Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ผู้ป่วยชายไทยวัย 41 ปี เตียง 27 DM LT FOOT LT tole gan grene,…
ผู้ป่วยชายไทยวัย 41 ปี เตียง 27 DM LT FOOT LT tole gan grene
ข้อมูลทั่วไป
เชื้อชาติไทย สัญชาติ ไทย ศาสนา พุทธ
อาการสำคัญ
3 วันก่อนมาโรงพยาบาล เท้าบวมแดง แผลมี discharge ซึม จึงมาโรงพยาบาล
ผู้ป่วยชายไทย วัยผู้ใหญ่ อายุ 41 ปี
ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน
5 วันก่อนมา โดนตะปูตำเท้า มีแผลเปิดบริเวณเท้าซ้าย 3 วันก่อนมาเท้าบวมแดง แผลมี discharge ซึม จึงมาโรงพยาบาล
แรกรับ วันที่ 23 พ.ค 2565
สัญาณชีพแรกรับ T = 36.7 c P= 94/min R =20/ min BP = 148/87 mmHg
น้ำหนัก 69 กิโลกรัม ส่วนสูง 165 เซนติเมตร
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
ตรวจพบว่าเป็นเบาหวานเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
วินิจฉัยโรคแรกรับ : DM Foot LT
วินิจฉัยโรคปัจจุบัน : DM Foot LEFT 3rd tole gan grene
การผ่าตัด : Amputation 3rd LT tole with Debridement
DIABETES
ความหมาย
โรคเบาหวานเป็นกลุ่มโรคของความผิดปกติของการเผาผลาญไขมัน โปตีน และคาร์โบไฮเดรต ซึ่งเป็นผลจากความบกพร่องของการหลั่ง insulin หรือการออกฤทธิ์ของinsulin หรือทั้งสองสาเหตุ ทำให้เกิดระดับน้ำตาลในเลือดสูง ภาวะระดับน้ำตาลสูงเรื้อรังมีส่วนเกี่ยวข้องกับความเสียหายในระยะยาว การสูญเสียหน้าที่ และความล้มเหลวของอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของตา ไต ระบบประสาทหัวใจและหลอดเลือด
พยาธิสภาพ
โรคเบาหวานเกิดขึ้นจากการที่ ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงในการเผาผลาญสารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตไขมันและโปรตีนเนื่องจากความไม่สมดุลของการใช้กับการสร้างอินซูลินร่างกาย
สาเหตุการเกิดโรค
เบาหวานประเภทที่ 1 (Type 1 Diabetes) เกิดจากตับอ่อนไม่สมารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้
เบาหวานประเภทที่ 2 (Type 2 Diabetes) เกิดจากการที่ตับอ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ไม่เพียงพอต่อการใช้ และการดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance)
กรณีศึกษา เป็นเบาหวานประเภทที่ 2
ลักษณะ
ส่วนใหญ่อายุมากกว่า 30 ปี
กรณีศึกษา อายุ 41 ปี
• อาการเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปหรือไม่มีอาการ มักตรวจพบเมื่อเช็คสุขภาพทั่วไปโดยบังเอิญ
กรณีศึกษาตรวจพบเบาหวาน เมื่อมารักษาด้วยอาการเท้าบวม
• มีรูปร่างอ้วนท้วม(abdominal obesity) รับประทานอาหารมากเกินกว่าพลังงานที่ใช้ ไม่ค่อยออกกำลังกาย ไม่ค่อยมีกิจกรรมทางกาย (sedentary lifestyle)
กรณีศึกษา มีรูปร่างอ้วนท้วม
• มีประวัติเบาหวานในครอบครัว
กรณีศึกษา มารดามีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน
เบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes) ซึ่งเป็นโรคเบาหวานที่พัฒนาขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์จากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน โดยที่ผู้ป่วยไม่เคยเป็นโรคเบาหวานมาก่อน
