Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
องค์ประกอบ 6P การคลอด - Coggle Diagram
องค์ประกอบ 6P การคลอด
Physiological
โรคประจำตัว เช่นHT,DM,Thyroid,หัวใจ
-
ความอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า การขาดน้ำ การมีภาวะไม่สมดุลของสารน้ำและอิเล็กโทรไลต์ ทำให้มดลูกหดรัดตัวไม่ดี แรงเบ่งน้อย การคลอดยาวนาน
-
-
-
Psychological
ระยะที่ 2
สําหรับผู้คลอดรายนี้ยังไม่มีประสบการณ์การคลอดมาก่อน จึงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการคลอด แต่ขณะรอคลอดผู้คลอดได้รับการเตรียมความพร้อมในระยะที่ 1 ทั้งการเผชิญความปวดจากการเจ็บครรภ์ที่ถี่เพิ่มขึ้นในระยะที่ 2 ทําให้หญิงตั้งครรภ์ สามารถคุมสติเผชิญความปวดได้
ระยะที่ 3
ผู้คลอดจะมีความเครียดและความรู้สึกกลัวลดลง จะเริ่มพูดคุย สนใจผู้อื่นและมีความตื่นตัวมากขึ้นกว่าขณะเบ่งคลอดรวมทั้งให้ความสนใจทารกที่คลอดออกมามากขึ้น
-
ระยะที่ 1
ผู้คลอดที่ได้รับการเตรียมตัวเพื่อการคลอดมาอย่างดีหรืมีประสบการณ์คลอดที่ดีจะสามารถเผชิญกับความเครียดสามารถควบคุมความกลัวและความเจ็บปวดในระยะคลอดได้ดีทำให้การคลอดดำเนินไปตามปกติ
G1P0 ไม่เคยผ่านการคลอด วิตกกังวลเกี่ยวกับการคลอดล้าช้า และพร่องความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าของการคลอด และเจ็บครรภ์คลอด
Power
Primary Power
ระยะที่ 2
กล้ามเนื้อมดลูกเปิดขยาย ความดันในโพรงมดลูกเพิ่มขึ้นประมาณ 60 – 80 mmHg การหดรัดตัวของมดลูกนี้จะทำให้รู้สึกเจ็บครรภ์ เมื่อความดันโพรงมดลูกต่ำกว่า 25 mmHg จะทำให้ปากมดลูกเปิดได้ Duration 60 – 90 วินาที Interval 1 –2 นาที
-
-
ระยะที่ 1
Transitional phase
Uterine contraction
Interval 2 นาที Duration 60-90 วินาที Intensity strong
ใช่เวลาในครรภ์แรก 3 ชั่วโมง ครรภ์หลัง น้อยกว่า 1 ชั่วโมง
-
Active phase
Uterine contraction Interval 2-3 นาที Duration 40-60 วินาที Intensity moderate-strong
ใช้ระยะเวลาในครรภ์แรก 5ชั่วโมง ครรภ์หลัง 2.30 ชั่วโมง
Interval อยู่ในช่วง 2-3.30 นาที , Duration อยู่ในช่วง 45 วินาที Intensity= moderate-strong Interval ไม่เป็นไปตามทฤษฎี
Latent phase
Uterine contraction
Interval 5-10 นาที Duration 20-40 วินาที Intensity mild
ใช้ระยะเวลาในครรภ์แรก 8 ชั่วโมง ครรภ์หลัง 5ชั่วโมง
