GDM A2 with Induction with Poor maternal effort
ข้อมูล
ประวัติการตั้งครรภ์
- ประวัติการตั้งครรภ์ปัจจุบัน
G1P0A0 GA 38+4 wks by date LMP 08 ก.ค.64 * 6 days EDC by date 14 เม.ย. 65 ฝากครรภ์ที่โรงพยาบาตำรวจทั้งหมด 19 ครั้ง 1st ANC วันที่ 26 สิงหาคม 2564 GA 6+6 wks by date, 1st U/S วันที่ 26 สิงหาคม 2564 GA 6+6 wks by date, 2nd U/S วันที่ 23 กันยายน 2564 GA 18 wks by date ผลตรวจจาก ANC
Urine albumin/sugar Negative
serorogy
HBsAg= Negative
HBsAg= Negative
Alb= Negative
VDRL-non reactive
BS 50gm-1hr = 158 mg/dl OGTT = 90,189,162,130
ไม่มีประวัติการตั้งครรภ์ในอดีด
หญิงตั้งครรภ์ สัญชาติไทย อายุ 34 ปี
- G1P0A0 GA 38+4 wks by date.
- LMP 08 ก.ค 64 * 6 days EDC by date 14 เม.ย 65
- ระดับการศึกษาปริญญาโท
- อาชีพ : สัตวแพทย์
- วันที่รับไว้ในโรงพยาบาล 03 เมษายน 2565
- การวินิจฉัยโรคแรกรับ : Preg c GDMA 2 c Induction
- ประวัติการแพ้ยาแพ้อาหาร : ปฏิเสธการแพ้ยาแพ้อาหาร
- TWG 13.6 kg ( น้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ 57.5 kg -> 71.1 kg ) BMI ก่อนตั้งครรภ์ 23.03 ส่วนสูง 158 cm
- ANC rick GDM A2
- ผู้ป่วยปฏิเสธการใช้สารเสพติด การสูบบุหรี่ และแอลกอฮอล์
ประวัติการเจ็บป่วย
- อาการสำคัญ : นัดมา induction of labor
ประวัติการเจ็บป่วยในปัจจุบัน : มาตามนัด induction of labor 1 ชม.ก่อนมาโรงพยาบาลรับใหม่ที่ มภร 17 ไม่มีอาการเจ็บครรภ์ ไม่มีน้ำเดิน ไม่มีมูกเลือด ไม่มี contraction ลูกดิ้นดีกว่า 10 ครั้ง/วัน ไม่มีจุกแน่นลิ้นปี่ ไม่มีตาพร่ามัว ไม่มีปวดหัว ไม่มีแขนขาหน้าบวม ได้รับการเร่งคลอด โดยเหน็บ Cytotec (200mcg) 1/8 tab และได้รับ 5% DN/2 100 ML + oxytocin 10 unit IV drip stat 16 ml/hr
30 นาที เวลา 00:15 น. ก่อนย้ายไปห้องคลอด มีอาการเจ็บครรภ์ มีน้ำเดิน มีมูกเลือด ลูกดิ้นดีกว่า 10 ครั้ง/วัน ไม่มีจุกแน่นลิ้นปี่ ไม่มีตาพร่ามัว ไม่มีปวดหัว ไม่มีแขนขาหน้าบวม
ประวัติการเจ็บป่วยของตนเอง : - GDM A2 diagnosed at GA 28 wks by date on Gensulin 12-0-0-12 unit withNovorapid 0-8-6 unit
- ประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว : บิดาเป็น เบาหวาน (DM)
- ประวัติการผ่าตัด : มีประวัติ Hysteroscopic polypectomy ผ่าตัดติ่งเนื้อผ่านส่องกล้องในโพรงมดลูก (23/03/64)
Preg 24 wks คัดกรองเบาหวานเนื่องจากบิดาเป็นเบาหวานและหญิงตั้งครรภ์อายุมากกว่า 30 ปี โดยดื่มน้ำตาลกลูโคส BS 50gm-1hr = 158 mg/dl แพทย์จึงนัด 4 wks เพื่อเจาะ OGTT
Preg 28 wks (วันที่ 20 ม.ค. 65) เจาะ OGTT = 90,189,162,130 ส่งปรึกษาอายุรกรรม แพทย์ให้ควบคุมอาหารและสอน SMBG keep 70-95 mg/dl , โดย 1hr PP (เจาะเลือดหลังรับประทานอาหาร 1 ชั่วโมง) นัดมา F/U ตามนัดในวันที่ 3 ก.พ. 65
