Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Injury - Coggle Diagram
Injury
Head injury
-
-
หมายถึง การบาดเจ็บที่เกิดจากแรงกระทำภายนอกทั้งทางตรงและทางอ้อมที่มีต่อหนังศีรษะ กะโหลกและเนื้อเยื่อที่เป็นส่วนประกอบภายในกะโหลก อาจมีหรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงของระดับความรู้สึกตัว
Head Anatomy
1.หนังศีรษะ(Scalp) เรียงจากนอกสุกมาหาในสุด
-เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน กาเลีย (galea aponeurosis)
-ใต้กาเลีย(loose areola tissue)
-เยื่อหุ้มกะโหลก(pericranium/periosteum)ชั้นใต้กาเลียเป็นชั้นที่มีเลือดออกมากที่สุด การฉีกขาดของหนังศีรษะอาจทำให้เกิดการเสียเลือดมากได้(หัวโน,subgaleal hematoma)
2.กะโหลก(skull)
ประกอบด้วยส่วนที่เป็นกะโหลก(cranial vault)กับส่วนที่เป็นฐาน(calvaria) กะโหลกส่วนที่บางมากอยู่บริเวณขมับจะมีกล้ามเนื้อขมับ(temporalis muscle)(acceleration)และแรงเฉื่อย(deceleration)
บริเวณฐานกะโหลกแบ่งเป็น3แอ่ง
-แอ่งด้านหน้า(Anterior fossa) เป็นที่อยู่ของสมองกลีบหน้า
-แอ่งกลาง(Middle fossa)เป็นที่อยู่ของกลีบสมองส่วนขมับ
-แอ่งด้านหลัง(Posterior fossa)เป็นที่อยู่ของสมองน้อย แกนสมอง(lower brian stem )และเส้นประสาทคู่ที่3-12
3.เยื่อหุ้มสมอง(Meninges)
3.1 ชั้นดูรา(Dura mater)
เป็นเยื่อหุ้มสมองชั้นนอกประกอบด้วยพังผืดที่ติดแน่นอยู่กับผิวของกะโหลก ศีรษะแต่ไม่ติดกับอะแร็กนอยด์ (arachnoid) จึงเกิดพื้นที่ว่าง (subdural space) เพื่อดูรามีหลอดเลือดดำ (bridging vein) ซึ่งเชื่อมต่อกับสมองอาจฉีกขาดได้เมื่อได้รับบาดเจ็บทำให้มีเลือดออกใต้เยื่อดูรา
3.2ชั้นอะแร็กนอยด์(Arachnoid) เยื่อหุ้มชั้นกลาง แผ่นเยื่อบางใส ใต้ต่อมีที่ว่างมีน้ำไขสันหลังเวียนอยู่
3.3ชั้นเพีย(Pia mater)ติดกับสมอง
4.สมองใหญ่(Cerebrum/brain)
แบ่งเป็น2ซีก สมองที่คุมการพูดBroca’s area เป็นสมองซีกเด่น เกี่ยวกับการใช้ความคิด ซีกตรงข้ามกันควบคุมการเคลื่อนไหว
5.สมองน้อย(Cerebellum)
ตั้งอยู่ที่แอ่งด้านหลังของกะโหลกศีรษะ (posterior fossa) อยู่ติดกับแกน สมอง ทำหน้าที่ควบคุมให้อวัยวะต่าง ๆ เคลื่อนไหวสอดคล้องประสานกัน
6.แกนสมอง(Brain stem)
เป็นที่อยู่ของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 3-12 ประกอบด้วย 3 ส่วนเรียงลำดับจาก บนลงล่าง ดังนี้ midbrain, pons และ medulla ซึ่งเชื่อมต่อกับไขสันหลัง แกนสมองมีศูนย์ควบคุมความรู้สึกตัวและ ศูนย์ควบคุมสัญญาณชีพ
กลไกบาดเจ็บที่ศีรษะ
-
โดยอ้อม
การบาดเจ็บที่ส่วนอื่นของร่างกายแต่มีผลกระทบให้ศีรษะบาดเจ็บ เช่น ตกจากที่สูง ก้นกระแทกพื้นเกิดแรงอัดถึงspine และbrain
การวินิจฉัย
-
-
ตรวจทางห้องปฏิบัติการ
CBC,ABG,Electrolyte,BUN,Cr
Spine injury :
1.กลไกการบาดเจ็บ
-
-
-
- การบาดเจ็บแนวดิ่ง (vertical Compression)
-
-
-
-
-
Facials injury
facial bone
Panfacial fracture