โรคเบาหวานที่พบได้ไม่บ่อยอย่างโรคเบาหวานที่เกิดจากกรรมพันธุ์หรือแบบโมโนเจนิก (Monogenic Diabetes) อีกทั้งยังมีโรคเบาหวานจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การใช้ยา หรือเกิดจากโรคชนิดอื่นอย่างโรคซิสติ๊ก ไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis) ด้วย
อาการทั่วไป
ปัสสาวะบ่อย
กระหายน้ำ
กินจุแต่น้ำหนักลด
คันตามตัวและอวัยวะเพศ
ชาปลายมือปลายเท้า
กรณีศึกษา ชาบริเวณปลายเท้า
เป็นแผลแล้วหายยาก
กรณีศึษา มีแผลเกิดขึ้น ที่บริเวณเท้า
ภาวะแทรกซ้อน
ผลแทรกซ้อนเฉียบพลัน
ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงมาก จะมีปัสสาวะออกมาก กระหายน้ำมาก อาเจียน คลื่นไส้ หอบซึม อาจถึงขั้นหมดสติ
ผลแทรกซ้อนเรื้อรัง
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
เบาหวานขึ้นตา
ชาปลายเท้าทั้ง 2 ข้าง
ทำให้เกิดแผลไม่รู้ตัว
กรณีศึกษา เกิดแผลที่เท้าทั้ง 2 ข้าง จึงได้รับการตัดนิ้วเท้า
อาการของแผลเบาหวาน
เป็นภาวะแทรกซ้อนพบมากที่สุดในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดีเท่าทีควร ส่งผลให้ะบบประสาททำงานผิดปกติ และเกิดอาการชาหรือไร้ความรู้สึกบริเวณปลายมือและเท้าเองจากหลอดเลือดทำงานผิดปกติ และหากเกิดเป็นแผลขึ้น จะทำให้หายช้าหรือ
กลายเป็นแผลรื้อรังเสียงต่อการติดเชื้อได้ เนืองจากผู้ป่วยโรคเบาหวาน จะมีไขมันและน้ำตาลไม่ถูกย่อยสลายไปจับตามเส้นเลือดทำให้เส้นเลือดตีบและแข็งจนเกิดกรอุดนทั้งหมดนี้อาจทำให้เกิดแผลได้โดยเฉพาะที่บริเวณเท้าซึ่งเป็นส่วนที่ขาดเนื้อเยื่อไปล่อเลี้ยงหากไม่ได้รับกรรักษาอย่างทันท่วงทีอย่างถูกต้องอาจนำไปสู่การตัดอวัยวะจากกรติดเชื้อได้ในที่สุด เป็นเหตุที่อาจทำให้เสียขา ไปจนถึงเสียชีวิตได้
ท้องเสียเรื้อรัง
ภาวะไตเสื่อม บวม
กรณีศีกษา เกิดภาวะไตเสื่อมระยะที่ 2
เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
การวินิจฉัย
การตรจทางห้องปฏิบัติการ
มีอาการนโรคเบาหหวานชัดเจน ได้แก่ หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อยและปริมาณมาก น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่มีสาเหตุ ร่วมกับตรวจระดับน้ำตาลในเล็อดเวลาใดก็ได้ไม่จำเป็นต้องอตอาหาร ถ้ามีค่ามากกว่าเท่ากับ 200 mg/dl
ระดับน้ำตาลในเลือด หลังอดอาหาร (ออย่างน้อย 8 ชั่วโมง)
มากกว่าเท่ากับ 126 mg/dl
การตรวจระดับน้ำตาลสะสม (A1C) มากกว่าเท่ากับ 6.5 % โดย
วิธีการตรวจและห้องปฏิปัติการต้องได้รับการรับรองตามมาตรฐาน
ที่กำหนด ซึ่งมีน้อยในประเทศไทย ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้วิธีนึ
การตรวจความทุนต่อกลูโคส โดยให้รับประมาณกลูโคส 75g
แล้วตรวจระดับน้ำตาลในเลือดที่ 2 ชั่วโมง
การตรวจร่างกาย
ลักษณะทั่วไป
รูปร่างร่างอาจอ้วนหรือผอมแล้วแต่ระยะเวลาที่เป็น ท่าทาง อ่อนเพลี้ยปากแห้ง หน้าแดง ผิวหนังร้อน เท้าอุ่น มีไข่ต่ำๆ ถึงไข้สูงและถ้ามีภาวะเป็นกรดร่วมด้วย อาจพบหายใจหอบเร็ว ลึก (Kussmual respiration)อาจซึม หรือไม่รู้สึกตัวก็ได้
หัวใจและหลอดเลือด