Preg 30 wks (วันที่ 3 ก.พ. 65) SMBG เกินค่าที่แพทย์กำหนด 1hr PP = 110-140 mg/dl จึงแนะนำควบคุมอาหารและให้ NPH 12-0-0-12 (9.00,21.00 น.) นัดพบแพทย์ซ้ำ 1 wks (10 ก.พ. 65)
Preg 31 wks (วันที่ 10 ก.พ. 65) ค่า SMBG ยังเกินค่าที่แพทย์กำหนด แพทย์จึงสั่งเพิ่ม NV 0-6-0 unit ( เที่ยง )
Preg 32 wks (วันที่ 17 ก.พ. 65) ค่า SMBG ยังเกินค่าที่แพทย์กำหนด แพทย์จึงสั่งเพิ่ม NV 0-6-6 unit ( เที่ยง,เย็น )
Preg 37 wks (วันที่ 21 มี.ค. 65) แพทย์ปรับ NV 0-8-6 unit ( เที่ยง,เย็น ) และแนะนำการใช้ teleconsultation app และนัดมา induction of labor ชักนำให้เกิดการเจ็บครรภ์คลอด วันที่ 3 พ.ค. 65
Preg 38+3 wks (วันที่ 3 มี.ค. 65) เวลา 20:00 น. ที่ตึกมภร ชั้น 17 แพทย์เหน็บ cytotec (200ไมโครกรัม) 1/8 tabและได้รับ 5% DN/2 100 ML + oxytocin 10 unit IV drip stat 16 ml/hr เพื่อชักนำการคลอด 30 นาทีก่อนย้ายมาห้องคลอด ผู้ป่วยมีอาการเจ็บครรภ์ มีน้ำเดิน มีมูกเลือด ลูกดิ้นดีกว่า 10 ครั้ง/วัน ไม่มีจุกแน่นลิ้นปี่ ไม่มีตาพร่ามัว ไม่มีปวดหัว ไม่มีแขนขาหน้าบวม
แรกรับที่ LR
- ABD : FH ¾ > Vx, Head engagement , Position OR, FHS 150 bpm
- PV : 3cm, EFF 100%, Station 0, ML clear
- Contraction: Interval = 5 min, Duration = 30 sec, Intensity ++
- Pain score 6 คะแนน
พยาธิสภาพ
GDM A2
Induction
สูติศาสตร์หัตถการเพื่อช่วยคลอดทางช่องคลอด
Forceps delivery and vacuum extraction
Vacuum extraction
ทฤษฎี
ผู้ป่วย
คือการคลอดโดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศช่วยคลอด โดยผู้ทำคลอดออกแรงดึงบนถ้วยที่เกาะติดกับหนังศีรษะทารก
ข้อบ่งชี้
- Arrest or prolonged second stage of labor
- Hypotonic uterine contraction แรงการหดรัดตัวน้อย
- อ่อนเพลีย ไม่มีแรงเบ่งหรือเบ่งไม่ดี ปากมดลูกเปิด 8-10 cm.
- มีโรคแทรกซ้อน เช่น heart ปอด ความดันโลหิตสูง severe pain
- Malrotation of fetal head เช่น ท่า OP, OT
- Fetal distress ไม่รุนเเรง
- มารดามีแรงเบ่งน้อบ เบ่งออกเสียง ดิ้นไปมา
- ปากมดลูก Fully dilated
- ผู้ป่วยมี severe pain
ข้อห้าม
- Absolute CPD
- ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ เช่น face, breech, transverse lie
- อายุครรภ์น้อยกว่า 34 wks
- Fetal distress รุนแรง ต้องช่วยคลอดโดยเร็ว
- Prolapsed cord
- ศีรษะทารกอยู่สูงเหนือทางเข้าช่องเชิงกราน
- ทารกมีขนาดใหญ่
- ทารกทำ fetal scalp blood sampling
พร้อมก่อนทำ V/E
- ถุงน้ำคร่ำแตกแล้ว
- ต้องทราบว่าทารกอยู่ในท่าไหน
- มีempty bladder และ rectum
- ปากมดลูกต้องเปิด 8-10 เซนติเมตร
กฎเหล็ก
- ระยะเวลาที่ถ้วยจับศีรษะไม่เกิน 30 นาที
- จำนวนครั้งที่ถ้วยหลุดไม่เกิน 3 ครั้ง
- ระดับความดันไม่เกิน 0.8 กก./ตร.ซม.