Interval อยู่ในช่วง 3-4 นาที , Duration อยู่ในช่วง 40-45 วินาที Intensity= moderate-strong เป็นไปตามทฤษฎี
Second Power
ระยะที่ 2
ระยะที่ 2 ของการคลอดอาการเบ่งเกิดขึ้นในระยะที่ 2 ของการคลอดแรงเบ่งจะทำให้เกิดแรงดันในโพรงมดลูกเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ถ้าผู้คลอดเบ่งถูกวิธีเหมาะสมกับเวลาจะช่วยให้การคลอดดำเนินไปได้ด้วยดี
-
ระยะที่ 3
การเบ่งคลอดรก อาศัยแรงเบ่งของผู้คลอดซึ่งทำให้เกิดความดันภายในช่องท้องเพิ่มขึ้นช่วยพลักดันให้รก เคลื่อนต่ำลง ในช่องทสางคลอดและคลอดออกมาเอง
ไม่มีแรงเบ่งจากผู้คลอดในการคลอดรก ซึ่งใช้วิธีในการคลอดรกแบบ Modified crede's maneuver ซึ่งเป็นวิธีที่ผู้ทำคลอดเป็นผู้ช่วยเหลือให้รกคลอดออกมา ผู้คลอดสามารถปฏิบัติได้ถูกต้อง คือ ไม่เบ่งขณะทำคลอดรก
ระยะที่ 1
มารดาเกิดความรู้สึกอยากเบ่งถ่ายอุจจาระและอยากเบ่ง หากยิ่งรอคลอดเบ่งตั้งแต่ปากมดลูกเปิดไม่หมดหรือเปิดไม่ถึง 10 cm จะทำให้ปากมดลูกบวมเนื่องจากส่วนนำไปกดบริเวณขอบปากมดลูกที่ยังเปิดไม่หมด อาการอยากเบ่งมักเกิดขึ้นปลายระยะที่ 1
ผู้คลอดรู้สึกอยากเบ่งตั้งแต่ปากมดลูกเปิด 7 cm สามารถควบคุมสติอารมณ์ตนเองได้ ไม่มีเอะอะโวยวาย เป็นไปตามทฤษฎี
-
Passenger
ระยะที 1 2
ทารก
-
-
-
แนวลำตัว (Lie)
1.Longitudinal lie คือความยาวลำตัวทารกอยู่ในแนวตามยาวของโพรงมดลูก
2.Transverse lie คือทารกอยู่ในแนวขวางกับลำตัวของมารดาเป็นแนวที่ไม่สามารถคลอดผ่านทางช่องคลอดได้อาจต้องคลอดโดยการผ่าตัดคลอด
2.Transverse lie คือทารกอยู่ในแนวขวางกับลำตัวของมารดาเป็นแนวที่ไม่สามารถคลอดผ่านทางช่องคลอดได้อาจต้องคลอดโดยการผ่าตัดคลอด
ท่าทารก(Position ) ส่วนนำที่เป็นศีรษะทารกจะมีการก้มโดยมีกระดูกท้ายทอยเป็นจุดอ้างอิง 6 แบบคือ LOA,LOT,LOP,ROA,ROT,ROP
จากการตรวจครรภ์ท่า umbilical grip พบ large part อยู่ทางด้านซ้ายและฟังFHS ห่างจากแนวกลางลำตัว 1 ฝ่ามือ แสดงว่าทารกอยู่ท่าLOA
-
น้ำคร่ำ
ลักษณะน้ำคร่ำที่ปกติ ต้องมีปริมาณที่เหมาะสมมีลักษณะใส หรือสีขาวขุ่น เหมือนน้ำมะพร้าว ไม่มีกลิ่น ไม่มีขี้เทาปน-ฟังFHSชัด -heigh of fanduc 32-36 cm -ไม่มีconstriction ring -ไม่มี fluid trill -AFI 6-25 cm -ระยะเวลาที่น้ำคร่ำแตก (ควรแตกปลายactivephase) -แตกจาก ARM,SRM
-น้ำคร่ำแตก 14 ชั่วโมง AF clear-ฟัง FHS ชัด -HF 35 cm-ไม่มี fluid trillและไม่มีconstriction ring ไม่มีผล AFI -น้ำคร่ำแตกจาก SRM
