Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
🩸บทที่ 3🩸 การพยาบาลเด็กและวัยรุ่น ที่มีปัญหาโลหิตวิทยาและนีโอพลาสมา -…
🩸บทที่ 3🩸
การพยาบาลเด็กและวัยรุ่น
ที่มีปัญหาโลหิตวิทยาและนีโอพลาสมา
5) Lymphoma (มะเร็งต่อมน้ำเหลือง)
สาเหตุ
ไม่ทราบแน่นอน
การติดเชื้อ Mononucleosis
Epstein - Barr Virus
ชนิดของ Lymphoma
Hodgkin's lymphoma
การวินิจฉัย
วัดขนาดต่อมน้ำเหลือง
Chest film
CT
MRI
Biopsy พบ reed sternbery cell
การรักษา
รังสีรักษา : ระยะที่ 1และ 2 แต่มีผลต่ออวัยวะข้างเคียง
เคมีบำบัด : ระยะที่ 3
MOPP S/E มากใช้ COPP แทน ยาชุดใหม่ ABVD
อาการและอาการแสดง
มีต่อมน้ำเหลืองโต ไม่เจ็บ พบมากบริเวณ supraclavicle และคอ มีไข้สูง เหงื่อออกมากตอนกลางคืน น้ำหนักลดเกิน 10 % ในระยะ 6 เดือนที่ผ่านมา
การแบ่งระยะความรุนแรงของโรค ระยะที่ 1 ผิดปกติที่ต่อมน้ำเหลืองแห่งเดียว อวัยวะอื่นแห่งเดียว เช่น ตับ ปอด ไต ลำไส้ ระยะที่ 2 ผิดปกติที่ต่อมน้ำเหลืองมากกว่า 2 แห่ง อยู่ด้านเดียวกับกระบังลม ระยะที่ 3 ต่อมน้ำเหลืองโตทั้ง 2 ด้านของกระบังลม ระยะที่ 4 มีการกระจายทั่วร่างกาย
พบบ่อยในเด็กผู้ชาย > เด็กผู้หญิง พบมากในเด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่
Non Hodgkin's lymphoma
อาการและอาการแสดง
พบได้บ่อยกว่า HD และพบในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 3 ปี พบ 7-11 ปี
มีอาการรวดเร็วและมีอาการหลายแห่งในร่างกาย มีต่อมน้ำเหลืองโตโดยเฉพาะที่คอ
ถ้าระยะที่ 3 และ 4 อาจพบตับม้ามโต อาจคลำพบก้อนในท้องโตหรือตรวจพบ mediastinum mass ในผู้ป่วย primary gastonitestinal lymphoma ปวดท้อง อาเจียน ท้องเดิน ท้องโต
สาเหตุ
Epstein - Barr Virus
เด็กที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องมาแต่กำเนิด
กรรมพันธุ์
การได้รับรังสี เช่น ทารกที่ได้รับรังสี X-ray ขณะอยู่ในครรภ์มารดา
ได้รับยากดระบบภูมิคุ้มกันในผู้ที่เตรียมการเพื่อการปลูกถ่ายอวัยวะ
การแบ่งระยะความรุนแรงของโรค
ระยะที่ 1 มีรอยโรคเกิดกับต่อมน้ำเหลืองต่อมเดียวหรืออวัยวะเดียว และอาจะพบก้อนที่ช่องอก
ช่องท้อง
ระยะที่ 2 มีรอยโรคเกิดกับอวัยวะ ร่วมกับต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงอยู่ด้านเดียวกันของกระบังลม
ระยะที่ 3 มีรอยโรคอยู่ 2 ด้านของกระบังลม
1.อวัยวะอื่นๆ 2 แห่ง
2.ต่อมน้ำเหลืองโตในช่องอก ช่องท้องและอาจมีก้อนอยู่ข้างๆกระดูกสันหลัง
ระยะที่ 4 มีรอยโรคดังกล่าวได้แล้วในระยะใดระยะหนึ่ง และมีการแพร่กระจายไปยังระบบประสาทส่วนกลางและไขกระดูก
การรักษา
การผ่าตัด รายที่มีก้อนในท้อง
ฉายรังสี อาจช่วยลดการอุดตันและลดปวด มักร่วมกับยาเคมีบำบัด