- แนวของการดึงต้องตั้งฉากกับถ้วย
- ต้องดึงพร้อมกับ contraction และแรงเบ่ง
- ทิศทางการดึงต้องปรับเปลี่ยนตามช่องทางคลอด
- ถ้าดึงแล้วศีรษะไม่เคลื่อนตาม ควรยุติ
- ไม่ใช้เครื่องดูดสูญญากาศเพื่อหมุนศีรษะทารก
การพยาบาล
ก่อนทำหัตถการ
- เตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดจนอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ชุด Vacuum ซึ่งประกอบด้วยถ้วยสุญญากาศ แผ่นเหล็กพร้อมสายโซ่ ด้ามถือดึงและสายยางพร้อมทั้งเตรียมเครื่องมือในการช่วยฟื้นคืนชีพทั้งมารดาและทารกให้พร้อม
- เตรียมผู้คลอดทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ โดยการแจ้งให้ผู้คลอดและญาติทราบถึงวัตถุประสงค์ที่ต้องให้การช่วยคลอดด้วยเครื่องสุญญากาศเนื่องจากผู้คลอดอ่อนเพลียแรงเบ่งจึงไม่ดี
- ให้ข้อมูลขั้นตอนของการช่วยคลอดสุญญากาศ ข้อดี ข้อเสียของการทำ เพื่อให้ผู้คลอดและญาติเข้าใจ และให้ความร่วมมือในขณะทำ
- เตรียมทีมในการช่วยเหลือเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉินให้พร้อม เช่น ทีมสูติแพทย์ กุมารแพทย์ประสานกับแผนกบริบาลทารกป่วยหนักให้รับทราบและพร้อมช่วยเหลือเมื่อมีภาวะฉุกเฉิน
ขณะทำหัตถการ
- อยู่เป็นเพื่อนผู้คลอดตลอดเวลา คอยปลอบโยนให้กำลังใจบอกให้ผู้คลอดรับทราบถึงขั้นตอนของการทำให้ทราบทุกระยะเพื่อให้ความร่วมมือเช่นการให้ยาระงับความรู้สึกพร้อมกับแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวของมารดาในขณะที่แพทย์ช่วยเหลือเช่นการเบ่งคลอดที่ถูกวิธีคือเบ่งพร้อมกับการหดรัดตัวของมดลูก
2.ให้คำชมเชยและกำลังใจเมื่อมารดาสามารถปฏิบัติได้ถูกต้องรวมทั้งให้ความมั่นใจว่าทั้งมารดาและบุตรจะได้รับความช่วยเหลืออย่างดีจากแพทย์และพยาบาลเพื่อลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับตนเองและบุตร - ก่อนแพทย์จะทำสูติศาสตร์หัตถการพยาบาลต้องตรวจสัญญาณชีพ อุณหภูมิ ชีพจรหายใจ ความดันโลหิตของผู้คลอด และฟังเสียงทารกในครรภ์ ทุก 5 นาที พร้อมลงบันทึก ถ้าผิดปกติรีบรายงานแพทย์
- เมื่อแพทย์ใส่ถ้วยสุญญากาศในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว ช่วยลดความดันสุญญากาศลงทีละน้อย ประมาณ 0.2 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร ทุก 2 นาที เพื่อให้ก้อนโน (Artificial caput Succedaneum) ค่อย ๆ สร้างขึ้นมาให้เต็มถ้วย ค่อย ๆ ลดความดันไปเรื่อย ๆ จนถึงระดับ 0.6 และ 0.8 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร แล้วจึงหยุด
5.เมื่อแพทย์เริ่มดึงตรวจดูการหดรัดตัวของมดลูกและรายงานให้แพทย์ทราบเป็นระยะเพื่อแพทย์จะได้เริ่มดึงพร้อมกับการหดรัดตัวของมดลูก - มีการเตรียมช่วยคลอดด้วยการทำผ่าตัดทางหน้าท้องไว้เสมอ เช่นการจองเลือด PRC 1 unit GroupA+เพราะการช่วยคลอดด้วยเครื่องสุญญากาศอาจไม่ประสบผลสำเร็จได้
