Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Case : เตียง 10, การไหลของน้ำนม - Coggle Diagram
Case : เตียง 10
13B
Background
ข้อมูลส่วนตัว
มารดาหลังคลอด G4P2012 GA 38+4 wks. อายุ 25 ปี
สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย ศาสนาอิสลาม ระดับการศึกษา ม.6 อาชีพ - อาศัยอพาร์ตเมนต์ 8 ชั้น พักอยู่ชั้น 8 มีลิฟต์ขึ้นลง
ไม่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ น้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ 62 กิโลกรัม ส่วนสูง 164 เซนติเมตร BMI ก่อนตั้งครรภ์ 23.5 kg/m2
อาการสำคัญ
เจ็บครรภ์ 10 ชั่วโมงก่อนมารพ.
ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน
10 hr. PTA เจ็บครรภ์ทุก 5 นาที นาน 30 วินาที เจ็บร้าวลงมาที่หน้าขา เปลี่ยนท่าแล้วไม่ดีขึ้น เจ็บถี่มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีมูกเลือด ไม่มีน้ำเดิน ไม่มีปัสสาวะแสบขัด ไม่มีตาพร่ามัว ไม่มีจุกแน่นลิ้นปี่
1 hr.PTA เจ็บถี่และแรงมากขึ้นจึงมารพ.
ประวัติการตั้งครรภ์
G1 ปี 60 ทารกเพศชาย full term, NL,BW 3,360 g, no complication
G2 ปี 62 ทารกเพศหญิง full term, NL, BW 3,300 g,no complication
G3 ปี 63 Criminal abortion rule out blighted ovum GA 12 wk. ไม่ได้ขูดมดลูก
ปัจจุบัน G4P2-0-1-2 GA 38+4 wk by date 1st ANC 15+6 wk by date total ANC 7 ครั้งที่คลินิก 6 ครั้ง รพ.ตำรวจ 1 ครั้ง LMP 22/07/64 x 4 day EDC 29/04/65 by date ANC risk : Thalassemia ทารกเพศหญิง คลอดแบบ NL น้ำหนัก 3,490 g เวลา 15.31 น. apgar score 9,10,10 no problem at birth
รับไว้ในโรงพยาบาล
18 เมษายน 2565
Body condition
DAY 0 : 18/04/65
มารดารู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง Conjunctiva ไม่ซีด เวียนศีรษะและอ่อนเพลียเล็กน้อย หายใจ Room air ไม่หอบเหนื่อย ต่อมไทรอยด์ไม่โต ไม่มีก้อน ทรวงอกสมมาตรกันทั้ง 2 ข้าง เต้านมยังไม่คัดตึง ลานนมนิ่ม หัวนมปกติ น้ำนมไม่ไหล ระดับยอดมดลูก 5 นิ้ว แผลฝีเย็บ RML Second degree tear แผลไม่มีบวมแดง ไม่มี bleed ซึม ขอบแผลเรียบชิดติดกันดี pain score มดลูก 4 คะแนน , แผลฝีเย็บ 4 คะแนน Estimated blood loss 200 ml น้ำคาวปลา lochia rubra 30 ml / วัน ไม่มีกลิ่นเหม็น ขาไม่บวม ลุกเดินช่วยเหลือตนเองได้
DAY 1 : 19/04/65 มารดารู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง Conjunctiva ไม่ซีด เวียนศีรษะและอ่อนเพลียเล็กน้อย หายใจ Room air ไม่หอบเหนื่อย ต่อมไทรอยด์ไม่โต ไม่มีก้อน ทรวงอกสมมาตรกันทั้ง 2 ข้าง เต้านมยังไม่คัดตึง ลานนมนิ่ม หัวนมปกติ เจ็บหัวนมด้านขวา น้ำนมไม่ไหล ระดับยอดมดลูก 5 นิ้ว ไม่กลมแข็งต้องคลึง แผลฝีเย็บ RML Second degree tear แผลไม่มีบวมแดง ไม่มี bleed ซึม ขอบแผลเรียบชิดติดกันดี pain score มดลูก 2 คะแนน , แผลฝีเย็บ 2 คะแนน น้ำคาวปลา lochia rubra 40 ml/ วัน ไม่มีกลิ่นเหม็น ขาไม่บวม ลุกเดินช่วยเหลือตนเองได้
DAY 2 : 20/04/65 มารดารู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง Conjunctiva ไม่ซีด ไม่เวียนศีรษะ ไม่มีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย หายใจ Room air ไม่หอบเหนื่อย ต่อมไทรอยด์ไม่โต ไม่มีก้อน ทรวงอกสมมาตรกันทั้ง 2 ข้าง เต้านมคัดตึง ลานนมแข็ง หัวนมปกติ เจ็บหัวนมด้านขวา น้ำนมไหล 1+ ระดับยอดมดลูก 5 นิ้ว ไม่กลมแข็งต้องคลึง แผลฝีเย็บ RML Second degree tear แผลไม่มีบวมแดง ไม่มี bleed ซึม ขอบแผลเรียบชิดติดกันดี pain score มดลูก 0 คะแนน , แผลฝีเย็บ 0 คะแนน มารดาได้ทำหมัน pain score แผล 8 คะแนน น้ำคาวปลา lochia rubra 30 ml/วัน ไม่มีกลิ่นเหม็น ขาไม่บวม ลุกเดินช่วยเหลือตนเองได้
DAY 3 : 21/04/65 มารดารู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง Conjunctiva ไม่ซีด ไม่เวียนศีรษะ ไม่มีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย หายใจ Room air ไม่หอบเหนื่อย ต่อมไทรอยด์ไม่โต ไม่มีก้อน ทรวงอกสมมาตรกันทั้ง 2 ข้าง เต้านมคัดตึง ลานนมแข็ง หัวนมปกติ เจ็บหัวนมด้านขวา น้ำนมไหล 2+ ระดับยอดมดลูก 5 นิ้ว ไม่กลมแข็งต้องคลึง แผลฝีเย็บ RML Second degree tear แผลไม่มีบวมแดง ไม่มี bleed ซึม ขอบแผลเรียบชิดติดกันดี pain score มดลูก 3 คะแนน , แผลฝีเย็บ 0 คะแนน มารดาได้ทำหมัน pain score แผล 5 คะแนน น้ำคาวปลา lochia rubra 20 ml/8 hr ไม่มีกลิ่นเหม็น ขาไม่บวม ลุกเดินช่วยเหลือตนเองได้
Body temperature and blood pressure
Day 0 (14.00 น.)
T=36.6 C P=72 bpm. RR=18 bpm BP
121/72 mmHg. PS=8
Day 1 (10.00 น.)
T=36.4 C P=76 bpm. RR=18 bpm BP
105/60 mmHg. PS=1
Day 2 (12.00 น.)
