Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Blighted ovum GA 11+2 wks เตียง 11 มภร.15/2 - Coggle Diagram
Blighted ovum GA 11+2 wks
เตียง 11 มภร.15/2
พยาธิสรีรภาพ
Blighted ovum
Definition
สาเหตุ
อาการและอาการแสดง
การรักษา
ข้อมูลผู้ป่วย
19/04/65
-NPO
-RLS 1000 ml IV 100 ml/hr
-ผู้ป่วยได้รับยา cytotec 200 MCG.TAB. สอดช่องคลอด ครั้งละ 1 เม็ด เวลา 06.00 น.
-Set OR for MVA under U/S guilde due to blighted ovum เวลา 12.10 น.
การพยาบาล
การปฏิบัติตนหลังขูดมดลูก
ควรนอนพักผ่อนอย่างน้อย 1-2 วัน หลังการขูดมดลูกอาจมีอาการอ่อนเพลีย หรือง่วงนอน จากยาระงับความรู้สึกที่ได้รับ
รับประทานอาหารได้ตามปกติ
ในรายที่ดมยาสลบ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน จากผลข้างเคียงของยาสลบ ควรหายใจเข้า-ออกลึกๆ กลั้วปากด้วยน้ำอุ่นและนอนพัก
งดมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 6 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการตกเลือด
อาจมีเลือดออกทางช่องคลอดได้เล็กน้อยจากแผลภายในมดลูก ประมาณ 2-3 วัน ปริมาณเลือดจะลดลงไปเรื่อยๆ ไม่ควรใช้ผ้าอนามัยชนิดสอด
การทำความสะอาดร่างกาย ทำได้ตามปกติ ไม่ควรสวนล้างช่องคลอดด้วยน้ำใดๆ เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่แผลภายในมดลูก
อาการปวด จากการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก คล้ายอาการปวดขณะมีประจำเดือนให้รับประทานยาแก้ปวดตามแพทย์สั่ง
อาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์ คือ ปวดท้องมาก มีเลือดออกมาก มีไข้ หนาวสั่น มีตกขาว หรือเลือดที่ออกทางช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ
การมาตรวจตามแพทย์นัด
การปฏิบัติตนก่อนขูดมดลูก
งดน้ำและอาหารตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของคืนก่อนขูดเพื่อลดอันตรายจากการสำลักอาหารขณะให้ยาระงับความรู้สึก
งดแต่งหน้าทาปากทาเล็บ เพื่อง่ายต่อการประเมินการไหลเวียนและการเสียเลือดขณะขูดมดลูก
งดเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ เพื่อป้องกันการสูญหาย และถอดฟันปลอม คอนแทคเลนส์ก่อนเข้าห้องผ่าตัด
ควรมีญาติหรือเพื่อนมาด้วยเพื่อช่วยดูแลและพากลับบ้าน
เตรียมผ้าอนามัยสำหรับใช้หลังการขูดมดลูก
ในรายที่มีโรคประจำตัวให้ปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์สำหรับแต่ละโรค
รอดูอาการและรอให้ร่างกายช่วยขับส่วนที่เป็นถุงน้ำและรกออกมาเอง เมื่อการตั้งครรภ์ดำเนินถึงระยะเวลาหนึ่ง ฮอร์โมนการตั้งครรภ์จะลดลงแต่อาจจะใช้เวลาหลายอาทิตย์ ร่างกายจะช่วยกำจัดถุงน้ำในมดลูกออกมาได้เอง ข้อดีของวิธีนี้คือ ไม่ต้องให้ยาสลบเพื่อทำการขูดมดลูก และผนังโพรงมดลูกไม่เป็นแผล แต่ก็มีข้อเสียในกรณีที่เนื้อเยื่อไม่ยอมหลุดลอกผู้ป่วยก็จะต้องรอไปนานมาก หรือบางครั้งมีการหลุดลอกเนื้อเยื่อแต่ออกไม่หมดก็จำเป็นต้องมาขูดมดลูกซ้ำทีหลัง
ในกรณีที่ร่างกายไม่สามารถขับถุงน้ำออกมาได้เอง หรือผู้ป่วยต้องการยุติการตั้งครรภ์โดยเร็ว ก็จะใช้การขูดมดลูกเพื่อลอกเนื้อเยื่อที่ค้างอยู่ภายในมดลูกออก
ใช้ยา Cytotec ที่ใช้เพื่อให้เกิดการคลอดและรักษาภาวะตกเลือดเนื่องจากการหดรัดตัวของมดลูกน้อย ยาทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อมดลูกก่อนทำ MVA
การขูดมดลูกมี 2 แบบ ได้แก่
1.การถ่างขยายปากมดลูกร่วมกับการขูดมดลูก (Dilation and curettage) การขูดมดลูกในการทำหัตถการนี้ ปากมดลูกของผู้หญิง (ส่วนที่ต่ำที่สุดและแคบที่สุดของมดลูก) จะถูกถ่างขยายด้วยเครื่องมือหรือยา เพื่อให้สามารถขูดเยื่อบุโพรงมดลูกด้วยอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายช้อนคม ๆ เรียกว่า curette ซึ่ง curette นี้มีความคม