7.ต้องเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนต่อมารดาและทารกขณะแพทย์ทำสูติศาสตร์หัตถการ
หลังทำหัตถการ
- Record V/S
- Observe ลักษณะและปริมาณเลือดที่ออกทางช่องคลอดเกิน 500 ml หรือไม่
- ดูแลให้ได้รับ 5% DN /2 1000 ml IV 1000 ml / hr
4.ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก ถ้านิ่มให้คลึงทันทีเพราะอาจตกเลือดได้
- ดูแลให้ Syntocinon 10ยูนิตทางหลอดเลือดดำเพื่อช่วยการหดรัดตัวของมดลูก
- ทำคลอดรกด้วยวิธี Control cord traction
- วัดความดันโลหิตและคลึงมดลูกให้แข็งกลมทันทีหลังรกคลอด
- ให้ Methergin 0.2mg ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำเมื่อความดันโลหิตไม่สูงกว่า 140/80 mmHg
- ดูแลให้ Syntocinon 20 ยูนิต เพิ่มที่ IV fluid เดิม
- ดูแลให้กระเพาะปัสสาวะว่าง
- ตรวจลักษณะการฉีกขาดของแผลฝีเย็บ และอวัยวะสืบพันธุ์ทำการซ่อมแซมฝีเย็บตามระดับการฉีดขาด
หลักการเลือกใช้ระหว่าง F/E กับ V/E
F/E
- มารดาไม่มีแรงเบ่ง อ่อนเพลีย ทารกอยู่ท่าปกติและท่าก้นยกเว้น CPD แต่ Fully dilated STT=0 ถึง +2 EFF=100%
- ส่วนนำทารกอยู่สูงเหนือทางเข้าช่องเชิงกราน
- ทารกไม่สามารถหมุนศีรษะเองจน sagittal suture อยู่ในแนวตรง
- ต้องรีบช่วยคลอดให้เร็วที่สุดไม่ต้องรอการหดรัดตัวของมดลูกและอุปกรณืไม่มาก หากนานอาจ Fetal distress ได้
- มีอันตรายต่อมารกน้อยกว่า แต่มีผลต่อมารดามากกว่าเนื่องการตกเลือดและติดเชื้อ และการฉีกขาดของแผลฝีเย็บ
- ผู้ทำคลอดต้องมีความชำนาญอย่างมาก
V/E
- มารดาไมีเเรงเบ่ง อ่อนเพลีย ทารกอยู่ในท่าปกติเท่านั้นยกเว้น CPD
PV = 8-10cm. - ศีรษะทารกมีการหมุนเกิดขึ้นเองจน sagittal suture อยู่ในแนวตรง
- ช่วยคลอดที่ต้องเวลาไม่เร่งรีบเพราะเตรียมอุปกรณ์และต้องรอการหดรัดตัวของมดลูกแต่ต้องไม่ส่งผลต่อมารดาและทารก หรือรอได้
- มีอันตรายต่อทารกมากกว่า แต่อันตรายต่อมารดาน้อยกว่า
- ผู้ทำคลอดไม่ต้องฝึกฝนมาก
Forceps delivery
คือการช่วยคลอดด้วยคืม คือ การใช้คืมดึงศีรษะทารกจากช่องทางคลอด โดยไม่ทำให้เกิดบาดเจ็บต่อมารดาและทารก
วัตถุประสงค์
- Extraction (ดึงศีรษะทารก)
- Rotation (หมุนดีรษะทารท)
- Compression (บีบศีรษะทารกให้ยุบ)
- Vectis (ปรับทิศทางจอกของศีรษะ)
ข้อบ่งชี้
ด้านผู้ดลอด
- Prolonged or Failure of progress in second stage
- ผู้คลอดไม่ให้ความร่วมมือในการคลอด เช่น อ่อนเพลีย ไม่มีแรงเบ่ง ได้ยาระงับปวดมาก
- Hypotonic UC
- โรคแทรกซ้อน เช่น Heartปอด ความต้นโลหิตสูง
ด้านทารก - Fetal distress
- ทารกอยู่ในท่าปกติเช่น OP
- ส่วนนำเป็นก้น
- การหมุนของศีรษะผิดปกติ(Abnormal rotation of head)
ข้อห้าม
- CPD
- ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ เช่น ท่าหน้าท่าขวาง ยกเว้นท่ากันสามารถช่วยคลอดศีรษะด้วยคีม
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะแทรกซ้อนต่อทารก
