Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลมารดาและทารกในระยะหลังคลอด - Coggle Diagram
การพยาบาลมารดาและทารกในระยะหลังคลอด
7.1 การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของมารดาหลังคลอด
ระบบสืบพันธุ์
มดลูก (Uterus)
หลังคลอดทันที: ต่ำกว่าสะดือ ~ 2 cm. and 1,000 g.
หลัง 2 hrs.: ระดับสะดือ
หลัง 24 hrs.: ลดลง ~ 1 cm./day
Day 6 - 1 week: ยอดมดลูกอยู่กึ่งกลางหัวเหน่า+สะดือ
Weeks 2: ยอดมดลูกระดับหัวเหน่า คลำไม่พบทางหน้าท้อง
Weeks 4: เท่ากับก่อนท้อง (อาจใหญ่กว่าเล็กน้อย)
สาเหตุมดลูกเข้าอู่
การย่อยตัวเองของโปรตีน (Autolysis): เอสโตรเจน (Estrogen) and โปรเจสเตอโรน (Progesterone) ลดลง > ย่อยโปรตีนไซโตพลาสซึมในกล้ามเนื้อมดลูก > ปัสสาวะ
กล้ามเนื้อมดลูกขาดเลือดไปเลี้ยง (Ischemia)
เยื่อบุโพรงมดลูก (Endometrium)
ด้านนอก (Spongy layer): เนื้อตาย > น้ำคาวปลา
ชั้นใน (Basal layer): weeks 3 ปกคลุมมดลูกทั้งหมด > กลับสู่ปกติ 6 weeks หลังคลอด
น้ำคาวปลา (Lochia)
Rubra 1-3 แดงสด
Serosa 4-9 ชมพู/น้ำตาล
Alba 10-21 เหลืองข้น/ครีมขาว
ปากมดลูก (Cervix)
หลังคลอดทันที: ง่ายต่อการติดเชื้อ
Day 2-3
Day 7
Weeks 4-6: รูปร่างคล้ายปากปลา (Fish mouth)
ช่องคลอด (Vagina)
เยื่อพรหมจรรย์ขาดกะรุ่งกะริ่ง = Carunculae Myrtiformes
ระบบต่อมไร้ท่อ
ฮอร์โมนจากรก (Placental H.)
HPL + HCS:หลังคลอด 24 hrs. จะตรวจไม่พบ
HPG: หลังคลอดลดลงเร็ว
เอสโตรเจน (Estrogen)
Day 19-21: ระดับสูงที่สุด เพื่อกระตุ้นการสร้างเยื่อบุมดลูก
ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง (Pituitary H.)
Weeks 2: ระดับฮอร์โมนโปรแลคติน = ก่อนท้อง
ต่อมไร้ท่ออื่นๆ
Growth H. = เจริญเติบโต
น้ำย่อยอินซูลิน (Insulinase) ต่ำ > ภาวะน้ำตาลต่ำ week 1 หลังคลอด
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ปริมาณเลือด (Blood volume)
Cardiac output สูงขึ้น
Stroke volume เพิ่มขึ้น
Hypotension (ภาวะความดันต่ำ)
Hypovolemia > เลือดในร่างกายลดลง
Orthostatic hypotension: ลุกขึ้นเร็ว > เวียนศรีษะ
ส่วนประกอบของเลือด (Blood Contriyuents)
Hct. + Hb. ลดลง
500 cc. = ตกเลือด
Hct. ลดลง 3-4%
Hb. ลดลง 1 g%
WBC
Day 10-12 > สูง: ร่างกายสร้างกลไกป้องกันเชื้อโรค
องค์ประกอบการแข็งตัวของเลือด (Coagulation factors)
หลังคลอดทันที - Days 3 > ลดลง
Days 7-10 > เพิ่มขึ้น
ระบบทางเดินปัสสาวะ
ไม่ปวดปัสสาวะ ในระยะแรกหลังคลอด: บวมจากศรีษะทารกกดทางช่องคลอด > ความตึงตัวของกล้ามเนื้อปัสสาวะลดลง
Puerperium bladder hypotonic (ภาวะกระเพาะปัสสาวะยืด ถ่ายปัสสาวะไม่ออก น้ำปัสสาวะคั่ง) > เสี่ยงตกเลือดหลังคลอด และเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
การทำงานของไต (Renal function)
การทำงานลดลง
Steroid H. ลดลง
ส่วนประกอบของน้ำปัสสาวะ (Urine constituents)
Day 1-2: อาจพบโปรตีน +1
ถ้าขาดน้ำ > ภาวะคีโตนคั่ง
ยูเรียในเลือดเพิ่มขึ้น (Blood urea nitrogen)
ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (Glycosuria)
อาจพบภาวะน้ำตาลแลคโตสในปัสสาวะ (Lactosuria)
การขับปัสสาวะและเหงื่อ: สาเหตุจาก Estrogen, Blood. volume, Adrenal aldosterone and Venous pressure
Days 2-3: เหงื่อมาก โดยเฉพาะกลางคืน
ปัสสาวะมาก 2,000 - 3,000/day
ระบบทางเดินอาหารและการเผาผลาญ
อยากอาหารและน้ำ
ท้องผูก
โปรเจสเตอโรน (Progesterone)
เผาผลาญ
หลังคลอดทันที: นน.ลด ~ 4.5-5.5 kg.
