Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Pre-eclampsia, Eclampsia, นางสาวกรรวี ด้วงมหาสอน รหัสนิสิต 63019950 -…

- - - - Mild Pre-eclampsia
        
        BP ≥ 140/90 mmHg.
        
        Systolic ไม่เกิน 160 mmHg.
        
        Diastolic ไม่เกิน 110 mmHg.
        
        Urine protein 24 hr. ≥ 300 mg.
        
        มีโปรตีนในปัสสาวะ 1+ ตรวจด้วย dipstick
        
        มีอาการบวม ตรวจพบบริเวณขา
      - Severe Pre-eclampsia
        
        ≥ 160/110 mmHg.
        
        มีโปรตีนในปัสสาวะ 2+ ตรวจด้วย dipstick
        
        ตรวจพบความดันโลหิตสูง
        
        Urine protein 24 hr. ≥ 500 mg.
        
        บวมที่มือ แขน ขา หรือทั้งตัว
        
        ปวดศีรษะส่วนหน้ารุนแรง
        
        ตาพร่ามัว
        
        เจ็บบริเวณลิ้นปี่ หรือใต้ชายโครง
        
        ปะสสาวะออกน้อย < 400 cc. ใน hr.
        
        น้ำคั่งในปอด
  - - - ภูมิต้านทานที่มีต่อเชื้อโรคในระยะไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ไม่เพียงพอ หรือภูมิต้านทานบริเวณรกไม่มีประสิทธิภาพ หรือเชื้อโรคบริเวณรกมากเกินกว่าที่ภูมิต้านทานบริเวณรกจะกำจัดได้
      - การติดเชื้อก่อนการตั้งครรภ์มีผลทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงมากขึ้น
    - - หญิงตั้งครรภ์ที่เคยเป็นโรคความดันโลหิตสูงในระยะตั้งครรภ์ ถ้ามีบุตรสาว โอกาสที่บุตรสาวตั้งครรภ์ จะมีภาวะความดันโลหิตสูงที่รุนแรงมากขึ้น
    - - การขาดแคลเซียม
    - - การหดรัดตัวของหลอดเลือดจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรง และทันทีทันใด ทำให้ endothelial cells ที่บุอยู่ภายในหลอดเลือดถูกทำลาย เป็นผลให้เม็ดเลือดและน้ำเหลืองไหลซึมออกไปอยู่โดยรอบหลอดเลือด
    - - จากชั้น Trophoblast ของรกถูกทำลาย ทำให้การกำซาบ (perfusion) บริเวณรกไม่ดี ซึ่งเป็นผลมาจากการไหลเวียนของมารดาไม่ดี
  - - - แรงต้านการไหลเวียนของโลหิตมีมากขึ้น
      - มีผลให้เซลล์บริเวณรอบๆเส้นเลือดหดรัดตัวขาดออกซิเจน จนเกิดภาวะเลือดออกและเกิดเนื้อตาย
      - Angiotensin ll ที่กระตุ้นให้เส้นเลือดหดรัดตัว
        
        ทำให้ endothelial cells มีการหดรัดตัวมากขึ้น จึงทำให้ endothelial ถูกทำลายจนกระทั่งเกร็ดเลือด และ fibrinogen ถูกทำลายจนลดน้อยลง
        
        ระบบประสาท
        
        ปวดศีรษะ เห็นภาพเบลอ เห็นภาพซ้อน
        
        เกิดปฏิกิริยาสะท้อนที่เร็วเกินไป (Hyperreflexia)
        
        มีอาการชักกระตุกของกล้ามเนื้อ (Clonus)
        
        ชัก
        
        ระบบหัวใจ และหลอดเลือด
        
        การทำงานของหัวใจล้มเหลว
        
        ระบบโลหิตวิทยา
        
        ปวดชายโครงขวา
        
        เหนื่อย เพลีย คลื่นไส้ อาเจียน
        
        HELLP syndrome
        
        H : Hemolysis เม็ดเลือดแดงแตก
        
        ภาวะที่เซลล์เม็ดเลือดแดงที่ทำหน้าที่ในการลำเลียงออกซิเจนแตกสลาย และทหใ้ฮีโมโกลบินรั่วออกมาปะปนอยู่ในกระแสเลือด
        