T=36.7 C P=78 bpm. RR=18 bpm BP
106/62 mmHg. PS=0
pain score แผลทำหมัน 8 คะแนน
Day 3 (10.00 น. )
T=37.0 C P=100 bpm. RR=18 bpm BP123/78 mmHg. PS แผลฝีเย็บ = 0, มดลูก = 3 pain score แผลทำหมัน 5 คะแนน
Breast and lactation
Day 0 น้ำนมยังไม่ไหล
Day 1 น้ำนมเริ่มซึม ไม่มีอาการคัดตึงเต้านม ลานนมนิ่ม คลำไม่พบก้อนที่เต้านม ไม่มีหัวนมแตก
Day 2 น้ำนมไหล 1+ มีอาการคัดตึงเต้านม ลานนมแข็ง ไม่มีหัวนมแตก
Day 3 น้ำนมไหล 2+ มีอาการคัดตึงเต้านม ลานนมแข็ง ไม่มีหัวนมแตก
Belly and Fundus
DAY 0 : มดลูกหดรัดตัวดี ระดับยอดมดลูก 5 นิ้ว
DAY 1 : มดลูกหดตัวไม่ค่อยดี ต้องคลึงบ่อยๆ ระดับยอดมดลูก 5 นิ้ว
DAY 2 : มดลูกหดตัวไม่ค่อยดี ต้องคลึงบ่อยๆ ระดับยอดมดลูก 5 นิ้ว
DAY 3 : มดลูกหดตัวไม่ค่อยดี ต้องคลึงบ่อยๆ ระดับยอดมดลูก 4.5 นิ้ว
Bladder
Day 0 มารดาปัสสาวะได้เอง 1 ครั้ง ไม่มีอาการแสบขัด บุกไปเข้าห้องน้ำเองได้
Day 1
มารดาปัสสาวะได้เอง รวมทั้งวัน 6 ครั้ง ไม่มีอาการแสบขัด สามารถลุกไปเข้าห้องน้ำได้เอง
DAY 2
มารดาปัสสาวะเองได้ วันละ 7 ครั้ง ไม่มีอาการแสบขัด สามารถลุกเดินไปห้องน้ำได้ แต่หลังทำหมันมารดาปัสสาวะบน bed pan 1 ครั้ง
DAY 3
มารดาปัสสาวะเองได้ วันละ 3 ครั้ง ในเวรเช้า ไม่มีอาการแสบขัด สามารถลุกเดินไปห้องน้ำได้
Bleeding and Lochia
DAY 0 : Estimated blood loss 200 ml น้ำคาวปลาสีแดงสด lochia rubra 30 ml / วัน ไม่มีกลิ่นเหม็น
DAY 1: น้ำคาวปลาสีแดงสด lochia rubra 40 ml/วัน ไม่มีกลิ่นเหม็น
DAY 2 : น้ำคาวปลาสีแดงสด lochia rubra 30 ml/วัน ไม่มีกลิ่นเหม็น
DAY 3 : น้ำคาวปลาสีแดงออกชมพู lochia rubra 20 ml/8 hr ไม่มีกลิ่นเหม็น
Bottom
มารดา มีแผลฝีเย็บแบบ RML ฉีกขาดระดับ Second-degree tears
Bowel movement
DAY 1: รับประทานอาหารปกติอิสลาม ไม่ถ่ายอุจจาระ ไม่มีท้องอืด
DAY 0 : รับประทานอาหารปกติอิสลาม ไม่ถ่ายอุจจาระ ไม่มีท้องอืด
DAY 2 : รับประทานอาหารปกติอิสลาม ไม่ถ่ายอุจจาระ ไม่มีท้องอืด bowel sound 10 ครั้งต่อนาที เสียงเบา
DAY 3 : รับประทานอาหารปกติอิสลาม ไม่ถ่ายอุจจาระ ไม่มีท้องอืด bowel sound 10-12 ครั้งต่อนาที เสียงเบา
Blues
Day 1 มารดาปรับตัวเข้าหาทารกได้ สนใจทารกดี มีถามหาทารก
Day 2 มารดาปรับตัวเข้าหาทารก นำทารกเข้าเต้า ปรับตัวในบทบาทความเป็นแม่ได้ดี
Day 3 มารดาปรับตัวเข้าหาทารก นำทารกเข้าเต้าได้ดีและถูกต้อง ปรับตัวในบทบาทความเป็นแม่ได้
Day 0 มารดาไม่ถามหาทารก แต่มีอาการเจ็บแผลจึงนอนพักผ่อนบนเตียงเป็นส่วนใหญ่
Bonding and attachment
Day 0 มารดามีปฏิสัมพันธ์กับทารกดี มีการติดต่อ
กับสามีและครอบครัวผ่านทางโทรศัพท์
Day 1 มารดามีปฏิสัมพันธ์กับทารกดี ยังไม่ได้พบทารก มีการติดต่อ
กับสามีและครอบครัวผ่านทางโทรศัพท์
Day 2 มารดามีปฏิสัมพันธ์กับทารกดี มารดานำทารกเข้าเต้า มีการติดต่อ
กับสามีและครอบครัวผ่านทางโทรศัพท์
Day 3 มารดามีปฏิสัมพันธ์กับทารกดี มารดานำทารกเข้าเต้า และเตรียมตัวกลับบ้าน
Baby
ทารกเพศหญิง คลอดวันที่ 18 เมษายน 2565 เวลา 15.31 น. น้ำหนัก3490 กรัม Apgar score นาทีที่ 1 ได้ 9 คะแนน นาทีที่ 5 ได้10 คะแนน นาทีที่ 10 ได้ 10 คะแนน No problem at birth ศีรษะทารกไม่มี caput succedaneum ไม่มี cephal hematoma ใบหน้าไม่มี facial palsy ลืมตาได้ ไม่มีตาบวม ไม่มี cleft-lip cleft-palate แขนขาเคลื่อนไหวได้ปกติ เท่ากันทั้ง 2 ข้าง ไม่มีspinal bifida ไม่มี scoliosis ไม่มี kyphosis ไม่มีความผิดปกติของอวัยวะสืบพันธุ์ มี anus
Belief model
มารดาวางแผนเลี้ยงลูกด้วยนมแม่1-2 เดือนเนื่องจากแม่มีน้ำนมไม่เพียงพอ และจะเลี้ยงด้วยนมผสมเสริมให้ทารก และเมื่อกลับบ้านไปไม่ได้มีการอยู่ไฟหลังคลอด และนับถือศาสนาอิสลลามไม่รับประทานเนื้อหมู เนื้อวัว
การวางแผนจำหน่ายกลับบ้าน D-METHOD
D : Diagnosis
มารดาอายุครรภ์ 38+4 wk by date
10 hr.PTA มีอาการเจ็บครรภ์ถี่จึงมารพ. แพทย์ทำการคลอดทางช่องคลอด (Normal Labor) หลังคลอดให้การพยาบาลป้องกันการตกเลือดหลังคลอด และความไม่สุขสบายจากการปวดแผลฝีเย็บ ปวดมดลูก
M : Medication
1.Paracetamol 500 mg.
วิธีใช้ : รับประทานครั้งละ1 เม็ด ทุก 6 ชั่วโมง
สรรพคุณยา : ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดและช่วยลดไข้
ผลข้างเคียงของยา : อุจจาระเป็นเลือด ไข้ หนาวสั่น ผื่นคัน มีจุดแดงเล็กๆ ขึ้นตามผิวหนัง
2.Nataral
วิธีใช้ : รับประทานหลังอาหารครั้งละ 1 เม็ด
สรรพคุณยา : ยาบำรุงร่างกาย ประกอบด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับสตรีมีครรภ์และหลังคลอด ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง การขาดแคลเซียม และแร่ธาตุอื่นๆ
ผลข้างเคียงของยา : ผื่นแดง ปวดท้อง อาเจียน หายใจไม่สะดวก
3.Ibuprofen 400 mg
วิธีใช้ : รับรับประทานครั้งละ1 เม็ด 3 เวลาหลังอาหาร
สรรพคุณยา : บรรเทาอาการปวด ลดอาการอักเสบ และไข้
ผลข้างเคียง : คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องอืด ท้องผูก ท้องเสีย
Dicloxacilin 500 mg
วิธีใช้ : ก็รับประทานก่อนอาหารวันละ4 ครั้ง
สรรพคุณ : ใช้รักษาอาการติดเชื้อจากแบคทีเรีย ออกฤทธิ์ได้ดีโดยเฉพาะกับเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus Aureus
ผลข้างเคียง : คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ใจสั่น
E : Environmental
มารดาอาศัยอยู่อพาร์ตเมนต์ชั้น 8 มีลิฟต์โดยสารขึ้นลง
ให้ความรู้เรื่องการจัดสิ่งแวดล้อม การวางสิ่งของให้เป็นระเบียบเพื่อลดอุบัติเหตุและเพื่อความสะอาดของสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะที่อยู่ของทารก อากาศภายในห้องพักควรถ่ายเทสะดวก จัดสภาพแวดล้อมให้สงบ ไม่มีเสียงรบกวนต่อการพักผ่อนของมารดา ทารก ไม่ควรให้ทารกถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง หรือบนที่สูงเพื่อป้องกันการพลัดตกลงจากเตียง และระมัดระวังการขึ้นลงลิฟต์
T : Treatment
อาการหลังคลอดที่ควรพบแพทย์ทันที ได้แก่ มีเลือดสดๆออกทางช่องคลอดหรือมีเลือดออกมาทางช่องคลอดชุ่มผ้าอนามัย 1 ผืนภายใน 1 ชั่วโมง น้ำคาวปลาสีแดงสดนานเกิน 4 วัน น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น มีลิ่มเลือดขนาดใหญ่มากผิดปกติ หลุดออกมาจากช่องคลอด ปวดท้องน้อย มีไข้สูงมากกว่า 38 องศาเซลเซียส หนาวสั่น แม้จะกินยาลดไข้แล้วยังไม่ดีขึ้น เจ็บหน้าอกมากกว่าปกติ ปวดเต้านมมากลูกดูดนมแล้วไม่ดีขึ้น เต้านมอักเสบ บวมแดง มีการอักเสบบริเวณเต้านม แผลฝีเย็บหรือแผลผ่าตัด เจ็บมากขึ้น เป็นหนอง อักเสบ บวม แดง หรือแยก ปวดศีรษะรุนแรง ตาพร่ามัว เมื่อปัสสาวะมีอาการแสบขัด ปัสสาวะขุ่น มีสีเข้มจัด หรือมีอาการเจ็บร่วมด้วย มีอาการปวดท้องมาก ปวดท้องจนตัวบิด และไม่ได้เป็นผลมาจากอาหารการกิน ซึมเศร้า วิตกกังวล หรือนอนไม่หลับติดต่อกันนานกว่า 2 สัปดาห์
