Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่8วิธีการช่วยเหลือการพยาบาลมารดาที่ทำสูติศาสตร์หัตถการ, นางสาวจิราภรณ์…
บทที่8วิธีการช่วยเหลือการพยาบาลมารดาที่ทำสูติศาสตร์หัตถการ
การคลอดภาวะฉุกเฉิน ( Precipitate labor)
การคลอดเฉียบพลัน (Precipitate labor) หมายถึง การคลอดที่เกิดขึ้นเร็วผิดปกติ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 3 ชั่วโมง หรือในระยะ active มีการเปิดขยายของปากมดลูก ในครรภ์แรก 5 เซนติเมตร/ชั่วโมง(1 เซนติเมตรทุก 12 นาที) และในครรภ์หลัง 10 เซนติเมตร/ชั่วโมง (1 เซนติเมตรทุก 6 นาที ) หรือความถี่ในการหดรัดตัวของมดลูกมากกว่า 5 ครั้งใน 10 นาที
ผลกระทบของการคลอดเฉียบพลันต่อมารดา
เกิดการฉีกขาดของช่องทางคลอด และปากมดลูกมาก2. เกิดการตกเลือดหลังคลอด3. การหดรัดตัวของมดลูกที่รุนแรง ร่วมกับมีการแตกของถุงน้ำคร่ำ อาจทำให้เกิดภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดในปอด (amniotic fluid embolism) ได้
ผลกระทบของการคลอดเฉียบพลันต่อทารก
การหดรัดตัวของมดลูกอย่างรุนแรง ทำให้การไหลเวียนเลือดในมดลูกไม่ดี ทำให้ทารกเกิดการขาดออกซิเจน (asphyxia)ได้2. ศีรษะทารกที่ผ่านเข้าในช่องทางคลอดอย่างรวดเร็ว ขาดการปรับตัวอาจทำให้ทารกเกิดการบาดเจ็บได้3. ศีรษะทารกได้รับอันตรายจากการรับไม่ทัน ทำให้ทารกตกลงบนพื้น4. ทารกไม่ได้รับการดูดเสมหะหรือน้ำคร่ำในปากและจมูก ทำให้ทารกสำลักน้ำคร่ำเกิดภาวะแทรกซ้อนในระบบทางเดินหายใจได้5. ทารกมีเลือดออกในสมอง เนื่องจากศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนจากการผ่านเข้าในช่องทางคลอดอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีการปรับศีรษะให้สัมพันธ์กับช่องทางคลอดตามกลไกการคลอด6. อาจเกิดการติดเชื้อ เนื่องจากไม่ได้รับการเตรียมทำความสะอาดก่อนคลอด7. ทารกเสียเลือด เนื่องจากสายสะดือขาด
การพยาบาล
มารดาที่มีประวัติการคลอดเร็ว ต้องระมัดระวังในการให้การพยาบาลประเมินและบันทึกการหดรัดตัวของมดลูก และฟังเสียงหัวใจของทารกในครรภ์ ทุก 30 นาทีประเมินการเปิดขยาย และความบางของปากมดลูกเมื่อมารดาอยากเบ่ง ให้การดูแลตามอาการ กรณีที่จะมีภาวะคลอดเฉียบพลัน. ระยะหลังคลอดให้การดูและอย่างใกล้ชิด แนะนำการรักษาความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ และดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
การช่วยคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศ (Vacuum Extraction)
การคลอดด้วยเครื่องสุญญากาศ(vacuum extraction : V/E) หมายถึงการใช้เครื่องดูดสุญญากาศในการเสริมจากการรัดตัวของมดลูกในขณะเจ็บครรภ์ ร่วมกับแรงเบ่งของผู้คลอดดึงศีรษะทารกออกจากช่องคลอด โดยออกแรงดึงเฉพาะเวลาที่มดลูกหดรัดตัวเพื่อให้สามารถดำเนินการคลอดทางช่องคลอดได้อย่าง
ข้อบ่งชี้ในการคลอดด้วยเครื่องสุญญากาศ
ด้านมารดา
การคลอดระยะที่ 2 ยาวนาน หรือช้ากว่าปกติหรือไม่ก้าวหน้า และ/หรือการหดรัดตัวของมดลูกน้อยจะใช้เครื่องดูดสุญญากาศร่วมกับให้ออกซิเจนทางหลอดเลือดดำ ซึ่งศีรษะทารกต้องมีengagement แล้วคือ station ตั้งแต่ระดับ 0 ลงมา
