Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ ๗ กระบวนทัศน์หลักทางการพยาบาล - Coggle Diagram
บทที่ ๗ กระบวนทัศน์หลักทางการพยาบาล
มโนทัศน์พื้นฐานทางการพยาบาล
มโนทัศน์พื้นฐานทางการพยาบาล หมายถึง ความรู้ ความคิด ความเชื่อ ในสิ่งที่เป็นพื้นฐานของการพยาบาล ซึ่งประกอบด้วยความรู้พื้นฐานในมโนมติของคน สิ่งแวดล้อม สุขภาพ และการพยาบาล
มโนมติของคน (Man)
เมื่อกล่าวถึง คน บุคคลต่างๆ กันก็อาจมีความรู้ ความเชื่อที่แตกต่างกันไปขึ้นกับประสบการณ์พื้นฐานของตน
๑ คน ประกอบด้วย กาย จิต สังคม ซึ่งทำงานประสานกันอยู่ตลอดเวลาไม่สามารถแยกออกเป็นอิสระได้
๒จิตหรือจิตใจ
๑.๒.๑ อารมณ์และความรู้สึก เช่น ความพอใจ ความสุข อิ่มเอิบเบิกบาน วิตกกังวล ท้อแท้ หมดหวัง โกรธ เกลียด ทุกข์ทรมาน เป็นต้น
๑.๒.๒ จิตวิญญาณ (Spirit) ซึ่งถือเป็นแก่นของชีวิตเป็นพลังที่แทรกซึมไป ในทุกส่วนของบุคคล และมีผลต่อการดำเนินชีวิตของแต่ละคน
๑.๒.๓ สติปัญญา หรือความคิด หมายถึง ความสามารถในด้านการรับรู้(Perception) การแปลความ ความจำ ความเข้าใจ (Comprehension) ความเชื่อ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นต้น
๓ สังคม
ส่วนประกอบด้านสังคมของคน หมายถึง ส่วนของคนที่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นๆ รอบตัว เช่น ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา เพื่อน ผู้บังคับบัยชา เป็นต้น
กาย จิต สังคม จะทำงานประสานกันอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีการกระทบกระเทือนกับส่วนใดของคน ก็จะมีผลต่อส่วนอื่นด้วย เช่น ในขณะใกล้สอบนักศึกษามีความวิตกมากว่าจะทำข้อสอบไม่ได้ก็อาจมีผลทำให้นอนไม่หลับตลอดคืน
สัมพันธภาพแต่ละบุคคล จะมีความสามารถแตกต่างกันในการสร้างสัมพันธภาพและคงสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นๆ รอบตัว
๑ กายหรือร่างกาย
ประกอบด้วยส่วนของโครงสร้างและหน้าที่การทำงานของร่างกายของบุคคล ประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ ในแต่ละอวัยวะก็ประกอบด้วยเนื้อเยื่อและเซลล์ต่างๆมากมาย ซึ่งทำหน้าที่แตกต่างกันออกไป
๒ คนเป็นระบบเปิด
คนเป็นหน่วยมีชีวิตที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมมตลอดเวลา โดยมีการรับจากสิ่งแวดล้อมและมีการให้หรือตอบสนองแก่สิ่งแวดล้อม การรับและการให้เกิดขึ้นได้ทั้ง ทางด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม โดยมีความสัมพันธ์กนั
๓ คนมีความต้องการพื้นฐาน
ในแต่ละบุคคลจะมีความต้องการทั้งทางร่างกาย จิตใจและสังคม เช่น ทุกคนต้องการอาหาร น้ำ เพื่อใช้ในการมีชีวิตอยู่ บางคนต้องการรถยนต์ ต้องการเครื่องปรับอากาศเพื่อให้ตนเองสุขสบายขึ้น
ความต้องการทางด้านร่างกายหรือสรีระ (Physical needs)
ความต้องการความพอใจตนเอง (Self-actualization)
ความต้องการความปลอดภัย (Safety and security)
ความต้องการความรัก ความผูกพัน (Affiliation)
ความต้องการความภาคภูมิใจและความมีศักดิ์ศรี (Self-esteem)
๕ คนมีความต้องการภาวะสมดุลหรือภาวะปกติ
คนจะต้องการอยู่ในภาวะสมดุลอยู่ตลอดเวลา โดยในภาวะที่สมดุลแล้ว ก็จะพยายามดำรงภาวะนั้นไว้ เมื่อเกิดภาวะเสียสมดุลก็จะพยายามปรับสู่สมดุล กระบวนการที่ดำรงภาวะสมดุลหรือปรับสมดุล