อาจพบความต้นโลหิตสูงเจ็บหน้าอกเส้นเลือดสมองอุตตันเวลาเดินปวดน่องมากพอหยุดเดินแล้วอาการจะหายไปหรือเป็นอัมพาต
กล้ามเนื้อและระบบประสาท
ปวด ชา ปลายมือปลายเท้า มึนงงเวียนศีรษะกล้ามเนื้อลีบและอาจตรวจพบเชื้อราตามข้อพับ แขนขาไม่มีปฏิกิริยาสะท้อน (Reflex) ตามข้อเข่าและข้อเท้า
ช่องท้อง
มีไขมันพอกบริเวณหน้าท้อง หน้าอก คอและหน้า อาจคลำพบตับโต ขอบเรียบกตไม่เจ็บเมื่อได้รับการรักษาที่ดีตับจะเล็กลงมีอาการทางลำไส้ท้องผูกหรือท้องเดินในเวลากลางคืน
ตา
พบมีต้อกระจกต๋อหินเส้นเลือดในจอรับภาพแตกมองเห็นภาพซ้อน(Diplopia)
การรักษา
1.การประเมินการควบคุมระดับน้ำตาลของผู้ป่วยผู้ป่วยที่มีการควบคุมระดับน้ำตาลได้ดี และคงที่แนะนำให้ทำการตรวจวัดระดับ HbA1c อย่างน้อยปีละ2ครั้งแต่ในรายที่ควบคุมได้ไม่ดีหรือไม่คงที่แนะนำให้มีการตรวจอย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง
การปรับเปลี่ยนโภชนาการ เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ระดับHbA1c ระดับไขมัน LDL HDL Triglyceride ความดันโลหิต และน้ำหนักตัว
3.การออกกำลังการการออกกำลังการช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น ลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ลดน้ำหนักควรจะมีการปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน และแนะนำวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้ป่วย
การใช้ยารักษาโรคเบาหวาน
อินซูลินออกฤทธิ์สั้น (short acting human insulin) เริ่มออกฤทธิ์ 30-45 นาที่ ออกฤทธิ์สูงสุด 2-3 ชั่วโมง ออกฤทธิ์นาน 4-8 ชั่วโมง Regular insulin
กรณีศึกษา ได้รับ Regular insulin จำนวน 4 Unit
เมื่อปริมาณน้ำตาลในเลือด มากกว่า 180 mg/dL
โดยกำหนดค่า
ถ้ามากกว่า 250 ให้ 6 Unit
มากกว่า 350 ให้ 8 Unit
อินซูลินออกฤทธิ์นานป่านกลาง (intermediate acting human insulin) เริ่มออกฤทธิ์ 2-4 ชั่วโมง ออกฤทธิ์สูงสุด 4-8 ชั่วโมง ออกฤทธิ์นาน 10-16 ชั่วโมง Humulin Insulatard Monotard
ชนิตออกฤทธิ์เร็ว (rapid acting insulin analog) เริ่มออกฤทธิ์ 5-15 นาทีออกฤทธิ์สูงสุด 1-2 ชั่วโมง ออกฤทธิ์นาน 3-4 ชั่วโมง Lispro Aspart
อินซูลินออกฤทธิ์ยาว (long acting human insulin) เริ่มออกฤทธิ์ 2 ชั่วโมง ออกฤทธิ์นาน 18-24 ชั่วโมง Lantus Levemir
อินซูลินผสมสำเร็จรูป (pre-mixed 30%RI+70%NPH: mixtard 30HM) เริ่มออกฤทธิ์ 30-60 นาที ออกฤทธิ์สูงสุด 2-8 ชั่วโมง ออกฤทธิ์นาน 12- 20 ชั่วโมง Humulin 70/30 Mixtard30 Humalog mix 25 Novomix 30
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
ข้อที่ 1 มีโอกาสติดเชื้อเนื่องจากมีแผลผ่าตัด Amputation บริเวณนิ้วเท้าซ้าย
ข้อมูลสนับสนุน
o: มีแผลผ่าตัด Amputation บริเวณนิ้วกลาง เท้าซ้าย
o: ภายนอกผ้าพันแผลเปรอะเปื้อนจากการไม่ใส่รองเท้าเดิน
จุดมุ่งหมาย
ไม่มีการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด
เกณฑ์การประเมิน
แผลผ่าตัดสะอาด ไม่มีการบวมแดง ไม่มีสารคัดหลั่งซึมออกมานอกก๊อซ
ไม่พบอาการ และอาการแสดงจากการติดเชื้อ ได้แก่ มีไข้ แผลอักเสบบวมแดงร้อน ไม่มีกลิ่นเหม็น