H : Health
การวางแผนครอบครัว : มารดาเลือกการคุมกำเนิดโดยการทำหมันเปียก (postpartum tubal sterilization)
เป็นการทำหมันภายใน 6 สัปดาห์หลังคลอด เนื่องจากมารดามีบุตรเพียงพอแล้วและต้องการคุมกำเนิดแบบถาวร
การมีเพศสัมพันธ์ : ไม่ควรมีเพสสัมพันธืหลังทำหมัน 6 สัปดาห์ เนื่องจากแผลภายในโพรงมดลูก ยังไม่หายดี ผนังช่องคลอดบาง แผลฝีเย็บยังมีความไวต่อความเจ็บปวด และปากมดลูกยังปิดไม่สนิทเสี่ยงต่อการติดเชื้อภายในโพรงมดลูก
การพักผ่อน : . การพักผ่อนและการทำงาน ควรพักผ่อนในเวลากลางคืนประมาณ 6-8 ชม. กลางวันควรพักผ่อนประมาณ 1-2 ชม. ซึ่งอาจใช้เวลาในช่วงที่บุตรหลับ หลีกเลี่ยงสิ่งที่รบกวนการนอน เช่น การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน จำพวกชา กาแฟ การทำงานบ้านที่หักโหมเกินไปและความเครียด ในระยะ 2 สัปดาห์แรกหลังคลอด ควรทำงานบ้านเบาๆ การบริหารร่างกายหลังคลอดจะช่วยให้ร่างกายกลับสู่สภาพปกติ และมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น คุณแม่ที่คลอดปกติควรเริ่มทำหลังคลอดประมาณ 2-4 สัปดาห์ ห้ามรับประทานยาดองเหล้า ยาขับเลือดและยาสตรีต่างๆ เพราะจะทำให้มีเลือดออกทางช่องคลอดที่ผิดปกติได้
การออกกำลังกายหลังคลอด : ท่าที่ 1 การหายใจเพื่อบริหารปอด
วิธีบริหาร : นอนหงายซันข่า มือ 2 ข้างวางบนหน้าท้อง สูดหายใจเข้าลึก ๆ ทางจมูกให้ท้องป่อง จากนั้นค่อย ๆ หายใจออกทางปากจนท้องแฟบ ทำซ้ำ 10 ครั้ง
ท่าที่ 2 บริหารไหล่และแขน เพื่อให้กล้ามเนื้อทรวงอก ไหล่ และแขนแข็งแรง
วิธีบริหาร : นั่งคุกเข่า วางก้นลงบนนเท้าให้เข่าชิดกัน หลังตรง ประสานมือ 2 ข้างด้านหน้าและคว่ำมือ จากนั้นค่อย ๆ พลิกมือพร้อมยกมือขึ้นหนือศีรษะ หายใจเข้าและกลั้นไว้ นับ 1-10 ค่อย ๆ ลดมือลงพร้อมหายใจออก ทำซ้ำ 10 ครั้ง
ท่าที่ 3 บริหารกล้ามนื้อหน้าท้อง กันย้อย และบริเวณฝีย็บ เพื่อให้มดลูกเข้าที่เร็ว
วิธีบริหาร : นอนหงายชันเข่าขึ้น 2 ข้าง กดหลังให้แนบกับพื้นพร้อมขมิบกัน แขม่วท้อง แล้วยกกันให้ลอยพ้นพื้น เกร็งค้างไว้นับ 1 -10 จึงค่อย ๆ วางกันลง ทำซ้ำ 10 ครั้ง
ระยะที่ 2 เริ่มทำได้ตั้งแต่วันที่ 3 หลังคลอดเป็นต้นไป เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้มเนื้อหน้าท้อง ควรเริ่มโดยใช้แรงน้อย ๆ ก่อน แล้วจึงค่อย ๆ เพิ่มการออกแรงมากขึ้น โตยยังคงทำท่าบริหารในระยะที่ 1 และเพิ่มท่าบริหารในระยะที่ 2 ดังต่อไปนี้
ท่าที่ 1 บริหารเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแขนและไหล่
วิธีบริหาร : ยืนหันหน้าข้หาผนัง เท้าทั้ง 2 วางห่างกันประมาณช่องกว้างของไหล่ ปลายเท้าชี้ไปทางผนัง ใช้ฝ่ามือดันผนังที่ระดับไหล่ งอข้อศอก ลำตัวโน้มเข้าหาผนัง เท้าต้องวางแนบพื้น ออกแรงดันผนัง เกร็งค้างไว้พร้อมกับหายใจออก นับ 1-5 แล้วคลายการเกร็ง ถอยออกจากผนังพร้อมกับหายใจเข้า ทำซ้ำ 10 ครั้ง
ท่าที่ 2 บริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานพร้อมกัน
วิธีบริหาร : นอนหงายซันข่ขึ้นทั้ง 2 ข้าง วางมือบนหนท้องไว้กันคล้ายกอดอก สูดหายใจเข้าคึก ๆ แขม่วท้องพร้อมขมิบก้น ยกก้นให้ลอยเล็กน้อย แต่ให้หลังชิดกับพื้นขณะแขม่วท้องพร้อมหายใจออก เกร็งค้างไว้นับ 1-5 แล้วคลายพร้อมกับหายใจเข้า ทำซ้ำ 10 ครั้ง
ท่าที่ 3 บริหารกล้ามนื้อหน้าอก เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและกระชับกล้ามเนื้อ
วิธีบริหาร : นั่งขัดสมาธิ หลังตั้งตรง ยกมือ 2 ข้างพนมเข้าหากันห่างอกเล็กน้อย ดันฝ่ามือทั้ง 2 ข้างเข้าหากัน เกร็งกล้ามนื้อบริเวณหนอกและดันแขนให้มากที่สุด ค้างไว้ นับ 1-10 ทำซ้ำ 10 ครั้ง
การทำความสะอาดร่างกาย : มารดาควรอาบน้ำ วันละ 2 ครั้ง ไม่ควรแช่ในอ่างอาบน้ำ เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ทางช่องคลอด เพราะระยะหลังคลอด ในระยะหลังคลอดร่างกายได้รับบาดเจ็บจากการคลอดจึงมีช่องทางจากบาดแผลที่เชื้อโรคสามารถเข้าไปฟักตัวและก่อให้เกิดโรคได้ มารดาควรทำความสะอาดโดยล้างทุกครั้งหลังขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระควรล้างจากหัวหน่าวไปยังทวารหน่วงไปยังทวาร ไม่ควรล้างย้อนไปมาและซับให้แห้งทุกครั้งที่ปัสสาวะอุจจาระ ถ้ามารดายังมีน้ำคาวปลาไหลอยู่ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยเมื่อชุ่มทุกครั้ง หรือไม่ควรใส่นานเกิน 4 ชม. และสังเกตสี กลิ่น ลักษณะของน้ำคาวปลา
การคัดตึงเต้านม : ประคบเต้านมด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นจัดๆนาน 5 นาทีก่อนที่จะให้นมลูก อาจนวดหรือคลึงบริเวณเต้านมเบาๆเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ให้ลูกดูดบ่อยๆ เพื่อระบายน้ำนมออก แต่หากลูกไม่สามารถ ดูดได้ ให้บีบน้ำนมออก โดยใช้มือหรือใช้เครื่องปั๊มนม เพื่อให้ภาวะคัดตึงเต้านมลดลง หลังให้ลูกดูดหรือบีบออกแล้วหากยังคัดอาจใช้การประคบด้วยผ้าชุบน้ำเย็น ควรสวมเสื้อยกทรงที่กระชับพอดีเต้านมเพื่อพยุงเต้านมไว้ตลอดเวลา
หากปวดมาก อาจรับประทานยาแก้ปวดได้
การส่งเสริมให้นมบุตร
มารดารายนี้มีทัศนคติเกี่ยวกับการให้นมบุตร : มีทัศนคติที่จะเลี้ยงบุตรด้วยน้ำนมอย่างเดียวเพียง 1-2 เดือน และจะให้นมเสริม เนื่องจากมารดาบอกว่าน้ำนมไหลน้อย ดังนั้น การแนะนำข้อดีและข้อเสียของการเลี้ยงบุตรด้วยนม
ข้อดีคือ
1.ป้องกันภาวะตกเลือดหลังคลอด เนื่องจากทำให้เกิดการกระตุ้นการหลัง hormone oxytocin ทำให้มดลูกกลับสู่สุขภาพปกติเร็วขึ้น
2.ช่วยการคุมกำเนิด เนื่องจากกดการทำงานของรังไข่ โดยแม่ที่เลี้ยงนมลูกอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอจะมีโอกาสตั้งครรภ์ในระยะ 6 เดือนแรกหลังคลอดน้อยกว่าร้อยละ 2 แต่หลังจาก 6 เดือนไปแล้วแนะนำให้คุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย
3.ช่วยลดน้ำหนักแม่ในระยะหลังคลอด โดยน้ำหนักจะค่อยๆ ลดประมาณ 0.6-0.8 กิโลกรัม/เดือน เนื่องจากมีการเผาผลาญไขมันที่เก็บสะสมไว้ในระยะตั้งครรภ์เพื่อใช้ในการสร้างน้ำนม ทำให้แม่กลับมามีรูปร่างที่สวยงามได้เร็ว มีการศึกษาว่า การให้นมแม่ถึงอายุ 1 ปี แม่จะมีน้ำหนักใกล้เคียงกับเมื่อก่อนตั้งครรภ์
4.ลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยเฉพาะมารดาที่เป็น GDM ซึ่งกลไกคิดว่าเกิดจากการที่มีน้ำหนักตัวลดลง การเปลี่ยนแปลงสัดส่วน การกระจายของไขมัน และความไวต่อการตอบสนองของอินซูลิน
5.ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดสูง หากเคยเลี้ยงบุตรด้วยนมแม่นาน 12 เดือนขึ้นไป