2.การขูดมดลูกแบบแยกส่วน เพื่อตรวจหาความผิดปกติภายในโพรงมดลูกซึ่งทำให้ เกิดเลือดออกโดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก นอกจากนี้อาจจะหยุดภาวะเลือดออกผิดปกติได้ โดยตรวจแต่ละส่วนของมดลูกด้วยการขูดเยื่อบุปากมดลูกด้านในและโพรงมดลูกส่งตรวจทางพยาธิวิทยา
ใช้วิธีการดูดมดลูกด้วยเครื่องมือสุญญากาศ มี 2 ชนิดคือ
1.เครื่องดูดไฟฟ้า (Electric Vacuum Aspiration – EVA)
2.เครื่องดูดมือถือ (Manual Vacuum Aspiration - MVA)
ภายหลังการรักษาภาวะท้องลม โดย
เมื่อการตั้งครรภ์ภาวะท้องลมสิ้นสุดลง ประจำเดือนจะมาตามปกติใน 1-2 เดือน
การคุมกำเนิดเพื่อเป็นการพักมดลูก 2-3 เดือน
ข้อมูลผู้ป่วย
ประจำเดือนขาด 2 เดือน
อาการคลื่นไส้อาเจียน
เวียนศีรษะ
ปวดท้องหน่วงๆ
เหม็นอาหาร
การตรวจวินิจฉัย
1.การตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวน์ หากวัดขนาดของถุงน้ำคร่ำมีขนาดใหญ่กว่า 20-25 มิลลิเมตร โดยที่ยังไม่พบตัวอ่อนเจริญเติบโตอยู่ในถุงน้ำ ก็สงสัยว่าน่าจะเป็นภาวะท้องลม โดยทั่วไปก็จะมีการตรวจติดตามซ้ำอีกครั้งในช่วง 1-2 สัปดาห์ ถ้าตรวจแล้วยังไม่พบตัวอ่อนในถุงน้ำคร่ำอีก ก็จะสามารถยืนยันว่าเป็นภาวะท้องลม
2.การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงทางช่องคลอด (transvaginal ultrasound) มีบทบาทสำคัญต่อการดูแลผู้ป่วยทางสูติศาสตร์ คลื่นเสียงความถี่สูงมีประโยชน์ในการวินิจฉัยการตั้งครรภ์ทั้งการตั้งครรภ์ที่ปกติและการตั้งครรภ์ที่มีภาวะแทรกซ้อน ตรวจติดตามการเจริญเติบโตและสุขภาพของทารก ตรวจคัดกรองความพิการและความผิดปกติทางพันธุกรรมของทารก รวมทั้งความผิดปกติของรกและน้ำคร่ำ
3.ถุงการตั้งครรภ์มีลักษณะบิดเบี้ยว มีรูปร่างผิดปกติอย่างชัดเจน (deformed gestational sac)
ลักษณะที่ตรวจพบจากการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์
อายุครรภ์ 4+3 wks - 5+0 wks
-พบถุงการตั้งครรภ์ขนาด 2-5 มิลลิเมตร รูปร่างกลม ขอบชัด อยู่ใกล้ยอดมดลูกค่อนไปทางด้านใดด้านหนึ่ง
อายุครรภ์ 5+1 wks - 5+5 wks
-มองเห็นถุงไข่แดง (yolk sac) อยู่ภายใน chorionic cavity ซึ่งควรจะพบทุกรายเมื่อค่าเฉลี่ยของถุงการตั้งครรภ์มากกว่า 10 มิลลิเมตร ถ้าไม่พบโอกาสที่จะเป็นตัวอ่อนตายในครรภ์สูง ควรตรวจซ้ำอีก 1 สัปดาห์ถัดมา เพื่อยืนยันการวินิจฉัย
อายุครรภ์ 5+6 wks - 6+0 wks
-พบตัวอ่อนยาวประมาณ 2 – 4 มิลลิเมตรและการเต้นของหัวใจ ควรจะเห็นตัวอ่อนเมื่อค่าเฉลี่ยของเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 20 มิลลิเมตร ถ้าไม่พบโอกาสที่จะเป็นตัวอ่อนตายในครรภ์สูง ควรตรวจซ้ำอีก 1 สัปดาห์ถัดมา
อายุครรภ์ 6+1 wks - 6+6 wks
-ตัวอ่อนจะมีรูปร่างคล้ายรูปไตหรือถั่ว และเห็นถุงไข่แดงและ vitelline duct แยกออกจากตัวอ่อนชัดเจน ตัวอ่อนยาวประมาณ 4 – 10 มิลลิเมตร ถ้าไม่เห็นหัวใจเด็กสามารถวินิจฉัยว่าเป็นต้วอ่อนตายในครรภ์ได้
อายุครรภ์ 7+0 wks - 7+6 wks
-ความยาวของตัวอ่อนจากหัวถึงก้น (Crown Rump Length) ประมาณ 11 – 16 มิลลิเมตร เห็นสมองส่วน rhombencephalon เป็นช่องว่างรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน แยกส่วนหัวและส่วนก้นออกจากกันได้ชัดเจน กระดูกสันหลังเห็นเป็นเส้นเข้มทึบ 2 เส้นขนานกัน เห็น amniotic membrane ซึ่งแบ่ง amniotic cavity ออกจาก chorionic cavity ได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังเห็นสายสะดือด้วย
อายุครรภ์ 8+0 wks - 8+6 wks