มารดาอ่อนแรงจากการคลอดที่ยาวนานหรือแรงเบ่งไม่ดี
มารดาที่โรคประจำตัวที่ไม่ควรให้เบ่งคลอด เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูงโรคปอดและโรคหัวใจ รกลอกตัวก่อนกำหนด รกเกาะต่ำ
ด้านทารก
การหมุนเวียนของศีรษะทารกผิดปกติ เช่น occiput posterior และ occiput transverse
ทารกอยู่ในภาวะ fetal distress ที่ไม่รุนแรง
การช่วยคลอดท่าก้น (Breech assisting)
ท่าก้น(Breech presentation) ความหมาย ทารกในครรภ์ที่อยู่ในแนวตามยาว (Longitudinal lie)และมีส่วนก้นลงมาอยู่ในช่องเชิงกราน ใช้ Sacrum (S) เป็น denominator พบท่าก้น 3-4% ของการคลอดทารกน้ำหนักน้อยกว่า 2,500 กรัม พบได้ร้อยละ 15 น้ำหนักน้อยกว่า 1,000 กรัมพบได้ร้อยละ 40
ชนิดของท่าก้น
Frank breech presentation พบมากในครรภ์แรก ข้อสะโพก จะงอ ข้อเข่าเหยียดขา
Incomplete breech presentation ท่าก้นที่มีส่วนหนึ่งส่วนใดของขาอยู่ต่ำกว่ากระดูก Sacrum
Complete breech presentation พบน้อยที่สุดของการคลอดท่าก้น พบ 5% ทารกจะอยู่ในท่า
ขัดสมาธิ มือกอดอก
อันตรายจากการคลอดท่าก้นต่อทารก
ภาวะขาดออกซิเจน ทารกในครรภ์จะทนต่อภาวะการขาดออกซิเจนได้ไม่เกิน 8 นาที การกดทับของสายสะดือสายสะดือพลัดออกมรกลอกตัวก่อนเวลาหายใจสำลักเอาน้ำคร่ำเข้าบาดเจ็บจากการช่วยคลอดกระดูกหักและข้อเคลื่อน การที่ส่วนแขนและไหล่เป็นอัมพาตตับแตก ม้ามแตกเลือดออกในสมอง
อันตรายต่อมารดา
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนเจ็บครรภ์ และอาจมีการติดเชื้อร่วมด้วย แม่อ่อนเพลีย ขาดน้ำ เนื่องจากการคลอดกินเวลานาน การฉีกขาดของช่องทางคลอดจากการทำสูติศาสตร์หัตถการตกเลือดหลังคลอด จากการคลอดกินเวลานานอาจมีอันตราย จากการใช้ยาสลบ ในรายที่ทำสูติศาสตร์หัตถการ
การชักนำการคลอด(Induction of labor)
การชักนำให้เจ็บครรภ์คลอด (Induction of labor) หมายถึง การทำให้เกิดการเจ็บครรภ์จริง
ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการเจ็บครรภ์จริงตามธรรมชาติ
ข้อบ่งชี้ในการชักนำให้เจ็บครรภ์คลอด
ข้อบ่งชี้ด้านมารดา ได้แก่ ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ โรคเบาหวาน หรือมีโรคแทรกซ้อนทางอายุรกรรม ภาวะน้ำคร่ำน้อย ครรภ์เกินกำหนด ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด เป็นต้น
ข้อบ่งชี้ด้านทารก ได้แก่ ทารกบวมน้ำ ทารกพิการที่ไม่สามารถทีชีวิตอยู่ต่ อ ทารกเสียชีวิตในครรภ์ เป็นต้ น
ข้อห้ามในการชักนำให้เจ็บครรภ์คลอด
ภาวะศีรษะทารกไม่ได้สัดส่วนกับช่องทางคลอด (cephalopelvic disproportion)2. ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ เช่น ท่าขวาง3. ภาวะรกเกาะต่ำ (placenta previa)4. ภาวะสายสะดือย้อย (prolapsed cord)5. มีประวัติผ่าตัดมดลูก6. มีเนื้องอกในอุ้งเชิงกรานขัดขวางการคลอด
การชักนำการคลอดโดยใช้หัตถการ (surgical induction of labor)
การเซาะแยกถุงน้ำคร่ำ คือ การสอดนิ้วเข้าไปเซาะแยกถุงน้ำคร่ำ (chorionic membrane)
ออกจากปากมดลูก และ decidua ของมดลูกส่วนล่าง