กิจกรรมการพยาบาล
ติดตาม และประเมิน สัญญาณชีพ เพื่อติดตามอาการผิดปกติ และประเมินภาวะติดเชื้อ
3.ดูแลความสะอาดของร่างกาย และจัดสิ่งแวดล้อมให้สะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
1.ประเมินลักษณะของแผลว่ามีการอักเสบติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดหรือไม่wด้แก่ อาการบวม แดง ร้อน มีกลิ่นเหม็น และสังเกตลักษณะความผิดปกติของสิ่งคัดหลั่ง เพื่อติดตามอาการผิดปกติ และอาการแสดงจากภาวะติดเชื้อ
ดูแลให้ได้รับยาฆ่าเชื้อ
clindamyacin 900 mg iv q 8hr
ceftriazone 2 g iv q o.d ตามแผนการรักษา
เพื่อฆ่าเชื้อ และได้รับยาตามแผนการรักษา
ดูแลทำแผลโดยยึดหลัก Aceptic Techniqe หมั่นเปลี่ยนผ้าก๊อซปิดแผลบ่อยๆเมื่อมีสิ่งคัดหลั่งไหลออกมาจากแผล
ข้อที่ 2. สร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมการดูแลตนเอง
จุดมุ่งหมาย
มีความตระหนักรู้ และดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง
เกณฑ์การประเมิน
ผู้ป่วยมีความรู้เรื่องการดูแลแผลที่เหมาะสม
2.ผู้ป่วยมีความรู้เรื่องอาหารที่เหมาะสมกับโรค
3.ผู้ป่วยมีความรู้เรื่องการใช้ยาเมื่อกลับบ้าน
ข้อมูลสนับสนุน
o: ผู้ป่วยขาดความตระหนักรู้ในโรคที่เป็นอยู่
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติตนและการดูแลตนเองเมื่อกลับบ้าน เพื่อให้ทราบว่าผู้ป่วยมีความรู้ความเข้าใจในการดูตนเองเหมาะสมและเพียงพอหรือไม่
2.ให้ความรู้เกี่ยวกับการรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับสภาวะของโรคซึ่งแบ่งอาหารเบาหวานได้ เพื่อให้ผู้ป่วยทราบถึงอาหารที่เหมาะสมกับโรคที่ตนเองเป็น
ประเภทที่ 1 อาหารที่ควรงดรับประทานได้แก่ ขนมหวาน เช่น ทองหยิบ
ทองหยอด ฝอยทอง สังขยา นมข้น หวาน น้ำอัดลม
ประเภทที่ 2 รับประทานได้ไม่จำกัดปริมาณ ได้แก่ ผักใบเขียวทุกชนิด
ผักตำลึง ผักบุ้ง กะหล่ำปลี ต้นหอมมะระ แตงกวา ผักคะน้า
ประเภทที่ 3 รับประทานได้แต่จำกัดปริมาณและชนิด ได้แก่อาหารพวกแป้ง เช่น ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่ขนมปังและอาหารบางอย่างต้องจำกัดจำนวน เช่น ผลไม้ต่างๆกล้วยน้ำว้า 1 ผล ฝรั่ง 1/5 ผลลำไย 5 ผล
3.การรับประทานอาหารให้ตรงเวลาหมาะสมกับโรคและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อให้ได้รับอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่งกายและช่วยส่งเสริมการหายของแผล
การออกกำลังกาย โดยการกระดกส้นเท้า ปลายเท้า การยกและกางแขนขาออก วันละ 20 นาที การเดินเร็ว
ซึ่งการออกกำลังกายแต่ละครั้ง ครั้งละประมาณ 15-30 นาที
เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
แนะนำการสังเกตอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia)และภาวะน้ำตาลในเลือดสูง(Hyperglycemia) รวมทั้งการแนะนำวิธีการป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจ
เกิดขึ้นกับอวัยวะส่วนต่างๆ เพื่อให้ผู้ป่วยทราบถึงอาการผิดปกติต่างๆที่อาจเกิดจากแผลเพื่อให้มาพบแพทย์รับการตรวจรักษาทันเวลา