ยาเคมีบำบัด ใช้ในเด็กที่มีการกระจายโรครุนแรง ยาที่ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว
Burkitt's lymphoma
อาการและอาการแสดง
พบในเด็กผู้ชายอายุ 4-5 ปี
ผู้ป่วยมีก้อนที่ขากรรไกร maxilla
ตาโปน
มีก้อนในช่องท้องที่ไตหรือรังไข่
**ไม่ค่อยพบที่กระดูก เต้านม ลูกอัณฑะ
การพยาบาล
การพยาบาลก่อนได้รับยาเคมีบำบัด
อธิบายถึงประโยชน์และความจำเป็นในการรักษา เพื่อให้เกิดความยอมรับและความร่วมมือในการรักษา
ติดตามผลการตรวจพิเศษบางชนิดการให้ยาเคมีบำบัด เช่น Methotrexate จะมีผลต่อไต่ L-Asparaginase ยามีผลทำให้เกิดภาวะ Acute Pancreatitis ได้
ขณะให้ยา ดูแล ระมัดระวังบริเวณที่ให้ยา ไม่ให้มีการเคลื่อนไหวมาก เพราะอาจทำให้เกิดการรั่วของยาออกนอกหลอดเลือด
ดูแลให้ได้รับอาหารอย่างเพียงพอ เพื่อช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
ดูแลให้ผู้ป่วยทำความสะอาดช่องปาก
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ
สังเกตอาการผิดปกติ และภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่น ผื่นขึ้นตามตัว หายใจหอบเหนื่อย แน่นหน้าอก หากพบอาการดังกล่าวให้รายงานแพทย์
ป้องกันและให้การช่วยเหลือ เมื่อเกิดอาการข้างเคียงจากยาเคมีบำบัด
ดูแลทางด้านจิตใจ
ปัญหาทางการพยาบาลหลังรับยาเคมีบำบัด
ภาวะติดเชื้อง่าย เนื่องจากเม็ดเลือดขาวทุกชนิดต่ำ
**ถ้าผู้ป่วยมี ANC <500/mm3 ควรให้การพยาบาลป้องกันการติดเชื้ออย่างเข้มงวด
ภาวะเลือดออกง่ายหยุดยาก เนื่องจากภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
การขาดออกซิเจนและเกิดอุบัติเหตุง่าย เนื่องจากภาวะซีด
การอักเสบของเยื่อบุช่องปาก
อาการคลื่นไส้ อาเจีน
ผมร่วง
ผู้ป่วยเด็กที่ได้รับรังสีรักษา
ก่อนฉายรังสีต้องเตรียมสุขภาพร่างกายทั่วไปให้พร้อม
เตรียมผู้ป่วยและผู้ปกครองให้เข้าใจถึงวิธีการและประโยชน์ของการฉายรังสี
หลังการฉายรังสี ควรดูแลผิวหนังบริเวณที่ฉายรังสีไม่ให้ถูกน้ำ
สังเกตและติดตามค่าผลเลือด โดยเฉพาะ WBC ถ้าต่ำมากๆ รายงานแพทย์ เพื่อพิจารณาหยุดการรักษาชั่วคราว
สังเกตอาการทั่วๆไปของเด็ก เช่น ซึมลง เบื่ออาหาร ท้องร่วง ต้องรายงานให้แพทย์ทราบ
ดูแลให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง
6) Leukemia (โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว)
สาเหตุ
เซลล์มะเร็งเข้าไปแทนที่ภายในไขกระดูก ทำให้มีการสร้างเม็ดเลือดผิดปกติ โดยเฉพาะการกสร้าง WBC
มีการสร้าง Blast มากกว่าปกติและไม่สามารถคสบคุมได้
Acute Lymphoblastic Leukemia (ALL)
L1 : เป็น lymphoblast ขนาดเล็ก มีไซโตพลสมน้อย มีนิวเคลียสไม่ชัดเจนหรือไม่มีนิวเลียส นิวเคลียสสีสม่ำเสมอ
L2 : เป็น lymphoblast ขนาดใหญ่ต่างกัน มีไซโตพลาสมมาก เห็นนิวเคลียาชัดเจน ย้อมติดสีฟ้าอ่อน