6.ลดความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน เนื่องจากการสร้างมวลกระดูกจะสูงมากหลังหยุดให้นมแม่ และจะยังมีผลต่อไปอีก 5-10 ปี
7.ลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งรังไข่ชนิดเยื่อบุผิว กรณีถ้าให้นานกว่า 18 เดือน (แต่ถ้าให้ระยะสั้นๆ จะลดโอกาสการเกิดแต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ) มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกและมะเร็งเต้านม โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม ในสตรีวัยที่มีประจำเดือน ยิ่งให้นมนาน ก็ยิ่งมีผลในการป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น
ผลดีต่อสุขภาพทารก
1.เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค โดยการสร้างจุลินทรีย์ประจำถิ่น (Microbial colonization) บนผิวหนังของลูกชนิดเดียวกับแม่ มีสาร prebiotics ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของ Bifidobacterium ในลำไส้ทารก นอกจากนี้ในน้ำนมแม่ยังมีสารนิวคลีโอไทด์หลายชนิด ช่วยทำให้เยื่อบุลำไส้ในลำไส้ทารกเจริญเติบโตเร็ว
2.ลดโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ เช่นโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ โรคหืด
3.เสริมสร้างสมองให้ว่องไวในการเรียนรู้ เพิ่มระดับเชาว์ปัญญา จึงทำให้ทารกเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ มีสุขภาพที่ดี เติบโตสมวัย ในนมแม่จะมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสายโมเลกุลยาว ซึ่งมีความสำคัญมากต่อการเจริญของเนื่อเยื่อประสาทและจอประสาทตาเมื่ออายุ 6 เดือน
ข้อเสีย คือ
-มารดาอาจจะมีอิสระลดลง เนื่องจากจะต้องให้นมบุตร ทุก 2-3 ชม.
-หากมารดานำบุตรเข้าเต้าไม่ถูกวิธี อาจจะทำให้เกิดหัวนมแตก
-มารดาอาจจะเกิดความเครียด หรือความวิตกกังวลในการให้นมบุตร
O : outpatient referral
ก่อนจำหน่ายผู้ป่วยไม่มีเวียนศรีษะ น้ำน้ำนมไหลดีเต้านมไม่คัดตึง แผลฝีเย็บไม่บวมน้ำคาวปลาสีแดงจาง ไม่มีกลิ่นเหม็น
แพทย์ให้มาตรวจตามนัดเรื่องไหมละลายวันที่ 27 เมษายน 2565 และตรวจติดตามหลังคลอดพร้อมฟังผลตรวจ 12 กรกฎาคม 2565
อาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์ก่อนนัด คือ มีไข้สูง แผลฝีเย็บแยก น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น มีเลือดสดๆออกทางช่องคลอดโดย
D : Diet
-ควรรับประทานไข่เป็ดหรือไข่ไก่ ควรรับประทาน วันละ 1 ฟอง นอกจากจะมีโปรตีนมากแล้ว ยังมีธาตุเหล็กและ วิตามินเอ
-ถั่ว เมล็ดแห้งต่างๆและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองควรรับประทานสลับกับเนื้อสัตว์ และรับประทานเป็นประจํา
-ข้าวและผลิตภัณฑ์จากแป้งถ้าหากรับประทานเป็นข้าวซ้อมมือจะทําให้ได้วิตามินบี 1 และกากใยเพิ่มขึ้นซึ่งจะช่วยป้องกันอาการเหน็บชาและลดอาการท้องผูกได้
-. ผักและผลไม้ต่าง ๆ ควรรับประทานผลไม้หลัง อาหารทุกมื้อให้หลากหลายตามฤดูกาล
-ไขมันหรือน้ำมัน ควรเลือกน้ำมันที่ได้จากพืช เพราะไม่มีโคเลสเตอรอลและยังมีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น น้ำมัน
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
-อาหารที่มีรสจัดและกลิ่นฉุน เช่น ยำรสจัด หัวหอม เพราะอาจทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารได้ง่าย
-อาหารหมักดอง กาแฟ ชา น้ำอัดลม แอลกอฮออล์ เพราะสามารถผ่านทางน้ำนมได้
-อาหารที่ผ่านการปรุงด้วยผงชูรส ซุปก้อน ผงปรุงรส สี และสารปรุงแต่งต่างๆ เช่น กุนเชียง ลูกชิ้น ไส้กรอก
-ถ้าจะรับประทานยาควรปรึกษาแพทย์ก่อน
อาหารช่วยเพิ่มน้ำนม
-หัวปลี
-ขิง
-ใบกระเพรา
-ฟักทอง
-กุ้ยช่าย
-ใบแมงลัก
อาหารสำหรับ มารดาธาลัสซีเมีย
อาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น
เนื้อปลาทะเล
เนื้อไก่
ถั่วเหลือง
ถั่วเขียว
ข้าวกล้อง
อาหารทีมีกรดโฟลิก (Folic Acid) สูง เช่น
ตำลึง
กะหล่ำปลี
มะเขือเทศ
คะน้า
ไข่แดง
มันหวาน
ขนมปังธัญพืช
อาหารจำพวกถั่ว
กล้วย
อาหารที่มีวิตามินเอ วิตามินอี และวิตามินซีสูง เช่น
มะละกอ
ฟักทอง
เสาวรส
ฝรั่ง
มะยม
ผักหวาน
อาหารที่ผู้ป่วย โรคธาลัสซีเมีย ควรหลีกเลี่ยง
หอยชนิดต่าง ๆ
เนื้อสัตว์ที่มีสีแดงเช่น เนื้อวัว เนื้อหมู
ผลิตภัณฑ์จากเลือดสัตว์
เครื่องในสัตว์
เมล็ดฟักทอง
งาขาว
พยาธิภาพ Uterine Atony
ภาวะมดลูกไม่หดตัว (Uterine atony)
เป็นสาเหตุหลักของภาวะตกเลือดหลังคลอด (PPH : Post-partum hemorrhage) มากถึงร้อยละ 80 โดยภาวะตกเลือดหลังคลอดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่พบบ่อยที่สุดของผู้ป่วยสูติกรรม
การรักษาภาวะมดลูกหดรัดตัวไม่ดี
การนวดที่ยอดมดลูกอย่างเต็มที่ โดยใช้มือของผู้ทำคลอดหรือผู้ช่วย
การให้ oxytocin โดยผสม oxytocin 20 ยูนิต ใน lactated Ringer หรือ normal saline 1,000 มิลลิลิตรให้ทางหลอดเลือดดำ ในอัตรา 10 มิลลิลิตร ต่อนาที่ (จะได้oxytocin 200 มิลลิยูนิต ต่อนาที)ถ้ามดลูกเริ่มหดรัดตัวดีขึ้นแข็งขึ้นและเลือดเริ่มหยุดไหลให้ลดอัตราการให้ลงเหลือ2 มิลลิลิตร ต่อนาที จนกระทั่งเลือดหยุดดี และให้ยาในอัตราเดิมต่ออีกประมาณ 12 ชั่วโมง จึงหยุดการให้ยาได้ ไม่ควรให้oxytocinในขนาดสูงๆโดยไม่ผสมน้ำให้เจือจางเข้าหลอดเลือดดำอย่างรวดเร็วเพราะจะทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำอย่างรุนแรงหรือการเต้นของหัวใจผิดปกติได้ แนะนำให้ฉีดoxytocin ไม่เกิน 10 ยูนิต เข้าหลอดเลือดดำช้าๆ ในเวลา 1นาที เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง ดังกล่าว
ยาอีกตัวหนึ่งที่ให้ร่วมด้วย คือ methylergonovine
(Methergin) 0.2 มิลลิกรัม เข้ากล้าม หรือเข้าหลอดเลือดดำ ยา methylergonovine นี้อาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูงอย่างรุนแรงได้โดยเฉพาะในกรณีที่ฉีดเข้าหลอดเลือดดำในผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงจากการตั้งครรภ์(preeclampsia)อยู่แล้ว
มารดาได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวที่ห้องคลอด
Syntocinon 20 unit in RLS
Syntocinon 10 unit IM
Methogin 0.2 mg IV
Cytotec 5 tab rectal suppo stat
หอผู้ป่วยหลังคลอด
5%DW/2 1000 ml+Syntocinal 30 unit IV
Day1 มดลูกนิ่ม ที่ระดับสะดือ ระดับยอดมดลูก5นิ้ว
ความหมาย มดลูกหดรักตัวได้ไม่ดีเท่าที่ควรหลังคลอดบุตร
สาเหตุ
มดลูกขยายหรือยืดตัวมากเกินไป (Overdistended uterus)
G4 น้ำหนักทารก 3490 กรัม รกหนัก 800 กรัม
G1 น้ำหนัก3360 กรัม
G2 3300 กรัม
เคยคลอดบุตรหลายคน (Multiparity)
G4P2012
มีแผลที่ตัวมดลูกมาก่อน
G3 ปี 63 blighted ovum GA 12 wk.