Week 1: ลด ~ 2.3-3.6 kg.
Weeks 6-8: ใกล้เคียงก่อนท้อง
ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก
กล้ามเนื้อ + ข้อต่อ
Day 1-2: ปวดเมื่อยจากการเบ่งคลอดนาน
Relaxin H. ลดลง > เอ็น ข้อต่อกลับสู่ปกติ
กล้ามเนื้อหน้าท้อง
ภาวะท้องย้อย (Pendulous abdomen)
รอยแยกกลางหน้าท้อง (Diastasis recti)
กล้ามเนื้อพื้นเชิงกราน
อาจเกิดภาวะ Rectocle ผนังช่องคลอดหย่อน > ผนังทวารหนักยื่นเข้าช่องคลอด
อาจเกิดภาวะ Cystocele ผนังกระเพาะปัสสาวะยื่นเข้ามาในช่องคลอด
ระบบประสาท
บวม เจ็บปลายนิ้วมือ > ขับน้ำปัสสาวะออก > บวมลดลง > ไม่กดระบบประสาท > หายเจ็บปลายนิ้ว
ระบบผิวหนัง
เอสโตรเจน (Estrogen) ลดลง > ผิวหนังสีเข้มจางลง
เส้นกลางหน้าท้อง (Linea nigra)
ผ้าที่หน้า (The mask of pregnancy)
Weeks 4-20 พบผมร่วง
ระบบภูมิคุ้มกัน
กรณีมารดา Rh neg. แต่ทารก Rh pos. > ร่างกายมารดาจะสร้าง antibody ทำลาย RBC ทารก > เกิดภาวะโลหิตจางอย่างรุนแรงในทารก > Dr. ให้ Rh immune globulin ใน 72 hrs. หลังคลอด
7.2 การปรับตัวด้านจิตสังคม และบทบาทการเป็นมารดาหลังคลอด
พัฒนกิจในระยะหลังคลอด
ยอมรับทารก
ดีใจ น้ำตาไหล = ยอมรับ
ทารกพิการ = ไม่ยอมรับ / ยอมรับช้า
การปรับตัวในการดูแลทารก
อุ้ม ให้นม อาบน้ำ
ทารกหิว เสียใจ ดีใจ
มารดาภูมิใจในตัวเอง > เพิ่มความสามารถในการดูแลทารก
การตอบสนองของทารกต่อการดูแล
มารดามีพฤติกรรมด้านบวก = พัฒนาการของทารกด้านร่างกายเหมาะสมตามวัย และด้านพฤติกรรมร่าเริง อ่อนโยน เลี้ยงง่าย
มารดามีพฤติกรรมด้านลบ = ทารกนน.น้อย พัฒนาการไม่ตามวัย ร้องกวน หงุดหงิดง่าย สำรอกนมบ่อย
ความคิดเห็นจากบุคคลใกล้ชิด และบุคลากรทางสุขภาพ
กล่าวชื่นชมเมื่อมารดาดูแลทารกได้อย่างเหมาะสม
การกำหนดตน.สมาชิกในครอบครัวให้ทารกคนใหม่
การปรับตัวต่อบทบาทมารดาหลังคลอด
ระยะพึ่งพา (Taking-in phase)
Day 1-2
อ่อนเพลีย พึ่งพาคนอื่น
ให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ช่วยเหลือและให้กำลังใจ
ระยะกึ่งพึ่งพา (Taking hold phase)
Day 3-10
กระตือรือร้นในการดูแลตนเอง สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับทารก ขาดความมั่นใจในการดูแลทารก
สร้างความมั่นใจ ชมเชย สอนวิธีดูแลทารก
ระยะพึ่งตนเอง (Letting go phase)
Day 10 เป็นต้นไป
ดำเนินชีวิตประจำวันได้ดี ทำบทบาทหน้าที่มารดาและภรรยาได้ดี
ส่งเสริมการดูแลทารก
ภาวะผิดปกติทางอารมณ์
