Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Case conference - Coggle Diagram

- - - - อาการสำคัญที่มาโรงพยาบาล
        มาตามนัดเพื่อทำการคลอด
      - อาการเเรกรับ
        
        สัญญาณชีพ: T=36.2 องศาเซลเซียส, PR=104 bpm
        RR= 18 bpm,BP111/74mmHg,Pain score=0
        O2sat=99%
        
        ตรวจร่างกาย พบว่า น้ำหนัก 66.2 กิโลกรัม ส่วนสูง153 เซนติเมตร
        
        ผลตรวจร่างกายตั้งเเต่หัวจรดเท้า: เยื่อบุตาไม่ซีด ไม่มีฟันผุหรือเหงือกอักเสบ ต่อมไทรอยด์ไม่โต ไม่มีแผลผ่าตัด หัวนมปกติ ไม่มีบอด ไม่มีบุ๋ม เเขนขาทั้ง 2 ข้าง ไม่มีบวม No pitting edema
        
        ผลตรวจครรภ์: ระดับยอดมดลูก4/4เหนือสะดือ FHS tripletA150,B148,C140 bpm
        
        ผลตรวจทางช่องคลอด: PV os closed, no Discharge per Vagina
        
        ผลการหดรัดตัวของมดลูก:No uterine contraction
        
        On NST=reactive ลูกดิ้นดี
      - ซักประวัติพบว่า
        
        ก่อนตั้งครรภ์ น้ำหนัก 58 kg. ส่วนสูง 153 cm. BMI=24.78
        
        ประวัติการเจ็บป่วยของตนเอง : ปฏิเสธ
        
        ประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว :มารดาผู้ป่วยเป็นโรค
        เบาหวาน,พ่อสามีเป็นคู่แฝด,น้าผู้ป่วยเป็นคู่แฝด
        
        ตรวจคัดกรองเบาหวานด้วย 50 gm.
        GCT.=262 mg/dl
        
        นัดตรวจ 100 gm.OGTT ในอีก2สัปดาห์
        OGTT= 94,256,253,162 mg/dl
        มีค่าผิดปกติ3ค่า
        (ค่าปกติไม่เกิน 95,180,155,140)
        
        เป็นGDM
        
        แยกTypeโดยFBSเเละ2hr pp
        
        1 more item...
        
        Serology: all negative
        
        ผลตรวจปัสสาวะพบ sugar4+
        
        MCV=94.9
        
        ประวัติการผ่าตัด : ปฏิเสธ
        
        การแพ้ยาแพ้อาหาร : ปฏิเสธ
        
        สูบบุหรี่หรือเสพยา : ปฏิเสธ
        
        ปี2564 หญิงตั้งครรภ์ได้ทำICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection)
      - ประวัตการตั้งครรภ์ปัจจุบัน
        
        ฝากครรภ์ครั้งเเรกที่โรงพยาบาลตำรวจ
        
        GA 8+4wk by date Serology: all negative ตรวจ
        คัดกรองเบาหวาน 50 gm. GCT=262 mg/dl และ พบน้ำตาลในปัสสาวะ 4+ จึงนัดตรวจ OGTT วันที่ 7ตค.64
        
        วันที่ 7ตค.64 GA10+3wk ค่าOGTT= 94,256,253,162 mg/dl มีค่าผิดปกติ 3ค่า แพทย์จึงวินิจฉัยเป็น GDM
        
        วันที่ 4 พ.ย.64 GA14+4wk ได้ทำ U/S ครั้งเเรก พบTriplet pregnancy Triplet Aแยกคนละรก BและCเป็น Monochrorion เเละวันที่ 2 ธ.ค.64GA18+4wk แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นGDMA2 จึงได้รับ Mixtard 8 Unit sc
        
        วันที่6ม.ค.65 GA 27+4wk เเละได้รับ Nifedipine SR(20)และMixtard 8 Unit sc+U/S พบ Triplet C discordant twin 11%
        
        วันที่21ก.พ.65 GA30+1 wkได้ NefedipineSR (20) เเละMixtard 8 Unit sc แพทย์นัด Admit 23 ก.พ.65
        