ความยาวของตัวอ่อนจากหัวถึงก้น (Crown Rump Length) ประมาณ 17 – 23 มิลลิเมตร กะโหลกและสมองส่วน forebrain, midbrain และ hindbrain แยกจากกันได้ชัดเจน เริ่มเห็นตุ่มของแขนและขา บริเวณท้องตำแหน่งของสายสะดือจะมีไส้เลื่อนยื่นออกมา ซึ่งเป็นภาวะปกติในช่วงนี้ amniotic cavity ขยายออก สายสะดือและ vittelline duct ยืดยาวขึ้น
ข้อมูลผู้ป่วย
at GA 10+2 wks by date ตรวจ TVS : seen yolk sac , not seen fetal pole , no fetal heart - Imp. Blighted ovum
พบถุงการตั้งครรภ์แต่ไม่พบส่วนของทารกและไม่พบหัวใจของทารก การวินิจฉัยแรกรับ คือ Blighted ovum
ข้อมูลผู้ป่วย
GA 8+2 wks by date Ultrasound seen yolk sac, not seen fetal pole
พบถุงน้ำแต่ไม่พบตัวอาอนหรือส่วนของทารก
จะมีอาการเหมือนหญิงตั้งครรภ์ที่มีการตั้งครรภ์ตามปกติ ได้แก่
อาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
เวียนศีรษะ
ตรวจระดับฮอร์โมนการตั้งครรภ์ก็จะเหมือนครรภ์ปกติ
ข้อมูลผู้ป่วย
เกิดจากการแบ่งเซลล์ตัวอ่อนผิดพลาดจาการปฏิสนธิ ตัวอ่อนไม่แข็งแรง
ทำให้ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ จึงพบแต่ส่วนถุงน้ำคร่ำ
ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ
พบว่าส่วนใหญ่ประมาณ 45-50% เกิดจากตัวอ่อนมีความผิดปกติของโครโมโซม ทำให้ไม่สามารถเจริญต่อเป็นทารกได้ตามปกติและสลายตัวไป เหลือแต่ถุงการตั้งครรภ์
มีโอกาสพบได้ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของหญิงตั้งครรภ์ โดยความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามอายุและประวัติการตั้งครรภ์ในอดีต
การแบ่งเซลล์เพื่อสร้างตัวอ่อนผิดพลาด เกิดจากช่วงปฏิสนธิทำให้ตัวอ่อนมีโครโมโซมมากหรือน้อยเกินไปจึงไม่มีการสร้างตัวทารกขึ้นมา
แต่เซลล์ในส่วนของการสร้างถุงน้ำคร่ำและรกยังคงพัฒนาต่อไปได้
การตั้งครรภ์ที่ไม่มีตัวอ่อนหรือตัวอ่อนสลายไปตั้งแต่ระยะเริ่มแรก
เป็นการแท้งลูกแบบหนึ่ง เกิดในช่วงระยะไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ จะพบการตั้งครรภ์เกิดในโพรงมดลูกแต่ไม่มีตัวทารกในถุงการตั้งครรภ์ มีแต่ถุงการตั้งครรภ์ ต่างจากการตั้งครรภ์ปกติซึ่งจะตรวจพบทั้งถุงการตั้งครรภ์และตัวทารก
Elderly primigravidarum
Defination
“สตรีอายุมาก” (Advanced maternal age)
สตีตั้งครรภ์อายุ 35 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงทำให้ทารกเกิดภาวะดาวซินโดรมและความผิดปกติของจำนวนชุดโครโมโซมมากขึ้น
สาเหตุ
มีวิธีคุมกำเนิดหลากหลายและมีประสิทธิภาพ
มีการศึกษาสูงขึ้น แต่งงานช้า
คู่สมรสต้องการมีความมั่นคงทางการเงินก่อน
ความเจริญและความสำเร็จของการใช้เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ให้สตรีแต่งงานอายุมากมีบุตรได้ตามความต้องการ
ผลต่อการตั้งครรภ์
แนวทางการดูแล
ไตรมาส 1 และ 2
สตรีตั้งครรภ์ควรรับทราบความเสี่ยงของการเกิดทารกมีความผิดปกติของโครโมโซม (aneuploidy) ซึ่งความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามอายุ สตรีตั้งครรภ์ควรได้รับคำแนะนำในการค้นหาความผิดปกติดังกล่าว ซึ่งมี 2 วิธี
Invasive methods ได้แก่การเจาะน้ำคร่ำหรือการเจาะชิ้นเนื้อรก ซึ่งเป็นการวินิจฉัย
Non-invasive methods ได้แก่การเจาะเลือดมารดาเพื่อตรวจหาระดับฮอร์โมน หรือการตรวจหาเซลล์จากทารก (Cell-free fetal DNA) ร่วมกับการอัลตราซาวด์ดูอวัยวะสำคัญในร่างกายของทารกอย่างละเอียด ซึ่งวิธีนี้เป็นการตรวจคัดกรอง หากพบความผิดปกติ จำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยต่อไป
สตรีตั้งครรภ์ควรได้รับการตรวจอัลตราซาวด์อย่างละเอียดในช่วงไตรมาส 2 เพื่อค้นหาความผิดปกติของอวัยวะสำคัญของทารก โดยเฉพาะหัวใจ