ตา: ควรพบจักษแพทย์อย่างน้อยปีละ1 ครั้ง เพื่อประเมินการมองเห็น
เลนส์ตาและตรวจจอตาโดยแพทย์ผู้รักษา ถ้ามีอาการผิดปกติทางตา เช่นตามัวมองเห็นภาพซ้อน ควรปรึกษาแพทย์
ไต: ควรมีการตรวจการทำงานของไตตรวจปัสสาวะปีละ 2 ครั้งหรือตามแผนการรักษาของแพทย์และลดการทำงานของไตโดยการงดอาหารเค็มรับประทานอาหารโปรตีนน้อยลงหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีพิษต่อไต
ระบบประสาท: ควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ 80- 120 mg/dlและบริหารมือและเท้าเพื่อช่วยลดอาการประสาทส่วนปลายเสื่อม
ลดอาการชาบริเวณปลายมือปลายเท้า
ระบบหัวใจและหลอดเลือด:ลดปัจจัยเสี่ยงอื่นที่ทำให้เกิดเส้นเลือดตีบแข็งเช่น ภาวะไขมันในเส้นเลือดสูงการสูบบุหรี่ และความดันโลหิตสูง
ข้อที่ 3. การวางแผนจำหหน่ายผู้ป่วยกลับบ้านตามหลัก d-method
จุดมุ่งหมาย
ผู้ป่วยมีความรู้ และมีความพร้อมก่อนกลับบ้าน
เกณฑ์การประเมิน
ผู้ป่วยเข้าใจ Diagnosis โรคที่เป็น สาเหตุ อาการ
ผู้ป่วยเข้าใจ Medicine ยาที่ตนเองได้รับอย่างละเอียด สรรพคุณของยา ขนาด วิธีใช้ข้อควรระวัง ใน การใช้ยา
ผู้ป่วยเข้าใจ Environment การจัดการสิ่งแวดล้อมที่บ้านให้เหมาะสมกับภาวะสุขภาพ
ผู้ป่วยเข้าใจ Treatment การรักษาของแพทย์ รวมถึงการเฝ้าสังเกตอาการตนเองและแจ้งให้พยาบาลทราบ
ผู้ป่วยเข้าใจ Health การส่งเสริม ฟื้นฟู ภาพทางด้านร่างกายและจิตใจ
ผู้ป่วยเข้าใจ Out patient การมาตรวจตามนัด
ผู้ป่วยเข้าใจ Diet การเลือกรับประทานอาหารเหมาะสมกับโรคหลีกเลี่ยงหรืองดอาหารที่ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ข้อมูลสนับสนุน
o: ผู้ป่วยยังมีความรู้ไม่เพียงพอในการดูแลตนเองในเรื่องการดูแลตนเอง และการควบคุมเบาหวาน
กิจกรรมการพยาบาล
D ( Disease )
อาการแผลเบาหวาน
เป็นภาวะแทรกซ้อนพบมากที่สุดในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดีเท่าทีควร ส่งผลให้ระบบประสาททำงานผิดปกติ และเกิดอาการชาหรือไร้ความรู้สึกบริเวณปลายมือและเท้าเองจากหลอดเลือดทำงานผิดปกติ และหากเกิดเป็นแผลขึ้น จะทำให้หายช้าหรือ
กลายเป็นแผลรื้อรังเสียงต่อการติดเชื้อได้ เนืองจากผู้ป่วยโรคเบาหวาน จะมีไขมันและน้ำตาลไม่ถูกย่อยสลายไปจับตามเส้นเลือดทำให้เส้นเลือดตีบและแข็งจนเกิดกรอุดนทั้งหมดนี้อาจทำให้เกิดแผลได้โดยเฉพาะที่บริเวณเท้าซึ่งเป็นส่วนที่ขาดเนื้อเยื่อไปหล่อเลี้ยงหากไม่ได้รับกรรักษาอย่างทันท่วงทีอย่างถูกต้องอาจนำไปสู่การตัดอวัยวะจากกรติดเชื้อได้ในที่สุด เป็นเหตุที่อาจทำให้เสียขา ไปจนถึงเสียชีวิตได้
เกิดจากการเหยียบตะปู และเมื่อมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน ก็เป็นสาเหตุปัจจัยที่ส่งเสริมให้ ระบบประสาททำงานผิดปกติ จึงทำให้เกิดการชา และเมื่อเป็นแผลที่เท้า โดยเฉพาะที่เท้าเ นื่องจากขาดเนื้อเยื่อไปเลี้ยง ซึ่งหากเป็นแผลก็จะหายยากเพราะหลอดเลือดตีบ ไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยง หรือเลือดไปหล่อเลี้ยงไม่พอ ทำใหเสียอวัยวะที่เท้าไป
M(Medicine)
E ( Environment)
T (Treathment)
H ( Health)
O: ( Out Patient)
2 more items...