        23 ก.พ.65 GA 30+3 wk for DexamethasoneและNST
        
        วันที่24ก.พ.65GA30+4wk หญิงตั้งครรภ์มี UC
        ทุก5-10นาที ได้Dexamethasone 6mg x4dose ได้ bricanyl ½ amp sc ทุก 6ชม. NST :reactiveเเพทย์ให้ยา-ASA(81)1x1po pc
        -Caltab 1x1 po pc
        -Obimin AZ 1x1 po pc
        -FBC 1x2 po pc
        -Nifedipine (20sr) 1x3 po pc
        -Duphaston(10)1x2po pc
        
        วันที่10มี.ค.GA32+4wkมาทำu/sเเละแพทย์นัดAdmit วันจันทร์ที่14มี.ค.เพื่อติดตามอาการเเละทำการคลอด
      - แผนการรักษาของแพทย์
        
        วันที่ 14/03/65-16/03/65 Admit
        -ติดตาม Uterine contraction
        -ทำNSTเพื่อประเมินสภาพทารกในครรภ์ ทุกวันจันทร์เเละวันพฤหัสบดี
        -Record v/s ทุก4ชั่วโมง
        -DTX ทุก 1 ชั่วโมง keep 80-180 mg%
        -ให้ Mixtard 8 Unit sc hs
        -ให้ -ASA(81)1x1po pc
        -ให้FBC 1x2 po pc
        -ให้Caltab 1x1 po pc
        -ให้ Obimin AZ 1x1 po pc
        -ให้ Nifedipine (20sr) 1x3 po pc
        -ให้ Duphaston(10)1x2po pc
        
        วันที่ 17/03/65
        -เเพทย์รายงานหมอเด็กทราบPlan set c/s GA 34+1wks (22/03/65)
        -Off ASA (81)
        -On NST :Reactive, No uterine contraction
        -DTX ทุก 1 ชั่วโมง keep 80-180 mg%
        
        วันที่ 18/03/65-20/03/65
        -ติดตาม Uterine contraction
        -Record v/s ทุก4ชั่วโมง
        -DTX ทุก 1 ชั่วโมง keep 80-180 mg%
        
        วันที่21/03/65
        07.50น.
        -ส่งติด NST เเละ U/S ที่ ANC เวลา 9.30
        -Swab covid-19
        -Off Nifedipine หลังd Dose 14.00น.
        -ส่งLAB CBC,Serology,Hb,HCT
        
        วันที่22/03/65
        07.09น.
        -แพทย์นัดทำการผ่าตัดคลอดวันนี้ เเละทำการส่งเเลปBun,Creatinine,eGFR,Electrolyte,Coagulation test,CBC
        -DTX ทุก1ชั่วโมง keep 80-180 mg%,Record v/sเเละFHSทุก4ชั่วโมง
        *เตรียมความพร้อมเพื่อทำการผ่าตัด C/S due to Triplet pregnancy
        with GDMA2 with Preterm
        
        Shave abdomen and perineum + SSE
        
        Retain Foley' s Catheter
        -ให้สารน้ำก่อนไปผ่าตัด 5%/D/N/2 1000 ml IV drip 80ml/hr
        
        OR มารับผู้ป่วย for C/S ให้ยาระงับความรู้สึกแบบ spinal block with morphine เริ่มทำ การผ่าตัด เวลา9.46น. สิ้นสุดการผ่าตัดเวลา 10.25น
        
        11.40น.
        -ให้ LPCR 1 Unit IV drip in 3 hr
        
        15.58น.
        -ให้ LPCR 1 Unit IV drip in 3 hr
        -on pad observe Vagina bleeding
      - อาการปัจจุบันเมื่อเกิดปัญหา
        
