Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การตั้งครรภ์เกินกำหนด (POST TERM PREGNANCY) - Coggle Diagram
การตั้งครรภ์เกินกำหนด (POST TERM PREGNANCY)
ความหมาย
การตั้งครรภ์เกินกำหนด (Post term pregnancy, Prolonged pregnancy) หมายถึง การตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 42 สัปดาห์เต็ม (294 วัน) หรือมากกว่า โดยเริ่มนับจากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย(Last menstrual period : LMP)
อุบัติการณ์ และสาเหตุ
อุบัติการณ์ พบประมาณร้อยละ 4 –19 ของการตั้งครรภ์
สาเหตุ ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจเกิดจากความผิดปกติของทารกในครรภ์เช่น Anencephaly ต่อมใต้สมองผิดปกติ
ต่อมหมวกไตฝ่อ และการขาดฮอร์โมน Placental sulfatase deficiency ทำให้สร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อยลง
จึงไม่มีอาการเจ็บครรภ์ รวมถึงปากมดลูกไม่พร้อมที่จะนำไปสู่กระบวนการคลอด
ปัจจัยที่มีผลทำให้เกิดการตั้งครรภ์เกินกำหนด (Risk factors)
ดัชนีมวลกายก่อนตั้งครรภ์ (Pre pregnancy body mass index : BMI) ≥ 25 kg/m2
ครรภ์แรก (Nulliparity) พบได้มากกว่าครรภ์หลัง
มีประวัติเคยตั้งครรภ์เกินกำหนดมาก่อนสาเหตุ
ผลกระทบของการตั้งครรภ์เกินกำหนดต่อทารก (PERINATAL RISKS)
Morbidity and Mortality ทารกมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตในครรภ์เพิ่มขึ้น
การเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ผิดปกติ ได้แก่ Postmaturity syndrome, ทารกที่เจริญเติบโตช้าในครรภ์ และทารกตัวโตกว่าปกติ (Macrosomia) ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น มีภาวะผิดสัดส่วนระหว่างศีรษะทารกกับช่องเชิงกราน (CPD) การคลอดไหล่ยาก
ขี้เทาปนในน้ำคร่ำและปัญหาการสำลักขี้เทา (Meconium staining and Pulmonary aspiration) จากปัญหาขี้เทาปนในน้ำคร่ำทำให้ทารกสำลักขี้เทา (Meconium aspiration syndrome) และปัญหาน ้าคร ่าน้อย(Oligohydramnios)
การดูแลรักษา หลักในการดูแลรักษาคือ การทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลง (termination of pregnancy) โดยให้มารดาและทารกปลอดภัย
ระยะก่อนเจ็บครรภ์คลอด (antepartum period)
1.1 หัวใจสำคัญคือ ความแม่นยำในการวินิจฉัย ซึ่งอาศัยข้อมูลประวัติการฝากครรภ์หลายอย่างประกอบกันช่วยยืนยันว่าเป็นการตั้งครรภ์เกินกำหนดอย่างแท้จริง
1.2 การตรวจติดตามสุขภาพทารกในครรภ์ก่อนคลอด (Antepartum fetal monitoring) ประกอบด้วย •Non stress test (NST) •Biophysical profile (BPP) หรือ Modified BPP •Contraction stress test (CST) •การวัดปริมาณน้ำคร่ำด้วยการตรวจ Ultrasound
1.3 ตรวจภายใน ถ้าตรวจพบว่า ปากมดลูกเหมาะสมต่อการก่อให้เกิดการเจ็บครรภ์คลอด (favorable cervix) ต้องรับไว้ในโรงพยาบาลแต่ถ้าปากมดลูกอยู่ในภาวะที่ไม่เหมาะสม (unfavorable cervix) พิจารณาให้การดูแลได้ 2แนวทาง คือ ดูแลแบบเฝ้าตรวจติดตามสุขภาพทารกในครรภ์ หรือการทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลงโดยการผ่าท้องทำคลอดถ้ามีข้อบ่งชี้
1.4 การทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลง มี 2 วิธี คือ ผ่าท้องทำคลอด และการก่อให้เกิดการเจ็บครรภ์คลอด (induction of labor)
•การผ่าท้องทำคลอด มีข้อบ่งชี้ ดังนี้ ตรวจพบว่ามีภาวะผิดสัดส่วนระหว่างศีรษะทารกกับเชิงกรานมารดา (cephalopelvic disproportion)หรือขนาดทารกในครรภ์ตั้งแต่ 4,500 กรัมขึ้นไป หรือมีข้อบ่งชี้ทางสูติศาสตร์อื่น ๆ •การก่อให้เกิดการเจ็บครรภ์คลอด เช่น การทำ stripling of membrane ช่วงอายุครรภ์ 38-40 สัปดาห์ , การใช้ prostaglandin E ชนิดเจลป้ายปากมดลูกเมื่ออายุครรภ์ 41 สัปดาห์ , เจาะถุงน้ำคร่ำ และให้ Oxytocin
ระยะเจ็บครรภ์คลอด (intrapartum period) มีปัญหาสำคัญ 3 อย่าง คือ การเกิดภาวะคับขัน (fetal distress) ภาวะคลอดติดไหล่
(shoulder dystocia) และภาวะทารกสำลักขี้เทา (meconium aspiration syndrome)
2.1 ภาวะคับขัน (fetal distress) ต้องเฝ้าตรวจติดตามการเต้นของหัวใจทารกตลอดเวลาช่วยเหลือทารกขณะอยู่ในครรภ์
และรีบผ่าท้องทำคลอดในทันที
2.2 ภาวะคลอดติดไหล่ ถ้าคะเนน้ำหนักทารกขนาดตั้งแต่ 4,500 กรัมขึ้นไป ก็ควรผ่าท้องทำคลอด
2.3 ภาวะสำลักขี้เทาในทารกหลังคลอด พบว่ามีขี้เทาปนน้ำคร่ำหนาข้น ควรพิจารณาผ่าท้องทำคลอด
ระยะหลังคลอด (postpartum period)
ต้องติดตามดูทารกหลังคลอดว่า มีภาวะนำตาลในเลือดต่ำ ภาวะสำลักขี้เทา ลักษณะ
postmaturity syndrome และดูอายุครรภ์จากการให้คะแนนประเมินระบบประสาทตาม Dubowitz เพื่อยืนยันการวินิจฉัยว่าเป็นการตั้งครรภ์เกินกำหนดแท้จริง ส่วนมารดาต้องระวังภาวะตกเลือดหลังคลอดและภาวะติดเชื้อหลังคลอด