การวิจัยเชิงปริมาณในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร

แนวคิดเกี่ยวกับการวิจัยเชิงปริมาณในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร

การวิจัยเชิงปริมาณแบบไม่ทดลองในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร

การวิจัยเชิงปริมาณแบบทดลองและกึ่งการทดลองในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร

จุดมุ่งหมายและประเภทของการวิจัยเชิงปริมาณในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร

กระบวนการดำเนินงานวิจัยเชิงปริมาณในการส่งเสริม
และพัฒนาการเกษตร

  1. การกำหนดโจทย์ หรือปัญหา และวัตถุประสงค์การวิจัย
  2. การทบทวนวรรณกรรม
  3. การสร้างกรอบแนวคิดและสมมติฐานการวิจัย
  4. การออกแบบการวิจัย
  5. การเก็บรวบรวมข้อมูล
  6. การจัดกระทำและวิเคราะห์ข้อมูล
  7. การเขียนรายงานการวิจัยและการเสนอผล

วิธีการการวิจัยเชิงปริมาณในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร

การวิจัยเชิงสหสัมพันธ์ในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร

การวิจัยเชิงเปรียบเทียบสาเหตุในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร

การวิจัยเชิงสำรวจในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร

การวิจัยเชิงปริมาณแบบการทดลองจริงในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร

การวิจัยเชิงปริมาณแบบกึ่งการทดลองในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร

การวิจัยเชิงปริมาณแบบการทดลองขั้นต้นในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร

ความหมาย
การวิจัยที่ต้องอาศัยระเบียบวิธีวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อค้นหาความจริง เป็นการวิจัยที่มีระเบียบวิธีที่ชัดเจนในการวิจัย โดยการสร้างเครื่องมือเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อการวัดสิ่งที่ศึกษา (ตัวแปร) ออกมาเป็นตัวเลข และวิเคราะห์ข้อมูลโดยวิธีการทางสถิติ เพื่อให้ได้ผลการศึกษาที่มีความเชื่อถือได้และสามารถนำไปสรุปอ้างอิง ประชากรได้

ลักษณะสำคัญ

  1. เป้าหมายโดยหลักใหญ่ คือ มุ่งศึกษาพฤติกรรมมนุษย์
  2. แนวทางการวิจัยที่เชิงปริมาณใช้จะมีแบบแผนเฉพาะเจาะจงที่ชัดเจนแน่นอน
  3. โดยมากจะมีการตั้งคำถามวิจัยหรือสมมติฐานวิจัยที่เฉพาะเจาะจงไว้ก่อน
  4. เทคนิควิธีเชิงปริมาณเป็นหัวใจของการวิจัยทุกขั้นตอน
  5. เทคนิคการเก็บข้อมูลโดนอิงเครื่องมือต่าง ๆ เป็นลักษณะเฉพาะ
  6. มักนึกถึงการวิจัย 2 รูปแบบ ได้แก่ การสำรวจ กับการทดลอง

จุดมุ่งหมาย

  1. เพื่อการสำรวจ
  2. เพื่อบรรยายหรือพรรณนา
  3. เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ และทำนาย
  4. เพื่อควบคุม

ประเภทการวิจัยเชิงปริมาณ

  1. การวิจัยเชิงสำรวจ
  2. การวิจัยเชิงสหสัมพันธ์
  3. การวิจัยเชิงเปรียบเทีบสาเหตุ
    4.การวิจัยเชิงทดลอง

เป็นแบบการวิจัยที่นิยมใช้มากที่สุดในสาขาสังคมศาสตร์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำความเข้าใจภาพรวมของปรากฎการณ์หนึ่ง ๆ

รูปแบบ

  1. แบ่งตามขอบเขตของคำถามการวิจัย แบ่งออกเป็น การสำรวจเบื้องต้น และการสำรวจเชิงพรรณนา
  2. แบ่งตามขอบเขตประชากร แบ่งออกเป็น การสำรวจจากประชากรทั้งหมด หรือการสำรวจสำมะโน และการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง

รูปแบบ

  1. การวิเคราะห์สหสัมพันธ์
  2. การวิเคราะห์การถดถอย
  3. การวิเคราะห์ความสัมพันธ์แคนอนิคัล

เป็นการวิจัยที่ศึกษาสภาพการณ์ตามภาวะที่เป็นอยู่ โดยไม่มีการจัดกระทำใด ๆ กับตัวแปร

เป็นการวิจัยเลียนแบบการทดลอง ใช้การสังเกตและรวบรวมข้อมูลตามสภาพที่เป็นอยู่ โดยไม่จัดกระทำกับตัวแปร จึงเป็นเพียงความสัมพันธ์ในเขิงเกี่ยวข้องกัน

รูปแบบ

  1. รูปแบบกลุ่มเปรียบเทียบ
  2. รูปแบบความสัมพันธ์ร่วม

เป็นแบบแผนขั้นพื้นฐานของการวิจัยเชิงทดลอง ใช้ในการวางแผนการทดลองโดยมุ่งเน้นการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรตาม

แบ่งเป็น 3 แบบ คือ

  1. แบบ One-Shot Case Study
  2. แบบ One-Group Pretest Posttest Design
  3. แบบ Static Group Comparison

ในการส่งเสริมฯ มุ่งเน้นการวิจัยเชิงทดลองเต็มรูปแบบ คือ มีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างเพื่อให้เกิดการกระจายของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมให้ครอบคลุมประชากรทั้งหมด

แบ่งเป็น 3 แบบ คือ

  1. แบบ Posttest-Only Control Group Design
  2. แบบ Pretest Posttest-Only Control Group Design
  3. แบบ Solomon Four Group Design

มุ่งเน้นการดำเนินการใด ๆ เพื่อควบคุมตัวแปรอิสระ กับการสร้างกลุ่มควบคุมเพื่อเปรียบเทียบผลการทดลอง โดยไม่มีการสุ่มให้กลุ่มตัวอย่าง

แบ่งเป็น 3 แบบ คือ

  1. แบบ Quasi-Equivalent Control Group Design
  2. แบบ Time Series Design
  3. แบบ Multiple Time Series Design