Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Midgut volvulus ลำไส้บิดขั้ว - Coggle Diagram
Midgut volvulus
ลำไส้บิดขั้ว
ข้อมูลทั่วไป
เด็กหญิงเวนิตา สุพร อายุ 2 วัน เตียง 7 เกิดวันที่ 14/5/65
G2P1 Term. GA 38+3 wks น้ำหนักแรกคลอด 2,520 กรัม ส่วนสูง 45 cm.
ABO group: A
ข้อมูลความเจ็บป่วยปัจจุบัน
อาการสำคัญที่มาโรงพยาบาล
อาเจียนเป็นน้ำดี
ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน
แรกคลอด Active ดี ย้าย nursery ได้ กินนมผสมตั้งแต่แรก แหวะนมปนน้ำดี สามารถกินได้บ้าง มีอาการแหวะนมตั้งแต่มื้อแรก อาเจียนเป็นน้ำดี NG content 67 ml.+ air สีเหลืองคล้ายน้ำดี X-ray เมื่อวันที่ 14/5/64 bowel dilate ,no signal of obstruction ได้ NPO ให้ 10 % DW rate 8.6 ml/hr. ได้ Septic work up CBC พบค่า Hb=20.9 Hct=61 WBC=8,870 PLT=205,000 Neu=39 Lym =49 E’lyte พบค่า Na=141 K=5.2 Cl=106 HCO3=21 BUN=16 Cr=1.0 Refer R/O Gut Obstruction
การผ่าตัด
Explor Lap to Lysis adhesion with Appendectomy
การผ่าตัดเปิดช่องท้องเพื่อขยายผังพืดและผ่าตัดไส้ติ่ง
ประวัติการได้รับภูมิคุ้มกัน
ได้รับวัคซีนครบตามช่วงอายุ BCG และ HBV 15/5/65
การวินิจฉัยโรค
Midgut volvulus
ลำไส้เล็กอาจเกิดการบิดหมุน (midgut volvulus) เนื่องจาก root of mesentery แคบมาก จนมีการอุดตันที่ duodenojejunal junction และกดรัดหลอดเลือด superior mesenteric อันเป็นผลให้ลำไส้เล็กทั้งหมด และลำไส้ใหญ่ส่วนต้น ขาดเลือดไปเลี้ยง เป็นผลให้เน่าตายได้ เป็นภาวะที่รุนแรง
ลำไส้บิดขั้ว (midgut volvulus) เนื่องจากฐาน mesentery แคบ มาด้วยอาเจียน ปวดท้องอย่างรุนแรง บางรายถ่ายออกเลือด
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
A1: เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่บาดแผล เนื่องจากเนื้อเยื่อถูกทำลายจากการผ่าตัด
O: มีแผลผ่าตัดบริเวณหน้าท้องซ้าย, อุณหภูมิร่างกาย 36.9 องศาเซลเซียส ชีพจร 146 ครั้ง/นาที
วัตถุประสงค์: ไม่เกิดการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด
S:-
เกณฑ์การประเมินผล: ลักษณะบาดแผล ขอบแผลไม่บวมแดง ไม่มีdischarge เป็นหนอง ไม่มีกลิ่นเหม็น, อุณหภูมิร่างกายปกติ 36.5-37.4 องศาเซลเซียส ชีพจร 60-100 ครั้ง/นาที
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินดูลักษณะบาดแผล สังเกตลักษณะของ discharge ทุกครั้งที่ทำแผล รอยบวมแดง
ล้างมือก่อนและหลังให้การพยาบาลทุกครั้ง
แผลโดยยึดหลักปราศจากเชื้อ ทำแผลผ่าตัดแบบ dry dressing โดยใช้ สำลีชุบ bentadine และ NSS เช็ดบริเวณริมแผลวนจากด้านในออกด้านนอกรอบแผล แล้วจึงปิดแผล
วัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมงประเมินภาวะติดเชื้อที่แผล
ให้ยาปฏิชีวนะ Ampicillin (50 mg/kg/dose) 125 mg iv q- 8 hr. ตามแผนการรักษา
ดูแลให้จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ ดูแลกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วย และสะอาดอยู่เสมอ เหตุผลการพยาบาล การดูแลรักษาความสะอาดเตียง อุปกรณ์เครื่องใช้ในการนอน ตลอดจนสภาพสิ่งต่างๆที่อยู่รอบๆตัวผู้ป่วยให้ สะอาด และอยู่ในสภาพที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยซึ่งสภาพแวดล้อมในโรงพยาบาลมีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อภาวะ สุขภาพของผู้ป่วยอย่างมาก เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่สะอาดและได้รับการดูแลทุกวัน รวมทั้งการมีการระบายอากาศที่เหมาะสม ปราศจากกลิ่นรบกวน การจัดวางสิ่งของต่างๆเป็นระเบียบ จะไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค
ให้ยาปฏิชีวนะ Gentamicin (4 mg/kg/dose) 10 mg iv q- 24 hr.ตามแผนการรักษา
Analysis:การติดเชื้อที่ตำแหน่งผ่าตัดที่ผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง (Superficial Incisional) หมายถึง การติดเชื้อเกิดขึ้นภายใน 30 วันหลังการผ่าตัด มีการติดเชื้อที่ผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังบริเวณที่ผ่าตัดเท่านั้น โดยพบว่าเด็กมีโอกาสเกิดการติดเชื้อที่ตำแหน่งผ่าตัดได้มากกว่าวัยอื่นๆ เนื่องจากระบบการทำงานของร่างกายเด็ก ยังไม่สมบูรณ์ และมีการสร้างภูมิคุ้มกันได้น้อยเพราะยังไม่เคยได้รับเชื้อโรคมาก่อน
A2: มีโอกาสเกิดการขาดสารน้ำสารอาหารเนื่องจากคลื่นไส้อาเจียน
s:-
O:ฺBW: 2520 kg High:45 cm น้อง on OG tube, อาเจียนเป็น bile,มีอาการแหวะนม, K (Potassium) 0.7 % Low
วัตถุประสงค์: ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่เพียงพอ, ผู้ป่วยไม่มีภาวะขาดสารอาหาร
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้ป่วยประประทานอาหารได้มากขึ้นตามเกณฑ์ที่กำหนด
ไม่มีอาการหรืออาการแสดงของการคลื่นไส้อาเจียน แหวะนม
ติดตามผล electrolytes เช่น K, Na, เป็นต้น
Analysis: ภาวะทุโภชนาการ (Malnutrition) หมายถึง สภาพของร่างกายที่เกิดจากการได้รับอาหาร ไม่ครบถ้วน หรือมีปริมาณที่ไม่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย หรือเกิดจากการที่ร่างกายได้รับ สารอาหารครบถ้วนพอเหมาะแต่ร่างกายไม่สามารถใช้สารอาหารนั้นได้จึงทำให้เกิดภาวะผิดปกติขึ้น
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้ได้รับ 10% TPN vein drip 10.4 ml/hr. ตามแผนการรักษา
ชั่งน้ำหนัก สัปดาห์ละ1-2 ครั้ง โดยที่น้ำหนักน้องต้องเพิ่มขึ้นเฉลีย วันล่ะ 20-30 กรัม
ประเมินอาการขาดสารอาหารอย่างรุนแรง เช่น อาการกล้ามเนื้อแขนขาลีบ เยื่อบุตาซีด
ประเมินอาการกระหายน้ำ เช่น มีปากแห้ง ความหยือหยุ่นของผิวหนัง
ประเมินภาวะไม่สมดุลของอิเล็กโตรไลต์ในร่างกาย หลังให้การพยาบาลพร้อมบันทึกทุกเวรเพื่อประเมินพบว่า ดีขึ้น/คงเดิม/ไม่ดีขึ้น และให้การพยาบาลต่อเนื่อง
2.ดูแลให้ได้รับ 20% SMOF vein drip 1 ml/hr. ตามแผนการรักษา
A3: มีโอกาสพร่องอออกซิเจนเนื่องจากมีภาวะเลือดข้น
s:-
O:
สีผิวแดง
RBC 5.88 10*6/uL High, HGB 19.4 g/dL High, HCT 58.2 % High (15/05/65)
RBC 6.53 10*6/uL High, HGB 21.7 g/dL High, HCT 65.4 % High(16/05/65)
วัตถุประสงค์: เนื้อเยื่อร่างกายทารกได้รับเลือดไปเลี้ยงเพียงพอ
เกณฑ์การประเมินผล
1.ระดับฮีมาโตคริตและน้ำตาลในเลือดปกติ
สัญญาณชีพปกติ
ทารกมีการหายใจปกติ ตัวไม่แดง ไม่เขียว ดูดนมได้ดี ไม่อาเจียน ไม่ซึม