ภาวะเศร้าหลังคลอด (Postartum blue) 10 วันแรกหลังคลอด
พยาบาล: ให้กำลังใจ พูดคุยหาสาเหตุการร้องไห้ ให้กำลังใจในการปรับบทบาทการเป็นมารดา สอนวิธีการปรับบทบาท (เลี้ยงทารก อุ้มทารก) แนะนำให้สามีแบ่งเบาภาระหน้าที่ และมอบความรักให้แก่ภรรยา
อาการ: ร้องไห้ไม่ทราบสาเหตุ เสียใจ วิตกกังวล เศร้า โกรธ กระสวนกระวายใจ ไม่มีสมาธิ รู้สึกตัวเองไม่มีค่า
สาเหตุ: เอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรนลดลงรวดเร็ว, ร่างกายอ่อนเพลีย, ผิดหวังเกี่ยวกับรูปร่าง, วิตกกังวลการปรับตัวในบทบาทมารดา, ถูกละเลย
ซึมเศร้าหลังคลอด (Postpartum Depression) 1-3 เดือนหลังคลอด
อาการ
อารมณ์: ไม่อยากดูแลทารกทำให้รู้สึกผิด
ความคิด: ไม่มีสมาธิ หลงลืม ตัดสินใจไม่ได้ มีความคิดฆ่าตัวตาย
ร่างกาย: อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ/นอนมากไป เบื่ออาหาร/ทานมาก เชื่องช้า ปวดศีรษะ ใจสั่น หายใจไม่อิ่ม มือเท้าชา
พยาบาล: ส่งพบแพทย์ > รับยาต้านเศร้า + กลุ่มจิตบำบัด
โรคจิตหลังคลอด (Postpartum psychosis) 2-3 วันแรกหลังคลอดจะรุนแรง
อาการ: หงุดหงิด นอนไม่หลับ อารมณ์เปลี่ยนเร็ว คิดว่าลูกไม่ใช่ลูกตัวเอง หวาดระแวง ประสาทหลอน (Hallucination) หูแว่ว (Auditory Hallucination)
พยาบาล: ส่งพบแพทย์ทันที = ภาวะฉุกเฉินทางจิตเวช เสี่ยงสูงจะทำร้ายตัวเองและผู้อื่น
7.3 การประเมินภาวะสุขภาพ และการส่งเสริมสุขภาพมารดาหลังคลอด
การประเมินภาวะสุขภาพมารดาหลังคลอด (13B)
Background
ข้อมูลส่วนตัว ประวัติการตั้งครรภ์ การคลอด การเจ็บป่วยในครอบครัว ทารกเกิดใหม่ ข้อมูลและคำแนะนำที่มารดาได้รับ
Belief
ความเชื่อ เช่น การอยู่ไฟ การกินยาดอง
Body condition
ลักษณะทั่วไป สีหน้า ท่าทาง อาการอ่อนเพลีย ความสุขสบาย ภาวะซีด การอักเสบของหลอดเลือดดำ การนอนหลับพักผ่อน ความต้องการอาหารและน้ำ
Body temperature & Blood pressure
Reactionary fever
สูญเสียน้ำเลือดขณะคลอด
พยาบาล: เตรียมอาหารและน้ำ > แนะนำให้จิบน้ำเปล่า ~ 1,500 cc./day
สารน้ำในร่างกายไม่สมดุล
ติดเชื้อ
T. เกิน 38 > หนาวสั่น ชีพจรเร็ว ไข้สูง
พยาบาล: พบแพทย์ > antibiotic > ตาม V/S > ดูแลตามอาการ > ให้ได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอ > เช็ดตัว > ห่มผ้าในกรณีหนาวสั่น
PR
กรณีมากกว่า 100/min > อาจตกเลือด ติดเชื้อ ขาดน้ำ
กรณีชีพจรเบา + ความดันต่ำ > อาจตกเลือด หรือช็อค
RR.
BP.
