Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่7กระบวนทัศน์หลักการทางพยาบาล - Coggle Diagram
บทที่7กระบวนทัศน์หลักการทางพยาบาล
มโนทัศน์พื้นฐานทางการพยาบาล
ประกอบด้วยมโนทัศน์หลักเกี่ยวกับ 1) คน ( person ) 2) ภาวะสุขภาพ ( Health ) 3) สิ่งแวดล้อม ( Environment ) 4) การพยาบาล ( Nursing )
ประกอบด้วยความรู้พื้นฐานในมโนมติของคนสิ่งเเวดล้อม สุขภาะ เเละการพยาบาล
มโนมติของคน(Man)
1.คน ประกอบด้วย
1.1 ระดับอุณหภูมิปกติของร่างกายส่วนโครงสร้างเเละหน้าที่การทำงานของร่างกายของบุคคล
1.2 จิตหรือจิตใจ จิตใจของคนประกอบด้วย 3 ส่วนย่อย คือ อารมณ์เเละความรู้สึก จิตวิญญาน สติปัญญา หรือ ความคิด
1.3 สังคม คือ ส่วนของคนที่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นรอบตัว
บทบาทหน้าที่ของคนที่มีต่อบุคคลอื่น
2.คนที่เป็นระบบเปิด คือ คนเป็นหน่วยมีชีวิตที่จะต้องมีปฏิสัมพันะ์กับสิ่งเเวดล้อมตลอดเวลา มีการรับจากสิ่งเวดล้อมเเละมรการให้ตอบสนองต่อสิ่งเเวดล้อม โดยใช้เเหล่งประโยชน์จากปัยจัยภายใน ภายนอก เเละการปรับตัวเพื่อการดำรงชีวิตอย่างปกติสุขในสังคม
3.คนมีความต้องการพื้นฐาน
1.ความต้องการทางด้านร่างกาย (Basic Physioloyical Need) เป็นความต้องการเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต เช่น อากาศ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม การพักผ่อน การขับถ่ายเป็นต้น
2.ความต้องการความปลอดภัย (Safe and Security Need) เป็นความต้องการความปลอดภัยมั่นคง ความคุ้มครองปกป้อง ความต้องการความมั่นคงทางวัตถุปัจจัยภายนอก ความปลอดภัยจากการคุกคาม ปลอดภัยจากความวิตกกังวล อันตรายและความเจ็บปวดต่างๆ
3.ความต้องการความรักและความเป็นเจ้าของ (Love and Belonging Need) หมายถึงความต้องการทางสังคม เช่น ความต้องการความรัก อยากให้ตนเป็นที่รักได้รับการยอมรับจากกลุ่ม ต้องการส่วนร่วมในกลุ่ม
4..ความต้องการการยอมรับนับถือ (Esteem Need) หมายถึง ความต้องการความเคารพนับถือจากผู้อื่น (respect from others) บางที่เรียกว่า Self Esteem
5.ความต้องการบรรลุศักยภาพสูงสุดแห่งตน (Self Actualization Need) เป็นความต้องการสูงสุดของบุคคล ที่จะต้องพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างตามความเหมาะสมและความสามารถของตนเองในทางที่สร้างสรรค์ดีงาม
4.คนมีการพัฒนา
-การพัฒนาเป็นกระบวนการเปลี่ยนเเปลงด้านคุณภาพหรือคุณลักษณะของบุคคลเเต่ละคนในด้านต่างๆ
-การพัฒนาการของคนอาจเเบ่งออกได้เป็น
ด้านร่างกาย ด้านสติปัญญา
ด้านอารมณ์ สังคม ด้านคุณธรรม
-การพัฒนาการในเเต่ละด้านจะมีความต่อเนื่องกันเเละเป็นลำดับขั้นตอน
5.คนมีความต้องการภาวะสมดุล หรือภาวะปกติ
คนจะต้องการอยู่ในภาวะสมดุลอยู่ตลอดเวลา โดยในภาวะที่สมดุลเเล้วก็จะพยามดำรงภาวะนั้นไว้
6 คนมีลักษณะพื้นฐานร่วมกันเเต่จะมีความเป็นปัจเจกบุคคล