Analysis: ปัญหาภาวะเลือดข้น มักเกี่ยวข้องกับภาวะของออกซิเจนตั้งแต่ระยะที่ทารกอยู่ในครรภ์มารดา ภาวะดังกล่าวทำให้มีการสร้างเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลให้เกิดความหนืดของเลือด เมื่อความหนืดของเลือดเพิ่มขึ้น การไหลเวียนของเลือดจะช้าลง มีผลทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์เนื้อเยื่อของอวัยวะต่าง ๆ ลดลงตามไปด้วย และอาจเกิดการอุดตันจากสิ่มเลือดขนาดเล็ก (microthrombi) ได้ ผลจากการมีเลือดหนืดที่กระทบต่อการไหลเวียนของเลือดนี้ อาจทำให้การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ผิดปกติ
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้ทารกได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ10% DN/5 500 ml iv rate 8.3 ml/hr. ตามแผนการรักษา
สังเกตอาการและรายงานการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น เช่น อาการหายใจลำบาก ตัวเขียว หยุดหายใจ หัวใจโต บวม หัวใจวาย มีความผิดปกติของระบบประสาท เช่น สั่นหรือชักระตุก จำนวนเกล็ดเลือดต่ำ น้ำตาลในเลือดต่ำ แคลเซียมในเลือดต่ำ ตัวเหลือง อาเจียน ถ้าพบรายงานแพทย์เป็นกรณีเร่งด่วนเพื่อการรักษา
ติดตามผลการตรวจหาระดับฮีมาโตคริต ถ้าผิดปกติรายงานแพทย์เพื่อให้การรักษา
ตรวจวัดและบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง รวมทั้งติดตามค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในร่างกาย และทำการวัดสัญญาณชีพ เพื่อติตามความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น
ยาที่ใช้ปัจจุบัน
Ampicillin (50 mk dose) 125 mg iv q- 8 hr
กลุ่มยา : ยาปฏิชีวนะในกลุ่มเพนิซิลลิน
ข้อบ่งใช้ : รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย
กลไกการออกฤทธิ์ของยาคือ แอมพิซิลินมีฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์ผนังเซลล์ของแบคทีเรีย โดยเข้าจับกับ penicillin-binding protein (PBPs) ที่จะยับยั้งกระบวนการทรานส์เปปทิเดชันในขั้นตอนสุดท้ายของการสังเคราะห์เปปทิโดไกลแคนของผนังเซลล์ของแบคทีเรีย เป็นผลให้ยับยั้งชีวสังเคราะห์ของผนังเซลล์แบคทีเรียและหยุดการประกอบโครงสร้างของผนังเซลล์แบคทีเรียจะถูกย่อยสลายโดยเอนไซม์ออโตไลซิน (autolysin) และมูเรอิน ไฮโดรเลส (murein hydrolase)
ผลข้างเคียง : พบได้ทั่วไป เช่น ปวดท้อง ถ่ายเหลว คลื่นไส้ อาเจียน ลิ้นบวม ลิ้นดำ ลิ้นเป็นขน คันที่อวัยวะเพศหญิง หรือมีตกขาว เป็นต้น
Gentamicin (4 mk dose) 10 mg iv q- 24 hr
กลุ่มยา : ยาปฏิชีวนะกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ (Aminoglycosides)
กลไกการออกฤทธิ์ของยาคือ เจนตาไมซิน เป็นยาต้านแบคทีเรียในกลุ่ม อะมิโนไกลโคไซด์ (aminoglycoside) ออกฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีน โดยจับกับไรโบโซม ซับยูนิต 30S และ 50S ทำให้เกิดการยับยั้งกระบวนการ transpeptidation หรือ translocation ของบริเวณที่ถูกจับด้วยตัวยา เป็นผลให้เกิดการชะงักของการเติบโตของเซลล์
ข้อบ่งใช้ : ใช้เพื่อป้องกันและรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียต่างๆ
ผลข้างเคียง : อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงขณะใช้ยากับเด็กเล็ก เช่น มีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลดลง วิงเวียนศีรษะ คล้ายจะเป็นลม มีผื่นคันตามผิวหนัง รู้สึกปวดบริเวณที่ฉีดยา ปวดศีรษะ อารมณ์แปรปรวน ปวดข้อ เป็นต้น