กรณี Orthostatic hypotension (เคลื่อนไหวเร็วทำให้เวียนศีรษะ) 48 hrs. หลังคลอด > เสี่ยงอุบัติเหตุ
กรณี BP สูง อาจเกิดจากมารดามีความดันโลหิตสูง (Preeclamsia) > วัด BP. เป็นระยะ > notify Dr. > ป้องกันภาวะชัก
Breast & Lactation
ประเมินหัวนม
หัวนมปกติ (Normal nipple)
หัวนมสั้น (Short nipple)
หัวนมแบน (Flat nipple)
หัวนมบุ๋ม (Inverted nipple)
หัวนมแตก (Cracked nipple)
สาเหตุ: ทารกดูดนมไม่ถูกวิธี ใช้เครื่องปั้มแรงดันสูงเกิน ปั้มบ่อยเกินไป
พยาบาล: ให้ทารกดูดถึงลานนม (Areola), ใช้น้ำนมทาหัวนมที่แตก, กรณีแตกไม่มากให้ทารกสลับดูดข้างปกติก่อนและข้างที่แตกตาม, กรณีแตกมากให้ทารกหยุดดูดข้างนั้น และให้มารดาบีบนมออกป้องกันการคัดตึง, สำหรับเครื่องปั้มเริ่มจากโหมดแรงดันต่ำ เว้นระยะปั้ม ~ 3 hrs. ปั้มครั้งละไม่เกิน 30 min/ข้าง
ประเมินเต้านม
เต้านมคัด (Breast engorgement)
สาเหตุ: น้ำนมไม่ได้ระบายออก มีการคั่งของเลือดและน้ำเหลือง
อาการ: Days 3-5 ตึง แข็ง มันวาว, ผิวแดงเริ่มจากขอบลานนม และกระจายทั่ว, กดเจ็บ, ร้อน ปวด, ไข้
พยาบาล: (ป้องกัน)แนะนำให้ทารกดูดนมทันทีหลังคลอด, ดูดทุก 2-3 hrs., ดูดให้หมดทีละข้าง และสลับกัน (เต้านมคัดตึง)ระบายน้ำนมออกจากเต้า โดยให้ทารกดูดหรือปั้มออก, ประคบอุ่น > ประคบเย็นหลังบีบน้ำนมออกแล้ว, รับประทานยาแก้ปวด, รับประทานกะหล่ำปลี
เต้านมอักเสบ (Mastitis)
สาเหตุ: ระบายน้ำนมไม่หมดเต้า > ท่อน้ำนมอุดตัน, ไม่ได้รับการแก้ไขเต้านมตึง, หัวนมแตก > อักเสบ
อาการ: ปวด บวม แดง มันวาว ก้อน ไข้มากกว่า 38 อ่อนเพลีย เมื่อยตามตัว
พยาบาล: แนะนำระบายน้ำนม โดยทารกดูด บีบออก ปั้มออก, ประคบอุ่น/แช่เต้านมในน้ำอุ่น, รับประทานพารา 10 mg/น้ำหนักตัว, แนะนำให้พบแพทย์ > antibiotic (Cloxacilin 500 mg. or Dicloxacilin 250 mg.) 4/day ต่อเนื่อง 10-14 days, Ultrasound > อาจจะ Breast abscess
ประเมินการหลั่งน้ำนม
ปริมาณมากพอ Let down reflex
Belly & Uterus
การหย่อนของหน้าท้อง (Pendulous abdomen)
รอยแตกหน้าท้อง (Striae gravidarum)
เส้นสีเข้มกลางหน้าท้อง (Linea nigra)
กล้ามเนื้อหน้าท้องแยกจากกัน (Diastasis recti)
มดลูกเข้าอู่ช้า (Sub-involution of Uterus)
มดลูกไม่ลดระดับติดต่อกัน 3 days / คลำมดลูกได้ทางหน้าท้องหลังคลอด 2 weeks
สาเหตุ: เศษรก และเยื่อหุ้มรกค้างในโพรงมดลูก, ติดเชื้อในโพรงมดลูก, มดลูกยืดขยายมาก (แฝด, ทารกตัวโต, น้ำคร่ำมาก)
พยาบาล: ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่, ให้ความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง, notify Dr. เพื่อแก้ไขปัญหา > antibiotic / ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก, แนะนำการออกกำลังกาย