กระดูกใบหน้าหักพร้อมกันหลายตำแหน่ง โดยแบ่งเป็น Frontal midface manduble หากพบ 2 ใน 3 ถือว่าเป็น Panfacial fracture
การรักษา ให้รักษากระดูกส่วนบนก่อน คือ Frontal bone superior orbital rim ให้เข้าที่ก่อน โดยใช้ Plate and screw จากนั้นมาจัด Zygomatic arch ให้เข้าที่โดยตรึงกับ Temporal boone และ Lateral Orbital rim จากนั้นจึงมาจัดกระดูกส่วนล่าง Mandible สุดท้ายจึงมาจัดฟันล่างให้เข้า Occlusion
Zygomatic bone
ส่วนของกระดูกใบหน้าเป็นโครงสร้างของโหนกแก้มทั้ง 2 ข้าง เชื่อมกับกระดูกอื่นๆดังนี้
- Medial เชื่อมกับกระดูก Maxillary ส่วนที่เป็น inferior orbital rim
- inferior เชื่อมกับกระดูก Maxillary ส่วนที่เป็น Maxillary alveolus
- Superior เชื่อมกับกระดูก frontal lateral เชื่อมต่อกับกระดูก Sphenoid เป็นส่วนของ lateral wall of orbit
อาการ โหนกแก้มทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากัน แก้มยุบแบน ลูกตาหวำลึกบุ๋มลง เลือดออกที่ตาและรอบตา ปวดมากขึ้นเมื่อขยับคาง คลำได้กระดูกกรอบแกรบ ขากรรไกรแข็ง อ้าปากได้น้อย เห็นภาพซ้อน ชาริมฝีปากบนมีรอยฟกช้ำรอบตากรอกตาผิดปกติ
ตรวจพิเศษ
- Water view การถ่ายภาพรังสีในท่าเงยหน้า
- Caldwell View คือการถ่ายภาพรังสีกะโหลกศรีษะและกระดูกหน้า โดยแสงรังสีจะผ่านด้านหลังไปถึงด้านหน้า ผู้ป่วยจะอยู่ในท่านอนคว่ำ
- CT scan ทำในท่า axial และ coronal view
การรักษา
- zygoma หัก ที่ไม่มีการเคลื่อนตำแหน่ง อาจพิจารณาไม่ผ่าตัด ให้ผู้ป่วยทานอาหารอ่อนที่ไม่ต้องออกแรงในการเคี้ยว ติดตามอาการ 1-2 สัปดาห์เพื่อดูว่ามีการเคลื่อนที่ของชั้นกระดูกที่หักหรือมีภาวะแทรกซ้อนจากกระดูกที่หักเกิดขึ้นหรือไม่
- กรณีที่หักที่บริเวณ zygomatic arch และมีการเคลื่อนไปทางด้าน medial เพียงดำแหน่ง
เดียว อาจพิจารณาให้การรักษาโดย close reduction โดยวิธีของ Gillies approach
Nasal bone
ประกอบด้วยกระดูกออ่อนเป็นส่วนใหญ่ และมีโครงสร้างของกระดูกร่วมด้วย
- Bony part of nose ประกอบด้วย
nasal bone
frontal processes of maxilla
nasal part of the frontal bone andit nasal spine
- Cartilaginous part of nose ประกอบด้วย
two lateral cartilages
ttwo alar cartilages
septal cartilages
Nasal fracture
-
การรักษา หากพบว่ามีการเคลื่อนที่ของกระดูก แนะนำให้ งัดจมูกให้เข้าที่ Close reduction การงัดจมูกจะไม่ทำในรายที่จมูกบวมมาก แพทย์จะรอให้จมูกยุบบวมก่อนไม่เกิน 1 สัปดาห์หลังบาดเจ็บ หลังจากนั้นแพทย์จะใช้วาสลีนชนิดที่เป็ฯแถบยาวอุดในรูจมูกไว้นาน 24-48 ชั่วโมง เพื่อห้ามเลือดค้ำยันกระดูกที่เพิ่งงัดและเฝือกที่อยู่ภายนอก
-
Maxillary
-
โครงสร้างของกระดูกขากรรไกรส่วนบน ประกอบด้วย alveolar processes ซึ่งเเป็นส่วนที่ยึดเกาะกับฟัน กระดูก Maxilla เชื่อมกับกระดูกอื่นๆ
- medial เชื่อมกับ Nasal bone เป็ฯส่วนของ medial wall ของ orbit
