Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แบบแผนสุขภาพ (Functional health patterns) - Coggle Diagram
แบบแผนสุขภาพ
(Functional health patterns)
ความหมายของแบบแผนสุขภาพ
แบบแผน:พฤติกรรมของบุคคลที่ต่อเนื่องกันในช่วงเวลาหนึ่ง
แบบแผนสุขภาพ:พฤติกรรมด้านสุขภาพของบุคคลซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง และมีผลต่อสุขภาพ
การรวบรวมข้อมูล
การประเมินทางการพยาบาลในผู้ป่วยโดยใช้กรอบแนวคิดแบบแผนสุขภาพ ของกอร์ดอน (Gordon,1994) เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลสามารถทำได้โดยการซักประวัติ การสังเกต การตรวจร่างกาย การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และ การตรวจพิเศษ
• วิธีการได้มาซึ่งข้อมูล
• ข้อมูลอัตนัย (Subjective data) คือการซักประวัติจากผู้รับบริการหรือญาติ
• ข้อมูลปรนัย (Objective data) คือข้อมูลที่ได้จากการสังเกต/การตรวจร่างกาย การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และ การตรวจพิเศษ
กรอบแนวคิดแบบแผนสุขภาพ
พัฒนาโดย มาร์จอรีย์ กอร์ดอน (Majory Gordon) ศาสตราจารย์ทางการพยาบาลที่มหาวิทยาลัยบอสตัส (Boston College of Nursing)
แบบแผนสุขภาพใช้เป็นแนวคิดในการประเมินภาวะสุขภาพของบุคคลครอบครัวหรือชุมชน ทั้งในภาวะปกติและภาวะเจ็บป่วย
มนุษย์จะมีภาวะสุขภาพที่ดีหรือไม่นั่นขึ้นอยู่กับความปกติ (function)หรือผิดปกติ (dysfunction)ของแบบแผนสุขภาพ
มี 11 แบบแผน
ประเมินจากพฤติกรรมทั้งภายนอกและภายใน
องค์ประกอบของแบบแผนสุขภาพแต่ล่ะแบบแผน
1.พฤติกรรมภายใน คือพฤติกรรมที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรือใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ตรวจสอบได้โดยตรง
กระบวนการคิด ความรู้ของบุคคลเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ
เจตคดี ซึ่งประกอบด้วยความรู้สึก ความคิดเห็น ค่านิยมของบุคคล
กระบวนการทำงานทางกาย หรือทางชีวภาพในระบบต่างๆ เช่น ระบบหายใจ ระบบหัวใจ และหลอดเลือด
พฤติกรรมภายนอก คือการกระทำที่แสดงออกมาให้สังเกตเห็นได้รับรู้ได้ หรือใช้เครื่องมือตรวจได้ เช่น
พฤติกรรมที่ไม่ใช่คำพูด เช่น กิริยา ท่าทาง การเดิน การหัวเราะ ร้องไห้
การตรวจโดยใช้เครื่องมือทางการแพทย์ เช่น การตรวจวัดสัญญาณชีพ การเอกซเรย์ เป็นต้น
พฤติกรรมที่เป็นคำพูด
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจเลือด การตรวจสิ่งคัดหลั่งต่างๆ
3.ปัจจัยส่งเสริมพฤติกรรมและอุปสรรค
พฤติกรรมภายนอก และพฤติกรรมภายในจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน
พฤติกรรมภายในเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมภายนอก เช่น พฤติกรรมภายในมีความยินดีและพึ่งพอใจกับสิ่งที่ปรารถนาก็จะแสดงออกมาเป็นพฤติกรรมภายนอกให้สังเกตเห็นได้จากสีหน้า แววตา กิริยา ท่าทาง ทางร่างกาย เป็นต้น
11 แบบแผนสุขภาพของกอร์ดอน
แบบแผนการรับรู้สุขภาพและการดูแลสุขภาพ
(Health Perception-Health Management Patterns)
• เป็นการรวบรวมข้อมูลเพื่อประเมินความคิดความเข้าใจของบุคคลต่อภาวะสุขภาพโดยทั่วไปของตนเองและของผู้ที่คนรับผิดชอบว่าถูกต้องเหมาะสมหรือไม่และมีความคาดหวังต่อสุขภาพหรือการรักษาอย่างไร