-เเต่ละคนมีลักษณะพื้นฐานร่วมกันทุกคน
-คนเเต่ละคนก็มีลักษณะเฉพาะของตนเอง
เรียกว่า ความเป็นปัจเจกบุคคล
7คนมีสิทธิของตน
-เเต่ละบุคคลไม่ว่าในภาวะที่เป็นเด็ก ผู้ใหญ่ในบทบาทตำเเหน่งได่ก็ตามจะมีสิทธิเเห่งตนตามภาวะที่ดำรงอยู่ เช่น สิทธิในการตัดสินใจด้วยตนเอง
8คนมีศักยภาพในการช่วยเหลือตนเอง
-ทุกคนมีความสามารถที่จะช่วยเหลือตนเองในด้านต่างๆ เช่น การช่วยเหลือตนเองในกิจวัตรประจำวัน
มโนมติของสิ่งเเวดล้อม(Environment)
สิ่งเเวดล้อมเเบ่งได้เป็น4ประเภท ได้เเก่
1.สิ่งเเวดล้อมทางกายภาพ หมายถึง สิ่งเเวดล้อมภายนอกที่ไม่มีชีวิต เช่น ความร้อน เเสง เสียง รังสี อากาศ ดิน น้ำ ลม ที่พักอยู่อาศัย สิ่งก่อสร้างต่างๆ
2.สิ่งเเวดล้อมทางชีวภาพ ได้เเก่ สิ้งมีชีวิตต่างๆ ทั้งพืช เเละสัตว์ ที่มีขนาดเล็กจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
ตัวอย่างสิ่งเเวดล้อมทางชีวภาพ ได้เเก่ เเบคทีเรีย ไวรัส ปรสิต
3.สิ่งเเวดล้อมทางเคมี ได้เเก่
สารเคมีทุกชนิด รวมทั้งอาหาร ยา
4.สิ่งเเวดล้อมทางสังคม เศรษฐกิจ
ประกอบด้วย สิ่งที่เป็นรูปธรรมเเละนามธรรม
-สิ่งเเวดล้อมทางสังคมที่เป็นรูปธรรมที่สำคัญ คือ บุคคลที่มีความสัมพันธ์ซึ่งกันเเละกัน
-หน่วยของสังคมที่สำคัยที่สุด คือ ครอบครัว
บุคคลในครอบครัวต่างก็เป็นสิ่งเเวดล้อมซึ่งกันเเละกัน
-สังคมที่ใหญ่กว่าครอบครัว ได้เเก่ ชุมชนระดับต่างๆชุมชนที่อยู่อาศัย
-สิ่งเเวดล้อมทางสังคมที่เป็นนามธรรม ไม่สามารถจะสัมผัสได้ เเต่มีผลต่อพฤติกรรมของบุคคลที่อยู่ในสิ่งเเลดล้อมนั้นๆ เช่น ความเชื่อ ค่านิยม ศาสนา
-สิ่งเเวดล้อมเเต่ละชนิดสามารถที่จะใช้ประโยชน์เเละโทษเเก่บุคคล เช่น อากาศที่บริสุทธิ์มีส่วนช่วยทำให้ร่างกายเเข็งเเรง
มโนมติของสุขภาพ (Health)
-ทำให้คนสามารถที่จะปฎิบัติตามหน้าที่ได้ดำเนินชีวิตได้ตามวัตถุประสงค์
-สุขภาพของคนประกอบด้วย2ภาวะ คือ ภาวะสุขภาพดี เจ็บป่วย
-องค์การอนามัยโลก(Health)หมายถึง สภาวะที่มีความสมบูรณ์ของร่างกายจิตใจ
สุขภาพ (Health)
พระราชบัญญัติสุขภาพเเห่งชาติ ในมาตราที่3 หมายความว่า สุขภาพที่สมบูรณ์เเละเชื่อมโยงกันเป็นองค์รวมอย่างสมดุลทางกาย ทางจิต ทางสังคม เเละทางจิตวิญญาณ
-ความเจ็บป่วย หมายถึง สภาวะที่มีการเปลี่ยนเเปลงหน้าที่ปกติทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม เเละจิตวิญญาน
เป็นภาวะที่บุคคลรู้สึกกว่ามีสุขภาพไม่ดี
ความเจ็บป่วยอาจมีสาเหตุเริ่มจากความผิดปกติของอวัยวะต่างๆ
บุคคลที่มีความเจ็บป่วยไม่ว่าจะเป็นทางด้านในด้านหนึ่งจะมีผลกระทบด้านอื่นๆ ตามมา
มโนมติของสุขภาพ (Health)
-สุขภาพมีลักษณะเป็นพลวัตรเเละต่อเนื่อง
-แม้จะมีการเเบ่งระดับของสุขภาพเป็นระดับต่างๆกัน
-โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะสุขภาพดี เเละเจ็บป่วยเล็กน้อย
-ภาวะสุขภาพของคนจะเปลี่ยนเเปลงอยู่ตลอดเวลา หรือมีความเป็นพลวัตร