ไม่ได้ขูดมดลูก
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะตกเลือดหลังคลอด(PPH)
4T
Tone
Tissue
Trombin
Trauma
การพยาบาล
ระยะหลังคลอด
-ในระยะ 2 ชม.แรก สังเกตการหดรัดตัวของมดลูก ปริมาณเลือดที่ออกทางช่องคลอด อาการและอาการแสดงของการเสียเลือด เช่น ชีพจรเต้นเร็วแต่เบา วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด
ตัวซีดและเย็น ปัสสาวะน้อยหรือไม่มีปัสสาวะ
กระหายน้ำและปากแห้ง ความรู้สึกตัวลดลงหรือหมดสติ
เหงื่อออกมาก และวัดสัญญาณชีพ ทุก 15-30 นาที
-ดูแลกระเพาะปัสสาวะให้ว่าง
-สอนมารดาคลึงมดลูก และตรวจดูมดลูกของตนเอง
-ตรวจแผลตามหลัก REEDA และตรวจการบวมของอวัยวะสืบพันธ์ุ
อาการและอาการแสดง
คลำหน้าท้องพบยอดมดลูกอยู่เหนือสะดือมีขนาดใหญ่และนิ่ม
Day1 คลำมดลูกอยู่ระดับสะดือ
วัดยอดวัดระดับยอดมดลูกได้ 5 นิ้ว
การพยาบาลขณะที่มีการตกเลือดเพื่อป้องกันภาวะช็อก
-ประเมินระดับความรู้สึกตัว
-บันทึกสัญญาณชีพ ทุก 15 นาที 4 ครั้ง 30 นาที 2 ครั้ง ทุก 1 ชม.จนกว่าปกติ
-งดน้ำงดอาหาร
-นอนหงายราบ หรือนอนตะแคงเพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง
-ให้ O2 canular 4-5 ลิตร/นาที
-ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย
-บันทึกปริมาณเลือดที่ออกจากช่องคลอด urine output ไม่ควรน้อยกว่า 3 ml/hr
-ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา และสังเกตอาการแทรกซ้อน
-แก้ไข้สาเหตุและให้การดูแลตามสาเหตุ
Tone : มดลูกหดรัดตัวไม่ดี ให้คลึงมดลูด ไล่ก้อนเลือดที่ค้างในโพรงมดลูก สวนปัสสาวะ ดูแลใหสารน้ำและยากระตุ้นการหดรัดตัวของมลูก เจาะเลือดและจองเลือด ถ้าหมดลูดไม่หดรัดตัวและไม่สามารถยับยั้งการตกเลือดไก้ เตรียมผ่าตัดมดลูก
Trauma : การฉีกขาดของช่องทางคลอดและมดลูก
ตรวจหารอยฉีกขาดและเย็บ ถ้ามีแผลขนาดใหญ่ หรือมี hematoma หรือฉีกขาดที่มดลูกให้เตรียมผ่าตัด
Tissue : เศษรกหรือดยื่อหุ้มทารกค้าง
เตรียมให้แพทยืล้วงรรกหรือขูดมดลูก ดูแลให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
Thrombin : ความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด
ดูแลให้ได้รับการรับการเลือดและยาแผนการรักษา
นิยามการตกเลือดหลังคลอด : คลอดธรรมชาติมีเลือดออกมากกว่า 500 ml ใน 24 ชม.หลังคลอด
ผ่าตัดคลอดมีเลือดออกมากว่า 1000 ml ใน 24 ชม.
หลังคลอด
การวินิจฉัย
2ชั่วโมงหลังคลอด มดลูกหรัดตัวไม่ค่อยดี
รายงานแพทย์ทราบ
แพทย์เหน็บcytotec 5 tab rectal stat
มดลูกหรัดตัวดีขึ้น
ย้ายไปหลังคลอด
ระดับยอดมดลูก>5นิ้ว
การพยาบาล
ให้IV
RLS 1000 ml IV drip 100 ml/hr add Syntocinon 20 unit ใน IV เดิม เหลือ 800 ml IV drip rate 120 ml/hr
5%DW/2 1000 ml +Syntocinon 30 unit rate 120ml/hr
ดูแลให้ได้ยากระตุ้นการหดรัดตัว
คลึงมดลูก
ใช้เวลาคลึงนานกว่ามดลูกจะกลมแข็ง
แม่มีภาวะโลหิตจาง
จองLPRC2Unit
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
Day 0
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 1 : มารดาเสี่ยงต่อการตกเลือดในระยะ 24 ชม.แรกหลังคลอดเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี
ข้อมูลสนับสนุน
Objective data
G4P2A1
มีแผลที่โพรงมดลูก
มดลูกลอยตัวอยู่ระดับสะดือ ใช้เวลาคลึงให้กลมแข็งนานกว่าปกติ
Blood loss 200 ml
น้ำหนักทารก 3490 g
รกหนัก 800 g
Hx. Thalassemia
วัตถุประสงค์ : เพื่อป้องกันการตกเลือดในระยะหลังคลอด
เกณฑ์การประเมินผล :
สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ (อุณหภูมิร่างกาย 36.5-37.4 องศาเซลเซียส,ชีพจร 60-100 ครั้ง/นาที,หายใจ 16-22 ครั้ง/นาที,BP < 140/90 mmHg, O2 sat 95-100% )
มดลูกหดรัดตัวดี ต่ำกว่าระดับสะดือ วันละ 0.5-1 นิ้ว
ไม่พบอาการขาดน้ำ
ระดับความรู้สึกตัวไม่ลดลง
ตรวจร่างกาย เยื่อบุตาไม่ซีด capillary refill < 2 วินาที
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ความเข้มข้นของเลือดไม่ลดลง
กิจกรรมการพยาบาล :
ประเมินระดับความรู้สึกตัว และสัญญาณชีพ 15 นาที 4 ครั้ง 30 นาที 2 ครั้ง และ 1 ชั่วโมงจนกว่าสัญญาณชีพจะคงที่ เพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงอาการแสดงภาวะตกเลือด เช่น หน้ามืด อ่อนเพลีย ความรู้สึกตัวลดลง ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตต่ำ
ตรวจร่างกาย เพื่อประเมินภาวะซีดจากการตกเลือด ได้แก่ เยื่อบุตา capillary refill
ตรวจสภาพกระเพาะปัสสาวะ หากมารดาไม่มีการปัสสาวะ กระตุ้นให้ปัสสาวะทุก 3-4 ชั่วโมง โดยการประคบเย็น วาง cold pack เหนือกระเพาะปัสสาวะ และกระตุ้นให้มารดามีการขยับร่างกายเพื่อให้กระเพาะปัสสาวะว่าง เป็นการลดสิ่งขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูก มดลูกจะหดรัดตัวดีขึ้น
ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก เวรละ 1 ครั้ง
บันทึกสารน้ำเข้าออกร่างกายของมารดาเพื่อเพื่อป้องกัน full bladder
แนะนำให้มารดากระตุ้นให้บุตรดูดนม เพื่อส่งเสริมให้ oxytocin หลั่งกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
แนะนำให้มารดาคลึงมดลูกบ่อยๆ เพื่อกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกช่วยให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็วและป้องกันการตกเลือดหลังคลอด
วัดระดับยอดมดลูกเพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงขนาดของมดลูก
ประเมินลักษณะ สี กลิ่น ปริมาณของน้ำคาวปลาและตรวจลักษณะของแผลฝีเย็บว่ามีแดงบวมช้ำหรือรอยแยกของแผลเพื่อประเมินน้ำคาวปลาว่าผิดปกติหรือไม่
ดูแลให้มารดาได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ RLS 1000 ml + Syntocinon 20 unit IV drip rate 100 ml/hr เพื่อทดแทนปริมาณเลือดและสารน้ำที่สูญเสียและกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ CBC ตามแผนการรักษา เพื่อประเมินภาวะซีดจากการตกเลือดหลังคลอด
ประเมินผล :
Day 1: สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ T=36.4 C P=76 bpm. RR=18 bpm BP 105/60 mmHg. PS=1
มดลูกหดรัดตัวไม่ดี วัดระดับยอดมดลูกได้ 5 นิ้ว ระดับสะดือ
ไม่มีอาการขาดน้ำ
ระดับความรู้สึกตัวปกติ
เยื่อบุตาไม่ซีด capillary refill < 2 วินาที
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 2 มารดาเสี่ยงพลัดตกหกล้มเนื่องจากอ่อนเพลีย
ข้อมูลสนับสนุน
S.D.
