Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กระบวนทัศน์ หลักทางการพยาบาล - Coggle Diagram
กระบวนทัศน์
หลักทางการพยาบาล
มโนมติของคน (Man)
🌈1.1กายหรือร่างกาย
🌈1.2จิตหรือจิตใจ
ประกอบด้วย3ส่วนย่อยคือ
1.2.1อารมณ์และความรู้สึก
1.2.2จิตสิญญาณ (spirit)
1.2.3สติปัญญา หรือ ความคิด
🌈1.3สังคม
คนจะเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นด้วย บทบาท หน้าท่ี ของตที่มีต่อบุคคลอื่น แต่ละบุคคลจะปฏิบัติตต่อบุคคลอย่างไรนั้น ขึ้นกับตำแหน่งที่ตนดำรงอยู่ในขณะนั้นเป็นสำคัญ
🌈2.คนเป็นระเบิด
การรับและการให้เกิดขึ้นได้ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม โดยมีความสัมพันธ์กัน
🌈3.ในแต่ละคนจะมีความต้องการทางร้าน ร่างกาย จิตใจและ สังคม
ความต้องการของคน แบ่งได้5 ระดับ ตามทฤษฎีความต้องการของ มาสโลว์
3.1 ความต้องการทางด้านน่างกายหรือสรีระ (Physical needs)
3.2 ความต้องการความปลอดภัย(Safety and security)
3.3 ความต้องการความรัก ความผูกพัน(Affiliation)
3.4 ความต้องการความภาคภูมิใจและความมีศักดิ์ศรี (Self-esteem)
3.5 ความต้องการความพอใจตนเอง (Self-actualization)
🌈4.คนมีพัฒนาการ
การพัฒนาการจะเป็นอย่างต่อเนื่องตั่งแต่เกิดจนถึงวัยชรา
🌈5.คนมีความต้องการภาวะสมดุล หรือภาวะปกติ
5.1คนมีความต้องการภาวะสมดุล
5.2ความต้องการปรับสู่ภาวะสมดุล
🌈6.คนมีลักษณะพื้นฐานร่วมกันแต่มีความเป็นปัจเจกบุคคล
ปัจจัยที่ทำให้เป็นปัจเจกบุคคลคือ พันธุกรรม ระดับการพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย จิตสังคม และประสปการณ์ในชีวิต
🌈7.คนมีสิทธิของตน เช่น
สิทธิการตัดสินใจ
สิทธิการได้รับการคุ้มคลอบตามกฎหมาย
สิทธิในการรักษาพยาบาล
🌈8.คนมีศักยภาพในการช่วยเหลือ
มโนมติของสิ่งแวดล้อม (Environment)
🌳1.สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ
หมายถึง สิ่งแวดล้อมภายนอกที่ไม่มีชีวิต เช่น
แสง เสียง รังสี ดิน น้ำ ลม
🌳2.สิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ เช่น
พืช สัตว์ที่มีขนาดเล็กจนมองไม่เห็น แบคทีเรีย ปรสิต ต้นพืชชนิตต่างๆ
🌳3.สิ่งแวดล้อมทางเคมี ได้แก่
🌳4.สิ่งแววล้อมทางสังคม เศรษฐกิจ
สิ่งแวดล้อมทางสำคมที่เป็นรูปธรรมที่สำคัญ คือ บุคคลที่มีความสำพันธ์กัน มีบทบาทหน้าที่ต่อกัน หน่วยสังคมที่สำคัญที่สุดคือ ‘ครอบครัว’
~สิ่งแวดล้อมทางสังคมที่เป็นนามปธรรม เช่น
ความเชื่อ ค่านิยม วัฒนธรรรม ปปรีะเพณี กฏหมาย ศาสนา
มโนมติของสุขภาพ (Health)
💪🏻สุขภาพของคนจะประกอบด้วย2ภาวะคือ
ภาวะสุขภาพดี (Wellness)
เจ็บป่วย (lllness)
ไนติงเกล (Nightingale,1860)
หหมายถึงภาวะที่ปราศจากโรคและสามารถใช้พละกำลังของตนเองได้เต็มควาามสาามารถ
💪🏻หมายความว่า
สุขภาวะที่สมบูรณ์และเชื่อมโยงกัน เป็นองค์รวมอย่างสมดุลทั้งทางกายทางจิตใจ ทางสังคม