• ความรู้ในการดูแลสุขภาพของตนเอง
• พฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันความเจ็บป่วย การดูแลรักษา และการฟื้นฟูสภาพร่างกาย
• รวบรวมโดยการซักประวัติและการตรวจร่างกาย
การตรวจร่างกาย
• ลักษณะทั่วไปและความพิการ เช่น ท่าทางการเดิน การลุกนั่ง การเคลื่อนไหวแขนขา การพูดคุย การแสดงสีหน้า ความสะอาดร่างกาย เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย
• ความร่วมมือในการรักษาพยาบาลของผู้ป่วยหรือครอบครัว
• สังเกตการปฏิบัติตนขณะเจ็บป่วยของผู้ป่วยหรือการได้รับการดูแลจากครอบครัว
การซักประวัติ
• การตรวจร่างกายประจำปี
• การได้รับภูมิคุ้มกัน
• การรับประทานยาเป็นประจำและเหตุผลที่รับประทานยา
• การมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดปัญาหาสุขภาพ เช่น การดื่มเหล้า การดูดบุหรี่ การติดสารเสพติด
• ประวัติการแพ้สารต่างๆ เช่น การแพ้ยา อาหาร สารเคมี หรือสารอื่นๆรวมทั้งอาการแพ้และการแก้ไขเมื่อเกิดอาการแพ้
2.แบบแผนด้านโภชนาการและการเผาผลาญอาหาร
(Nutritional-Metabolism Patterns)
• ประเมินพฤติกรรมการรับประทานอาหารโดยพิจารณาความสอดคล้องกับอาหารที่ควรได้รับและน้ำหนักตัว
• ปัจจัยต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อการได้รับสารอาหาร น้ำ เกลือแร่ ค้นหาสิ่งที่บ่งชี้ที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของภาวะทุพโภชนาการ เช่น ความอยากอาหารลดลง
• ประเมินการทำงานของร่างกายที่เกี่ยวกับโภชนาการ ได้แก่ การเคี้ยว การกลืน การย่อย การดูดซึม และการเผาผลาญ
การซักประวัติ
• ประวัติการเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น มีแผลหรือโรคภายในช่องปาก ฟันผุ โรคกระเพาะอาหาร โรคตับ ถุงน้ำดี และโรคอื่นๆ
• ประวัติการเพิ่มหรือลดลงของน้ำหนักตัวปกติ
การตรวจร่างกาย
• ตรวจลักษณะท้อง ตับ ม้าม ก้อนในท้องฟังเสียงการเคลื่อนไหวของลำไส้
• ประเมินภาวะโภชนาการว่าอ้วน ท้วม ปกติ หรือผอมโดยประเมินจากน้ำหนักและส่วนสูงที่สมดุลหรือประเมินจากดัชนีมวลกาย (BMI)
3.แบบแผนการขับถ่ายของเสีย
(Elimination Patterns)
• เป็นการรวบรวมข้อมูลเพื่อประเมินกระบวนการขับถ่ายลักษณะปริมาณ
จำนวนครั้งของของเสียทุกประเภทที่ออกจากร่างกายทั้งอุจจาระ ปัสสาวะ น้ำและอีเลคโดรไลท์ ปัจจัยส่งเสริมปัจจัยเสี่ยงและอุปสรรคต่อการขับถ่ายตลอดจนการเปลี่ยนแปลงกระบวนการขับถ่ายอันเนื่องมาจากความเจ็บป่วยและการปรับตัวเพื่อแก้ไขปัญหา
การซักประวัติ
• ซักประวัติเกี่ยวกับแบบแผนการขับถ่ายอุจจาระได้แก่ ความถี่ เวลาของการขับถ่ายอุจจาระลักษณะการขับถ่าย เช่น ชอบเเบ่งถ่ายอุจจาระ ชอบนั่งส้วมนานๆ ต้องใช้ยาระบายหรือสวนอุจจาระบ่อยครั้ง
• ปัจจัยในการขับถ่ายอุจจาระและวิธีการแก้ไข ได้แก่ มีปัญหาท้องผูกแก้ไขโดยการรับประทานยาระบายเป็นประจำ ท้องเสีย ควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ อาการเจ็บปวด อุจจาระมีเลือดสดๆปน หรือ ถ่ายดำ หรืออุจจาระมีพยาธิ
การตรวจร่างกาย
• ตรวจร่างกายทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับปัญหาของระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ถ้าเป็นนี่ๆทางเดินปัสสาวะอาจมีอาการปวดเอวด้านหลังถ้ามีการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะอาจมีการขับถ่ายปัสสาวะผิดปกติ มีไข้ หนาวสั่นเป็นต้น