L3 : เป็น lymphoblast ขนาดใหญ่เท่าๆกัน มีนิวเคลียสชัดเจนจำนวน 1-2 อัน ย้อมติดสีฟ้าเข้ม
อาการและอาการแสดง
หน้าที่ของกระดูกเสียไป
Blast เพิ่มขึ้น -> ติดเชื้อง่าย
WBC ลดลง -> ซีด
Platelet ลดลง -> เลือดออก
การลุกลามในอวัยวะอื่นๆ
ต่อมน้ำเหลืองในช่องอก -> หายใจลำบาก
เยื่อหุ้มสมอง -> ปวดหัว อาเจียน ตามัว
เนื้อสมอง -> แขนขาอ่อนแรง ชัก อัมพาต
ระบบสืบพันธุ์ -> ลูกอัณฑะโต แข็งแต่ไม่ปวด
ระบบทางเดินอาหาร -> เลือดออก แผลในปาก
ระบบกระดูกและข้อ -> ปวดกระดูก
การวินิจฉัยโรค
ตรวจไขกระดูก
: พบเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเซลล์ตัวอ่อนไปแทนที่ไขกระดูกปกติจากจำนวนมาก โดยอย่างน้อยต้องมเซลล์เม็ดเลือดขาวตัวอ่อนมากกว่าร้อยละ 5 การแบ่งระดับของไขกระดูกตามจำนวนของเซลล์เม็ดเลือดขาวตัวอ่อน
M1 = ไขกระดูกปกติ จะมี blast <ร้อยละ 5 และมี lymphocyte <ร้อยละ 40
M2 = ไขกระดูกที่มีจำนวน blast ร้อยละ 5-25 และมี lymphocyte ร้อยละ 40-70
M3 = ไขกระดูกมีจำนวน blast >ร้อยละ 25 และมี lymphocyte >ร้อยละ 70
การรักษา
การใช้เคมีบำบัด ( Chemotherapy)
CNS Prophylaxis Phase : เป็นการป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็งเข้าสู่ระบบประสาท โดยฉายรังสีร่วมกับฉีดยาเคมีบำบัดทางไขสันหลัง (IT) ใช้เวลา 3 weeks
Induction of Remission : เป็นช่วงของการรักษาโรคให้สงบ โดยฆ่าเซลล์มะเร็งให้ตายมากที่สุด เร็วที่สุด ทำอันตรายเซลล์ปกติน้อยที่สุด ใช้เวลา 5-6 weeks
Intensiv Phase (Consolidation Phase) : ทำลายเซลล์ที่หลงเหลือ ใช้ยาขนาดสูงๆ ระยะเวลาสั้นๆ ใช้เวลา 3 weeks
Maintenance Therapy : รับยาต่อ ~3-5 ปี อาการดีขึ้นจึงหยุดยา
ให้ยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy)
*
แต่ฤทธิ์ของยากดไขกระดูกทำให้จำนวนWBCลดลง ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสติดเชื้อได้
รักษาตามอาการ : ให้เลือด ยาปฏิชีวนะ
Acute Non-Lymphoblast Leukemia (ANLL)
Myeloblastic, Monoblastic, Myelomonoblastic
Promyeloblastic, Erythroleukemia, Megakaryoblastic
Chronic Leukemia
8) Neuroblastoma (มะเร็งของเนื้อเยื่อประสาท)
เป็นมะเร็งที่ประกอบด้วยเซลล์อ่อนของเซลล์ประสาท (Neural blast)
ลักษณะการกระจายและการดำเนินโรคต่างกันตามอวัยวะที่เป็น
เป็นเนื้องอกที่พบมากที่สุดในเด็กตั้งแต่แรกเกิด-5 ปี พบในเด็กชายและเด็กหญิงเท่าๆกัน
เป็นมะเร็งของระบบประสาท Sympathetic จึงมีการสร้าง Catecholamine ออกมาจำนวนมาก
อาการและอาการแสดง
พบบ่อยคือ มีก้อน ในเด็ก >1 ปี พบก้อนที่ช่องท้อง หรือบริเวณต่อมหมวกไตเป็นที่เริ่มแรก
ในเด็กทารกมักพบก้อนที่บริเวณช่องอก อาจพบบางรายมีก้อนที่ศีรษะ