- มีการบาดเจ็บต่อ facial nerve แต่โดยทั่วไปมักหายได้เอง
- มีการบาดเจ็บต่อใบหน้าหรือหนังศีรษะของทารก ซึ่งถ้ามีบาดแผลรุนแรงอาจต้องการการเย็บแผลด้วย
- กะโหลกศีรษะหรือกระดูกใบหน้าแตก
ภาวะแทรกซ้อนต่อมารดา
- มีการฉีกขาดของช่องทางคลอด ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องตรวจช่องทางคลอดตั้งแต่บริเวณปากมดลูก, ช่องคลอด, และแผลฝีเย็บ ในภายหลังการคลอดด้วย forceps ทุกครั้ง
- อาจทำให้เกิดมดลูกแตกได้ถ้ามีการช่วยคลอดหรือใส่คีมอย่างผิดวิธี
การพยาบาล
ก่อนทำ
- อธิบายให้ผู้คลอดทราบ แนะนำการปฏิบัติตัว
- เตรียมอุปกรณ์, จัดท่า, ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์
- สวนปัสสาวะ
- ฟัง FHS, สังเกต meconium stained
เตรียมอุปกรณ์ช่วยชีวิตทารกและรายงานกุมารแพทย์
ขณะทำ
- แนะนำมารดาหายใจเข้าออกช้า ๆ ขณะแพทย์ใส่เครื่องมือ
- บอกให้ทราบเป็นระยะ อยู่เป็นเพื่อน ให้กำลังใจ
- ดูแลให้ เV fluid และยาตามแผนการรักษา
- ฟัง FHS เมื่อมดลูกคลายตัว และฟังทันทีเมื่อแพทย์ล็อคคีม
- ประเมิน contraction และรายงานแพทย์ เพื่อให้แพทย์ดึงคืมขณะมดลูกหดรัดตัว
หลังทำ - Record V /S, observe sign ของภาวะช็อค
- Observe ลักษณะและปริมาณเลือดที่ออกทางช่องคลอด
- ดูแลให้ได้รับ IV fluid
- ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก ถ้านิ่มให้คลึงทันทีและหาสาเหตุรายงานแพทย์
- ดูแลให้กระเพาะปัสสาวะว่าง
- ตรวจลักษณะแผลฝืเย็บ และอวัยวะสืบพันธุ์
- ดูแลทารกแรกเกิดทั่วไป สังเกตภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจาก F/E
- 00:30 น. ถุงน้ำคร่ำแตกหมด
- ทารกอยู่ในท่า OR
- 00:45 น. สวนปัสสาวะและอุจจาระ
- 02:45 น. Fully dilation
ทารกคลอดเวลา 03:11 น. Apgar scores 9, 10, 10 ทารกปกติไม่มีภาวะแทรกซ้อนเช่น cephalhematoma นน. 3570gm ยาว 53cm
รกคลอดเวลา 03.18 น. นน 680 gm normal รกไม่ค้างหรือขาด
BloodLose = 200 ml ไม่มีอาการหรืออาการแสดงของการตกเลือด
แผลฝีเย็บฉีกขาดระดับ 3 ฉีกขาดไปถึง Anal sphincter
Dx. Poor maternal affort
คือการชักนำทำให้เกิดการเจ็บครรภ์คลอดหรือทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลงโดยทำให้มดลูกหดรัดตัวหรืนุ่มขึ้น
แบ่งเป็น 4 กลุ่ม
- ใช้เครื่องมือ
- ใช้หัตถการ
- ใช้ยา
- ใช้หลายวิธีร่วม
ข้อบ่งชี้
ข้อบ่งชี้ทางทารก
- Fetal growth restriction โตช้าในครรภ์
- Premature rupture of membranes(PROM)
- Chorioamnionitis ภาวะถุงน้ำคร่ำอักเสบ
- Oilgohydramnios น้ำคร่ำน้อย
- Postterm pregnancy
- Abruptio placentae
Fetal demise ทารกตายในครรภ์
ข้อบ่งชี้ทางมารดา
- Hypertensive disorder in pregnancy (preeclampsia, eclampsia,CHT,PAH)
- Maternal medical problems ( DM , heart ,lung and renal disease)
- Distance from hospital ชนบทไกลจาก รพ.