และทางจิตวิญญาณ สุขภาพมิได้หมายถึง เฉพาะความ ไม่พิการ และการไม่มีโรคเท่านั้น
💪🏻ความเจ็บป่วย(illness)
หมายถึง สภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ปกติทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ
~เป็นความเจ็บป่วยอาจไม่เกี่ยวกับโรคก็ได้ มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย หรือ จิตใจ เช่น มีอาการเบื่ออาห้ารนนอนไม่หลับ
~สุขภาพมีลักษณะเป็นพลวัตรและต่อเนื่อง
~ในขณะหนึ่งคนอาจอยู่ในภาวะที่สมบูรณ์แข็งแรง แต่ก็อาจอยู่ใน ภาวะเจ็บป่วยได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
~บางคนอาจป่วยหนักตั่งแต่แรกเกิดแบะเสียชีวิต
มโนมติของการพยาบาล (Nursing)
💊1.การพยาบาลเป็นกาช่วยเหลือคน
~เพื่อให้คนสามารถดำรงอยู่ภาวะสุขภาพไว้
~คำว่า🩹รักษาทางการพยาบาลคือ กิจกรรมที่พยาบาลปฏิบัติในขอบเขตหน้าที่ของตนเอง ช่วยเหลือด้านพฤติกรรมของบุคคลที่เปลี่ยนไปจากเดิม อันเนื่องมาตากกระทบจากปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้น
💊2.การพยาบาลที่จะข่วยเหลือให้คนมีสุขภาพดี หรือปรับสู่สภาวะสุขภาพดี
🩹การส่งเสริมสุขภาพ
🩹การป้องกันโรค
🦠ระดับที่1 (primary prevention)
🦠ระดับที่2 (secondary prevention)
🦠ระดับที่3 (tertiary prevention)
🩹การดูแลรักษา
🩹การฟื้นฟูสภาพ
💊3.การพยาบาลโดยใช้กระบวนการพยาบาลในการช่วยเหลือผู้รับบริการ
🩸การประเมินสภาพ
🩸การวินิจฉัยการพยาบาล
🩸การวางแผนการพยาบาล
🩸การปฎิบัติการพยาบาล
🩸การประเมินผลการพยาบาล
💊4.การพยาบาลเป็นบริการที่ตำเป็นต่อสังคม
~ถ้าขาดการพยาบาลที่มีคุณภาพ อาจส่งผลให้คนไม่สามรถดำรงภาวะสุขภาพดีไว้ได้
💉มีจุดมุ่งหมายเพื่อข่วยเหลือคนให้สามารถดำรงภาวะสมดุลหรือ ภาวะสุขภาพดีได้ และช่วยเหลือคนที่เจ็บป่วยให้ปรับตัวกลับสู่สภาวะสมดุล
🩸🤍ความสำคัญของมโนมติพื้นฐานทางการพยาบาล
🚩เป็นพื้นฐานของการพัฒนาศาสตร์ทางการพยาบาล
🚩เป็นพื้นฐานของการวิจัยทางการพยาบาล
🚩เป็นพื้นฐานของการปฏิบัติการพยาบาล
🚩เป็นพื้นฐานของการจัดการศึกษาพยาบาล
👉🏻👉🏻การที่พยาบาลจะใช้บทบาทใดมากนั่นจะมีความแตกต่างกันไปทั้งนี้ขึ้นกับภาวะ สุขภาพของคนในฐานะของผู้รับบริการ
ความเจ็บป่วย (illness)
🤧ความเจ็บป่วยอาจไม่เกี่ยวข้องกับการเป็นโรคก็ได้
🤧คนส่วนมากมักจะมีความบกพร่องทางสุขภาพบ้างไม่มากก็น้อย แต่ถ้าหากบุคคลนั่นพอใจในสภาพการณ์ที่เป็นอยุ่และสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข ก็ถือได้ว่ามีสุขภาพดี
มโนทัศและทฤษฏีทางการพยาบาล
ทฤษฏีทางการพยาบาล (Nursing Theory)
✍🏻 หมายถึง แก่นสาระความรู้ของวิชาขีพพยาบาล ซึ่งมุ่งอธิบายธรรมชาติของคน สิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพล ต่อยุคล ภาวะสุขภาพ ความเจ็บป่วยของบุคคลโดยมีเป้าหมายของการพยาบาลและกิจกรรมการพยาบาล