มารดาบอกว่ามีอาการอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ เจ็บแผลฝีเย็บ 4 คะแนน
O.D.
Blood loss 200 ml
NPO 1 ชั่วโมง (ก่อนคลอด)
Hx. Thalassemia
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ วันที่ 18/04/65
Hb 8.8 Hct 27.6 MCV 73.9
วัตถุประสงค์ : เพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้มของมารดาหลังคลอด
เกณฑ์การประเมินผล
-มารดาไม่เกิดอุบัติเหตุพลัดตกหกล้ม
-คะแนน Fall score = 0
กิจกรรมการพยาบาล :
1.ประเมินระดับความรู้สึกตัวของมารดา อาการอ่อนเพลีย
2.ให้มารดาพักผ่อนบนเตียงและไม่ให้ลุกจากเตียงเร็วเกินไป และช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวัน หากต้องการลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ ต้องมีคนพาไปเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ, ช่วยเหลือในการหยิบสิ่งของ
3.ดูแลจัดสิ่งแวดล้อมให้สะดวกต่อการใช้งานของมารดา และมีแสงสว่างเพียงพอ
4.ถ้ามารดาปวดปัสสาวะ และยังมีอาการอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ ให้เสิร์ฟ bed pan และกั้นม่านให้เรียบร้อย
5.ยกไม้กั้นเตียงทุกครั้งทุกครั้งหลังการให้การพยาบาล จนกว่ามารดาจะมีแรงช่วยเหลือตัวเองได้
ประเมินผล : มารดาสามารถลุกไปเข้าห้องน้ำเองได้ ไม่เกิดพลัดตกหกล้ม Fall score = 0 คะแนน
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 3 มารดามีภาวะไม่สุขสบายเนื่องจากปวดแผลฝีเย็บและมดลูกหลังคลอด
ข้อมูลสนับสนุน
S.D. มารดาบอกว่า ปวดแผลฝีเย็บและจะปวดมากเมื่อขยับตัว
O.D. pain score มดลูก 4 คะแนน , แผลฝีเย็บ 4 คะแนน
วัตถุประสงค์ : เพื่อบรรเทาภาวะไม่สุขสบายจากการปวดของมารดา
เกณฑ์การประเมินผล :
มารดาปวดมดลูกและแผลฝีเย็บลดลง
คะแนน pain score 0-3 คะแนน
กิจกรรมการพยาบาล :
1.ประเมินอาการปวดจากการสังเกตและซักถามมารดาหลังคลอด
2.อธิบายให้มารดาหลังคลอดเข้าใจว่า อาการปวดของหญิงหลังคลอดทุกราย เนื่องจากการหดรัดตัวของมดลูกตามธรรมชาติ เพื่อให้มดลูกเข้าสู่อุ้งเชิงกราน
3.หากมารดามีอาการปวดมาก pain score มากกว่า 4 คะแนน ใช้ถุงร้อนประคบ เพื่อให้เลือดไหลเวียดได้ดีขึ้นมดลูกคลายตัว
3.ถ้ามีอาการปวดมาก ให้ยา Ibuprofen (400 mgs) รับประทานครั้งละ 1 เม็ด 3 เวลาหลังอาหาร ตามแผนการรักษาของแพทย์
4.ให้การช่วยเหลือในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน บางอย่างที่ยังทำไม่ได้ เช่น การลุกขึ้นจากเตียง
ชวนพูดคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจและเกิดความสบายใจมากขึ้น และคลายความกังวล
ประเมินผล : มารดามีอาการปวดลดลง pain score ลดลงเหลือ 2 คะแนน คลายความวิตกกังวล
Day 1
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 1 : มารดาวิตกกังวลเนื่องจากขาดความรู้เรื่องการทำหมัน
ข้อมูลสนับสนุน
S.D. - มารดาถามวิธีการทำหมัน
O.D. - Set OR for TR 20/4/65
วัตถุประสงค์
เพื่อเตรียมความพร้อมของมารดาก่อนการทำหมัน
เกณฑ์การประเมินผล
มารดาสามารถตอบคำถามได้
มารดามีความรู้เรื่องการทำหมัน
มารดามีความวิตกกังวลลดลง
กิจกรรมการพยาบาล
ซักประวัติมารดาและตรวจสอบว่าไม่ได้ตั้งครรภ์อยู่
ตรวจร่างกายและตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ Chest X-ray, EKG
ให้คำแนะนำเรื่องการทำหมัน โดยขั้นตอนการทำหมัน
จะอยู่ในจะอยู่ในท่านอนหงาย
การได้รับยาระงับความรู้สึกอาจทำได้โดยใช้ยาชาเฉพาะที่ยาระงับความรู้สึกเฉพาะส่วนหรือการให้ยาสลบ
หลังจากนั้นทำความสะอาดหน้าท้อง
แพทย์จะทำการผ่าเป็นแผลขนาดเล็กตำแหน่งที่เหมาะสม
เมื่อเข้าไปในช่องท้องจะใช้อุปกรณ์จับท่อนำไข่ไล่ไปจนปลายเปิดของท่อนำไข่ที่มีลักษณะคล้ายปากแตร
จากนั้นก็จะผูกและตัดบางส่วนของท่อนำไข่ออกบางส่วน
ใช้อุปกรณ์นี้หรือรัดท่อนำไข่
แพทย์อาจส่งภาพอาจส่งชิ้นเนื้อของท่อนำไข่ที่ตัดออกเพื่อส่งตรวจทางพยาธิวิทยา
ให้ให้มารดาเซ็นยินยอมเข้ารับการผ่าตัด
งดน้ำงดอาหารหลังเที่ยงคืนและ ดูแลให้สารน้ำเป็น RLS 1000 ml IV rate 100 ml/hr
ทำความสะอาดบริเวณท้องน้อยและสะดือที่จะทำการผ่าตัด
ให้มารดาถ่ายปัสสาวะก่อนไปผ่าตัด
ให้มารดาพูดคุยซักถามข้อที่สงสัย
การประเมินผล
มารดาสามารถตอบคำถามได้
มารดามีความรู้เรื่องการทำหมัน
มารดามีความวิตกกังวลลดลง
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 2 : มารดาเสี่ยงต่อการติดเชื้อเนื่องจากมีแผลในโพรงมดลูกและแผลฝีเย็บ
ข้อมูลสนับสนุน
OD :
Tear 2nd degree
ตัดแผลฝีเย็บแบบ Right medio-lateral Episiotomy
มีแผลในโพรงมดลูกจากการคลอดรก
วัตถุประสงค์ :
เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่มดลูกและแผลฝีเย็บ
เกณฑ์การประเมินผล :
มดลูกหดรัดตัวดี
สัญญาณชีพปกติ (อุณหภูมิ 36.5-37.4 องศาเซลเซียส,ชีพจร 60-100 ครั้ง/นาที,หายใจ 16-22 ครั้ง/นาที,BP < 140/90 mmHg., O2 sat 95-100%)
น้ำคาวปลาไหลดีไม่มีกลิ่นเหม็น
การเปลี่ยนแปลงของสีปกติ คือ
1-3 วันแรกมีสีแดงสด
วันที่ 4-10 มีสีชมพูหรือสีน้ำตาล
และหลังวันที่ 10 แล้วมี มีสีเหลืองหรือครีม
กิจกรรมการพยาบาล :
สังเกดลักษณะน้ำคาวปลาสีกลิ่นปริมาณ
ทำการพยาบาลมารดา โดยใช้หลัก Aseptic technique
ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะอุณหภูมิร่างกาย
แนะนำให้มารดาชำระล้างอวัยวะสืบพันธุ์โดยใช้หลัก Aseptic technique ดูเวลาโดยล้างจากหน้าไปหลังอย่างน้อยทุก 3- 4 ชั่วโมงและทุกครั้งหลังถ่ายอุจจาระปัสสาวะและเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2- 3 ชั่วโมงหรือเมื่อรู้สึกเปียกชุ่มโดยเปลี่ยนจากหน้าไปหลังเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากทวารหนักสู่ช่องทางคลอด
