป่วย
แนะนําครอบครัวสังเกตพฤติกรรมของผู้ป่วย หากมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายให้ นําส่งโรงพยาบาล
สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอด้วยท่าทีเป็นมิตร ไม่คิดอคติ เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความไว้วางใจ
13.เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยบอกความคิดความรู้สึกที่มีต่อเพื่อน และสนับสนุนให้ผู้ป่วยวางแผนแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้ป่วยสามารถจัดการกับอารมณ์ตนเองได้อย่างเหมาะสม
ผู้ป่วยสามารถสร้างสัมพันธภาพภาพกับผู้อื่นได้อย่างถูกต้องเเละเหมาะสม
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้ป่วยมีสัมพันธภาพกับผู้อื่นในทางที่ดี
ข้อมูลสนับสนุน
S–
O:ผู้ป่วยมีนิสัยเจ้าอารมณ์ หงุดหงิดง่าย เรียกร้องความสนใจ มักเปลี่ยนกลุ่มเพื่อนเพราะคิดว่าเพื่อนกลุ่มเดิมไม่ดี เพื่อนคนอื่นดีกว่า เเต่ไม่นานก็รู้สึกว่าเพื่อนกลุ่มที่คิดว่าดีนั่นไม่ดีอีกเเล้ว
เกณฑ์การวินิจฉัยโรค ตาม DSM 5 หรือ ICD 10 หรือ ICD 11 และเปรียบเทียบเกณฑ์การวินิจฉัยนั้นกับกรณีศึกษา
เกณฑ์การวินิจฉัยโรคตาม DSM5
มีความพยายามอย่างบ้าคลั่งเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทอดทิ้ง
(ไม่รวมพฤติกรรมการฆ่าตัวตายหรือการทําร้ายตัวเอง)
แบบแผนของสัมพันธภาพระหว่างบุคคลไม่แน่นอน โดยอาจจะดีที่สุดหรือเลวร้ายที่สุดก็ได้
มีความแปรปรวนในเอกลักษณ์แห่งตน การมองภาพลักษณ์ของตนเอง หรือความรู้สึกต่อตนเองไม่แน่นอน
มีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นที่ควบคุมไม่ได้และอาจทําให้เกิดความเสียหายต่อตนเอง อย่างน้อย 2 อย่าง เช่นใช้จ่ายเงิน สําส่อนทางเพศ ใช้สารเสพติด ขับรถโดยไม่ระมัดระวัง และดื่มสุราจัด เป็นต้น
มีพฤติกรรมการฆ่าตัวตายซ้ำๆ แสดงท่าทางข่มขู่ หรือจงใจที่จะทําร้ายตนเอง
อารมณ์ไม่มั่นคง เปลี่ยนแปลงง่าย
เกณฑ์การวินิจฉัยโรคตาม กรณีศึกษา
ผู้ป่วยตามติดแฟนตลอด หวง และขี้หึงมาก กลัวว่าแฟนจะตีตัวออกห่าง
เมื่อต้องพึ่งพาใครจะรู้สึกว่าคนนั้นดีมากๆ แต่เมื่อมีเรื่องไม่พอใจจะรู้สึกโกรธมาก และไม่เห็นความดีของ คนนั้นอีกเลย ผู้ป่วยมักเปลี่ยนกลุ่มเพื่อนบ่อยๆ เพราะ คิดว่ากลุ่มเดิมไม่ดี เพื่อนคนอื่นดีกว่า แต่ไม่นานก็รู้สึกว่าเพื่อนกลุ่มที่คิดว่าดีนั้นไม่มีอีกแล้ว
ผู้ป่วยพยายามกรีดแขนตัวเอง ร้องไห้ฟูมฟายขู่จะฆ่าตัวตาย ผู้ป่วยไปส่งแฟนและพกมีดไปด้วยเพราะคิดว่าช่วงนี้ แฟนมีพฤติกรรมห่างเหินกับตนถ้าบอกเลิกจะฆ่าตัวตาย
ผู้ป่วยมีนิสัยเจ้าอารมณ์ หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน บางครั้งเหมือนเรียกร้องความสนใจ