- Advanced cervical dilatation in the absence of active labor
- Psychosocial indication สภาพจิตใจ
3.การชักนำการคลอดโดยการใช้ยา (Medical induction of labor)
- การใช้ oxytocin ทางหลอดเลือดดำ
- การใช้ Prostaglandins
- Prostaglandin E2 (PGE2)
- Prostaglandin E1 analog : misoprostol สอดช่องคลอด
ราคาถูกมากกว่าสามารถเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิห้องได้ และประสิทธิภาพในการชักนำการคลอดเหนือกว่า PGE2
ภาวะแทรกซ้อน
ต่อมารดา
- มดลูกแตกจากการหดรัดตัวที่มากหรือแรงเกินไป
- การคลอดที่เร็วเกินไป อาจทำให้ปากมดลูกหรือช่องคลอดฉีกขาดได้
- การติดเชื้อในโพรงมดลูกถ้าระยะเวลาตั้งแต่เจาะถุงน้ำจนกระทั่งคลอดนานเกินไป
ต่อทารก - ทารกขาดออกซิเจนจากมดลูกหดรัดตัวมากเกินไป
- สายสะดือย้อย
บริหารยา
- เจือจาง oxytocin ในน้ำเกลือและให้ผ่านเครื่องปรับยาอัตโนมัติ (automatic infusion pump) เพื่อ จะได้ปริมาณยาที่ถูกต้องไม่คลาดเคลื่อน เช่น ผสม oxytocin 5 ยูนิตในน้ำเกลือ (เช่น 5 % dextrose) 1000 ml. เมื่อบริหารยา 3 drops/minute จะได้ oxytocin 5 m unit/minute แต่ถ้าผสม 10 units และให้ในจำนวนหยดเท่ากันก็จะได้ oxytocin 2 m unit/minute
- ควรปรับยาให้มีการหดรัดตัวของมดลูกใกล้เคียงกับการเจ็บครรภ์ตามธรรมชาติ คือ หดรัดตัวนาน 40-60 วินาที และหดรัดตัวทุก ๆ 2-3 นาที
ได้รับ 5% DN/2 100 ML + oxytocin 10 unit IV drip stat 16 ml/hr.
(Gestational diabetes mellitus)
สตรีตั้งครรภ์ที่มีความผิดปกติของการเผาผลาญของคาร์โบไฮเดรตเนื่องจากมีความไม่สมดุล ภาวะดื้อต่ออินซูลินทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสุงกว่าปกติอาจเป็นโรคเรื้อรังก่อนตั้งครรภ์หรือเป็นขณะตั้งครรภ์การทำงานของอินซูลินจะถูกขัดขวางจากฮอร์โมนHPLซึ่งจะมีฤทธิ์ต้านอินซูลินทำให้เกิดการเผาผลาญในร่างกายผิดปกติ
กลุ่มความเสี่ยงสูง ได้แก่
- อายุ 30 ปีขึ้นไป
- เคยมีประวัติ gestational diabetes
- BMI > 27
- มีญาติสายตรงเป็นเบาหวาน
- ตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวมากกว่าหรือเท่ากับ 1+
- มีประวัติคลอดบุตรน้ำหนัก> 4,000 g, DFIU
7.PIH / มีประวัติ HT - ตั้งครรภ์แฝดน้ำ
ภาวะแทรกซ้อน
- ผลต่อมารดา ; การแท้งบุตร ,การติดเชื้อ , PIH,
รกเสื่อม,คลอดยากเพราะทารกตัวใหญ่กว่าปกติ - ผลต่อทารก ; IUGR,คลอดก่อนกำหนด, ทารกตายระหว่างคลอดและหลังคลอด, Hypoglycemia หลังทารกคลอด
ภาวะตัวเหลืองในทารกสูงขึ้น
การดูแลระหว่างคลอด
- เจาะน้ำตาลจากปลายนิ้ว (DTX) แรกรับ
DTX < 100 mg/dl :5%D/N/2 หรือ 5%D/NSS intravenous infusion ไม่ต้องฉีดinsulin