มีอาการต่อมน้ำเหลืองโต มีไข้ ซีด น้ำหนักตัวลด อ่อนเพลีย รับประทานอาหารได้น้อย
ระยะที่ 3 เนื้องอกกระจายไปด้านตรงข้ามช่องท้อง
ระยะที่ 4 เนื้องอกอยู่ในตำแหน่งเหมือนระยะที่ 1 และ 2 และมีการแพร่กระจายไปที่ตับ ผิวหนัง หรือไขกระดูกเท่านั้น
การแบ่งระยะ
ระยะที่ 1 : เนื้องอกจำกัดอยู่ที่จุดเริ่ม และตัดออกได้หมด ไม่มีการกระจายไปต่อมน้ำเหลือง
ระยะที่ 2A : เนื้องอกอยู่ด้านเดียวของช่องท้อง แต่ตัดออกได้ไม่หมด ไม่มีการกระจายไปต่อมน้ำเหลือง
ระยะที่ 2B : เนื้องอกอยู่ด้านเดียวของช่องท้อง อาจตัดออกได้หมดหรือไม่หมดก็ได้ มีการกระจายไปต่อมน้ำเหลืองด้านเดียวกับในช่องท้อง
การรักษา
การผ่าตัด ตัดเนื้องอกออกมาให้ได้มากที่สุด
และตัดตัวอย่างต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียงมาตรวจ
การใช้รังสีรักษาร่วมกับให้ยาเคมี โดยขึ้นกับระยะของโรค อายุ
การพยาบาล
ให้การพยาบาลตามอาการ ได้แก่ ทำความสะอาด เช็ดตัวให้แห้ง เนื่องจากมีการหลั่ง Catheolamine ออกมา
เตรียมผู้ป่วยไปห้องผ่าตัด และกลับจากผ่าตัด
7) Wilm's tumor (มะเร็งไตในเด็ก)
อาการและอาการแสดง
เป็น Large, encapsulated tumor ที่เกิดขึ้นใน renal parenchyma cell มักพบในไตเพียวข้างใดข้างหนึ่ง ส่วนใหญ่มักจะพบใน left kidney
เกิดขึ้นระหว่างที่มีการเจริญเติบโตของ fetus ในครรภ์ ในระยะ Embryonic period
พบมากที่สุดในเด็กอายุระหว่าง 1-3 ปี
การพยากรณ์โรคดี ถ้าไม่มีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น
การรักษา
Nephrectomy with total removal of tumor
ติดตามด้วยการฉายรังสีในการรักษา wilm's tumor ในระยะ stage II, III, และ IV ในระยะ stage I ไม่จำเป็นต้องฉายรังสี แต่ถ้าผลพยาธิวิทยาของชิ้นเนื้อไม่ดี ก็อาจจำเป็นต้องใช้การรักษาด้วยรังสืร่วมด้วย
หลังผ่าตัดอาจใช้การรักษาด้วยยาเคมีบำบัดร่วมด้วย
Vincristine คู่กับ Daunorubicin, Doxorubicin
การประเมินสภาพผู้ป่วย
Staging
Staging I : พบเฉพาะใน kidney
Staging II : tumor ยึดเกาะอยู่หลัง kidney และยังไม่มีการสร้าง Capsule หุ้ม tumor
Staging III : tumor ยึดติดกับ Abdomen
Staging IV : tumor มีการแพร่กระจายไป lung, liver, bone หรือ brain
Staging V : มีการแพร่กระจายไปที่ both kidneys
ผู้ปกครองมักจะสังเกต tumor ได้ตอนอาบน้ำหรือแต่งตัวให้เด็กจะพบได้บริวณเส้นกึ่งกลางลำตัวใกล้ตับ คลำก้อนได้นุ่ม
พบมีภาวะ hypertension บางครั้งมี hematuria, anemia และ signs of metastasis
Diagnosis test : IVP (Intravenous pyelogram) เพื่อดู mass
การพยาบาล
**ห้ามคลำบริเวณหน้าท้อง เพราะอาจทำให้ rupture tumor ได้ อาจมีการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้
จับเด็กด้วยความนุ่มนวล ระมัดระวังเวลาอาบน้ำหรือให้การดูแลเด็ก