ภาวะเบื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ (Endometritis)
กดเจ็บ
ปวดจากมดลูกหดรัดตัว (After pain)
สาเหตุ: มดลูกหดรัดตัว เพื่อขับเลือด > ไม่สุขสบาย 48-72 hrs.หลังคลอด
อาการ: ปวดมดลูกเป็นพักๆ, Oxytocin H. ทำให้กล้ามเนื้อบีบและคลาย, ครรภ์หลังปวดมากว่าครรภ์แรก, ประวัติคลอดล่าช้า, ครรภ์แฝด, เศษรกค้างในโพรงมดลูก
พยาบาล: อธิบายถึงสภาวะปกติ, แนะนำวิธีผ่อนคลายความเจ็บปวด (หายใจ ลูบหน้าท้อง วางกระเป๋าน้ำร้อน), พาราในกรณีที่ปวดมาก
Bowel movement
ท้องผูก (Constipation)
สาเหตุ: โปรเจสเตอโรนมาก > ลำไส้เลคื่อนไหวน้อยลง, สูญเสียน้ำขณะคลอด, เคลื่อนไหวร่างกายน้อย, ปวดฝีเย็บไม่กล้าเบ่งอุจจาระ
พยาบาล: กระตุ้นให้เคลื่อนไหวร่างกาย, ดื่มน้ำ 1,500 cc/8-10 แก้ว/day, ทานผักผลไม้ อาหารย่อยง่าย, กระตุ้นไปถ่ายที่ห้องน้ำ, กรณีอึดอัดท้อง ถ่ายไม่ออก > notify Dr.
Bladder
ปัสสาวะเต็ม (Bladder full)
มดลูกหดรัดตัวไม่ดี > สวนปัสสาวะ > ป้องกันการตกเลือด
ปัสสาวะ 300-400 cc/ครั้ง
Urinary tract infections
ปัสสาวะบ่อย แสบขัด
ภาวะกล้ามเนื้อหูรูดปัสสาวะหย่อน หรือผนังช่องคลอดด้านหน้าหย่อน (Cystocele)
ไอ จาม หัวเราะ ยกของหนัก > ปัสสาวะเล็ด
ปัสสาวะลำบาก
สาเหตุ: ใช้เวลาคลอดนาน / ได้ยาระงับปวด Epidural analgesia
พยาบาล: กระตุ้นปัสสาวะ โดยใช้หม้อนอน, เปิดเสียงน้ำไหล, น้ำอุ่นราดบริเวณอวัยวะเพศ, กรณีไม่ปัสสาวะ 6 hrs. ติดต่อกัน > สวน, กรณีสวนปัสสาวะได้มากกว่า 150 cc. ใน 6 hrs. อาจเกิดจากเส้นประสาท Pundendal เสียหาย > notify Dr.
Bleeding & Lochia
Bleeding per vagina
เสียเลือด มากกว่าหรือเท่ากับ 500 cc. = ตกเือด
1 hr. แรก ไม่ควรออกเพิ่มจากเดิม 60 cc.
2 hrs. ไม่ควรออกเพิ่ขจากเดิม 30 cc.
น้ำคาวปลา (ออก 24 hrs. หลังคลอด)
กลิ่นเหม็น > อาจติดเชื้อ (Foul smel)
น้ำคาวปลาแดงเกิน 5 days = Persistent red lochia > อาจมีเศษรก/เยื่อหุ้มทารกค้างในโพรงมดลูก
พยาบาล กรณีน้ำคาวปลาผิดปกติ: ประเมินการหดรัดตัวมดลูก > แนะนำพบแพทย์ > แนะนำทำความสะอาดอวัยวะเพศ > เปลี่ยนผ้าอานามัยทุก 2-4 hrs. > สังเกตน้ำคาวปลา (จะหมด ~ 3 weeks)
Bottom
ประเมินฝีเย็บตามอาการ > REEDA SCORE (0-15 คะแนน) คะแนนน้อย = ฝีเย็บดี
เจ็บแผลฝีเย็บ (Perineal pain)
สาเหตุ: ทารกตัวใหญ่, เบ่งคลอดไม่ดี, แผลฝีเย็บฉีกขาดมาก
พยาบาล: ทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า > ซับให้แห้ง > เช็ดหน้าไปหลัง, ไม่แกะปมด้าย, Hematoma ปวดหนึบ ก้อนสีคล้ำ > ประคบเย็นใน 24 hrs. > หลัง 24 hrs. ประคบร้อน > กรณีเส้นผ่านศูนย์กลางเกิน 5 cm. > notify Dr. > เลาะออก (Evacuation)
ริดสีดวงทวาร
สาเหตุ: เบ่งคลอด