5.จัดสิ่งแวดล้อมเตียงนอนผ้าปูเตียงและข้างเตียงให้สะอาดและจัดให้พักผ่อนในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทดีเพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการตามแผนการรักษาของแพทย์ เช่น CBC , UA
การประเมินผล :
Day 2: 1. สัญญาณชีพปกติ T=36.4 C P=76 bpm. RR=18 bpm BP
105/60 mmHg. PS=1
แผลฝีเย็บไม่มี bleeding ไม่บวม ไม่มี hematoma แผลติดสนิทดี
น้ำคาวปลามีสีแดงสดไม่มีกลิ่นเหม็น ประมาณ 40 ml
ระดับยอดมดลูก 5 นิ้ว
Day 2
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 1 มารดาเสี่ยงต่อการเกิดแทรกซ้อนจากการได้รับยาระงับความรู้สึก
ข้อมูลสนับสนุน
OD
มารดาไป OR for TR
มารดาได้รับยาระงับความรู้สึกแบบ TIVA
วัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยาระงับความรู้สึก
เกณฑ์การประเมินผล
ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยาระงับความรู้สึกได้แก่
คลื่นไส้อาเจียน
ปวดศีรษะ
ระดับหายใจลดลง
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินระดับความรู้สึกตัวของมารดาว่า หลับ ปลุกตื่นไม่ตื่น หรือตื่นตลอดเวลา โดยเรียกชื่อ นามสกุล การรู้จักเวลา สถานที่ อย่างใกล้ชิด ทุก 15-30 นาที เพื่อดูระดับความรู้สึกตัวของมารดา
วัดและบันทึกสัญญาณชีพและความดันโลหิต ทุก 15 นาที จำนวน 4 ครั้ง ทุก 30 นาที 2 ครั้งและทุก 1 ชั่วโมง จนกว่าจะคงที่ติดต่อกัน 2 ครั้ง และทุก 4 ชั่วโมง จนครบ 24 ชั่วโมงแรก
ประเมินภาวะพร่องออกซิเจน เช่น กระสับกระส่าย เล็บมือและเล็บ เท้าเขียว หายใจลำบาก ถ้าพบรายงานแพทย์ทันที
ดูแลให้มารดาจิบน้ำและค่อยๆรับประทานอาหาร
ประเมินอาการปวดและให้และให้ยาตามแผนการรักษา คือ ibuprofen 400 mg รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้งหลังอาหาร
การประเมินผล
ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยาระงับความรู้สึกได้แก่
คลื่นไส้อาเจียน
ปวดศีรษะ
ระดับหายใจลดลง
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 2 ไม่สุขสบายเนื่องจากปวดแผลผ่าตัดทำหมัน
ข้อมูลสนับสนุน
S.D. มารดาบ่นปวดแผล
O.D. มารดามีสีหน้าไม่สดชื่น คิ้วขมวด โวยวายเนื่องจากปวดแผลทำหมัน คะแนน pain score 8 คะแนน
วัตถุประสงค์ : เพื่อบรรเทาภาวะไม่สุขสบายจากการปวดแผลทำหมันของมารดา
เกณฑ์การประเมินผล
-มารดาปวดแผลทำหมันบริเวณหน้าท้องลดลง คะแนน pain score ลดลงไม่เกิน 1 คะแนน
-ไม่มีแผลซึมบริเวณก๊อซ
การพยาบาล
1.ประเมินอาการปวดจากการสังเกตและการซักถามมารดาหลังคลอด
2.ประเมินแผลผ่าตัด ว่ามีเลือดซึมหรือไม่ ถ้ามีรีบรายงานแพทย์ และเปลี่ยนผ้าปิดแผลใหม่
3.ดูแลให้ยาแก้ปวดตามแผนการรักษาของแพทย์
4.จัดท่านอนให้มารดาสุขสบาย เช่น ท่านอนราบ เพื่อลดการตึงการตึงของแผล
5.ช่วยเหลือการทำกิจกรรมบางอย่างที่มารดายังไม่สามารถทำได้ ให้กำลังใจมารดาและพูดคุยเบี่ยงเบนเพื่อให้มารดาลดความเจ็บปวด
6.แนะนำให้มารดาไม่ให้แผลถูกน้ำประมาณ 7 วัน มารดาเย็บแผลด้วยไหมละลาย หลังเปิดแผลแล้ว หากแผลติดกันดี สามารถถูกน้ำได้
7.ดูแลการทำกิจวัตรประจำวันของมารดา เช่น แนะนำการพยุงแผลขณะเดิน การใช้หมอนรองใต้ท้องขณะนอนตะแคง ป้องกันการดึงรั้งของแผล
ประเมินผล : มารดามีอาการปวดแผลลดลง มีสีหน้าที่สดชื่นขึ้น ทานอาหารได้ นอนหลับได้
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 3 ส่งเสริมการเลี้ยงด้วยน้ำนม
ข้อมูลสนับสนุน
S.D. มารดาบอกว่าจะเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา 1-2 เดือน เนื่องจากมารดามีนมไม่เพียงพอและเลี้ยงบุตร 2 คนที่ผ่านมาให้นมบุตร 1-2 เดือนเช่นกัน
O.D. -มารดามีภาวะคัดตึงเต้านมทั้งสองข้าง
-มารดามีการหดรัดตัวของมดลูกไม่ดี มดลูกไม่กลมแข็ง
วัตถุประสงค์ : เพื่อส่งเสริมให้มารดาเลี้ยงบุตรด้วยนมอย่างน้อย 6 เดือนและเข้าเต้าอย่างถูกวิธี
เกณฑ์การประเมินผล
1.มารดาสามารถนำบุตรเข้าเต้าได้ถูกวิธี
2.เต้านมไม่มีการคัดตึง ไม่มีการอักเสบ หัวนมไม่แตก
3.มารดามีความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงบุตรด้วยนม
กิจกรรมการพยาบาล :
1.พูดคุยแนะนำถึงประโยชน์ของนมแม่ที่มีต่อลูกและต่อแม่ แนะนำให้เลี้ยงดูบุตรด้วยนมมันดาอย่างเดียวนานอย่างน้อย 6 เดือนเพราะน้ำนมมารดามีประโยชน์มีคุณค่าทางสารอาหารสูงเหมาะสำหรับทารกสะอาดประหยัดและมีภูมิต้านทานโรค
2.สอนและฝึกปฏิบัติการให้นมบุตรได้ท่าที่ถูกต้องเพื่อช่วยให้มารดาหลังคลอดเกิดความมั่นใจในการเลี้ยงดูลูกด้วยนมแม่โดยอุ้มให้ถูกต้องใช้มือจับเต้านม โดยใช้นิ้วหัวแม่มืออยู่ด้านบน และนิ้วอื่นๆรองรับเต้านมปากทารกอยู่บริเวณลานนม แนะนำการเข้าเต้า ดูดเร็ว ดูดบ่อย ดูดถูกวิธี
3.ให้ญาติและสามีเข้ามามีส่วนร่วมในการให้นมบุตรเช่นช่วยประคองหัวเด็กขณะมารดาให้นมบุตร
4.พูดคุยให้กำลังใจมันดาหลังคลอดเกี่ยวกับการเลี้ยงลองดูบุตรด้วยนมแม่ คอยดูแลและให้ความช่วยเหลือการให้นมบุตรตลอดเวลาที่มีปัญหา
5.แนะนำอาหารเพิ่มน้ำนมแก่มารดา เช่น หัวปลี น้ำขิง นมร้อน และดื่มน้ำประมาณวันนละ 15-20 แก้ว
6.สอนและจัดท่านอนที่ถูกต้องหลังดูดนมโดยอุ้มทารกเรอแล้ว 15 นาที จึงจะให้นอน โดยตะแคงด้านใดด้านหนึ่งเพื่อป้องกันการสำลักนมและยกศีรษะสูงเล็กน้อย
7.หากมารดามีข้อซักถามพยาบาลเปิดโอกาสให้ซักถามและตอบด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแสดงความเข้าใจ