ให้การดูแลผู้ป่วยผ่านตัด Nephrectomy ใน 24-48 ชั่วโมงแรก
ให้การดูแลผู้ป่วยเด็กที่ได้รับการรักษาด้วยรังสีและยาเคมีบำบัด
1) Anemia (ภาวะซีด)
สาเหตุ📍
RBC ในระบบไหลเวียนเลือดลดลง
Hb&Hct น้อยลง ทำให้การนำ O2 ลดลง
อาการ 😨
ซีด อ่อนเพลีย ติดเชื้อบ่อย
เกณฑ์การวินิจฉัย 🧐
เด็ก👧
Hb < 11 Gm% Hct < 33% (6m-6y)
Hb < 12 Gm% Hct < 36% (6y-14y)
ผู้ใหญ่
Hb < 12 Gm% Hct < 36% (women) 👩
Hb < 13 Gm% Hct < 39% (Men) 👨
การวินิจฉัยโรค🧐
การซักประวัติ 💬
ประวัติโรคทางพันธุกรรม
ภาวะโภชนาการ
ระยะเริ่มมีอาการ
ประวัติการเสียเลือด
สาเหตุ
อาการ
การตรวจร่างกาย🩺
ดูภาวะซีดจาก เปลือกตา👁 ใต้เล็บ💅 ฝ่ามือ🖐
สัญญาณชีพ BP drop HR เร็ว
รูปหน้า Thalassemia
👅ดูลิ้น
เลี่ยนซีด--เหล็ก
เลี่ยนแดง--โฟเลต B12
ต่อมน้ำเหลือง ตับ ม้าม โตหรือไม่
จุดเลือดออกบริเวณผิวหนัง--Petechiae,Ecchymosis
จุดเลือดออกบริเวณทวารหนัก
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ🧪
1.การนับ CBC และดัชนีของ RBC
2.การนับ Reticulocyte----------------
**บอกความสามารถในการสร้าง RBC จาก Bone marrow
3.การตรวจ Blood Smear------------
**ช่วยบอกรูปร่างลักษณะของ RBC WBC และ Pletlet
4.การตรวจไขกระดูก (Bone Marrow Examination)🦴
**ดูความแข็งแรง/ความผิดปกติของ RBC
2) Hemophelia (เลือดออกง่ายหยุดยาก)
สาเหตุ📍
เกิดจากการขาดองค์ประกอบที่
ควบคุมการแข็งตัวของเลือด
ขาด factor 8 (Hemo A)
ให้ Cryoprecipitate
*X-linked gene
M=เป็นโรค W=พาหะ
ขาด factor 9 (Hemo B)
*X-linked gene
พบบ่อยใน M
ขาด factor 11 (Hemo C)
Autosome recessive
พบใน M=W
ความรุนแรงมี 3 ระดับ👌
1.มาก⬆️ (เลือดออกในข้อเองโดยไม่ได้เกิดอุบัติเหตุ)
2.ปานกลาง⬅️ (เลือดออกในข้อเมื่อได้รับอุบัติเหตุ)---
3.น้อย⬇️ (เลือดออกในข้อเมื่อเกิดอุบัติเหตุรุนแรง)----
อาการ&อาการแสดง 😨
เลือดออกตามข้อต่างๆ🦵🦶💪
ปัสสาวะเป็นเลือด (Hematuria)
การพยาบาล⚕
ให้หยุดใช้งานข้อและพันข้อด้วย Elastic Bandage🤕
ให้ยกขาสูง🦵⬆️
ถ้าปวดให้ทานยาพารา
**❌ห้ามให้ ASA , Bluphen
การวินิจฉัย🔎
ทางคลินิก 💬🩺
1.1) ซักประวัติ--เลือดออกง่ายหยุดยากเป็นๆหายๆตั้งแต่เด็ก,
มีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้
1.2) ตรวจร่างกาย--พบ Ecchymoses,Hematoma,Hemathrosis
เคลื่อนไกวข้อไม่ได้
2.ทางห้องปฏิบัติการ🧪🩸
2.1) VCT ยาวกว่าปกติ(5-15นาที)
PTT ยาวกว่าปกติ
CBC ,Bleeding time,Prothrombin time ปกติ
คำแนะนำ🗯
มีบัตรแสดงว่าเป็นโรค ป้องกันอุบัติเหตุ ควบคุมน้ำหนัก
ดูแลสุขภาพฟัน ออกกำลังกายเบาๆ ดูแลจิตใจ
4) G-6PD deficiency (ภาวะพร่องเอ็นไซม์จีซิกพีดี)
สาเหตุ📍