สตรีตั้งครรภ์อายุมาก โดยเฉพาะในรายที่มีน้ำหนักเกิน ควรได้รับการตรวจคัดกรองหาภาวะเบาหวาน(ก่อนการตั้งครรภ์หรือเบาหวานขณะตั้งครรภ์) ตั้งแต่ครั้งแรกที่มาฝากครรภ์ ควรให้ความรู้ในการปฏิบัติตัว และเฝ้าระวังการเกิดภาวะเบาหวานและความดันโลหิตสูงตลอดการตั้งครรภ์
ข้อมูลผู้ป่วย
at GA 10+2 wks by date ตรวจ TVS : seen yolk sac , not seen fetal pole , no fetal heart - Imp. Blighted ovum
พบถุงการตั้งครรภ์แต่ไม่พบส่วนของทารกและไม่พบหัวใจของทารก การวินิจฉัยแรกรับ คือ Blighted ovum
ข้อมูลผู้ป่วย
ตรวจคัดกรองเบาหวานโดย Glucose Challenge Test 50 gm ผลคือ 140 mg/dL ไม่ได้ตรวจวินิจฉัยด้วย OGTT ต่อ เพราะแพทย์ให้ยุติการตั้งครรภ์
ระยะก่อนการฝั่งตัว (Pre-conception)
ภาวะมีบุตรยาก (Infertility)
ช่วงต้นของการตั้งครรภ์ (Early pregnancy)
การตั้งครรภ์นอกมดลูก (Ectopic pregnancy)
การแท้งบุตร (Miscarriage)
การตั้งครรภ์แฝด (Multiple gestation)
ข้อมูลผู้ป่วย
ผู้ป่วยแท้งบุตร GA 11+2 wks by date
ข้อมูลผู้ป่วย
ผู้ป่วยทำงานหนัก ต้องการมีความมั่นคงทางการเงินก่อน
ผลกระทบต่อมารดา
ความผิดปกติของรก (Placenta problems)
ภาวะทุพพลภาพของมารดาและภาวะแทรกซ้อนทางสูติกรรม
(Maternal mobidity & pregnancy-related complication)
การคลอดและการผ่าตัดคลอด
Perinatal & Maternal morbidity)
ผลกระทบต่อทารกในครรภ์
ความผิดปกติของจำนวนโครโมโซม (Chromosome abnormality)
ความผิดปกติของยีน (Gene abnormalities)
ความผิดปกติแต่กำเนิด (Congeital anomalies)
ข้อมูลส่วนตัว
ผู้ป่วยเพศหญิง อายุ 36 ปี สัญชาติ ไทย เชื้อชาติ ไทย ศาสนา พุทธ G1P0A0 GA 11+2 wks by date ระดับการศึกษา ม.6 อาชีพ พนักงานขาย รายได้ 20,000 บาทต่อเดือน ส่วนสูง 168 ซม. น้ำหนัก 84 กก.
อาการสำคัญ (Chief complaint)
มาตรวจตามนัดที่ ANC
ประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว
มารดา,ป้า,อาเป็นโรคเบาหวาน
อาการแรกรับ
ผู้ป่วยเดินมาเอง ไม่มีอาการปวดท้อง ไม่มี discharge per vagina
สัญญาณชีพแรกรับ
T= 37.1 องศาเซลเซียส, PR = 80 bpm, RR = 18 bpm, BP = 99/66 mmHg, O2 sat = 99%
Lab ANC 28/03/2565
Hb = 13.0 g/dL, Hct = 38.9%, MCV = 88.3 fL, DCIP = Negative,
HBsAg = Negative, HIV = Negative, VDRL = Non-reactive,
ABO Group = AB, RH Group = Positive , Glucose = 140 mg/dL
ประวัติการตั้งครรภ์
G1P0 GA 11+2 wks Total ANC 3 ครั้งที่รพ.ตำรวจ ANC ครั้งแรก 28 มีนาคม 2565 GA 8+2 wks by date
TVS : IUP seen yolk sac , not seen fetal pole , mGS 1.92 cm (GA6+6 wks by U/S)
LMP 29 มกราคม 2565x4 วัน, EDC 5 พฤศจิกายน 2565
ANC risk Ederly primigravidarum
การวินิจฉัยการตั้งครรภ์
แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มอาการ คือ
1) อาการและอาการแสดงที่คาดว่าจะตั้งครรภ์ (Presumptive signs of pregnancy)
2) อาการแสดงว่าอาจตั้งครรภ์ (Probable signs of pregnancy)
3) อาการแสดงว่าตั้งครรภ์แน่นอน (Positive signs of pregnancy)
Presumptive signs of pregnancy
อาการขาดประจำเดือน LMP= 29 มกราคม 2565 x 4 วัน
มีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ เหม็นอาหาร
Probable signs of pregnancy
การตรวจพบฮอร์โมน human chorionic gonadotropin (HCG)
Positive signs of pregnancy
ultrasound พบว่า seen yolk sac, not seen fetal pole
พบถุงการตั้งครรภ์แต่ไม่พบส่วนของทารก
ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน
3 สัปดาห์ก่อนมาโรงพยาบาล มาฝากครรภ์ GA 8+2 wks อาการทั่วไปปกติ แต่มีเวียนศีรษะ
ทำ TVS : IUP seen yolk sac, not seen fetal pole, mGS 1.92 cm.