การส่งเสริม ฟื้นฟูสภาพทางด้านร่างกายและจิตใจ ตลอดจนป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
2 more items...
การทำตามแผนการรักษารวมถึง การสังเกตตัวเอง
แนะนำเรื่อง การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ระดับน้ำตาลในเลือดควรอยู่ระหว่าง 80 – 140 mgm% ถ้าสามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ทำให้ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน ตา ไต เท้าและหัวใจ รวมถึงสังเกตอาการที่ผิดปกติก่อนการมาตรวจตามนัด ได้แก่ การมีแผลที่เท้าเพิ่ม คลื่นไส้อาเจียน ปัสสาวะบ่อย ให้ดื่มน้ำมากๆและมาโรงพยาบาล ใจสั่น เวียนศีรษะ เหงื่อออกตัวเย็น ให้นอนพักดื่มน้ำหวานถ้าอาการไม่ดีขึ้นให้รีบมาโรงพยาบาล
การจัดสิ่งแวดล้อมที่บ้านให้เหมาะสมกับภาวะสุขภาพของผู้ป่วย
แนะนำให้จัดสิ่งแวดล้อมให้สะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่เท้า และแนะนำการสวมรองเท้าที่สะอาด ไม่คับหรือหลวมจนเกินไป และไม่ใส่รองเท้าเป็นเวลานาน ควรเก็บสิ่งของให้เป็นระเบียบเพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุและเกิดบาดแผลกับผู้ป่วยได้
การแนะนำยาที่ผู้ป่วยได้รับอย่างละเอียด ได้แก่ สรรพคุณ ขนาต วิธีใช้ ข้อควรระวังในการใช้ยารวมถึงการสังเกตผลข้างเคียงของยาด้วย
ceftrriiazone 1 g. inj.
ฉีดเข้าเส้นเลือดดำ 2 ไวอัล วันละ 1 ครั้ง เวลา 12.00 น.
อาการข้างเคียง
เกิดผื่นบริเวณผิวหนัง เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน
clindamycin 600 mg./4ml inj
ฉีดเข้าเส้นเลือดดำ 900 มิลลิกรัม ทุก 8 ชั่วโมง เวลา 06.00 น.
14.00 น.
16.00 น.
อาการข้างเคียง
คลื่นไส้อาเจียน เวียนศรีษะ ไม่สบายท้อง
แบบแผนสุขภาพที่ผิดปกติ
แบบแผนที่ 1 การรับรู้และการดูแลสุขภาพ
ภาวาสุขภาพปีที่ผ่านมา : ตรวจพบเบาหวานเมื่อ 1 ปีที่แล้ว และเท้าบวมจึงได้รับการตัดนิ้วเท้าข้างขวา
สาเหตุของการเจ็บป่วยครั้งนี้ : เดินเหยียบตะปู
แบบแผนที่ 10 การเผชิญความเครียดและความทนต่อความเครียด
การเปลี่ยนแปลง/เหตุการณ์/ปัญหาสำคัญที่เป็นภาวะวิกฤตมากที่สุดในชีวิต : ตรวจพบโรคเบาหวาน 1 ปีที่แล้ว และถูกตัดนิ้วเท้า
ยาที่ได้รับตามแผนการรักษา
ceftrriiazone 1 g. inj
clindamycin 600 mg./4ml inj
Regular insulin
แนะนำการดูแลบาดแผล เพื่อให้ผู้ป่วยทราบวิธีการดูแลรักษาแผล และดูแลแผลอย่างถูกต้อง
ห้ามไม่ให้แผลถูกน้ำ
นอนยกปลายเท้าสูง
ห้ามนังห้อยขาเป็นเวลานาน
หมั่นกระดกเท้าขึ้นลงบนเตียง
รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อหมูไม่ติดมัน ไข่ขาว