การเจาะถุงน้ำคร่ำ (artificial ruptured of membrance : AROM) เป็นการใช้เครื่องมือใส่เข้าไปในช่องคลอด แล้วสอดเข้าไปในปากมดลูกเจาะถุงน้ำคร่ำให้แตก ออกกลไกที่ก่อให้เกิดการเจ็บครรภ์เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการหลั่ง prostoglandins พบว่ามีระดับสูงขึ้นภายใน 15 นาทีหลังจากการทำหัตถการ
ภาวะแทรกซ้อนจาการชักนำการคลอดโดยการเจาะถุงน้ำคร่ำ
ภาวะแทรกซ้อนต่อทารก
ทารกคลอดก่อนกำหนดเกิดจากการผิดพลาดในการคะเนอายุครรภ์อันตรายต่างๆ ที่เกิดจากการเจาะถุงน้ำ เช่น ภาวะสายสะดือย้อย การติดเชื้อ การเจาะถูก
เส้นเลือดที่ทอดอยู่บนถุงน้ำบริเวณที่เจาะ
ภาวะแทรกซ้อนต่อมารดา
การติดเชื้อในโพรงมดลูกตกเลือดก่อนคลอดจากรกลอกตัวก่อนกำหนด
การผ่าตัดคลอด (Caesarian Section)
การผ่าตัดเมื่อนำเอาทารกออกจากโพรงมดลูก โดยผ่านทางรอยผ่าที่ผนัง หน้าท้อง และทารกต้องมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 1,000 กรัม และรอยผ่าที่ผนังมดลูก สำหรับการผ่าตัดคลอดที่เป็นการตั้งครรภ์นอกมดลูก (ectopic pregnancy) หรือในรายมดลูกแตก ไม่ถือเป็นการทำ Cesarean section
ประเภทของการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
กรณีผ่าตัดโดยกำหนดล่วงหน้า (planned scheduled or elective cesarean section)มักเป็นการผ่าตัดในรายที่มีข้อบ่งชี้ชัดเจน รวมทั้งการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง ในรายที่ไม่ต้องการคลอดทางช่องคลอด
กรณีผ่าตัดโดยไม่ได้กำหนดล่วงหน้า หรือผ่าตัดฉุกเฉิน (unplanned or emergenccesarean section) เป็นการผ่าตัดในรายที่ไม่สามารถคลอดทางช่องคลอดได้ หรือมีข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดyคลอด โดยไม่ได้เตรียมการคลอดโดยการผ่าตัดคลอดมาก่อน
การผ่าที่ผนังหน้าท้องหรือผิวหนัง (skin incison) มี 2 ชนิด
1.การผ่าในแนวดิ่ง (low vertical skin incision หรือ median incision หรือ lowermidline incision หรือ vertical midline incision ) จะผ่าจากแนวกึ่งกลางเหนือกระดูก
การผ่าในแนวขวาง (tranverse skin incision หรือ Pfannenstiel ,
s incision) เป็นการผ่าซึ่งอยู่ในแนว hairline ของบริเวณหัวหน่าว หรือแนวขวางลำตัวตรงตำแหน่ง skin crease เหนือหัวหน่าว
ภาวะแทรกซ้อนขณะทำการผ่าตัด ที่มักพบได้แกมารดา
เกิดการตกเลือดจากตัดถูกเส้นเลือดที่มดลูกเส้นใหญ่ๆ
ภาวะแทรกซ้อนจากยาระงับความรู้สึก เช่น การกดการหายใจ ความดันโลหิตต่ำ
เกิดการฉีกขาดต่อแผลผ่าตัดบนตัวมดลูก
ด้านทารก
เกิดภาวะ asphyxia
เกิดการบาดเจ็บต่อทารกจากการผ่าตัด หรือจากการทำคลอดโดยเฉพาะทารกท่าขวาง
ภาวะแทรกซ้อนภายหลังผ่าตัด ที่มักพบได้แกมารดา
เกิดการตกเลือดภายในช่องท้อง
เกิดภาวะท้องอืด (paralytic ileus)
เกิดการติดเชื้อภายในช่องท้อง (peritonitis)
เกิดการติดเชื้อของแผลผ่าตัด
การล้วงรก (manual removal of the placenta)
การล้วงรก (Manual removal of placenta) หมายถึงการสอดมือเข้าไปในโพรงมดลูกเซาะเอารกและเยื่อหุ้มรกที่ค้างอยู่ในโพรงมดลูกออกมา ทำในกรณีรกค้าง ( Retained Placenta) เป็นภาวะที่รกไม่คลอดภายใน 3๐ นาทีหลังคลอดทารก ภาวะรกค้าง ในมดลูกส่งผลให้มดลูกหดรัดตัวไม่ได้เกิดภาวะ Uterine atonyตามมาและส่งผลให้เกิดภาวะตกเลือดหลังคลอด