        วันที่ 22 มีนาคม 2565
        เวลา 7.09น.
        BT = 36.8 c BP = 108/84mmHg PR = 86 bpm. O2 sat = 99 % No contraction FHS 145,127,135 ทารกดิ้นดี แพทย์มี Order ให้สารน้ำก่อนไปผ่าตัด5%/D/N/2 1000 ml IV drip 80ml/hr และให้เตรียมร่างกายเพื่อคลอด
        รับย้ายผู้ป่วยจาก มภร17.ไปORเพื่อC/S due to Triplet pregnancy with GDMA2 with Preterm under SB+MO เวลา9.45น.
      - สรุปว่าแพทย์ตัดสินใจอย่างไรในการแก้ปัญหา
        
        เนื่องจากแพทย์วินิจฉัยเป็น Triplet pregnancy with GDMA2 ในการรักษามารดาอยุครรภ์ 34+1 wk preterm แพทย์เห็นว่าสามารถให้ยุติการตั้งครรภ์ได้ เเละเนื่องจากทารกเป็นครรภ์แฝดสาม เเละมีน้ำหนักตัวประมาณ1700 เเพทย์จึงตัดสินใจให้ผ่าคลอดทางหน้าท้อง c/s และในการรักษาที่ห้องรอคลอด ผู้ป่วยได้รับยา Cefazolin 2 gm vein,ยาOndansetron 4 mg vein,ยาChlorpheniramine 10 mg vein ,ยาDuratocin 100mcg vein slow push, ยา Syntocinon 10 unit ใน IV 400 mlและได้รับยาระงับความรู้สึกเเบบRA(spinal block with morphine)
      - ข้อมที่ผิดปกติ
        
        ข้อมที่เกี่ยวข้อง
        
        1.GA34+1wk
        
        2.off ASA(81)ก่อนคลอดตั้งเเต่วันที่17ถึงวันคลอดเป็นเวลา6วัน
        
        3.FHS 145,127,135 ทารกดิ้นดี
        
        4.น้ำหนักทารกเเรกเกิด 2105,1689,1745
        
        5.On NST=reactive ไม่มี uterine contraction
        
        6.ไม่พบใจสั่น วิงเวียนศีรษะ คล้ายจะเป็นลม เหงื่อออกมาก ตัวเย็น
        
        1.มีภาวะตั้งครรภ์แฝด Triplet pregnancy
        
        2.ANC risk GDMA2
        
        3.มารดาผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน
        
        Urinealb/Sugar=Neg/4+
        
        5 ค่าPT 12.9sec H
        
        6.ค่าAPTT 30.3sec H
        
        7.total EBL 1800ml
      - ปัญหาที่สำคัญของหญิงตั้งครรภ์หรือผู้คลอดรายนี้
        
        1.อาจเกิดภาวะเจ็บครรภ์คลอดบุตรก่อนกำหนด
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        1.ประเมินว่ามารดาทุกครั้งที่มาฝากครรภ์ว่ามีอาการและอาการแสดงเจ็บครรภ์คลอดจริงหรือไม่ ได้แก่ เจ็บท้องสม่ำเสมอทุก 5-10 นาที มีน้ำเดิน มูก มูกปนเลือดออกมาทางช่องคลอด อาการปวดร้าวลงหน้าขา
        2.หากมีอาการเจ็บครรภ์จริง ดูแลให้ได้รับยายับยั้งการเจ็บครรภ์ตามแผนการรักษาโดย
        -อธิบายวัตถุประสงค์ขั้นตอนในการรักษา ตลอดจนอาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการได้รับยายับยั้งการเจ็บครรภ์ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ซักถามและตอบคำถามให้เข้าใจ
        