๖ คนมีลักษณะพื้นฐานร่วมกันแต่มีความเป็นปัจเจกบุคคล
คนแต่ละคนมีลักษณะพื้นฐานร่วมกันทุกคน เช่น คนมีองค์ประกอบของกายจิตสังคมที่เหมือนกันหรือมีความต้องการพื้นฐานเช่นเดียวกัน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้แต่ละคนเป็นปัจเจกบุคคลคือ พันธุกรรม ระดับการพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย จิตสังคม และประสบการณ์ในชีวิต ซึ่งป็นประสบการณ์เฉพาะของแต่ละบุคคล
๗ คนมีสิทธิของตน
แต่ละบุคคล ไม่ว่าในภาวะที่เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ในบทบาทหรือตำแหน่งใดก็ตามจะมีสิทธิแห่งตนตามภาวะที่ดำรงอยู่ สิทธิเหล่านี้กำหนดข้ึนโดยบุคคลในสังคมที่อยู่ร่วมกันเพื่อให้การอยู่ร่วมกันในสังคมน้นั ๆ เป็นไปด้วยดี
๘ คนมีศักยภาพในการช่วยเหลือตนเอง
คนทุกคนมีความสามารถที่จะช่วยเหลือตนเองในด้านต่างๆ เช่น การช่วยตนเองในกิจวัตรประจำวันการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เป็นต้น
๔ คนมีพัฒนาการ
การพัฒนาการเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงด้านคุณภาพหรือคุณลักษณะของบุคคลแต่ละด้านในด้านต่างๆ การพัฒนาการของคุณอาจแบ่งออกได้เป็นพัฒนาการด้านร่างกาย ด้านสติปัญญา ด้านอารมณ์สังคม ด้านคุณธรรม
มโนมติของสิ่งแวดล้อม (Environment)
๓ สิ่งแวดล้อมทางเคมี
สารเคมีทุกชนิด รวมทั้ง อาหาร ยา ซึ่งอาจมาจากสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งไม่มีชีวิต
๒ สิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ
สิ่งมีชีวิตต่างๆ ทั้ง พืช และสัตว์ ที่มีขนาดเล็กจนมอง
ด้วยตาเปล่าไม่เห็น จนถึงพืชและสัตว์ที่มีขนาดใหญ่โตกว่า คน ตัวอย่างสิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ เช่น ไวรัส วัว ควาย สุนัข
๔ สิ่งแวดล้อมทางสังคม เศรษฐกิจ
บุคคลที่มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน มีบทบาทหน้าที่ต่อกัน หน่วยของสังคมที่สำคัญ ที่สุด คือ ครอบครัว ซึ่งอาจเป็นครอบครัวเดี่ยว ซึ่งประกอบด้วยสามี ภรรยา และลูก หรืออาจเป็นครอบครัวขยายซึ่งประกอบด้วยครอบครัวเดี่ยวและเครือญาติ
๑ สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ
สิ่งแวดล้อมภายนอกที่ไม่มีชีวิต เช่น ความร้อน แสงเสียง รังสี อากาศ ดิน น้ำ ลม ที่พัก อาศัยสิ่งก่อสร้างต่างๆ เป็นต้น
มโนมติของสุขภาพ(Health)
สุขภาพมีลักษณะเป็นนามธรรม เป็นภาวะที่เกิดขึ้นกับุคคลตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยชราได้มีผู้ให้ความหมายของสุขภาพไว้มากมาย ซึ่งทาํ ให้คนสามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้ดำเนินชีวิตได้ตามวัตถุประสงค์ ซึ่งความหมายดังกล่าวนี้ คือ ความหมายของสุขภาพดี หรือสุขภาพสมบูรณ์
สุขภาพของคนจะประกอบด้วย ๒ ภาวะคือ ภาวะสุขภาพดี (Wellness) และเจ็บป่วย (Illness) ซึ่งมีผู้ให้ความหมาย ดังนี้
คำว่า “สุขภาพ” (health) ไนติงเกล (Nightingale, ๑๘๖๐) ให้ความหมาย สุขภาพ หมายถึงสภาวะที่ปราศจากโรคและสามารถใช้พละกำลังของตนเองได้เต็มความสามารถ
ส่วนความเจ็บป่วย (illness) นั้นหมายถึง สภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ปกติทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ ซึ่งอาจจะเปลี่ยนด้านใดด้านหนึ่ง หรือหลายๆ ด้านรวมกัน