(GA 6+6 wks by U/S, no adnexal mass)
1 สัปดาห์ก่อนมาโรงพยาบาล F/U at GA 10+2 wks by date อาการทั่วไปปกติ
TVS : not seen fetal pole, no fetal heart -> Imp. Blighted ovum set OR for MVA
1 วันก่อนมาโรงพยาบาล F/U at GA 11+2 wks by date อาการทั่วไปปกติ
TVS : mGS 2.8 cm (GA 7+6 wks by U/S), IUP not seen cardiac activity
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
โรคลมชัก เป็นมา 7 ปี รักษาโดยยา Keppra (500) 1x2 po pc
ประวัติการผ่าตัด
ปฏิเสธการผ่าตัด
ประวัติการแพ้ยาและอาหาร
แพ้ยา Gabapentin
การวินิจฉัยโรคแรกรับ Blighted ovum
(ภาวะท้องลมหรือการตั้งครรภ์ที่ไม่มีตัวอ่อน)
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
Day0
(19/04/2565)
Day1
(20/04/2565)
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่ 1 : เสี่ยงต่อการติดเชื้อหลังได้รับการขูดมดลูก
ข้อมูลสนับสนุน
S.D. : - ผู้ป่วยบอกว่ามีเลือดออกที่ผ้าอนามัย 10 ml
O.D. : - ได้ทำ MVA under ultrasound guide (19/04/2565)
-Estimated blood loss ที่ OR = 10 ml
วัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันภาวะติดเชื้อหลังขูดมดลูก
เกณฑ์การประเมินผล
สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
อุณหภูมิร่างกาย 36.5 – 37.4 องศาเซลเซียส
อัตราการเต้นของชีพจร 60-100 ครั้ง/นาที
อัตราการหายใจ 16-24 ครั้ง/นาที
ความดันโลหิต 90/60-140/90 มิลลิเมตรปรอท
เลือดที่ออกจากช่องคลอดไม่มีกลิ่นเหม็นและมีปริมาณลดลงทุกวัน
กิจกรรมการพยาบาล
วัดและบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะอุณหภูมิกาย และประเมินอาการปวดท้องน้อย เพื่อสังเกตอาการผิดปกติ
สังเกตและประเมินปริมาณ ลักษณะ สี กลิ่นของเลือดที่ออกทางช่องคลอด ถ้ามีกลิ่นเหม็นหรือมีหนองให้รายงานแพทย์ เพื่อประเมินภาวะติดเชื้อ
แนะนำการรักษาความสะอาดของร่างกายโดยการอาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์จากด้านหน้าไปด้านหลัง และไม่ควรสวนล้างช่องคลอด และไม่ควรนั่งแช่ในน้ำ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
แนะนำให้งดการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 6 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ให้คำแนะนำการมาตรวจตามนัดและการสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น เช่น เลือดออกมากขึ้น มีกลิ่นเหม็น มีไข้ ให้มาพบแพทย์ก่อนนัดได้ และฟังผลตรวจ
ดูแลให้ได้ยาได้แก่ doxycycline (100) 1×2 po pc เป็นยาฆ่าเชื้อ ตามแผนการรักษาของแพทย์ และสังเกตอาการข้างเคียงที่พบได้บ่อย คือ ผิวไวต่อแสง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว
ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ WBC เพื่อดูการติดเชื้อ
การประเมินผล
สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ (20/04/2565)
อุณหภูมิร่างกาย 36.7 – 37.1 องศาเซลเซียส
อัตราการเต้นของชีพจร 74-84 ครั้ง/นาที
อัตราการหายใจ 18 ครั้ง/นาที
ความดันโลหิต 100/57-124/63 มิลลิเมตรปรอท
เลือดที่ออกจากช่องคลอดเป็นสีแดง และไม่มีกลิ่นเหม็น ประมาณ 10 ml
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 2 : ส่งเสริมการปฏิบัติตัวหลังผู้ป่วยกลับบ้าน
ข้อมูลสนับสนุน
O.D.
ได้ทำ MVA under ultrasound guide การดูดมดลูกด้วยเครื่องสุญญากาศ (19/04/2565)
ไม่สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวหลังแท้งได้
วัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้ป่วยมีความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวหลังคลอด
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้ป่วยสามารถบอกถึงความจำเป็นในการรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ได้
ผู้ป่วยปฏิบัติตัวภายหลังการแท้งได้เหมาะสมในด้านการทำงาน อาหาร การพักผ่อน และการร่วมเพศ
ผู้ป่วยเข้าใจในเรื่องการวางแผนครอบครัวและสภาพความพร้อมของร่างกายตั้งครรภ์ครั้งต่อไป
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินความรู้และความพร้อมในการรับรู้ของมารดา
ให้ความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวหลังแท้ง ดังนี้
2.1 ควรรับประทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ไข่แดง ตับ ผักใบเขียว
เพื่อป้องกันภาวะซีดจากการเสียเลือดขณะแท้งบุตร
2.2 ให้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ได้แก่ Doxycycline 100 mg 1x2 po pc ควรรับประทานตามเวลาและต้องรับประทานติดต่อกันจนหมดถึงแม้จะไม่มีอาการผิดปกติก็ตาม
2.3 พักผ่อนให้เพียงพอเต็มที่ 7 วัน งดทำงานหนักในช่วง 4 สัปดาห์หลังแท้ง