        ให้นอนพักบนเตียงให้มากที่สุด โดยนอนตะแคงข้างเพื่อให้เลือดมาเลี้ยงมดลูกมากขึ้นช่วยให้การหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูกลดลงและช่วยลดแรงดันของปากมดลูกทำให้ปากมดลูกไม่เปิดเพิ่มขึ้น
        -ให้ยาตามแผนการรักษาได้แก่ bricanyl ยาดังกล่าวอาจเป็น betasympathomimetic มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกคลายตัวและยังทำให้เลือดมาเลี้ยงมดลูกมากขึ้นด้วย
        3.ประเมินการทำงานของมดลูก ความถี่ของการเจ็บครรภ์ ความรุนแรง ระยะเจ็บครรภ์แต่ละครั้ง และฟังเสียงหัวใจทารกเพื่อดูปฏิกิริยาของทารกในครรภ์ต่อยายับยั้งการเจ็บครรภ์ ถ้าพบอาการผิดปกติหรือมารดายังคงมีอาการของการเจ็บครรภ์ต้องรายงานแพทย์อาจพิจารณาช่วยคลอดต่อไป
        4.ประเมินสัญญาณชีพทุก 1 ชั่วโมงและฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ทุก15-30 นาที ถ้าผิดปกติ รายงานแพทย์เพื่อการรักษาอย่างเร่งด่วน
        5.ประเมินอาการข้างเคียงของยายับยั้งการเจ็บครรภ์ ได้แก่อาการมือสั่น ใจสั่น หงุดหงิด ประสาทหลอน มีไข้ ปวดศีรษะ อาเจียน น้ำท่วมปอด แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก ชีพจรเต้นเร็วเกิน110 ครั้ง/นาที หัวใจทารกในครรภ์เต้นเร็วเกิน 160 ครั้ง/นาที หัวในเต้นผิดจังหวะ ควมดันโลหิตต่ำกว่า 90 มิลลิเมตรปรอท กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อินซูลินในเลือดสูง กรดแลคติคในเลือดสูง โปตัสเซียมในเลือดต่ำ
        6.หากมีอาการ เช่น ชีพจรมารดามากกว่า 120 ครั้ง/นาที เสียงหัวใจทารกในครรภ์เกิน 160 ครั้ง/นาที มีอาการและอาการแสดงของน้ำท่วมปอดกล่าวคือ มีอาการ เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก ถ้ามีอาการต่อไปนี้ควรหยุดยา พร้อมทั้งรายงานแพทย์เพื่อการรักษา
        
        2.ทารกเสี่ยงพร่องออกซิเจนเนื่องจากคลอดก่อนกำหนด
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        นับและบันทึกอัตราการหายใจทุก 15-30 นาที จนกว่าอัตราการหายใจและจังหวะการหายใจ ปกติและต่อไปวัดทุก 4 ชั่วโมง
        
        สังเกตและบันทึกลักษณะการหายใจว่ามีอาการผิดปกติหรือไม่ เช่น ไม่มีเสียงดังขณะหายใจ เข้า-ออก การดึงรั้งของกระดูกหน้าอกและกล้ามเนื้อระหว่างซี่โครง
        
        จัดท่านอนของทารกให้หายใจสะดวกโดยให้นอนราบใช้ผ้าหนุนใต้คอและไหล่ ให้ศีรษะ แหงนเล็กน้อย
        
        ดูแลทางเดินหายใจให้โล่งอยู่เสมอ ดูดเสมหะด้วยความนุ่มนวล
        
        เฝ้าติดตามอาการ การเต้นของหัวใจและการหายใจอย่างใกล้ชิด โดยสังเกตการณ์หายใจขณะ หลับ อาการหายใจจมูกบานหน้าอกปุ่ม ตัวเขียวคล้ำ หายใจไม่สม่ำเสมอและหยุดหายใจหรือไม่ พร้อม
        
        4..อาจเกิดภาวะตกเลือดเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินสุขภาพของมารดาเมื่อแรกรับ ดูแลให้สารน้ำตามแผนการรักษาเพื่อป้องกันภาวะตกเลือด
        
        เฝ้าระวังสังเกตการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอ เช่นการหดรัดตัวของมดลูก การสูญเสียเลือด สัญญาณชีพ
        
        ให้มารดาหลังคลอดนอนพัก ลดการใช้พลังงาน และงดอาหาร และน้ำทางปาก
        
        สังเกตระดับความรู้สึกตัวและอาการผิดปกติ เช่น หน้ามืด ใจสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น ซีด เพื่อ
        