4.แบบแผนด้านมีกิจกรรมและการออกกำลังกาย
(Activity-Exercise Patterns)
• เป็นการรวบรวมข้อมูลเพื่อประเมินระดับความสามารถในการประกอบกิจการต่างๆในชีวิตประจำวัน การทำจิตวัตรประจำวันการดูแลบ้าน การประกอบอาชีพ การใช้เวลาว่างและนันทนาการ การออกกำลังกาย หรือ การทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออก
การซักประวัติ
• กิจกรรมในงานอาชีพเบาอย่างไร เช่น อาชีพครู คำขาย ชาวนา จะมีกิจกรรมที่แตกต่างกัน
• การออกกำลังกาย ชนิดของการออกกำลังกายระยะเวลาในการออกกำลังกายสัปดาห์ละกี่ครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลานานเท่าไหร่
การตรวจร่างกาย
• สังเกตความสามารถในการทำกิจกรรมต่างๆ
• ประเมินความสามารถในการเคลื่อนไหวของเเขนขา (Range of motion : ROM)
• ตรวจร่างกายระบบต่างๆ เพื่อนประเมินความสามารถในการทำกิจกรรมต่างๆ
5.แบบแผนการนอนหลับพักผ่อน
(Sleep-rest Pattern)
• เป็นแบบแผนเกี่ยวกับการนอนหลับ การพักผ่อนปัญหาเกี่ยวกับการนอน ปัจจัยส่งเสริม ปัจจัยเสี่ยงและอุปสรรคต่อแบบแผนการนอนกิจกรรมที่บุคคลปฏิบัติเพื่อให้ผ่อนคลายรวมทั้งการเปลี่ยนเเปลงของแบบแผนอันเนื่องมาจากความเจ็บป่วย
การซักประวัติ
• พฤติกรรมการนอน ประวัติเกี่ยวกับอุปนิสัยการนอน เป็นคนนอนดึกหรือนอนแต่หัวค่ำ ชอบหลับเวลากลางวันตื่นเวลากลางคืน ระยะเวลาที่นอนหลับนอนวันละกี่ชั่วโมง กลางวันกี่ชั่วโมง กลางคืนกี่ชั่วโมง เพียงพอหรือไม่
การตรวจร่างกาย
• สังเกตหน้าตาว่านอนหลับพักผ่อนเพียงพอหรือไม่ ความสดชื่นเเจ่มใส ซึม อ่อนเพลีย ใต้ตาเป็นรอยเขียวคล้ำ
• นอนหลับเวลากลางวันตื่นเวลากลางคืน
แบบแผนสติปัญญาและการรับรู้
(Cognitive-perceptual Pattern)
การรับรู้ความรู้สึกและการตอบสนอง
แบบแผนเกี่ยวกับความสามารถของบุคคลในการรับรู้สิ่งเร้าและการตอบสนองต่อสิ่งเร้าด้านการรับรู้ความรู้สึก ทั้ง 5 ทาง ได้แก่ การมองเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรับรส การรับรู้สึกทางผิวหนังและการรับรู้เกี่ยวกับความเจ็บปวด
ความสามารถทางสติปัญญา
แบบแผนเกี่ยวกับความสามารถและพัฒนาการทางสติปัญญาเกี่ยวกับความคิด ความจำ ความสามารถในการตัดสินใจการแก้ไขปัญหาและการสื่อภาษาต่างๆ
การซักประวัติ
• ความรู้สึกทั่วไป สุขสบายหรือไม่สุขสบาย
• ปัญหาเกี่ยวกับความรู้สึกตัว เช่น มีอาการสับสน ซึม ไม่รู้ตัวและระยะเวลาที่มีอาการ
• ปัญหาเกี่ยวกับการได้กลิ่น เช่น มีความผิดปกติของจมูกมีสิ่งคัดหลั่งปวดจมูก
• ปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น เช่น เห็นภาพซ้อน จามัว มองไม่เห็น
• ปัญหาเกี่ยวกับการได้ยิน เช่น หูอื้อ หูตึง ไม่ได้ยิน
• ปัญหาเกี่ยวกับการรับรส ไม่สามารถรับรถได้ ปากชา ลิ้นชา
การตรวจร่างกาย
• ประเมินระดับความรู้สึกตัว เช่น การลืมตา การสื่อภาษา การเคลื่อนไหวร่างกาย และตรวจดูความผิดปกติของจมูก ตา หู ลิ้น
• สังเกตลักษณะทั่วไป เช่น รูปร่าง ลักษณะ หน้าตา ท่าทาง การแต่งกาย การดูแลสุขภาพอนามัยทั่วๆไป
• ประเมินระดับสติปัญญา (IQ) โดยใช้แบบทดสอบ
แบบแผนการรับรู้ตนเองและอัตมโนทัศน์