2.4 ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ และควรคุมกำเนิดอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูสภาพเป็นปกติ
2.5 ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น เลือดออกเกิน 7-10 วัน หลังแท้งหรือเลือดที่ออกมีกลิ่นเหม็น มีหนองหรือกดเจ็บบริเวณท้องน้อย ให้รีบมาพบแพทย์ทันที
2.6 รักษาความสะอาดร่างกายและอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ติดตามให้ผู้ป่วยมาตรวจตามนัดหลังจากออกจากรพ. 2 สัปดาห์
การประเมินผล
บอกได้ถึงการปฏิบัติตัวภายหลังการแท้งและยอมรับที่จะปฏิบัติตามแผนการรักษา
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 2 : ผู้ป่วยมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนเนื่องจากได้รับยาระงับความรู้สึก
ข้อมูลสนับสนุน
S.D. : -
O.D. : -ผู้ป่วยได้รับยาระงับความรู้สึกทางหลอดเลือดดำ Total intravenous anesthesia (TIVA)
-ผู้ป่วยได้รับยา phentanyl 50 mcg
Domicum 2 mg
วัตถุประสงค์ : เพื่อให้ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากยาระงับความรู้สึก
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้ป่วยมีสัญญาณชีพปกติ BT อยู่ระหว่าง 36.5-37.4 องศาเซลเซียส , BP systolic อยู่ระหว่าง 90-140 mmHg diastolic อยู่ระหว่าง 60-90 mmHg , HR อยู่ระหว่าง 60-100 ครั้ง/นาที , RR อยู่ระหว่าง 16-24 ครั้ง/นาที
ผู้ป่วยไม่มีอาการ cyanosis เช่น ริมฝีปาก เล็บมือ เล็บเท้า ไม่มีสีเขียวคล้ำ
ผู้ป่วยรู้สึกตัวดีอยู่ในระดับ Minimal (mild) sedation
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินระดับความรู้สึกตัวและอาการผิดปกติเพื่อบันทึกความเปลี่ยนแปลงของระดับความรู้สึกตัว
ระดับความลึกของการรู้สึกตัวมี 4 ระดับ
1.Minimal (mild) sedation ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ถามตอบได้ สงบ ไม่กระ วนกระวาย ให้ความร่วมมือได้ดี ส่วนมากผู้ป่วยจะหลับตาแต่ตื่นรู้เรื่อง สามารถ maintain airway ของตัวเองได้ดี ปฏิกิริยาป้องกัน (protective reflex) ไม่เสียไป
2.Moderate (conscious) sedation
ผู้ป่วยหลับต้องปลุกแต่ตื่นง่าย ยังสามารถหายใจได้เองอย่างพอเพียง โต้ตอบได้แต่ไม่ค่อยดี ปฏิกิริยา
eyelash reflex หายไป แต่ยังสามารถ maintain airway ได้เอง
3.Deep sedation
ผู้ป่วยหลับลึกมากขึ้นอีก ปลุกตื่นยาก maintain air-way ไม่ได้ส่วนมากแล้วจำเป็นต้องช่วยเหลือ ผู้ป่วยจะหายใจลดน้อยลง และอาจเกิด hypoventilation ได้ง่าย ระดับความดันเลือดต่ำลง ยังพบการ
ตอบสนองต่อความเจ็บปวดได้บ้างเล็กน้อยupper airway reflex ลดน้อยลง สามารถทำหัตถการใส่
nasal หรือ oral airway ได้
4.Anesthesia
ผู้ป่วยหลับลึก ปลุกไม่ตื่น การตอบสนองต่อการกระตุ้นที่รุนแรงจะเป็นแบบไม่เฉพาะเจาะจง ส่วนมาก
การหายใจจะลดน้อยลง และมีการคั่งของคร์บอนไดออกไซด์ จึงจำเป็นต้องช่วยดูแลการหายใจให้
ผู้ป่วย นอกจากนี้ยังพบว่าปฏิกิริยาป้องกัน (protective refex) เสียไป
ประเมินและวัดสัญญาณชีพทุก 1 ชั่วโมง เพื่อดูความผิดปกติของร่างกาย
อธิบายผู้ป่วยทราบถึงภาวะแทรกซ้อน เช่น ออกซิเจนในเม็ดเลือดแดงต่ำ, กดการหายใจ เป็นต้น
สังเกตและฟังเสียงหายใจ วัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเม็ดเลือดแดงตลอดเวลาจนกว่าจะรู้สึกตัวดี สังเกตสีผิวโดยเฉพาะริมฝีปาก เล็บมือ เล็บเท้า ว่ามีสีเขียวคล้ำหรือไม่ เพื่อประเมินภาวะขาดออกซิเจน
การประเมินผล
สัญญาณชีพ 19/3/65
BT = 36.3 องศาเซลเซียส
HR = 64 ครั้ง/นาที
RR = 18 ครั้ง/นาที
BP = 103/59 mmHg
O2 = 98%
ริมฝีปาก เล็บมือ เล็บเท้า ไม่มีสีเขียวคล้ำ
ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี อยู่ในระดับ Minimal (mild) sedation
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 3 : ผู้ป่วยไม่สุขสบายเนื่องจากอาการปวดท้องน้อยหลังหลังได้รับการขูดมดลูก
ข้อมูลสนับสนุน
S.D. : -
O.D. : - ได้ทำ MVA under ultrasound guide การดูดมดลูกด้วยเครื่องสุญญากาศ (19/04/2565)
-ผู้ป่วยมีสีหน้าไม่สุขสบาย
-pain score = 7 คะแนน
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้ป่วยมีอาการปวดลดลงจากการขูดมดลูก
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้ป่วยปรับตัวต่อความวิตกกังวลจากการรักษาได้
ผู้ป่วยมีสีหน้าสดชื่น แจ่มใส
นอนหลับพักผ่อนในช่วงกลางคืนได้ 6-8 ชม.
ความปวดลดลงน้อยกว่า 4 คะแนน
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินอาการปวดท้องน้อย โดยการให้คะแนนความปวด (Pain score)
คะแนน 1-2 หมายถึง มีอาการปวดเล็กน้อย
คะแนน 3-4 หมายถึง มีอาการปวดเล็กน้อยพอทนได้
คะแนน 5-6 หมายถึง มีอาการปวดปานกลาง
คะแนนมากกว่า 7 ขึ้นไป ปวดมากต้องได้รับการรักษาด้วยยาแก้ปวด
ตรวจวัดสัญญาณชีพและจดบันทึก ทุก 4 ชม.
