ดูแลให้ผู้ป่วยได้50% glucose ตามแผนการรักษา

หากมีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ หาน้ำหวานและลูกอมรับประทาน

ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำด้วยตนเองหรือญาติ

อาการของภาวะน้าตาลในเลือดแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่ 1. อาการออโตโมมิค (Autonomic Symptoms) และอาการของสมองขาดกลูโคส (neuroglycopenic Symptoms) อาการออโตโมมิคได้แก่ ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว รู้สึกหวิว รู้สึกร้อน เหงื่อออก มีอสั่น รู้ลีกกังวล ความดัน โลหิต สโตลิคสูง กระสับกระส่าย คลื่นใส่และซา อาการดัง กล่าวเป็นสัญญาณเตือนให้ผู้ป่วยรู้ว่ามีภาวะน้ำตาล ใน เลือตเกิดขึ้น (Hypoglycemia awareness)และต้องแก้ไข เช่น กินอาหาร ก่อนที่จะมีอาการสมองขาดกลูโคสที่รุนแรง เกิดขึ้น 2.อาการสมองขาดกลูโคส ได้แก่ อ่อนเพลีย รู้สึก ร้อนทั้งที่ผิวหนังเย็นและชื้น อุณหภูมิกายา มีนงง ปวด ศีรษะ การทํางานสมองด้าน cognitive บกพร่อง ปฏิกิริยา ตอบสนองช้าลง สับสน ไม่มีสมาธิ ตาพร่ามัว พูดช้า ง่วงซึม หลงลืม พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง อัมพฤกษ์ครึ่งซีก (hemipaeasis)คล้ายหลอดเลือดสมอง (stroke) หมดสติ และซัก

ผู้ป่วยมีอาการซึมลงสับสน ถามตอบไม่รู้เรื่อง 4ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หมายถึง ระดับน้ำตาลกลูโคส ซึ่ง เป็นน้ำตาลที่มีโมเลกุลเล็กที่สุด ที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที มีระดับต่ำกว่าเกณฑ์ ปกติ (ค่าปกติ 70 – 100 mg/dl)

ภาวะน้ำตาลในเลือด (hypoglycemia) เป็นภาวะ แทรกซ้อนแบบเฉียบพลัน สาเหตุหลักเนื่องมาจาก ผู้เป็น เบาหวานได้รับอินซูลินหรือยารักษาเบาหวานชนิดรับ ประทาน ที่ออกฤทธิ์กระตุ้นให้ร่างกายหลั่งอินซูลินเพิ่มขึ้น มาก เกินไป หรือเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น รับประทานอาหาร หรืออาหารว่างน้อยเกินไป รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา หรือไม่รับประทาน

แบบแผนที่2 รับประทานอาหารไม่ตรงเวลาและบางวันไม่ชอบรับประทานอาหารกลางวัน

แบบแผนที่3 ปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืน4-5ครั้ง

แบบแผนที่5 นอนรับผักผ่อนไม่เพียงพอเนื่องจากตื่นมาปัสสาวะในตอนกลางคืน

แบบแผนที่6 ตาซ้าย ตาขวามัว มีอาการชาที่เท้าทั้ง2ข้าง

แบบแผนที่10 มีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายและปฏิเสธการบำบัดทนแทนไต