มโนมติของการพยาบาล (Nursing)
๒การพยาบาลที่จะช่วยเหลือให้คนมีภาวะสุขภาพดีหรือปรับสู่ภาวะสุขภาพดีประกอบด้วยการช่วยเหลือในด้านการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การดูแลรักษาและการฟื้นฟูสภาพ
๓ การพยาบาลโดยใช้กระบวนการพยาบาลในการช่วยเหลือผู้รับบริการ ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ ดังนี้ คือ การประเมินสภาพ การวินิจฉัยการพยาบาล การวางแผนการพยาบาล การปฏิบัติการพยาบาล การประเมินผลการพยาบาล
๑การพยาบาลเป็นการช่วยเหลือคนในทุกวัยตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยสูงอายุ ในทุกภาวะสขภาพตั้งแต่สุขภาพดี จนถึงป่วยหนักหรือวิกฤต เพื่อให้คนสามารถดำรงภาวะสุขภาพไว้หรือช่วยให้คนกลับสู่ภาวะสุขภาพดีเมื่อเจ็บป่วย
๔ การพยาบาลเป็นบริการที่จำเป็นต่อสังคม จากบทบาทและวิธีการปฏิบัติของพยาบาลที่มีลักษณะเฉพาะดังกล่าวแล้ว ในการช่วยเหลือผูรับบริการทั้งที่เป็นรายบุคคล ครอบครัวและชุมชน ทำให้การพยาบาลเป็นบริการที่จำเป็นต่อสังคม
ความสําคัญของมโนมติพื้นฐานทางการพยาบาล
๒ เป็นพื้นฐานของการวิจัยทางการพยาบาล
๓ เป็นพื้นฐานของการปฏิบัติการพยาบาล
๑ เป็นพื้นฐานของการพัฒนาศาสตร์ทางการพยาบาล
๔ เป็นพื้นฐานของการจัดการศึกษาพยาบาล
มโนทัศน์และทฤษฏีการพยาบาล
ทฤษฏีทางการพยาบาล (Nursing Theory)
หมายถึง แก่นสาระความรู้ของวิชาชีพพยาบาล ซึ่งมุ่งอธิบายธรรมชาติของคน สิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อบุคคล ภาวะสุขภาพ ความเจ็บป่วยของบุคคล โดยมีเป้าหมายของการพยาบาลและกิจกรรมการพยาบาล
กระบวนทัศน์ (Paradigm)
หมายถึงกรอบการมองหรือกรอบเค้าโครงแนวความคิดโดยมีคุณลักษณะที่สำคัญ คือเป็นศาสตร์ที่มีการยอมรับในแววดวงนักวิชาการน้ัน ๆ
ชนิดของทฤษฎี สามารถจำแนกได้ทั้งตามความเป็นนามธรรมและตามเป้าหมาย
ชนิดของทฤษฎีตามนามธรรม มี ๓ ระดับ คือ
๒ ทฤษฎีระดับกลาง ( Mid -Range Theories ) เป็นทฤษฎีที่จำกัดขอบเขตให้แคบลง มีความเป็นนามธรรมน้อยยลง ชัดเจนมากขึ้นกล่าวถึงปรากฏการณ์หรือมโนทัศน์ที่เฉพาะและสะท้อนให้เห็นถึงการปฏิบัติการพยาบาล
๓ ทฤษฎีระดับที่เฉพาะเจาะจง ( Situational Specific Theories )เน้นเฉพาะปรากฏการณ์ทางการพยาบาลที่พบในการปฏิบัติการพยาบาลในผู้ใ ช้บริการเฉพาะกลุ่ม หรือเฉพาะบางสาขา มีข้อจำกัดในการสรุปอ้างอิงแต่มีความชัดเจน
๑ ทฤษฎีระดับกว้าง ( Grand Theories ) มีความเป็นนามธรรมสูงมากเพื่อให้ครอบคลุมปรากฏการณ์มากที่สุดในสาขานั้นๆ และสร้างข้ึนเพื่ออธิบายธรรมชาติ พันธกิจ และเป้าหมายการพยาบาล
ประโยชน์ของทฤษฎี / กรอบแนวคิดต่อการปฏิบัติการพยาบาล
๒ เป็นแนวทางในการนำกระบวนการพยาบาลทั้ง ๕ ขั้นตอนมาใช้ในการปฏิบัติการพยาบาล
๓ เป็นหลักเกณฑ์ในการวัดคุณภาพทางการพยาบาล
๑ ช่วยให้พยาบาลสามารถอธิบายเป้าหมายและเหตุผลของการปฏิบัติการพยาบาลต่อผู้รับบริการ
๔ อธิบายคำศัพท์ทางงการพยาบาลที่ใช้ในนการติดต่อสื่อสารให้เข้าใจตรงกันในทีมสุขภาพ
ลักษณะพื้นฐานของทฤษฎี
จะต้องแสดงลำดับของเหตุผลตามหลักตรรกวิทยา
ให้สมมติฐานที่สามารถทดสอบได้
สามารถแสดงความสัมพันธ์ระหว่างมโนทัศน์ให้เข้าใจปรากฏการณ์ที่เฉพาะได้