-ตั้งเเต่เเรกเกิดจนถึงสูงอายุ คนจะอยู๋ในภาวะสุขภาพระดับใดระดับหนึ่งเสมอตั้งเเต่ภาวะที่สุขภาพที่ดีเยี่ยม เเข็งเเรง
มโนมติของการพยาบาล(Nursing)
1.การพยาบาลเป็นการช่วยเหลือคน
-ในทุกวัย ตั้งเเต่เเรกเกิดจนถึงวัยสูงอายุ
-การช่วยเหลือของพยาบาล อาจเป็นการช่วยเหลือเป็นการช่วยเหลือเป็นรายบุคคล หรือ ครอบครัว หรือชุมชน
ลักษณะการช่วยเหลือของพยาบาลเป็นการวินิฉัยเเลพะให้การรักษาปฏิกิริยาโต้ตอบที่มีภาวะที่มีปัญหาสุขภาพหรือหลีกเลี่่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพ
2.การพยาบาลที่จะช่วยเหลือคนให้มีสุขภาพดีหรือปรับสู่ภาวะสุขภาพดี
ประกอบด้วย การช่วยเหลือในด้าน
การส่งเสริมสุขภาพ
การป้องกันโรค
การดูเเลรักษา
การฟื้นฟูสภาพ
2.1 การส่งเสริมสุขภาพ
-การช่วยเหลือให้คนมีสุขภาพดีกว่าที่เป็นอยู่ เช่น การให้คำเเนะนำ การสอนคนให้ออกกำลังกายให้ถูกวิธี
2.2การป้องกันโรค
เพื่อให้คนมีสุขภาพที่ดีไว้ได้
การป้องกันโรคเเบ่งออกเป็น3ระดับซึ่งครอบคลุมการป้องกันทั้งด้าน ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ เเละสังคม
2.2.1 การป้องกันโรคระดับที่1(primary prevention)
-เพื่อป้องกันความไม่สุขสบายป้องกันในการเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาให้ตนเอง
-คนกลุ่มนั้นอาจมีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้ป่วยวันใดวันหนึ่งในวันข้างหน้า
การป้องกันระดับที่2 (secondary prevention)
ประกอบด้วยองค์กรที่ทำหน้าที่คัดกรอง หรือให้ความรู็เเก่ประชาชน ส่งเสริมการตรวจพบผู็ป่วยตั้งเเต่โรคยังไม่ปรากฏอาการเพื่อสามารถให้การรักษาได้ทันที
2.3การป้องกันระดับที่3 (tertiary prevention)
-เริ่มเมื่อบุคคลป่วยเข้ามารับการรักษาที่ รพ.
พยาบาลให้การดูเเลเเละเฝ้าระวังการเกิดภาวะเเทรกซ้อนการดูเเลผู้ป่วยให้หายจากโรค
-การดูเเลรักษา
การที่บุคคลคนหนึ่งต้องเปลี่ยนสถานภาพจากที่สุขภาพดีหรือสุขภาพปกติมาสู่การเป็นผู้ป่วย
-ผู้ป่วยจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิตใหม่ต้องพึ่งพาผู้อื่นมากขึ้น ผู้ป่วยเเต่ละคนจะมีความกลัววิตกกังวลเเตกต่างกันออกไป
-การปฏิบัติของพยาบาลในด้านการดูเเลรักษาจะเป็นไปตามการรักษาของเเพทย์
2.4การฟื้นฟูสภาพร่งกาย
-เป็นระยะที่บุคคลออกจากภาวะของการเป็นผู้ป่วยกำลังกลับไปอยู่ในบทบาทของคนปกติทั่วไป
-พยาบาลจะต้องเข้าถึงจิตใจเเละรู้สภาพปัญหาของผู้ป่วยเเต่ละคนอย่างถ่องแท้มีความอดทร มีความมุ่งมั่ง
-รวมถึงการฆ่าผู้ป่วยโรคเรื้อรังสามารถช่วยตนเองให้ได้มากที่สุด
3.การพยาบาลโดยใช้การบวนการพยาบาลในการช่วยเหลือผู้บริการประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ ดังนี้ คือ
การประเมินสุขภาพ
การวินิฉัยการพยาบาล
การวางเเผนการพยาบาล
การปฏิบัติการพยาบาล
การประเมินผลการพยาบาล