        เจาะเลือดเพื่อส่งหาหมู่เลือด และขอเลือดเตรียมไว้ให้พร้อมที่จะใช้ได้ทันที
        
        ประเมินดูสาเหตุของการตกเลือดเฉียบพลัน คือ การหดรัดตัวที่ไม่ดีของมดลูก การ เหลือค้างของส่วนการตั้งครรภ์ การบาดเจ็บของช่องทางคลอด เช่น มดลูกแตก และความผิดปกติของ ระบบการแข็งตัวของเลือด เช่น ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หรือ การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
        
        ตรวจดูการหดรัดตัวของมดลูก และระดับยอดมดลูก
        
        3.เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานขณะตั้ง
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        1.จัดให้นอนพักบนเตียงโดยให้นอนศีรษะสูงเล็กน้อย (Semi Fowler s Position) หรือนอนตะแคง ศีรษะและไหล่สูงเล็กน้อย เพื่อช่วยให้มดลูกไม่กดทับเส้นโลหิต inferior vena cava และ ไม่เบียดกระบังลม ช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนดีขึ้น
        2.ประเมินอัตราการหายใจ ชีพจร และความดันโลหิตทุก 1 ชั่วโมง ถ้าพบชีพจร มากกว่า 110ครั้ง ต่อนาที หรือการหายใจมากกว่า 24 ครั้งต่อนาที ให้ออกซิเจนทาง Cannula 5 ลิตร ต่อนาที เพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ และรายงานแพทย์เพื่อให้การรักษา
        3.สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ถ้าพบอาการผิดปกติ เช่น อาการและอาการแสดงของ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ คือ ใจสั่น วิงเวียนศีรษะ คล้ายจะเป็นลม เหงื่อออกมาก ตัวเย็น น้ำตาล ในเลือดต่ำกว่า 80 mg/dl ให้รายงานแพทย์
        4.ดูแลความสะอาดร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ ซึ่งจะมีสิ่งคัดหลั่ง เช่นมูก หรือมูกปนเลือดออกมามาก เพื่อให้รู้สึกสบายและป้องกันการติดเชื้อ
        5.ประเมินสภาพทารกในครรภ์ โดยการฟังเสียงการเต้นของหัวใจทารกทุก 1 ชั่วโมง ถ้ามีความผิดปกติ เช่น FHS มากกว่า 160 ครั้ง / นาที หรือน้อยกว่า 120 ครั้ง/นาที หรือ 1 จังหวะไม่สม่ำเสมอ ให้ออกซิเจน 5 ลิตร / นาที เพื่อช่วยเพิ่มออกซิเจนให้แก่ทารกในครรภ์ และ รายงานแพทย์เพื่อพิจารณาให้การช่วยเหลือ
- - - - -เชื้อชาติ ประชากรผิวดำมีโอกาสมากกว่าผิวขาวเเละชาวเอเชีย
        -พันธุกรรม
        -อายุมารดา>พบมมากในอายุมากเชื่อว่าเกิดจากFSHที่เพิ่มสูงขึ้นขึ้น
        -พบมากในครรภ์หลัง
        -พบว่าการตั้งครรภ์ในเดือนเเรกหลังหยุดใช้ ยาเม็ดคุมกำเนิด มีโอกาสเกิดครรภ์แฝด
    - - การวินิจฉัย
        
        ภาวะแทรกซ้อน
        
        ระยะตั้งครรภ์
        
        1.คลื่นไส้อาเจียนจากอาการแพ้ท้องมากกว่าผิดปกติ
        2.โลหิตจาง(Anemia)
        3.ภาวะโลหิตสูง(Preeclampsia)
        4.แท้ง(Abortion)จากความผิดปกติของทารก หรือ Monozygotic twins ที่ทารกคนใดคนหนึ่งเสียชีวิต
        5.ภาวะคลอดก่อนกำหนด (Preterm)
        6.ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด (Premature Rupture of Membrane:PROM)
        7.เลือดออกก่อนคลอด
        