(Selt perception-Self concept Pattern)
แบบแผนที่เกี่ยวกับความคิด ความรู้สึกของบุคคลที่มีต่อตนเอง
(อัตโนทัศน์) การมองตนเองเกี่ยวกับรูปร่าง หน้าตา ความพิการ
(ภาพลักษณ์) ความสามารถ คุณค่า เอกลักษณ์ และความภูมิใจในตนเอง ตลอดจนปัจจัยส่งเสริม ปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยอุปสรรคที่มีผลต่อการรับรู้ตนเองและอัตมโนทัศน์รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของแบบแผนอันเนื่องมาจากความเจ็บป่วย
การซักประวัติ
• ความรู้สึกต่อตนเองเกี่ยวกับภาพลักษณ์โดยทั่วไป รู้สึกว่าอ้วน ผอม สูงหรือเตี้ยเกินไป
• ความรู้สึกต่อตนเองเกี่ยวกับความสามารถในด้านต่างๆ ได้แก่ ความสามารถในการปฏิบัติงาน การเรียน การทำกิจกรรมต่างๆ
• ความรู้สึกเกี่ยวกับการสูญเสียอวัยวะจากการเป็นโรค การผ่าตัดหรือการเกิดอุบัติเหตุหน้าเสียโฉม ถูกตัดขา อาจรู้สึกว่าตนเองเป็นคนพิการกลัวคนอื่นรังเกียจ
• ความรู้สึกต่อตนเองเกี่ยวกับความภาคภูมิใจในตนเอง ความพอใจในตนเอง ความรู้สึกความสูญเสียความมั่นคงปลอดภัย ท้อแท้ สิ้นหวัง เป็นต้น
การตรวจร่างกาย
• สังเกตุความสนใจตนเองของผู้ป่วย
• การแต่งกาย บุคลิกภาพ
• การกล่าวตนเอง
• การสังเกตุปฏิกิริยาตอบสนองหรือพฤติกรรมที่เเสดงออกต่อการเปลี่ยนแปลงหรือสูญเสีย เช่น อาการอาย
มีพฤติกรรมปิดบังอวัยวะของร่างกายเพราะไม่ต้องการให้ใครเห็นสภาพตนเอง ความวิตกกังวล ก้าวร้าว หรือแยกตัวจากสังคม
แบบแผนบทบาทและสัมพันธภาพ
(Role-relationship Pattern)
แบบแผนเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ ความรับผิดชอบ การติดต่อสื่อสารและการมีสัมพันธภาพกับบุคคลทั้งภายในครอบครัวและสังคม รวมทั้งปัจจัยส่งเสริมปัจจัยเสี่ยงหรือปัจจัยอุปสรรคต่อการปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่และการสร้างสัมพันธภาพรวมทั้งการเปลี่ยนแปลงบทบาทอันเนื่องมาจากความเจ็บป่วย
การซักประวัติ
• โครงสร้างครอบครัว เช่น จำนวนสมาชิกในครอบครัวมีใครบ้างหรืออยู่คนเดียว
• หน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ป่วยและสมาชิกคนอื่นต่อครอบครัว
-การสร้างบทบาทในครอบครัวทั้งในขณะที่มีสุขภาพดีและการเปลี่ยนแปลงบทบาทในขณะเจ็บป่วยมีผลกระทบต่อครอบครัวหรือไม่
-สัมพันธภาพของผู้ป่วยในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน เพื่อนบ้าน การเปลี่ยนแปลงของสัมพันธภาพโดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคเรื้อรังหรือช่วยตนเองไม่ได้
การตรวจร่างกาย
• สังเกตุพฤติกรรมต่างๆ หรือท่าทางที่แสดงออกต่อครอบครัวและบุคคลในครอบครัวแสดงต่อผู้ป่วย ลักษณะการโต้ตอบระหว่างผู้ป่วยกับบุคคลในครอบครัวรวมทั้งเพื่อน ผู้ร่วมงาน การมาเยี่ยมของคนในครอบครัวด้วย
แบบแผนเพศสัมพันธ์ุและการเจริญพันธุ์
(Sexuality-reproductive Pattern)
เป็นแบบแผนเกี่ยวกับพัฒนาการตามเพศซึ่งมีอิทธิพลมาจากพัฒนาการด้านร่างกายและอิทธิพลของสังคม สิ่งแวดล้อม การเลี้ยงดู ลักษณะการเจริญพันธุ์ พฤติกรรมทางเพศและเพศสัมพันธุ์รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงแบบแผนอันเนื่องมาจากความเจ็บป่วย
การซักประวัติ
• การเจริญพันธุ์ และการทำงานของระบบสืบพันธุ์