4.การบริการเป็นบริการที่จำเป็นต่อสังคม
-ในการช่วยเหลือผู้รับบริการทั้งเป็นรายบุคคลครอบครัวเเละชุนทำให้เป็นการบริการที่ดีต่อชุมชน
กระบวนทัศน์หลักทางการพยาบาล
-มโนมติพื้นฐานของคนสิ้งเเวดล้อม สุขภาพ เเละการพยาบาล จะมีความสัมพันธ์ คือ คนจะอยู่ในสิ่งเเวดล้อม โดยคนจะมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งเเวดล้อมตลอดเวลา
-กลไกลการปรับสมดุลคนอาจอยู่ในภาวะที่ปรับตัวได้ สามารถที่จะดำรงความสมดุลไว้ได้ เรียกภาวะนี้ว่าสุขภาพดี
-การพยาบาลมีความคลอบคลุมในทุกสภาวะของคนได้ จะใช้กระบวนการพยาบาลเป็นกลวีธีในการช่วยเหลือ
ความสำคัญของมโนมติพื้นฐานทางการพยาบาล
-การพัฒนาศาสตร์ทางการพยาบาล
-การวิจัยทางการพยาบาล
-การปฏิบัติทางการพยาบาล
-การจัดการศึกษาพยาบาล
เเนวคิดภาวะสุขภาพ การเจ็บป่วยเเละการพยาบาล
-ภาวะสุขภาพของบุคคลขึ้นอยู่กับความสามารถของบุคคลที่มีปฏิสัมพันธ์อย่างเหมาะต่อสิ่งเเวดล้อม
ความเจ็บป่วย(illness)
สภาวะมีการเปลี่ยนเเปลงด้านร่างกาย จิตใจ สังคม เเละจิตวิญญาณซึ่งอาจจะเปลี่ยนด้านใดด้านหนึ่ง หรือหลายๆด้านมารวมกัน
-ความเจ็บป่วยไม่อาจเกี่ยวข้องกับการเป็นโรคก็ได้
-ในบนโลกใบนี้น้อยคนที่จะมีสุขภาพดี
มโนทัศน์เเละทฤษฏีทางการพยาบาล
ความหมาย เเก่นสาระความรู้ของวิชาชีพทางการพยาบาลซึ่งมุ่งอธิบายธรรมชาติของคน สิ่งเเวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อบุคคล
กระบวนทัศน์( Paradigm ) หมายถึง กรอบการมองหรือกรอบเค้าโครงเเนวคิด หรือ เเบบอุดมคติหรือปรัชญาที่เป็นที่ยอมรับในกลุ่มวิชาชีพ
ความหมายMetaparadigM
หมายถึง กรอบ ขอบเขต หรือโครงสร้างท่งความคิดหรือมโนมติในภาพรวมกว้างๆของศาสตร์สาขาต่างๆ
ลักษณะพื้นฐานของทฤษฎี
-จะต้องเเสดงลำดับของเหตุผลตามหลักตรรวิทยา
-ควรจะง่ายเเก่การสรุปอ้างอิง ได้อย่างกว้างขวางเเละครอบคลุม
การจำเเนกทฤษฎีตามลักษณะการนำไปใช้
1.ทฤษฎีนิรนัย (Deductive nursing theories)เป็นการพัฒนาทฤษฎีจากการนำศาสตร์ต่างๆมาสังเคราะห์จัดระบบหรือขยายมโนมติเดิมให้เกิดเป็นมโนมติใหม่
2.ทฤษฎีเชิงอุปนัย (Inductive nursing theories)เป็นการพัฒนาทฤษฎีที่เกิดจากการปฎิบัติการพยาบาล
การจำเเนกทฤษฎีตามระดับความเป็นนามธรรม
1.ทฤษฎีอภิทฤษฎี(Meta – theory)มีเป้าหมายที่กระบวนการสร้างทฤษฎีจะมีจุดที่เน้นการสร้างคำถามเชิงปรัชญา
2.ทฤษฎีระดับกว้าง(Grand theory) กำหนดเเบบเเนวคิดหรือจำลองมโนมติที่ครอบคลุมเนื้อหาสาระที่กว้างนำไปทดสอบกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้ยาก
3.ทฤษฎีระดับกลาง (Middle Rang theory)
มีขอลเขตเนื้อหาสาระเเคบลงเเละมีจำนวนมโนทัศน์น้อยกว่าทฤษฎีระดับกว้างเกิดจากการศึกษาวิจัยสามารถนำไปใช้อ้างอิงเเละขยายต่อได้
4.ทฤษฎีระดับปฎิบัติ
(Practice theory)มีความซับซ้อนน้อยที่สุดเป็นชุดข้อความเชิงทฤษฎีที่เกิดจากการทดสอบสมมติฐาน