ระยะที่ 3
รกและเยื่อหุ้มรก
ซึ่งก่อนที่จะมีการลอกตัวของรก จะมีอาการแสดงดังนี้ 1.Uterine sign คือมดลูกมีการหดรัดตัวกลม แข็ง มีขนาดเล็กลง สังเกตเห็นหน้าท้องมีลักษณะเป็นสองลอน มีลักษณะแข็งและเอียงไปทางขวา 2.Cord sign คือสายสะดือเคลื่อนต่ำลงมา ตรวจพบชีพจรของสายสะดือ ทดสอบได้โดยการทำcord test สายสะดือไม่มีการเคลื่อนตาม 3.Vulva sign คือจะมีเลือดออกทางช่องคลอดประมาณ30-60 พบในการลอกตัวแบบ Matthew Dancan’s method
ผู้คลอดมี uterine sign valva signและcord sign รกคลอดเวลา 11.08 น. ใช้เวลาทำคลอดรก 20นาที น้ำหนักรก 600 กรัม สายสะดือ central insertion ยาว 50 cm มีเส้นเลือด 3 เส้น vein 2 artery 1 ไม่พบ true knot ,false knot เยื่อหุ้มรกทั้งสองด้านสมดุลกัน ขนาดเยื่อหุ้มรกเหมาะสมกับขนาดตัวของทารก มีเส้นเลือดห่างจากขอบรกประมาณ 1 cm ไม่พบรกน้อย รกด้านลูกมีลักษณะเหนียว มีการฉีกขาดของเยื่อหุม้าทารกส่วนที่สั้นที่สุดมากกว่า 7 cm รกด้านแม่ มีลักษณะเป็นสีแดง มี cotyledon ประมาณ 20 lobe cotyledon sulcus ชัดเจน ไม่มี Infarction และมี calcification ประมาณ 1% ของรกทั้งหมด
1.รก : ชนิดของรก placenta suscenturiata,placenta spurium,placenta membranacces,placenta circumvallate รกปกติกว้าง 15-20cm. หนา 2-3 cm น้ำหนักประมาณ 500 g
-
3.เยื่อหุ้มทารก-รอยขาดของเยื่อหุ้มทารกใกล้ขอบรกมากที่สุดยาวมากกว่า7cm -เยื่อหุ้มทารกทั้งสองชั้นมีสัดส่วนสมดุลกัน ขนาดทั้งสองข้างเท่ากัน ขนาดของเยื่อหุ้มทารกมีสัดส่วนเหมาะสม สามารถห่อหุ้มตัวทารกได้ทั้งตัว
Position
ระยะที่ 1
Upright positionเป็นท่าที่ศีรษะและกระดูกสันหลังอยู่สูงจากพื้นราบและทำมุม 30-90 องศากับพื้นราบได้แก่ท่ายืน (Standing) ,ท่านั่งหรือท่าเอนตัวไปข้างหน้า (Sitting and Leaning Forward) ,ท่านั่งคุกเข่า และเอนตัวไปข้างหน้า (Kneeling and Learning Forward) ,ท่านั่งยอง (Squatting) เป็นต้น
-
ระยะที่ 2
Lithotomyเป็นท่าที่สะดวกในการทำคลอด ทำให้ผู้คลอดมองเห็นหน้าท้องของผู้คลอดได้อย่างชัดเจน ฟังเสียงหัวใจของทารกได้อย่างชัดเจน
Supine/Dorsal เป็นท่าทีกระดูกสันหลังอยู่ในแนวราบ ทำให้สะดวกแก่การให้การพยาบาล แต่จะทำให้ผู้คลอดออกแรงเบ่งมาก
-
ระยะที่ 3
ผู้คลอดควรอยู่ในท่านอนหงายขึ้นขาหยั่ง (lithotomy position) เพื่อสะดวกต่อการหดรัดตัวของมดลูกและทำคลอดรกได้ดี
-
-