8.พูดคุยแลกเปลี่ยน ผลดี ผลเสียของการเลี้ยลูกด้วยนมด้วยความเข้าใจ
ประเมินผล : มารดามีความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงบุตรด้วยนม ให้นมถูกต้องและถูกวิธี ครบ 3 ดูด เต้านมไม่มีการคัดตึง อักเสบ ไม่มีหัวนมแตก ทารกำด้รับนมในปริมาณที่เพียงพอ สังเกตจากหลังเข้าเต้าทารกไม่ร้องงอแง นอนหลับ
Day 3
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 1 : มารดาเสี่ยงต่อการติดเชื้อเนื่องจากมีแผลทำหมัน
ข้อมูลสนับสนุน
มีแผลทำหมันบริเวณหน้าท้อง
วัตถุประสงค์ : เพื่อป้องกันติดเชื้อที่แผลผ่าตัดทำหมัน
เกณฑ์การประเมินผล :
สัญญาณชีพปกติ (อุณหภูมิร่างกาย 36.5-37.4 องศาเซลเซียส,ชีพจร 60-100 ครั้ง/นาที,หายใจ 16-22 ครั้ง/นาที,BP < 140/90 mmHg, O2 sat 95-100%
แผลทำหมันไม่มี discharge ซึม
กิจกรรมการพยาบาล :
1.ประเมินและบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง เพื่อติดตามอาการของภาวะติดเชื้อที่แผลทำหมันโดยเฉพาะอุณหภูมิร่างกาย หากผิดปกติควรรีบรายงานแพทย์
2.ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะติดเชื้อ เช่น มีไข้ ปวดบริเวณแผล แผลมีหนอง มี discharge ซึม ทุก8 ชั่วโมง
3.ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
3.1 แนะนำมารดาให้ดูแลแผลผ่าตัดไม่ให้แผลถูกน้ำ ไม่ใช้มือจับ แกะ เกาแผลและสังเกตสิ่งคัดหลังที่ออกมาจากแผลเพราะทำให้แผลมีโอกาสติดเชื้ออักเสบหรือหายช้าได้
3.2 หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้ หนาวสั่น ปวดแผลมาก ควรแจ้งพยาบาลให้ทราบทันที
การประเมินผล :
(21/04/65) 10.00 น. T= 37.0 องศาเซลเซียส,PR = 100 bpm, RR = 18 bpm, BP = 125/75 mmHg, PS = 2 คะแนน แผลทำหมันไม่มี discharge ซึม
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 2: มารดามีภาวะท้องผูก
ข้อมูลสนับสนุน
SD.
มารดาบอกว่ายังไม่ถ่ายอุจจาระตั้งแต่วันที่คลอด
มารดาบอกว่ายังไม่ผายลม
OD.
มารดา NPO ก่อนไปทำหมัน
มารดารับประทานอาหารได้น้อย
bowel sounds 10 ครั้งต่อนาที
-ท้องไม่ตึง เคาะไม่ได้เนื่องจากมารดาปวดแผลทำหมัน PS = 8 คะแนน
วัตถุประสงค์ : มารดาถ่ายอุจจาระได้ปกติ
เกณฑ์การประเมินผล
ขับถ่ายอุจจาระทุกวันหรือทุก2-3 วัน มีลักษณะปกติ
มารดารับประทานอาหารได้มากขึ้น
bowel sounds อยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ 5-12 ครั้งต่อนาที
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินสภาพร่างกายมารดาและประเมินการถ่ายอุจจาระทุกวัน
2.กระตุ้นให้มารดาดื่มน้ำมากๆ 2-3 ลิตรต่อวัน
3.ส่งเสริมให้มารดารับประทานให้มากๆ โดยรับประทานให้หมดตามที่โรงพยาบาลจัดให้ และแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีกากใย เช่น ผัก ผลไม้ เมื่อมารดากลับบ้าน
4.กระตุ้นให้มารดาเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การทำกิจวัตรประจำวัน การอาบน้ำ การลุกไปห้องน้ำ เพื่อเพิ่มการคลื่อนไหวของลำไส้ และ ฟัง Bowel sounds วันละ1-2 ครั้งเช้า-เย็น
5.ฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา
6.ให้มารดาทำจิตใจให้สบาย พูดคุยซักถามถึงความเครียดหรือวิตกกังวล
7.ถ้ามารดายังไม่ถ่ายให้รายงานแพทย์เพื่อใช้ยาช่วยในการรักษา เช่น ให้ยาระบาย เป็นต้น
การประเมินผล
มารดายังไม่ถ่ายอุจจาระ ไม่มีอาการท้องอืด
มารดารับประทานอาหารได้มากขึ้น
ฟัง bowel sounds ได้12 ครั้งต่อนาที
การตรวจร่างกาย
วันที่ 19/04/65
ผิวหนัง : สีผิวคล้ำ ไม่มีผื่น ไม่มีจ้ำเลือด ไม่มีรอยแดง ไม่มีแผลผ่าตัด
ศีรษะ : ศีรษะสมมาตรกันตี เส้นผมดำเงา แข็งแรงดี หนังศีรษะไม่ลอก ไม่มีเหา
ตา : เปลือกตาทั้งสองข้างไม่บวม เยื่อบุตาทั้งสองข้างไม่ชีด
จมูก : จมูกด้านซ้าย-ขวาสมมาตรตี ไม่บวม หายใจได้ปกติ ไม่มีหายใจลำบาก
ปากและฟัน : ริมสีปากสีแดงอมชมพู ไม่แห้งแตกลอก ไม่มีเหงือกบวมไม่มีแผลร้อนใน ไม่มีฟันผุ
ต่อมไทรอยด์ : คลำไม่พบก้อน ไม่มีไทรอยด์โต
ปอด : ปกติดี หายใจสม่ำเสมอ ไม่มีเสียง Crepitation wheezing
หัวใจ : จังหวะการเต้นของหัวใจสม่ำเสมอ ไม่พบเสียง Murmur capillary refill < 2 s
เต้านม : เต้านมทั้งสองข้างสมมาตรกัน ลานนมนิ่มหัวนมทั้งสองข้างมีขนาดเท่ากัน หัวนมปกติไม่มีบอดหรือบุ๋ม ไม่มีก้อน ไม่มีกดเจ็บ
อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก : ลักษณะปกติ
ขาและเท้า : ไม่พบความผิดปกติของกระดูก ขาและเท้าไม่บวม สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติไม่พบอาการของเส้นเลือดขอด
สภาพจิตใจอารมณ์และสังคม
ผู้ป่วยมีสภาพจิตใจที่ดี ไม่มีความเครียด ไม่มีสิ่งที่ทำให้ไม่สบายใจ มีการรับรู้ตนเองและยอมรับ
เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของตนเอง มีบทบาทและสัมพันธภาพที่ดี
ลักษณะทั่วไป
มารดาหลังคลอด หญิงไทย อายุ 25ปี G4P2012
ผมยาวสีดำ ถามตอบรู้เรื่อง conjunctiva สีชมพูแดง หายใจ Room air ไม่มีหอบเหนื่อย บริเวณหน้าท้องไม่มีแผล มดลูกหดตัวไม่ค่อยดี ลอยเหนือสะดือ แผลฝีเย็บไม่แดง ไม่มีเลือดซึม ขอบแผลรอบชิดติดกัน มารดาปัสสาวะเองได้ ช่วยเหลือตนเองได้
การไหลของน้ำนม
ระดับ 0 (น้ำนมไม่ไหล) หมายถึง เมื่อบีบลานนมแล้วไม่มีน้ำนมไหลออกมา
ระดับ 1 (น้ำนมเริ่มไหล) หมายถึง เมื่อบีบลานนมแล้วมีน้ำนมไหลออกมา 1-2 หยด
ระดับ 2 (น้ำนมไหลแล้ว) หมายถึง เมื่อบีบลานนมแล้วไม่มีน้ำนมไหลออกมาตั้งแต่ 3 หยดขึ้นไป แต่น้ำนมไม่ไหลเป็นสาย (ไหลริน)
ระดับ 3 (น้ำนมไหลดี) หมายถึง เมื่อบีบลานนมแล้วน้ำนมไหลเป็นสาย (ไหลริน) หรือไหลพุ่ง