กระบวนทัศน์ (Paradigm)
🗣หมายถึง กรอบเค้าโครงแนวคิด แบบอุดมคติ หรือปรัชญาที่เป็นที่ยอมรับในกลุ่มวิชาชีพซึ่งจะให้ข้อตกลงเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติ วิจัย และสร้างความเข้าใจในศาสตร์นั่นเป็นแนวเดียวกีน
Metaparadigm
🫥 หมายถึง กรอบ ขอบเขต หรือโครงสร้างทางความคิเหรือ มโนมติในภาพรวม กว้างๆจองศาสตร์สาขาต่างๆ
🫡กระบวนทัศน์ทางพยาบาล ประกอบด้วย
-Person
-Health
-Environment
-Nursing
(Conceptual Framework/ Model)
🐣กลุ่มของมโนทัศน์ที่สัมพันธ์กันเป็นภาพรวมของปรากฏการณ์ หรือความจริงที่ช่วยให้เน้นของความคิด
การจำแนกทฤษฏีตามลักษณะการนำไปใช้
🐥1.ทฤษฏีเชิงนิรนัย
เช่น ทฤษฏีการพยาบาลของคิว ทฤษฎีการพยาบาลข้อการพยาบาลของรอย ทฤษฎีการพยาบาลของนิวแมน ทฤษฎีการพยาบาลของไรนิ่งการพยาบาลของไรนิงเจอร์ พพี่ ทฤษฎีพยาบาลของวัตสัน
🐥2.ทฤษฎีเชิงอุปนัย เป็เป็นการพัฒนาทฤษฏีที่เกิดจาก การปฏิบัติการพยาบาลมาประมวลเพื่อสรุปเป็นทฤษฏี
การจำแนกทฤษฏีตามระดับความเป็นนามธรรม
🐤ทฤษฎอภิทฤษฎี (Meta-theory)
มีเป้าหมายที่กระบวนการสร้างทฤษฏี จะมีจุดเน้นที่การตั่งคำถาม เชิงปรัชญา
🐤ทฤษฏีระดับกว้าง (Grand theory) เนื่องจากมีความเป็นนามปธรรมสูง แต่ สามารถ นำไปเป็นแนวทางการปฏิบัติ เช่น ทฤษฏีการดูแลตนเองของโอเรม ทฤษฏีการปรับตัวของรอย ทฤษฏีการดูแลเอื้ออาทรของวัตสัน
🐥3.ทฤษฏีระดับกลาง (middle rang theory)
มีจำนวลมโนทัศน้อยกว่าทฤษฏีระดับกว้าง เกิดจากการศึกษาวิจัย สามาถนำไปใช้อ้างอิงและขยายตาอได้ เช่น ทฤษฏีการส่งเสริมสุขภาพของ “แพนเดอร์”
🐥4.ทฤษฏีนะดับปฏิบัติ(practice theory) มีความซับซ้อนน้อยที่สุด สามารถทดสอบได้ง่าย และนำไปใช้ในการปฏิบัติการพยาบาล
พัฒนาการของทฤษฏีทางการพยาบาล
🐝1.ระยะก่อนปี ค.ศ. 1960
~พัฒนาพื้นฐานของทฤษฏีจากแนวคิดจิตวิทยา สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ มนุษยศาสตร์ ปละพฤติกรรมศาสตร์
🐝2. ระยะปี ค.ศ.1960-1970
~1961 jean Orlando สร้างทฤษฏีชื่อ Nursing Process Theory (เน้นปฏิบัติการพยาบาล)
~ค.ศ. 1970 Martha E.Rogers สร้างทฤษฏี Science of Unitary Human Being
🐝3. นะยะปี ค.ศ. 1971-1980
~ค.ศ.1971 Dorothea E. Orem สร้างทฤษฏีชื่อ
Self - care Theory
~ค.ศ.1974 Sister Callista Roy สร้างทฤษฏีชื่อ Roy’s Adaptation model
~ค.ศ.1978 Madeleine Leininger สร้างทฤษฏีชื่อ Transcultural nursing Theory
~ค.ศ.1978 Jean Watson สร้างทฤษฏีชื่อ Transpersonal Caring
~ค.ศ.1980 Betty Neuman สร้างทฤษฎีชื่อ System Model
🐝 4. ระยะปี ค.ศ. 1981 – ปัจจุบัน
~ระยะแรก เน้นที่การนําเอาทฤษฎต่างๆที่ ถูกสร้างขึ้น มาแล้วมาทดลองปฏิบัติ/พิสูจน์ ข้อเท็จจริงตามข้อสมมุติฐาน
~ระยะหลัง เน้นพัฒนาทฤษฏีขึ้นมาใหม่ พัฒนาระบบสารสนเทศทางการพยาบาล เพื่อเปยแพร่ความรู้