Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน่วยที่9การพยาบาลมารดาที่มีภาวะแทรกซ้อนในระยะหลังคลอด, นางสาวจุฬาลักษณ์…
หน่วยที่9การพยาบาลมารดาที่มีภาวะแทรกซ้อนในระยะหลังคลอด
Postpartum Hemorrhage (PPH)
ภาวะที่มีเลือดออกปริมาณมากกว่า500 มิลลิลิตรหลังการคลอดทางช่องคลอดหรือมากกว่า 1,000 มิลลิลิตรหลังการผ่าตัดคลอด ถ้าเกิดใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด เรียกว่า primary หรือ early PPH แต่ถ้าเกิดหลัง 24 ชั่วโมงถึง12 สัปดาห์หลังคลอด เรียกว่า secondary หรือ late หรือ delayed PPH
สาเหตุและปัจจัยที่ทําให้เกิดการตกเลือดหลังคลอด
เลือดออกจากบริเวณที่รกเคยเกาะซึ่งอาจเกิดจาก
ก. กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวไม่ดี (uterine atony)
ข. การตกค้างของเนื้อเยื่อรกในโพรงมดลูก
การบาดเจ็บต่อช่องทางคลอด
ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด
ชนิดของการตกเลือดหลังคลอด
1.การตกเลือดหลังคลอดในระยะแรก
2.การตกเลือดหลังคลอดในระยะหลัง
เลือดคั่งบริเวณฝีเย็บ (Hematoma)
ก้อนเลือดคั่ง (hematoma) บริเวณปากมดลูก ช่องคลอด และฝีเย็บ อาจเกิดจากการคลอดก้อน
เลือดคั่งนี้อาจจะเกิดจากการแตกของหลอดด าหรือหลอดเลือดแดง จากการคลอดมีการฉีกขาดของหนทาง
คลอด และการเย็บซ่อมที่ไม่สามารถหยุดเลือดได้หมด การประเมินเลือดที่ออกทางช่องคลอดและแผลฝีเย็บ
โดยปกติภายใน 1 ชั่วโมงหลังคลอดจะเสียเลือดประมาณ 60 มิลลิลิตร และอีก 1 ชั่วโมงต่อมาไม่ควรเสียเลือด
เกิน 30 มิลลิลิตร
การป้องกันการเกิด Hematoma ก้อนเลือดคั่งที่ฝีเย็บ
1.ดูแลแผลฝีเย็บด้วยการประคบเย็น
หลังคลอดวันแรก แผลที่เย็บจะยังมีอาการบวม และค่อนข้างเจ็บมากอยู่สักหน่อย สามารถบรรเทา
อาการเหล่านี้ได้ ด้วยการใช้น้ าแข็งประคบ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เจ็บน้อยลงแล้ว ยังลดอาการบวมได้ด้วย
หลังจากนี้ถ้ามารดาหลังคลอดยังมีอาการปวด ให้นอนพักเพื่อคลายกล้ามเนื้อบริเวณฝีเย็บ
2.ที่รองนั่ง อีกหนึ่งตัวช่วยลดอาการเจ็บแผลฝีเย็บ
หากมีอาการเจ็บมากจนนั่งไม่สะดวก ใช้หมอนโดนัทอันโตหรือห่วงยางอันเล็กส าหรับคนเป็นริดสีดวง
ช่วยได้ดี มารดาหลังคลอดน ามารองนั่งแล้วรู้สึกดีขึ้น เพราะบริเวณฝีเย็บเวลาเจ็บจะเจ็บมากเพราะเป็นบริเวณ
ที่ไวต่อความรู้สึก ความตึงเจ็บจะหาย 3 – 4 วัน และมักจะใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์แผลจะหายสนิท
การติดเชื้อหลังคลอด
เป็นการอักเสบติดเชื้อภายหลังจากการคลอดทางช่องคลอด หรือการผ่าตัดคลอด(ผ่าท้องคลอดบุตร) ส่วนมากเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ผู้ป่วยมักมีไข้สูงตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียส(Celsius)ขึ้นไปหลังจาก 24 ชั่วโมงของการคลอดบุตร จนถึงประมาณ 10 วันหลังคลอด ทั้งผู้ที่คลอดทางช่องคลอดหรือผ่าตัดคลอด
ปัจจัยเสี่ยงให้เกิดภาวะติดเชื้อหลังคลอด
มีการผ่าตัดคลอดบุตร
มีถุงน้ำคร่ำแตกก่อนเจ็บครรภ์คลอดอยู่นาน
มีการตรวจภายในช่วงดำเนินการคลอดมากเกินไป
มีการติดเชื้อในช่องคลอดอยู่ก่อนหน้าแล้ว เช่น การติดเชื้อสเตรปโตคอกคัสกรุ๊ปบีระหว่างตั้งครรภ์
มีภาวะซีด
ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน
ผู้ป่วยอ้วน
อาการและการแสดง
น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น
น้ำคาวปลาไหลนานกว่าปกติ หรือน้ำคาวปลาหยุดไปแล้วแต่กลับมามีน้ำคาวปลาอีก หรือน้ำคาวปลาที่สีแดงจางลงแล้ว แต่กลับมีสีแดงมากขึ้น/มีเลือดออกนานขึ้น
มีเลือดออกทางช่องคลอดกะปริดกะปรอย
มีอาการปวดท้องน้อย/ ปวดบริเวณมดลูก/ ปวดในอุ้งเชิงกรานทั่วๆ ไป
มีไข้
มดลูกเข้าอู่ช้า(มดลูกหดตัวช้า ยังคลำมดลูกได้จากการคลำทางหน้าท้อง) หรือลดขนาดลงช้า โดยทั่วไป หลังคลอด มดลูกจะหดรัดตัวดี ขนาดมดลูกจะลดลงเรื่อยๆ และ หลังคลอดประมาณ 2 สัปดาห์ จะคลำไม่พบมดลูกทางหน้าท้อง แต่ในกรณีที่มีการอักเสบในโพรงมดลูก มดลูกจะหดตัวช้า ทำให้แพทย์สามารถคลำมดลูกทางหน้าท้องได้
นางสาวจุฬาลักษณ์ เที่ยงธรรม เลขที่23