DTX >100 mg/dl : เริ่ม regular (short-acting) insulin หยดเข้าหลอดเลือดดำ โดยให้ผ่าน infusion pump - เจาะ DTX ทุก 1 - 2 ชั่วโมง
การดูแลหลังคลอด
- ผู้ป่วย GDMA2 ให้งดอินซูลินได้ตลอดไปเพราะส่วนใหญ่ระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลงสู่ระดับปกติหลังคลอด
- ผู้ป่วยเบาหวานมาก่อนตั้งครรภ์ ให้งดอินซูลินชั่วคราวติดตามระดับน้ำตาลในเลือดทุก 4 - 6 ชั่วโมง ปรักษาอายุรกรรมเพื่อวางแผนการให้ insulin เพื่อควบคุมระดับน้ำตาล
มีประวัติ GDM A2 diagnosed at GA 28 wks by date
- สตรีที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์และทารกจะเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน (เช่น ความดันโลหิตสูง ทารกตัวใหญ่) เนื่องจากภาวะแทรกซ้อนบางครั้งเกี่ยวข้องกับการคลอดทารกตัวโต
- หญิงตั้งครรภ์มีภาวะน้ำตาลในเลืดสูงทำห้หลอเลือดเเข็งตัวกรส่งเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆโดยเฉพาะทารกในครรภ์ไม่เพียงพอ อาจทำให้ทารก Fetal distress ได้ แพทย์หลายท่านแนะนำว่าควรการชักนำให้เจ็บครรภ์คลอดตอนครบหรือใกล้ครบกำหนด (37 ถึง 40 สัปดาห์) แทนการรอให้เจ็บครรภ์เองหรือจนตั้งครรภ์ 41 สัปดาห์
03/04/65 เวลา 20:00 น. ได้รับยา Cytotec (200 mcg) 1/8 tab PGE1 เหน็บทางช่องคลอด
04/04/65 เวลา 02:00 น. FHS drop 110-140 bpm
นอนตะแคงซ้าย
ให้ออกซิเจน cannula 5 lpm
5% DN /2 1000 ml IV 1000 ml / hr.
- Pt.อายุ 34 ปี on Gensulin 12-0-0-12 unit with Novorapid 0-8-6 unit
- บิดาเป็นเบาหวาน
มีแนวโน้มเป็น Hypoglycemia
- ติดตามค่าระดับน้ำตาลในกระแสเลือดทุก2ชั่วโมง
- สังเกตอาการอย่างใกลัชิด
- ดูแลให้งดน้ำและอาหารทางปาก และ
ให้ได้รับสาน้ำตามแผนการรักษาคือ 5% DN /2 IV 1000 ml/hr.
- เจาะน้ำตาลจากปลายนิ้ว (DTX) แรกรับ = 72 mg/dl
ดูแลให้ได้รับ 5% DN /2 IV 1000 ml/hr. - order เจาะ DTX ทุก 2 ชั่วโมง (คลอดก่อน)
ผู้ป่วย
ผู้ป่วย
ผู้ป่วย
ผู้ป่วย
ผู้ป่วย
ผู้ป่วย
ผู้ป่วย
ผู้ป่วย
ผู้ป่วย
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
1.ทารกในครรภ์มีโอกาสเกิดภาวะพร่องออกซิเจน Fetal distress
3.ผู้คลอดเสี่ยงต่อ Hypo/Hyperglycemia
เนื่องจากมารดาเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์
4.มารดามีโอกาสเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอด เนื่องจากมีแผลในโพรงมดลูก และแผลฝีเย็บ
5.มารดาหลังคลอดเสี่ยงต่อการติดเชื้อในโพรงมดลูก และแผลฝีเย็บเนื่องจากคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศ
2.เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น มดลูกแตก หรือ fetal distress เนื่องจากได้รับยาเร่งคลอด