Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
GDM, นางสาวกรรวี ด้วงมหาสอน รหัสนิสิต 63019950 - Coggle Diagram
GDM
-
1. Root cause
พยาธิสภาพ
ขณะตั้งครรภ์มีการเปลี่ยนแปลงเมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต รกจะผลิตฮอร์โมนที่มีฤทธิ์ต้านต่ออินซูลินเข้าสู่กระแสเลือด ได้แก่ ฮิวแมนพลาเซนทอล แลคโตเจน (human placental lactogen, HPL) เอสโตรเจน โปรเจสเตอโรน และโปรแลคติน (prolactin)
ในการตั้งครรภ์ปกติ เบต้าเซลล์จะหลั่งอินซูลินออกมามากขึ้น
เพื่อคงระดับน้ำตาลให้ปกติ แต่ในหญิงที่เป็นโรคเบาหวาน ขณะตั้งครรภ์ จะมีการหลั่งอินซูลินไม่เพียงพอ โดยพบว่าระยะแรกของการหลั่งอินซูลินของหญิงตั้งครรภ์นี้หายไป และมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง การที่เบต้าเวลล์หลั่งอินซูลินไม่เพียงพอ อาจเนื่องมาจากมีภูมิต้านทานต่อตนเอง หรือมีภาวะดื้อต่อ
อินซูลินแบบเรื้อรัง และเชื่อว่ายังคงมีภาวะดื้อต่ออินซูลินแบบ
เรื้อรังไปจนถึงหลังคลอด
นอกจากนี้ยังผลิตเอนไซม์ อินซูลินเนส(insulinase) และต่อมหมวกไตของทารกจะผลิตคอร์ติซอล (cortisol) เพิ่มขึ้นด้วย เอนไซม์ดังกล่าวทำให้เนื้อเยื่อตอบสนอง ต่ออินซูลินลดลงหรือทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน เป็นผลให้หญิงตั้งครรภ์มีระดับน้ำตาลต่ำ มีไขมันสะสมมาก เพิ่มความอยากอาหาร ความไวต่ออินซูลินลดลง จนในที่สุดมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติในระยะหลังรับประทานอาหาร (postprandial hyperglycemia) ในการตั้งครรภ์ปกติจะพบภาวะดื้อต่ออินซูลิน เพื่อดึงน้ำตาลให้ไปเลี้ยงทารกให้เพียงพอ จึงมีลักษณะเหมือนการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ผลของฮอร์โมนจากรกต่อภาวะดื้ออินซูลินนี้จะลดลงในระยะหลังคลอด
-
-
โรคเบาหวาน คือ
เป็นกลุ่มความผิดปกติของระบบเมตตาบอลิกของ คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน ซึ่งเกิดจากการขาดอินซูลิน (Insulin deficiency ) หรือการตอบสนองต่ออินซูลินลดลง ( Insulin resistance )
-
-
5. Action/Nursing care
class A1 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ดี อัตราการเสียชีวิตในทารกไม่แตกต่างกับการตั้งครรภ์ทั่วๆไป สามารถให้การดูแลแบบกลุ่มความเสี่ยงต่ำได้ ไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพทารกในครรภ์
Class A2 ที่ต้องรักษาด้วยอินสุลิน ให้ดูแลเหมือน overt DM เนื่องจากภาวะแทรกซ้อนมากกว่าปกติ ควรตรวจสุขภาพทารกในครรภ์
-
ไตรมาสที่ 2
-
-
ตรวจระดับ alpha-fetoproteinในมารดา ที่อายุครรภ์ 16-20 สัปดาห์ เพื่อคัดกรองความผิดปกติของระบบประสาทและไขสันหลัง (neural tube defect)
-
ไตรมาสที่ 3
-
-
-
ตรวจสุขภาพทารกในครรภ์ ด้วย การนับลูกดิ้น ตั้งแต่ 28 สัปดาห์เป็นต้นไป และ nonstress test (NST) 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ตั้งแต่ 32 สัปดาห์ จนกระทั่งคลอด
7. PDCA, DALI
- สตรีตั้งครรภ์และครอบครัวต้องมีความรู้ความเข้าใจเกียวกับการดำเนินของโรค ภาวะแทรกซ้อนการดูแล รักษาและสามารถประเมินสภาพเพื่อดูแลตนเองได้ สตรีต้งครรภ์และทารกในครรภ์ได้รับผลกระทบจากภาวะแทรกซ้อนต่างๆ น้อยที่สุด มีอาการของโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนไม่รุนแรง
- เจ้าหน้าที่ต้องสร้างสัมพันธภาพระหว่างสตรีตั้งครรภ์และครอบครัว เพื่อให้สตรีตั้งครรภ์เกิดความไว้วางใจ คลายความวิตกกังวล เกิดกำลังใจและให้ความร่วมมือในการรักษาพยาบาล ซึ่งจะส่งผลให้สตรีตั้งครรภ์และทารกปลอดภัยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน
- การให้ความรู้เรื่องการรับประทานอาหารที่เหมาะสมของสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะเบาหวานตั้งแต่ได้รับการวินิจฉัยครั้งแรก
- การใช้ประโยชน์จาก social media ในการค้นหาข้อมูล รูปภาพ สื่อ
เรื่องภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์เพื่อให้สตรีตั้งครรภ์เห็นภาพที่ชัดเจน
- จัดตั้ง Line application self help group ให้คำปรึกษาสตรีตั้งครรภ์ขณะอยู่ที่บ้าน
2. Identified
-
- หญิงตั้งครรภ์ที่ไม่เป็นกลุ่มเสี่ยงตรวจทุกรายเมื่ออายุครรภ์ 24 - 28 สัปดาห์
- หญิงตั้งครรภ์กลุ่มที่ผลการตรวจครั้งแรกปกติให้ตรวจซ้ำเมื่ออายุครรภ์ 24 - 28 สัปดาห์
-
3. Priority
ผลต่อมารดา
-
-
- ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ (pregnancy induced hypertension)
- ครรภ์แฝดน้ำ (polyhydramios)
- การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะและการติดเชื้อในช่องคลอดจากเชื้อโมนิเลีย (monilial vaginitis)
-
- การตกเลือดหลังคลอด
(postpartum hemorrhage)
- การคลอดก่อนกำหนด (preterm birth)
ผลต่อทารก
- ทารกพิการแต่กำเนิด (congenital malformation)
-
- ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำแรกเกิด
-
-
- กลุ่มอาการหายใจลำบากแรกเกิด
-
-