        หญิงตั้งครรภ์คลอดก่อนกำหนด 34+1Wk by date
        
        ระยะคลอด
        
        1.การคลอดยืดเยื้อ จากการที่กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวผิดปกติ
        2.รกลอกตัวก่อนกำหนด(Abortion Placenta)
        3.สายสะดือย้อย(Prolapsed cord)
        4.การคลอดติดขัด(Obstucted labor)จาก locked twins
        
        ระยะหลังคลอด
        
        1.เกิดการตกเลือด
        2.การติดเชื้อหลังคลอด
        3.ปัญหาอื่นๆในระยะหลังคลอด
        
        เกิดภาวะตกเลือดหลังคลอด EBL1800ml
        
        จำเพาะต่อครรภ์แฝด
        
        1.ทารกตายในครรภ์(Death Fetus in Utero:DFIU)
        2.ความพิการแต่กำเนิด(Malformations)
        3.ทารกในครรภ์เติบโตช้า(Intrauterine Growth Restriction:IUGR)
        4.Discordant twin ภาวะน้ำหนักทารกแฝดต่างกันมาก
        5.Conjoined twins แฝดติดกัน เกิดกับชนิด monoamnionic monochorionic พบบ่อยที่สุดคือทรวงอก
        6.ความผิดปกติที่เกิดจากทารกทั้งสองคนมีเส้นเลือดที่เชื่อมต่อกัน(Vascular anastomosis)ซึ่งเกิดกับครรภ์ชนิดmonochorion
        
        เมื่ออายุครรภ์ 27+4 Triplet C discordant twin 11%
        
        1.จากการซักประวัติเเละตรวจร่างกาย
        -พบขนาดมดลูกโตกว่าอายุครรภ์
        -ตรวจได้ส่วนต่างๆของทารกมากผิดปกติ
        -ฟังได้ยินเสียงหัวใจมากกว่า1ตำแหน่ง
        
        2.การตรวจทางห้องปฎิบัติการ
        -การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง
      - 1.แฝดแท้ (Monozygotic twins, identical or true twins) แฝดชนิดนี้จะมีลักษณะทาง กายภาพและลักษณะทางพันธุกรรมที่เหมือนกัน เกิดจากการปฏิสนธิของไข่ 1 ใบ แล้วเกิดการแบ่งตัวออกเป็นสอง ซึ่งลักษณะของรกและถุงน้ำคร่ำจะแตกต่างกันขึ้นกับระยะเวลาที่เกิดการแบ่งตัว
      - 2.แฝดเทียม (Dizygotic twins,fraternal or false twins)
        เกิดจากการปฏิสนธิของไข่2ใบและอสุจิ2ตัว แฝดจะมีรกเเละถุงน้ำคร่ำแยกออกจากกัน (Diamniotic,Dichorionic)ซึ่งจะมีลักษณะเเตกต่างกันทางกายภาพ เช่น เพศ รูปร่าง หน้าตา และมีพันธุกรรมที่แตกต่างกัน
        
        หญิงตั้งครรภ์ทำICSIเมื่อปี2564
- - - - ชนิด
        
        อาการและอาการแสดง
        
        ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDM)
        
        วินิจฉัย
        
        รักษา
        
        -ควบคุมอาหาร
        -การประเมินสุขภาพทารกใน ครรภ์
        -การใช้อินซูลิน
        
        1 more item...
        
        การตรวจทางห้องปฎิบัติการ
        
        ตรวจปัญหาน้ำตาลในปัสสาวะ มากกว่าหรือเท่ากับ 1
        
        การตรวจหาน้ำตาลในเลือด
        -Screening test BS 50 gm GCT
        1 hr เจาะเลือดตรวจ glucose plasma > 140 mg/dL ถือว่าผิด ปกติ
        
        -Diagnosis ด้วย 100 gm OGTT งดอาหาร 8 -14 hrs. ก่อนตรวจ
        FBS>=95mg/dL
        1 hr. >= 180 mg/ dL
        2 hrs. >= 155 mg/ dL
        3 hrs. >= 140 mg/ dL
        ผิดปกติตั้งแต่ 2 ค่าขึ้นไป เป็น GDM ถ้าผิดปกติค่าเดียว นัดตรวจซ้ำอีก 1 เดือนต่อมา
        