พยาบาล: ดื่มน้ำมากกว่า 1,500 cc., ทานอาหารย่อยง่าย ผักผลไม้ ยาระบาย, ประคบอุ่น
Blues
ประเมินการทำงานด้านจิตสังคม การปรับตัวในบทบาทของมารดา, ประเมินความผิดปกติภาวะซึมเศร้า
Bonding & Attachment
สัมพันธภาพระหว่างมารดา-ทารก
Baby
ประเมินลักษณะทั่วไป ศีรษะ ใบหน้า ผิวหนัง ทรวงอก, หน้าท้อง อวัยวะเพศ ทวารหนัก, แขนขา สัญญาชีพ, การกลืน ขับถ่าย น้ำหนัก
การส่งเสริมสุขภาพมารดาหลังคลอด
ดูแลแผลฝีเย็บ
ทำความสะอาดอวัยวะเพศด้วยน้ำเปล่า / สบู่อ่อนๆ > เช็ดจากหน้าไปหลัง > ห้ามแกะปุ่มไหม > เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ / ไม่ควรเกิน 4 hrs. > ไม่แช่อ่าง
ไม่ควรโดนความร้อน 2-3 weeks แรก > 10-14 days จะสมาน > คลำพบก้อน / ปวดแผลมาก มาพบแพทย์ > อาจเกิดการคั่งของเลือดในชั้นเนื้อเยื่อของฝีเย็บ (Hematoma)
เพศสัมพันธ์
งด 4-6 weeks > ใช้สารหล่อลื่น / เล้าโลมนานขึ้น
ดูแลเต้านม (Breast care)
สวมยกทรง (ผ้าฝ้าย) ขนาดเหมาะกับเต้านม > ทำความสะอาดเต้านมก่อน-หลังให้นม ด้วยน้ำต้มสุกเย็น
อาหาร
ทานครบ 5 หมู่ > เพิ่มแคลจากเดิมอีก 500 kcal > ทานหัวปลี แกงเลียง ผัดขิง ผัดฟักทอง ผัดกุ๋ยช่าย > เลี่ยงอาหารมัน
เครื่องดื่ม
เลี่ยงชา กาแฟ > งดแอลกอฮล์ + ยาดอง > ดื่มน้ำก่อน-หลังให้นม อย่างน้อย 1,500 cc./day > ดื่มน้ำขิง น้ำอุ่น > ดื่มนม 2-3 แก้ว/day
พักผ่อน
กลางคืน 6-8 hrs. กลางวัน 1-2 hrs. > เลี่ยงยกของหนักกว่าตัวทารกใน 4-6 weeks
ทำงาน
หยุดงาน 4-6 weeks > ลาคลอดได้ 98 วัน > เงินชดเชย 45 วัน > ประกันสังคม 45 วัน (ไม่เกิน 15,000 บาท/เดือน)
อาการผิดปกติที่มารพ.ก่อนนัด
เลือดออกมาก, น้ำคาวปลาสีแดงขึ้น, ปวดท้องน้อย, น้ำคาวปลากลิ่นเหม็น, ปัสสาวะแสบขัด, เต้านมอักเสบ ไข้, ซึมเศร้า
มาตรวจหลังคลอด 4-6 weeks > กรณีไม่มีประจำเดือน > คัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap smear)
คุมกำเนิด
อย่างน้อย 2 years > กรณีวัยรุ่น 3-5 years
กรณีเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ > แนะนำฉีดยาคุมกำเนิด
กรณี U/D เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ เลี่ยงยาคุมกำเนิดที่มีส่วนผสมเอสโตรเจน
เบาหวาน เลี่ยงห่วงคุมกำเนิด
ทำหมันถาวร ป้องกัน 99.99
กายบริหาร
ฝึกหายใจ + บริหารปอด
บริหารไหล่ + แขน
บริหารคอ + กล้ามเนื้อ บริเวณศีรษะ ลดความเครียด
บริหารเพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าอกแข็งแรง + เต้ามนมไม่หย่อนยาน
บริหารกล้ามเนื้อน่อง + ข้อเท้า
บริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง + อุ้งเชิงกราน
บริหารเพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อหน้าท้อง ก้นย้อย ฝีเย็บ เพื่อให้มดลูกเข้าอู่เร็ว + ลดอาการปวดหลัง