ข้อบ่งชี้ของการล้วงรก
รกค้างเกิน 30 นาที หลังเด็กคลอด. มีเลือดออกมากหลังเด็กคลอดเกิน 500 มิลลิลิตร ไม่ต้องคำนึงถึงระยะเวลาสายสะดือขาดและหดกลับเข้าไปในช่องคลอด โดยไม่สามารถตามเข้าไปแคลมป์ (cramp) สายสะดือตรงจุดที่ขาดได้รกคลอดออกมาแล้วแต่ตรวจรกพบมีการขาดหายไปของรกบางส่วน
การพยาบาลผู้คลอดที่ได้หลังได้รับการล้วงรก
ตรวจสัญญาณชีพเป็นระยะ ๆ ทุก 15-30 นาที ในช่วง 1-2 ชั่วโมงแรก2. คลึงมดลูกเพื่อกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัว3. สังเกตปริมาณเลือดที่ออกทางช่องคลอด4. ดูแลการให้ยาช่วยในการหดรัดตัวของมดลูกตามแผนการรักษา5. คาสายสวนปัสสาวะไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้กระเพาะปัสสาวะเต็ม6. ติดตามและป้องกันภาวะติดเชื้อหลังคลอ
การช่วยคลอดด้วยคีม (Forceps Extraction)
การคลอดด้วยคีม (Forceps Extraction : F/E) หมายถึง วิธีการช่วยคลอดทารกโดยการใช้คีม
หมุน ดึงศีรษะทารกจากทางช่องคลอด
หน้าที่
Extraction ใช้คีบและดึงศีรษะทารก ออกจากช่องทางคลอดแทนแรงเบ่งของมารดา ซึ่งเป็น
จุดประสงค์หลักของการใช้คีม
Rotation เป็นการใช้คีมจับศีรษะทารกและหมุนให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม แล้วจึงดึงออกมา เช่น ในกรณี occiput อยู่ขวางหรืออยู่ด้านหลัง
Compression ใช้คีมดึงศีรษะทารก แต่ในขณะดึงจะมีแรงส่วนหนึ่งบีบศีรษะทารกด้วย บาง
กรณีใช้คีมเพื่อบีบศีรษะทารก เช่น ทารกเด็กหัวบาตร (hydrocephalus) ที่ตายแล้วให้เล็กลง
Vectis เป็นการใช้คีมเพียงข้างเดียวในการช้อนหรือยกศีรษะทารกจากช่องคลอด เช่น ช่วย
คลอดศีรษะทารกขณะผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
บทบาทของพยาบาลในการช่วยคลอดด้วยคีม
การเตรียมทางด้านจิตใจ อธิบายให้ผู้คลอดทราบถึงเหตุผลและวิธีในการทำ รวมถึงประโยชน์ที่ผู้
คลอดจะได้รับเพื่อให้เกิดความร่วมมือ รวมทั้งคอยปลอบโยนและให้กำลังใจการเตรียมร่างกาย กั้นม่านจัดให้ผู้คลอดนอนในท่า lithotomyทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก ดูแลการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำในกรณีที่ทารกอยู่ในภาวะอันตราย (fetal distress) ควรตามกุมารแพทย์ไว้สำหรับทารกสวนปัสสาวะ
ขณะทำ
ก่อนแพทย์ใส่คีม ตรวจสัญญาณชีพ และฟังเสียงหัวใจทารก หากมีผิดปกติ ให้รีบรายงานแพทย์ พยาบาลอยู่เป็นเพื่อนผู้คลอด สอนวิธีหายใจเพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อนขณะใส่คีมหลังแพทย์ใส่คีม ขณะมดลูกหดรัดตัวแพทย์แนะนำให้ผู้คลอดผ่อนลมหายใจเมื่อทารกเกิด ถ้าทารกมี asphyxia พยาบาลช่วยฟื้นคืนชีพ
ภายหลังทำ
บันทึกสัญญาณชีพจนกว่าจะปกติสังเกตการหดรัดตัวของมดลูก โดยการวัดความสูงของมดลูก และการคลึงมดลูกสังเกตการเกิดก้อนเลือดคั่ง สังเกตเลือดที่ออกจากช่องคลอดในรายที่มารดาได้รับยาสลบดูแลเหมือนคนไข้ไม่รู้สึกตัวดูแลความสุขสบายทั่วไปส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างมารดาทารกเปิดโอกาสให้มารดาซักถามเกี่ยวกับประสบการณ์คลอด
นางสาวจิราภรณ์ พุทธจักร รหัส621001401466 เลขที่1