        • แยก class ของ GDM งดอาหารก่อนมาตรวจ 8 -14 hrs. FBS >= 95 mg/dL หลังทานอาหาร 2 hrs. PP >= 120 mg/dL ผิดปกติ = GDMA2 ไม่ผิดปกติ = GDMA1
        
        ตรวจคัดกรองเบาหวานด้วย 50 gm.
        GCT.=262 mg/dl
        นัดตรวจ 100 gm.OGTT ในอีก2สัปดาห์
        OGTT= 94,256,253,162 mg/dl
        
        -คัดกรองด้วย 50 gms. glucose challenge test (GCT) เช่น • อ้วน น้ำหนักมากกว่าหรือเท่ากับ 70 kg. หรือ BMI > 27kg/m^2
        -อายุ30ปีขึ้นไป
        -ญาติสายตรงเป็นเบาหวาน
        -ตรวจพบ าตาลในปัสสาวะ มากกว่าหรือเท่ากับ 1+
        -เคยเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
        
        มีประวัติไม่มีทางสูติศาสตร์
        -มีปะวัติคลอดบุตรน้ำหนักมากกว่า 1,000 กรัม
        -ทารกตายคลอดไม่ทราบสาเหตุ
        -ทารกพิการแต่กำเนิด
        -ทารกเสียชีวิตในครรภ์
        -ตรวจพบมีความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์หรือมีประวัติโรคความดันโลหิต สูงเรื้อรัง พบภาวะตั้งครรภ์แฝดน้ำ
        
        มารดาหญิงตั้งครรภ์เป็นโรคเบาหวาน
        
        อาจไม่แสดงอาการชัดเจน
        -ทราบได้หลังจากการตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะหรือตรวจพบน้ำตาลในเลือดสูง
        -สตรีที่เคยเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์มาก่อน อาจพบอาการ ดังนี้ ปัสสาวะมาก (polyuria) หิวบ่อย (polyphagia) น้ำหนักลด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย คันตามตัว คันอวัยวะสืบพันธุ์ และติดเชื้อง่าย
        
        1.เบาหวานที่เป็นก่อนตั้งครรภ์(over DM:pare GDM)
        
        2.เบาหวานที่วินิจฉัยได้ใยระยะตั้งครรรภ์(GDM)
        มักพบหลังอายุครรภ์ 24~28 wk
        -GDMA1=ระดับกลูโคสหลังงดอาหารน้อยกว่า 95mg/DL และกลูโคสหลังรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมง (2-hour postprandial plasma glucose น้อยกว่า 120mg/dL
        -GDMA2 =ระดับกลูโคสหลังงดอาหารมากกว่าหรือเท่ากับ 95mg/dLขึ้นไป และ/หรือระดับกลูโคสหลังรับประทานอาหาร2ชั่วโมง(2-hour-postprandial plasma glucose)มากกว่าหรือเท่ากับ 120 mg/dLขึ้นไป
        
        เเพทย์วินิจฉัยว่าหญิงตั้งครรภ์เป็นGDMA2
      - พยาธิสภาพ
        ระยะแรกของการตั้งครรภ์ estrogen และ progesterone จากรก มีฤทธิ์กระตุ้น beta cell ของตับ อ่อน ทําให้มีการหลั่ง insulin เพิ่มขึ้น ระดับ FBS ค่ากว่าก่อนตั้งครรภ์
        ระยะหลังของการตั้งครรภ์ฮอร์โมนจากรกจะสร้างมากขึ้น มีภาวะต้าน insulin เป็นปัจจัยสําคัญ : HPL ที่เพิ่มขึ้น ร่วมกับ Prolactin, Cortisal, Glucagon ทําให้ความดื้อต่อ insulin มีมากขึ้น (Diabetogenic effect) ร่วมกับความต้องการ insulin ที่เพิ่มมากขึ้น จึงเกิดเป็นเบาหวาน
- - - - ชนิด
        
