Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Intellectual disability ความบกพร่องทางสติปัญญา - Coggle Diagram
Intellectual disability
ความบกพร่องทางสติปัญญา
ความหมายของโรค
ประกอบด้วยลักษณะสำคัญ
3 ประการ
2) มีความบกพร่อง หรือไม่สามารถปรับตัวในชีวิตประจำวัน เมื่อเปรียบเทียบกับคนวัย เดียวกัน ในวัฒนธรรมเดียวกัน) อย่างน้อย 2 ทักษะต่อไปนี้ คือ
การสื่อความหมาย (Communication)
การดูแลตนเอง (Self-care)
การดำรงชีวิตในบ้าน (Home Living)
ทักษะทางสังคม (Social / Interpersonal Skills)
ทักษะในการเรียน (Functional Academic Skills)
การรู้จักใช้แหล่งทรัพยากรในชุมชน (Use of Community Resources)
การควบคุมตนเอง (Self-direction)
การทํางาน (Work)
การใช้เวลาว่าง (Leisure)
10.การดูแลสุขภาพ และความปลอดภัย (Health and Safety)
1) ความสามารถทางสติปัญญาต่ำว่าเกณฑ์เฉลี่ยอย่างมีนัยสำคัญ คือ มีระดับเชาว์ปัญญา หรือ ไอคิว ต่ำกว่า 70
3) เริ่มมีอาการก่อนอายุ18ปี
การเรียนรู้และการปรับตัวในการดำรงชีวิตประจำวันเด็กมีข้อจำกัดหรือเพดานในการเรียนรู้ ทำให้ไม่สามารถทำสิ่งต่างๆได้เท่ากับเพื่อนใน วัยเดียวกันเป็นภาวะที่สมองหยุดพัฒนา
ภาวะบกพร่องทางสติปัญญา เป็นภาวะที่มีพัฒนาการบกพร่องซึ่งทำให้มีข้อจำกัดด้านสติปัญญา
ทำให้เกิดความบกพร่องของทักษะด้านต่าง ๆ ในระยะพัฒนาการ และส่งผลกระทบต่อระดับเชาวน์ปัญญาทุกๆด้าน
เกณฑ์การวินิจฉัยของโรคตาม DSM-5
ประเภท
ความบกพร่องทางสติปัญญา แบ่งออกเป็น 4 ระดับ
ระดับรุนแรงมาก (IQ < 20)
พัฒนาการล่าช้าชัดเจนทุกด้านตั้งแต่แรกเกิด อาจมีความพิการทางกายซ้ำซ้อน มีขีดจำกัดในการเข้าใจและใช้ภาษาอย่างมาก อาจจะฝึกการช่วยเหลือตนเองได้บ้าง และต้องดูแลใกล้ชิดตลอดชีวิต
ระดับรุนแรง (IQ 20-35)
พัฒนาการผิดปกติตั้งแต่ขวบปีแรก มีความล่าช้าทุกด้าน อาจสื่อสารได้เพียงเล็กน้อยหรือพูดไม่ได้เลย ดูแลตนเองได้จำกัด ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด และช่วยเหลือทุกด้านอย่างมากตลอดชีวิต
ระดับปานกลาง (IQ 35-50)
พัฒนาการล่าช้าได้ตั้งแต่อายุ 2-3 ขวบ ศึกษาได้ในระดับประถมโดยเรียนในระบบการศึกษาพิเศษ สามารถฝึกทักษะการดูแลตนเอง และฝึกอาชีพได้บ้างในลักษณะงานง่ายๆไม่ซับซ้อนไม่ต้องใช้ทักษะฝีมือภายใต้การกำกับดูแล
ระดับน้อย (IQ 50-70)
ปัญหาการเรียนเป็นปัญหาสำคัญที่พบได้บ่อยและทำให้ผู้ปกครองพาเด็กมาพบแพทย์ ส่วนใหญ่ไม่มีอาการแสดงทางร่างกาย
จึงมักได้รับการวินิจฉัยเมื่อเด็กเข้าสู่วัยเรียน สามารถเรียนจนจบชั้นประถมปลาย ฝึกทักษะทางสังคมและอาชีพพอที่จะเลี้ยง
ตัวเองได้ในรูปแบบแรงงานที่ไม่ต้องใช้ทักษะฝีมือ
เกณฑ์
A
เข้าเกณฑ์ต่อไปนี้ 6 ข้อหรือมากกว่า จากหัวข้อ (1) (2) และ (3) โดยอย่างน้อยต้องมี 2 ข้อ จากหัวข้อ (1) และจากหัวข้อ (2) และ (3) อีกหัวข้อละ 1 ข้อ
คำถาม
ไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนในระดับที่เหมาะสมกับอายุได้
2.พัฒนาการในการพูดช้าหรือไม่มีเลย โดยไม่แสดงออกว่าอยากใช้การสื่อสารวิธีอื่นมาทดแทน เช่น แสดงท่าทาง
3.หมกมุ่นกับพฤติกรรมซ้ำๆ ตั้งแต่ 1 อย่างขึ้นไป และความสนใจในสิ่งต่างๆ มีจำกัด ซึ่งเป็นภาวะที่ผิดปกติทั้งในแง่ของความรุนแรงหรือสิ่งที่สนใจ
B
คำถาม
2.การช่วยเหลือตนเอง
3.ความอิสระในสภาพแวดล้อม
ปฏิสัมพันธ์กับสังคม
การเข้าร่วมกับผู้คนในสังคมได้น้อย ถูกกักกันและจำกัดพื้นที่ตามระดับเชาว์ปัญญา
ระดับเชาว์ปัญญา หรือ IQ ต่ำกว่า 70 ผู้ที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาจะไม่สามารถปรับตัวในชีวิตประจำวันได้
C
เมื่อเปรียบเทียบกับบุคคลทั่วไปในสังคมที่ใกล้เคียงในเรื่องการสื่อสาร การเข้าสังคม ทักษะการเรียนรู้ การทำงาน และความปลอดภัยในชีวิตผู้ที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาจะแสดงอาการผิดปกติก่อนอายุ 18 ปี