-การมีเพศสัพันธุ์ ปัญหาเพศสัมพันธ์ความเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธุ์และการป้องกันโรคติดต่อกันได้ทางเพศสัมพันธุ์
• เพศหญิงควรซักประวัติเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ การแท้ง การมีบุตร การคุมกำเนิด การติดเชื้อของอวัยวะสืบพันธุ์ประวัติเกี่ยวกับการตกขาว อาการคันอวัยวะสืบพันธุ์ปัสสาวะแสบขัดวิธีการรักษาความสะอาด
การตรวจร่างกาย
• สังเกตุพฤติกรรมทางเพศจากลักษณะท่าทางที่แสดงออกปฏิสัมพันธุ์กับบุคคลอื่น การใช้ภาษาและคำพูดรวมทั้งการแต่งกายว่าเหมาะสมกับเพศหรือไม่
• เพศหญิง ตรวจเต้านม ต่อมน้ำเหลือง อวัยวะเพศหญิง เพศชาย ตรวจอวัยวะเพศชายตรวจอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อ ทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเอดส์ จะพบลักษณะผอมมาก มีเชื้อราในปาก มีรอยโรคตามผิวหนัง ท้องเสียเรื้อรัง
แบบแผนค่านิยมและความเชื่อ
(Value-belief Pattern)
เป็นแบบแผนเกี่ยวกับความเชื่อ ความศรัทธาความมั่นคงเข้มเเข็งทางด้านจิตใจ สิ่งที่มีคุณค่า มีความหมายต่อชีวิต สิ่งยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจ เป้าหมายในการดำรงชีวิตความเชื่อทางด้านสุขภาพและการปฏิบัติตนตามความมั่นคงเข้มแข็งทางด้านจิตใจรวมทั้งด้านการเปลี่ยนแปลงของแบบแผนอันเนื่องมาจากความเจ็บป่วย
การซักประวัติ
• ความเชื่อความผูกพัน ความศรัทธาที่มีต่อสิ่งต่างๆ เช่น ความดีงาม ความถูกต้อง ศาสนา พระเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือสิ่งเหนือธรรมชาติ
• ค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรม
• ความหวังหรือเป้าหมายในชีวิต
การตรวจร่างกาย
• สังเกตุพฤติกรรมที่แสดงออกทางสีหน้า กิริยาท่าทางรวมทั้งการเเสดงออกทางอารมณ์ เช่น ซึมเศร้า แยกตัว ว้าเหว่ โกรธ หงุดหงิด
• สังเกตุคำพูดของผู้ป่วยและญาติที่แสดงถึงการให้คุณค่าและการมีความเชื่อในด้านต่างๆ
แบบแผนการเผชิญความเครียดและความทนต่อความเครียด (Coping-stress tolerance Pattern)
เป็นแบบแผนเกี่ยวกับการรับรู้ลักษณะอารมณ์พื้นฐานการรับรู้เกี่ยวกับความเครียดปฏิกิริยาของร่างกายเมื่อเกิดความเครียด วิธีการแก้ไขและการจัดการกับความเครียด ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดความเครียดปัจจัยส่งเสริมและปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการปรับตัวกับความเครียดรวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของแบบแผนอันเนื่องมาจากความเจ็บป่วย
การซักประวัติ
• ข้อมูลทั่วไป เช่น อายุ การศึกษา อาชีพ รายได้ สถานภาพสมรสความสัมพันธ์ในครอบครัว สิ่งเเวดล้อมที่บ้านเพื่อประเมินสาเหตุที่ทำให้เกินความเครียด
• สัมภาษณ์เกี่ยวกับลักษณะอุปนิสัยหรืออารมณ์พื้นฐานของผู้ป่วย
• ซักถามสิ่งที่ทำให้เกิดความเครียด ไม่สบายใจ วิตกกังวล กลัว เครียด คับข้องใจ
• ซักถามความต้องการการช่วยเหลือและบุคคลที่สนับสนุนให้กำลังช่วยแก้ไขปัญหา
การตรวจร่างกาย
• ตรวจสอบพฤติกรรมที่บ่งชี้ถึงความเครียด ความเศร้า ความวิตกกังวล
• สีหน้าหมกมุ่น ขมวดคิ้ว กระวนกระวาย ซึมเงียบเฉย ร้องไห้ นอนไม่หลับ
• สังเกตุอาการต่างๆ เช่น เหงื่อออกมาก หน้าซีดหรือหน้าแดง มือสั่นหายใจเร็ว