อธิบายให้ทราบว่าอาการปวดท้องน้อยเป็นอาการปกติ จะเกิดขึ้นภายหลังได้รับการขูดมดลูก
สอนเทคนิคการหายใจ โดยแนะนำให้หายใจเข้าลึกๆทางจมูกและเป่าลมหายใจออกทางปากแทนการหายใจออกทางจมูก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจและบรรเทาความเจ็บปวด
ประเมินความแรงของการหดรัดตัวของมดลูกและคะแนนความเจ็บปวด ดูแลให้ได้ยาระงับความปวดตามแผนการรักษา คือ
Paracetamol 500 mg 1 tab
ดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดและให้กำลังใจตลอดระยะเวลาที่เข้าสู่กระบวนการแท้ง
การประเมินผล
ผู้ป่วยมีสีหน้าสดชื่นขึ้น นอนหลับในช่วงกลางคืนได้
ผู้ป่วยสามารถปรับตัวต่อการรักษาของแพทย์และเข้าใจการปฏิบัติก่อนและหลังการขุดมดลูก
Pain score = 1 คะแนน
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่ 1 : หญิงตั้งครรภ์และครอบครัวเกิดความรู้สึกสูญเสียและโศกเศร้าเนื่องจากต้องยุติการตั้งครรภ์
ข้อมูลสนับสนุน
S.D. : -หญิงตั้งครรภ์สอบถามข้อมูลว่าจะมีบุตรได้อีกครั้งเมื่อไหร่
-หญิงตั้งครรภ์บอกตนเองและครอบครัวต้องการตั้งใจมีบุตร สงสารบุตร เสียใจ ที่ต้องยุติการตั้งครรภ์
O.D. : -ได้ทำ MVA under ultrasound guide (19/04/2565)
วัตถุประสงค์ เพื่อให้หญิงตั้งครรภ์และครอบครัวแสดงความเศร้าโศกเสียใจอย่างเหมาะสม
เกณฑ์การประเมินผล
หญิงตั้งครรภ์พูดคุย แสดงความรู้สึกเศร้าโศกหรือเสียใจกับสามี
หญิงตั้งครรภ์สีหน้าดีขึ้น ไม่ร้องไห้ฟูมฟาย
หญิงตั้งครรภ์บอกพยายามทำใจได้ที่ต้องยุติการตั้งครรภ์
ครอบครัวของหญิงตั้งครรภ์บอกว่าเข้าใจ ยอมรับการยุติการตั้งครรภ์ มีสีหน้าดีขึ้น
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินอาการเศร้าเสียใจของหญิงตั้งครรภ์โดยการซักถาม สังเกตสีหน้าและการพูดคุยกับครอบครัว เป็นสื่อกลางประสานงานระหว่างหญิงตั้งครรภ์ ครอบครัว แพทย์และจิตแพทย์ ในการให้ข้อมูลกับผู้ป่วยเป็นระยะๆ เปิดโอกาสให้พูดคุย ระบายความรู้สึกและวางแผนการรักษาร่วมกัน
สร้างสัมพันธภาพ พูดคุยด้วยความนุ่มนวล เห็นอกเห็นใจ ปลอบใจ ให้กำลังใจ หรือแตะตัว (touching) หญิงตั้งครรภ์ เพื่อแสดงความเห็นอกเห็นใจ ให้กำลังใจ และเปิดโอกาสให้หญิงตั้งครรภ์แสดงความรู้สึก ระบายความรู้สึกเศร้าหรือเสียใจ
จัดสถานที่ให้หญิงตั้งครรภ์อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เงียบสงบ เพื่อให้หญิงตั้งครรภ์ได้ทำจิตใจให้สงบ ไม่คิดฟุ้งซ่าน
เป็นสื่อกลางและเปิดโอกาสให้สามีหรือครอบครัวเข้าเยี่ยม เพื่อประคับประคองจิตใจและให้กำลังใจหญิงตั้งครรภ์
การประเมินผล
หญิงตั้งครรภ์แสดงความเศร้าโศกเสียใจอย่างเหมาะสม เช่น พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ ครอบครัว ไม่ได้ร้องไห้ตลอดเวลา
หญิงตั้งครรภ์และครอบครัวสามารถยอมรับการตายของทารกได้
D-METHOD
D-Diagnosis
ให้ความรู้เรื่อง Blighted ovum คือ การตั้งครรภ์ที่ไม่มีตัวอ่อนหรือตัวอ่อนสลายไปตั้งแต่ระยะเริ่มแรกของการตั้งครรภ์
เมื่อตรวจอัลตราซาวด์จะพบว่ามีเพียงถุงการตั้งครรภ์แต่ไม่พบตัวอ่อน สาเหตุของการเกิดภาวะท้องลมนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่าส่วนใหญ่ประมาณ 45 – 50% เกิดจากตัวอ่อนมีความผิดปกติของโครโมโซม ทำให้ไม่สามารถเจริญต่อเป็นทารกได้ตามปกติและสลายตัวไป คงเหลือแต่ถุงการตั้งครรภ์
M-Medication
ให้ความรู้เรื่องยา การรับประทานยา
Paracetamol (500) 1 tab po prn q 6 hr for pain or fever
สรรพคุณ : ใช้สำหรับบรรเทาอาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง รวมถึงสามารถใช้เป็นยาลดไข้
ผลข้างเคียง : คลื่นไส้ อาเจียน มีอาการเหงื่อออก ทำให้เกิดการบาดเจ็บในตับ
Doxycycline (100) 1x2 po pc
สรรพคุณ : เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่มยาเตตราไซคลิน (Tetracyclines) สามารถฆ่าเชื้อโรคได้หลากหลายชนิด เช่น