        สาเหตุและปัจจัยเสริม
        
        สาเหตุ
        
        อาการและอาการแสดง
        
        ลักษณะของการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำาหนดจะเหมือนกับการเจ็บครรภ์จริง คือ มีการหดรัดตัวของมดลูกสม่ำเสมอ มีการเปลี่ยนแปลงของปากมดลูก
        
        อาจมีอาการปวดหรือไม่มีอาการปวดร่วมด้วย ได้แก่
        -ปวดถ่วงท้องน้อยในอุ้งเชิงกราน
        -ปวดท้องน้อยคล้ายปวดประจําเดือน
        -ปวดหลังสวนล่าง
        
        ปวดบั้นเอว
        -ปวดถ่วง ในช่องคลอด ฝีเย็บและทวารหนัก
        
        ปวดเกร็งจากการบีบตัวของลำไส้
        
        ท้องเสีย ถ่ายปัสสาวะบ่อย
        -มีมูกปนเลือด หรือมีน้ำคร่ำออกทางช่องคลอด
        
        มีอาการท้องเเข็ง เเละ มีการUC ทุก 5-10 นาที
        
        ผลกระทบต่อสุขภาพของสตรีมีครรภ์ และทารก
        
        ผลต่อสตรี
        
        1 more item...
        
        ผลต่อทารก
        
        1 more item...
        
        การวินิจฉัย
        
        2 more items...
        
        4 กลุ่ม
        
        1.การคลอดก่อนกำหนดที่เกิดขึ้นเอง (spontaneous preterm delivery) พบ ร้อยละ 50
        
        2.ภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนอายุครรภ์ ครบกำหนด (preterm PROM) พบร้อย ละ 30
        
        1 more item...
        
        ปัจจัยที่แก้ไขได้
        
        -การสูบบุหรี่
        -การเสพสารเสพติด เช่น โคเคน เฮโรอีน
        -ไม่ได้ฝากครรภ์
        -ขาดสารอาหาร ภาวะทุพโภชนาการ
        -ภาวะซีด (anemia)
        -น้ำหนักตัวก่อนตั้งครรภ์น้อย (<50 Kg) และส่วนสูงน้อย -การติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ
        -การติดเชื้อระบบสืบพันธุ์
        -ความเครียดสูงหรือเรื้อรัง
        -การทํางานหนัก
        
        ปัจจัยที่แก้ไขไม่ได้
        
        -เคยคลอดก่อนกําหนดในครรภ์ก่อน
        -มีประวัติการแท้ง
        --อายุ <18 ปี หรือ >35 ปี
        -เศรษฐานะทางสังคมที่ไม่ดี
        -ปากมดลูกบาดเจ็บหรือผิดปกติ เช่น ปิดไม่สนิท คอมดลูกสั้น <25 มม. (เมื่อ GA<30 wks)
        --มีความผิดปกติที่มดลูกหรือมีเนื้องอก
        --การหดรัดตัวของมดลูกมากผิดปกติ
        -มดลูกยืดขยายมาก ครรภ์แฝด ครรภ์แฝดน้ำ
        --ภาวะเลือดออกก่อนคลอด จากภาวะรก เกาะต่ำ หรือรกลอกตัวก่อนกำหนด
        --ครรภ์แรก
        -ทารกพิการแต่กำเนิด ทารกตายในครรภ์
        
        1.การคลอดก่อนกําหนด (preterm labor)
        การคลอดที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 28 สัปดาห์และก่อนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ หากทารก าหนักน้อยกว่า 2,500 กรัม เรียกว่า ทารกน้ำหนักตัวแรกคลอ น้อย (low birth weight)
        
        ภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกําหนดคุกคาม (threatened preterm labor)
        ภาวะที่เจ็บครรภ์คลอดที่เกิดขึ้นก่อนอายุครรภ์37 สัปดาห์ โดยมีการหดรัด ตัวของมดลูกอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 1 ครั้งทุก 10 นาที โดยใช้เวลา ประเมินอย่างน้อย 30 นาที แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของปากมดลูก
        
        วันที่24ก.พ.65GA30+4wk หญิงตั้งครรภ์มี UC
        ทุก5-10นาที