- Inferolateral เชื่อมกับกระดูก Zygoma เป็ฯส่วนของ Infraobital rims และเป็น lateral wall of orbit
การรักษา เพื่อให้ใบหน้ากลับเข้าสู่ปกติ และฟันสามารถสบกันให้เท่าปกติที่สุด นิยมทำ Open reduction และ intrenal fixation และตามด้วย intermaxillary fixation
-
Mandible
เป็นรูป U-shaped bone เป็นโครงสร้างของขากรรไกรล่าง ประกอบด้วย alveolar processes ซึ่งเป็นส่วนยึดเกาะกับฟัน โครงสร้างแบ่งเป็นส่วนต่างๆดังนี้
- Symphysis
- parasymphysis
- body
- angle
- ramus
- condyle
- coronoud process
อาการ ผู้บาดเจ็บจะมีฟันไม่สบกัน (malocclusion) ส่วนอาการอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่หักได้แก่ ปวดกราม บวมตึง กดเจ็บ ขากรรไกรแข็ง อ้าปากไม่ได้เต็มที่ (trismus) ขยับคางไม่ค่อยได้ หน้าบวม คาง 2 ข้างไม่เท่ากัน มีรอยฟกช้ำ ชาริมฝีปากล่างและคาง ฟันอาจร่วง เหงือกฉีก มีแผลและเลือดออกใต้ลิ้น ถ้าขากรรไกรล่างหักมากจะขาดที่ยึดทำให้ลิ้นตกไปข้างหลังและอุดทางเดินหายใจ หากมีการหักบริเวณข้อต่อกับกะโหลกศีรษะ (condyle) จะปวดร้าวไปที่หู คลำได้กระดูกกรอบแกรบ น้ำลายมาก คางเบี้ยวไปด้านที่หัก
-
การรักษา ให้ฟันสบกันโดยการจัดกระดูกให้เข้าที่ในรายที่ไม่มีการเคลื่อนของกระดูกแพทย์จะจัดกระดูกให้เข้าที่โดยไม่ผ่าตัด แต่ถ้ามีกระดูกเคลื่อนต้องผ่าตัดใส่เหล็กหรือลวดดามไว้
Orbital bone
Fracture orbit กระดูกหักที่กระบอกตา มักพบร่วมกับกระดูกที่หักบริเวณข้างเคียง เช่น zygoma nasoethmoidal-orbital และ Le fort fracture หรืออาจเกิดจากการหักที่กระดูกกระบอกตาเพียงตำแหน่งเดียวก็ได้
อาการ หนังตาตก การกลอกตาผิดปกติ เห็นภาพซ้อนทั้ง 2 ข้าง ปวดตา รอบตาบวม ตำหวำลึก เลือดออกในข่องหน้าลูกตา เลนส์ตาเคลื่อน ประสาทตาลอก รูม่านตาทั้ง2 ข้างไม่เท่ากัน ชาที่แก้มและริมฝีปากบน
ภาวะแทรกซ้อน diplopia ไม่สามารถกลอกตาข้างนั้นได้อย่างเต็มที่
Enophthalmos ภาวะที่มีลูกตาและหนังตาอยู่ลึกกว่าปกติ ทำให้ตาหวำลึกลงไป
การตรวจพิเศษ Caldwell View คือการถ่ายภาพรังสีกะโหลกศรีษะและกระดูกหน้า โดยแสงรังสีจะผ่านด้านหลังไปถึงด้านหน้า ผู้ป่วยจะอยู่ในท่านอนคว่ำ
Water view การถ่ายภาพรังสีในท่าเงยหน้า
การรักษา
diplopia มักจะหายเอง 1-2 wks ถ้าไม่ดีขึ้น พิจารณารักษาโดย explore floor เพื่อไป release ส่วนที่ muscle entrapment
-
ลักษณะโครงสร้างเป็นกรวยรูปสามเหลี่ยมโดยฐานอยู่ทางด้าน anterior และยอดอยู่ทางด้าน posterior ประกอบด้วยผนัง 4 ด้าน
-superior wall
-medial wall
-inferior wall
-lateral wall
-apex of orbit
-
การตรวจพิเศษทางรังสี
-
- ภาพถ่ายแนวกว้าง (Panoramic radiograph) ภาพถ่ายรังสีนี้จะช่วยให้เห็นกระดูกหน้าทั้งหมด รวมถึง ขากรรไกรล่างอยู่ในรูปเดียว แต่มีข้อจำกัด คือไม่สามารถห็นข้อต่อของกระดูกขมับ (temporomand
TM Joint)
3.การตรวจเอกชเรย์คอมพิวเตอร์ (CT facial scan) จะช่วยให้เห็นกระดูกหักได้ละเอียดชัดเจนขึ้น และ
สามารถถ่ายภาพ 3 มิติได้