เกิดจากการขาด Enzyme G-6PD ซึ่งเป็นตัวที่ช่วยคงรูปร่าง RBC จึงทำให้ RBC มีอายุสั้นและแตกอย่างฉับพลัน
อาการ😨
เกิดภาวะตัวเเหลืองมากในระยะทารกแรกเกิด
(Neonatal Hyperbillirubinemia)
อ่อนเพลีย ซีด เหลือง ปัสสาวะสีเข้ม
การพยาบาล⚕
รักษาตามอาการ
ให้เลือด
ส่องไฟรักษา
ให้ผู้ป่วยพกบัตรแสดงตนว่าเป็นโรคนี้ติดตัวไว้เสมอ
ภาวะแทรกซ้อน📛
หัวใจวายจากภาวะซีด
โปแทสเซียมในเลือดสูง
ไตวายเฉียบพลัน
3) Thalassemia (โลหิตจางจากธาตุเหล็กเกิน)
**โรคทางพันธุกรรม (Autosomal recessive)
สาเหตุ📍
เกิดจากการสังเคราะห์โกลบินผิดปกติ >>
RBC มีขนาดเล็ก(Microcyte) ติดสีจาง (Hypochromia)
และถูกทำลายเร็ว
ชนิดที่ 1 'แอลฟ่า'
1.1 Hb Bart's
(ลักษณะบวม ท้องป่อง ตับโตมาก ซีด)
*รุนแรงที่สุด อาจตายตั้งแต่ในครรภ์
เรียกว่า "Bart's hydrop fetails"
1.2 Hb H
(ซีด เหลืองเล็กน้อย)
*ส่วนใหญ่อาการน้อย
ชนิดที่ 2 'เบต้า'
2.1 Major
(ซีด ตับม้ามโตมาก)
มีความรุนแรงมาก ต้องได้รับยาขับเหล็กทุกวัน💊
2.2 E
(ซีด ตับม้ามโต)
รุนแรงปานกลาง ต้องให้เลือดบ่อย💉🩸
ชนิดที่ 3 แอลฟ่า+เบต้า
(ซีดปานกลาง ตับม้ามโตไม่มาก ตาเหลืองไม่มาก )
ผิดปกติเพียงตัวเดียว----------เป็นพาหะ (Carrier,Trait)
ผิดปกติจากทั้งพ่ออละแม่----------------------------เป็นโรค
ผิดปกติตังนึงเป็น'เบต้า'ตัวนึงเป็น'แอลฟ่า'--เป็นพาหะ
อาการ&อาการแสดง 😨
ตับ ม้าม โต ปัสสาวะสีเข้ม
โตไม่สมอายุ กระดูกบาง เปราะง่าย
ผิวหนังสีเขียวอมเทา
การพยาบาล⚕
ให้ทานยาขับเหล็ก (Desferol)
ให้รับประทานอาหารที่มี Folate สูง
ห้ามกินอาหารที่มีธาตุเหล็ก เช่น ตับ ไข่แดง ผักใบเขียว
การวินิจฉัย🧐
1.ซักประวัติ
2.ตรวจร่างกาย
3.การตรวจรังสี
5.การตรวจพบตะกอนของ Hb
ติดอยู่ที่ผนังด้านในของRBC (Inclusion Body)
6.ตรวจพบ RBC ตัวอ่อนมาก (Reticulocyte Count สูง)
7.การตรวจชนิดHbในสนามไฟฟ้า(Hb electrophoresis)
เป็นการตรวจหา Hb typing
8.DNA Analysis ราคาสูง
4.การตรวจเลือด
ดูลักษณะและดัชนีเม็ดเลือด
Hb,Hct ต่ำ RBC ติดสีน้อย (Hypochromic) ขนาดผิดปกติ (Anisocytosis) คือ มีขนาดเล็ก (Microcytic)และ
มีรูปร่างเซลล์ผิดปกติ(Poikilocytosis)
การรักษาตามอาการ 🛏
1.ซีด--ให้เลือดทุกสัปดาห์จน Hb 10 Gm%และHct 33-34%
ข้อดี✅ แข็งแรงเหมือนเด็กปกติ เจริญเติบโตปกติ
ข้อเสีย📛 ต้องมาให้สม่ำเสมอและจะมีภาวะเหล็กเกิน
2.การให้ยาขับเหล็ก(Desferol)
ยาจะขับออกทางปัสสาวะและอุจจาระทำใกเป็นสีเขียวเข้ม
3.ตัดม้าม อายุ <2 ปี ระวังการติดเชื้อ
(4 ปีแรกม้ามสำคัญที่สุดในการต่อต้านเชื้อโรค)
4.การปลูกถ่ายไขกระดูก
(ฆ่า RBC ให้ตายให้หมดแล้วนำ Bone marrow ไปปลูกถ่าย)
5.รักษาสุขภาพให้แข็งแรง
ทำความสะอากร่างกาย
ออกกำลังกายเท่าที่ทำได้