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
ผลข้างเคียง : ผิวไวต่อแดด แสบแดงคัน ปวดศีรษะ คลื่นไส้ หรืออาเจียน หัวใจเต้นเร็ว
E-Environment
แนะนำให้มารดาหากิจกรรมทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเรื่องที่ทำให้ทุกข์หรือโศกเศร้า อยู่กับครอบครัวระบายความรู้สึกเพื่อให้สภาพจิตใจกลับมาเหมือนเดิม
อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี คนในชุมชนหรือเพื่อนบ้านไม่ตอกย้ำความรู้สึกของมารดาให้แย่ลง
H - Health
ควรนอนพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง
หากไม่มีอาการปวดแล้วสามารถทำงานบ้านได้ปกติ เนื่องจากมดลูกไม่ได้ถูกใช้งาน
สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้หากไม่มีอาการปวดแล้ว
ดูแลตัวเองให้มีสุขภาพที่ดีก็สามารถมีลูกได้ทันที คุมกำเนิดอย่างน้อย 6 สัปดาห์ ปรึกษาแพทย์ F/U และตั้งครรภ์ได้เลย
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนักในช่วง 7 วันแรก
แนะนำการคุมกำเนิดหากมารดาต้องการตั้งครรภ์ในครั้งต่อไปด้วยวิธีการใส่ห่วงอนามัย การฉีดยาคุม และการใช้ถุงยางอนามัย ไม่ควรกินยาคุมกำเนิดเพราะจะคุมกำเนิดได้ลดลงถ้ากินร่วมกับยากันชักบางชนิด
T - Treatment
แนะนำการรักษาความสะอาดร่างกายและการทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ุให้สะอาด ทำความสะอาดจากด้านหน้าไปด้านหลังด้วยน้ำสบู่วันละ 2 ครั้ง
แนะนำให้ผู้ป่วยสังเกตปริมาณเลือดที่ออกจากช่องคลอด
ห้ามอาบน้ำโดยแช่น้ำในอ่าง แม่น้ำลำคลอง หรือสระว่ายน้ำ 1 สัปดาห์
O-Outpatient
แนะนำให้มารดามาตรวจตามนัดสม่ำเสมอ คือ วันที่ 4 พฤษภาคม 2565 ที่ OPD GYNE และฟังผล Patho
อาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์ก่อนนัด
มีไข้ หนาวสั่น ปวดท้องหน่วง
มีเลือดหรือหนองไหลออกทางช่องคลอด
ตกขาวมีกลิ่นเหม็น หรือมีหนองออกมาทางช่องคลอด
D-Diet
แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารครบ 5 หมู่
เน้นโปรตีน เนื้อ นม ไข่ เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย
แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม โยเกิร์ต ปลาตัวเล็ก ธัญพืชต่างๆ
แนะนำอาหารเตรียมความพร้อมที่จะตั้งครรภ์ครั้งต่อไป ได้แก่
Folic acid ช่วยเสริมสร้างกระบวนการผลิตเซลล์ใหม่, ผักใบเขียว, ปรุงอาหารร่วมกับ Iodine จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาสมองทำให้ทารกไม่เอ๋อ
ควรรับประทานสดใหม่ ปรุงสุกสะอาด
หากมารดามีความเครียดแนะนำให้รับประทานอาหารจำพวกถั่ว เมล็ดพืช และช็อคโกแลต เพื่อคลายความเครียดได้
งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดอาหารหมักดองที่อาจทำให้ท้องเสียได้และเพื่อเตรียมสุขภาพในการตั้งครรภ์ครั้งถัดไป
สรุปกรณีศึกษา
หญิงไทย อายุ 36 ปี G1P0A0 GA 11+2 wks by date ได้รับการวินิจฉัยโรคแรกรับว่าเป็น Blighted ovum
จากการทำ transvaginal ultrasound รักษาโดยใช้วิธี MVA (Manual Vacuum Aspiration)
ปัญหาที่เกิดขึ้น
-หลังทำมี blood loss 20 ml วันต่อมาลดลงเหลือ 10 ml
-เสี่ยงติดเชื้อเนื่องจากได้รับการทำหัตถการ MVA
-มีปวดในวันแรกๆและค่อยๆลดลง
-ความเศร้าโศก
ปัญหาที่ได้รับการแก้ไข
-Blood loss แก้โดย ใส่ผ้าอนามัย เพื่อสังเกตและประเมินปริมาณ ลักษณะ สี กลิ่นของเลือดที่ออกทางช่องคลอด และได้รับยา Cytotec 200 MCG.TAB. สอดทางช่องคลอด ครั้งละ 1 เม็ด ก่อนไปทำ MVA ซึ่งช่วยรักษาการตกเลือดได้
-เสี่ยงติดเชื้อ แก้ไขโดย ได้รับยาฆ่าเชื้อ Doxycycline (100) 1x2 po pc เพื่อป้องกันการติดเชื้อ กลับบ้าน
-อาการปวด แก้ไขโดย ได้รับยาแก้ปวด Paracetamol กลับบ้าน
-ความเศร้าโศก แก้ไขโดย ให้คำแนะนำ ปรึกษา พูดคุย และให้กำลังใจ