        EL : Elevated liver enzyme
        
        เอนไซม์ตับเพิ่มขึ้น เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับตับ
        
        LP : Low platelet
        
        เกล็ดเลือดต่ำ < 100,000/mm3
        
        มีอาการบวม ตา ตัว เหลือง
        
        ปัสสาวะเป็นเลือด
        
        ระบบการทำงานของปอด
        
        Pulmonary edema
        
        ระบบปัสสาวะ
        
        พบโปรตีนในปัสสาวะ
        
        ปัสสาวะออกน้อย
        
        ไตวาย
        
        ระบบการทำงานของตับ
        
        แคปซูลแตก (Capsule rupture)
        
        คลื่นไส้ อาเจียน
        
        ปวดบริเวณชายโครงขวา หรือใต้ลิ้นปี่ ซึ่งเป็นภาวะที่ต้องผ่าตัดอย่างรีบด่วน เพื่อป้องกันการเสียชีวิตทั้งมารดา และทารก
        
        การเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อมดลูก และรก
        
        เส้นเลือดในแนวเฉียงของมดลูก (Spiral arteries) มีการเปลี่ยนแปลง โดยพบว่าเส้นเลือดแคบลง และเหยียดออกจาก intervillous space เป็นส่วนที่รกสัมผัสกับกล้ามเนื้อ ทำให้มีเส้นเลือดไปเลี้ยงบริเวณรกน้อยกว่าปกติ ทำให้ทารกในครรภ์มีขนาดเล็กกว่าปกติ (IUGR)
- - - - วัดความดันโลหิตไตรมาส 2 ในท่านอนตะแคงก่อนแล้วเปลี่ยนมาวัดท่านอนหงาย ถ้า DBP ในท่านอนหงาย > ท่าตะแคง 20-30 mmHg. ถือว่าการทดสอบให้ผลบวก (positive test)
- - - - เส้นเลือดในสมองแตก หรือฉีกขาด
      - หัวใจล้มเหลว มีน้ำคั่งในปอด
      - ไตวายเฉียบพลัน
      - ความบกพร่องในการแข็งตัวของเลือด
      - ตับแตก
      - มารดาเสียชีวิตจากสาเหตุด้านบน
    - - ภาวะหัวใจทำงานล้มเหลว จากภาวะ preload ลดลง และ afterload เพิ่มขึ้นมากเกินไปเป็นระยะเวลานาน
      - ตับแตก เสียเลือดและช็อก
      - ตกเลือดหลังคลอด
      - ภาวะไตวายเฉียบพลัน (acute renal failure)
    - - และภาวะ DIC
      - มักพบในหญิงตั้งครรภ์ที่เป็น severe pre-eclampsia
      - มักเกิดก่อนอายุครรภ์ 36 wks.
      - เกล็ดเลือดลดลงน้อยกว่า <100,000/mm3
      - PT > 16 วินาที
      - PTT > 38 วิทนาที
      - fibrinogen < 285 mg/ml เสี่ยงต่อการเกิดภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด และ เกิดภาวะ DIC ได้มากยิ่งขึ้น
  - - - มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนล้า ไม่หายใจ เป็นผลทำให้ APGAR Score ต่ำ
- - - - ควบคุมอาการและอาการแสดงของโรคไม่ได้ (เพิ่มระดับเป็น severe PIH)
        อายุครรภ์มากกว่า 37 สัปดาห์แล้ว
- - - - แนะนำให้นอนพักผ่อนมากๆในท่านอนตะแคงซ้าย
      - แนะนำการผ่อนคลายความเครียด
      - แนะนำการออกกำลังกายง่ายๆ
      - แนะนำการสังเกตอาการผิดปกติ
      - แนะนำการนับลูกดิ้น
    - - ให้นอนพักมากๆในท่านอนตะแคงซ้าย
      - ประเมินความดันโลหิต
      - อาการนำ ได้แก่ ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว เจ็บใต้ลิ้นปี่ หรือใต้ชายโครงขวา และติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
      - โปรตีนในปัสสาวะ
      - อาการบวม
      - ชั่งน้ำหนักทุกวัน
      - ดูแลให้ได้รับยา glucocorticoid ตามแผนการรักษา
      - ดูแลให้ได้รับยา aspirin, calcium เพื่อป้องกันไม่ให้โรครุนแรงขึ้น