คำถาม
ไม่มีพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความสนใจร่วมกับผู้อื่นได้
เสี่ยงต่อการเกิดความคิดที่หวาดระแวง และหมกมุ่น
ถูกจำกัด และกักกันพื้นที่ตามระดับเชาวน์ปัญญา
และระดับความสามารถที่วัดได้
ไม่สามารถบอกถึงความต้องการได้ ต้องมีผู้ดูแลคอยให้ความช่วยเหลือเสมอ
อาการและอาการแสดงของโรค
อาการของการบกพร่องทางสติปัญญา
ความล้มเหลวในพัฒนาการด้านสติปัญญา
นั่งคลานหรือเดินช้ากว่าเด็กคนอื่น ๆ
ยากที่จะเรียนรู้การพูดจาให้ชัดเจน
มีปัญหาความจำ
ไม่สามารถเข้าใจเหตุ และผล
พฤติกรรมเด็กไม่สอดคล้องกับอายุจริง
ไม่มีความสนใจ ใฝ่รู้
มีปัญหาการเรียนรู้
มีไอคิวต่ำกว่า 70
ชีวิตไม่เป็นอิสระ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการสื่อสารดูแลตัวเอง หรือปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
ไม่สามารถคิดอย่างมีเหตุผล
ระดับของภาวะบกพร่อง
ทางสติปัญญา
ภาวะบกพร่องทางสติปัญญา
ที่ไม่รุนแรง
ระดับไอคิวอยู่ระหว่าง 35 – 49
มีความเข้าใจ และเรียนรู้
ใช้ภาษาได้ช้า
มีปัญหาในการสื่อสาร
ต้องการความช่วยเหลือ
จากคนรอบข้าง
เดินทางไปยังสถานที่คุ้นเคย
ด้วยตัวเองได้
ภาวะบกพร่องทางสติปัญญาระดับรุนแรง
มีปัญหาทางกายภาพอย่างชัดเจน
มีพัฒนาการของระบบประสาทส่วนกลางที่ผิดปกติ
ระดับไอคิวอยู่ระหว่าง 20 – 34
ภาวะบกพร่องทางสติปัญญาระดับรุนแรงมาก
ไม่สามารถเข้าใจหรือ
ปฏิบัติตามคำบอกได้
ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ต้องสื่อสารด้วยอวัจนะภาษา
ขั้นพื้นฐาน
ไม่สามารถดูแลตัวเองได้อย่างอิสระ
ต้องการความช่วยเหลือ และการดูแลจากคนรอบข้าง
ระดับไอคิวต่ำกว่า 20
ภาวะบกพร่องทางสติปัญญาระดับปานกลาง
มีความเข้าใจ และเรียนรู้
ใช้ภาษาได้ช้า
มีปัญหาในการสื่อสาร
สามารถเรียนรู้ทักษะการอ่านการเขียน และการนับขั้นพื้นฐานได้
ต้องการความช่วยเหลือจาก
คนรอบข้าง
สามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมได้
ระดับไอคิวอยู่ระหว่าง 35 – 49
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล และการพยาบาล
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
การเจริญเติบโตและพัฒนาการล่าช้าเนื่องจากความบกพร่องทางสติปัญญาและการรับรู้
บกพร่องในการดูแลตนเองและทักษะในการดำรงชีวิตประจำวัน เนื่องจากความบกพร่องทางสติปัญญา และการรับรู้
บกพร่องในการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น เนื่องจากพัฒนาการล่าช้า
บกพร่องในการพูดสื่อสารเนื่องจากพัฒนาการล่าช้า
มีความบกพร่องในการติดต่อสื่อสาร เนื่องจากไม่ได้รับการฝึกกระตุ้นพัฒนาการที่ถูกต้อง
การพยาบาล
สอนและแนะนำหรือให้คำปรึกษาครอบครัวในเรื่องโรคแนวทางการดูแลเด็ก
การกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการโดยเน้นทักษะด้านร่างกายและทักษะในการดำรงชีวิต
จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย
การให้คำปรึกษาครอบครัวในการระบายความรู้สึกและสร้างเสริมกำลังใจ
การป้องกัน
คู่สมรสควรมีการวางแผนครอบครัวล่วงหน้า
ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์
ในระหว่างตั้งครรภ์ ควรฝากครรภ์อย่างสม่ำเสมอ
กลุ่มที่มีความเสี่ยงควรรับการตรวจเพิ่มเติม เช่น มารดาที่มีอายุ 35 ปี ขึ้นไป
หลังคลอด ควรติดตามประเมินพัฒนาการตามวัย
เอาใจใส่ดูแลเด็กอย่างเหมาะสม
แนวทางการดูแลรักษา
1) การส่งเสริมศักยภาพครอบครัว
2) การส่งเสริมพัฒนาการ
3) การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ ในช่วงแรกเกิด ถึง 6 ปี กายภาพบำบัด แก้ไขการพูดฝึกทักษะในชีวิต
4) การฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการศึกษา ในช่วงอายุ 7 ถึง 15 ปี
5) การฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม
6) การฟื้นฟูสมรรถภาพทางอาชีพ เมื่ออายุ 15 ถึง18 ปี
7) การใช้ยา