Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
HIV (Human Immunodeficiency), OD: CD4 t-cell count : 599/mm3, OD:, Case -…
HIV (Human Immunodeficiency)
พยาธิสภาพ
Human immunodeficiency virus (HIV)
เป็นไวรัสที่ก่อโรคที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบกพร่องทำให้ร่างกายติดเชื้อฉวยโอกาสและทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต cell target ของไวรัส HIVคือ CD4ที่มีหน้าที่ควมคุมและต่อสู้กับเชื้อโรค และมีบทบาทในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
กลไกการเกิดโรค
เมื่อร่างการได้รับเชื้อ HIV หนามบนผิวของไวรัสจะจับกับโปรตีน receptor ที่เยื้อหุ้มเซลล์ของ CD4
จับกับreceptorบนผิวของ cell CD4ได้แล้ว ตัวไวรัสจะปล่อยสารพันธุกรรม RNAเข้าสู่ cell CD4
เมื่อมีการปล่อยสารพันธุรกรรม RNA จะเกิดกระบวนการ reverse transcription เป็น DNA เกลียวคู่ ที่สามารถไปเชื่อมต่อกัน cell host หรือcell CD4 เพื่อทำการเพิ่มจำนวนของไวรัสและฆ่า cell CD4
เมื่อCD4 ที่โดน HIV เกาะที่ผิว จะอยู่ในรูปของ inactive form ไม่สามารถทำงานได้ ร่างกายจึงขับออก และทำให้จำนวนของ CD4ลดลง ส่งผลทำให้การกระตุ้นของ B cell ที่สร้างแออนติบอดีจำเพาะลดลงตามไปด้วย
5.ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อHIV และทำให้ CD4 ลดลงน้อยกว่า 200 mcL (ไมโครลิตร) จะทำให้การกำจัดสิ่งแปลกปลอมไม่มีประสิทธิภาพ และทำให้เกิดการติดเชื้อฉวยโอกาส (opportunistic infection)
ภาวะแทรกซ้อน
ระดับ CD4 <200 mcL ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาส
เป็นเชื้อรา เกิดจากการติดเชื้อที่อวัวะภายใน เช่นปอด สมอง ตับ ไต และต่อมน้ำเหลือง
ติดเชื้อวัณโรค
เชื้อไวรัสเริม
เชื้อไวรัสงูสวัดHerpes Zoster
เชื้อไวรัสซัยโตเมกาโลไวรัส
โรคมะเร็ง
พบมาก คือ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งKaposi sarcoma
มะเร็งไต มะเร็งปากมดลูก
โรคแทรกซ้อนทางสมอง
อาการที่เกิดจากเชื้อไวรัส ทำลายเนื้อสมองจากการที่เชื้อไวรัสเข้าไปอยู่ในเซลล์ของสมอง จะทำให้มีอาการทางสมอง
ความจำเสื่อม ซึม โวยวาย ชัก หมดสติ และมีอาการคล้ายโรคจิต เป็นต้น
ปัจจัยที่มีผลที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อเอชไอวี
การมีเพศสัมพันธ์
SD: ผู้ป่วยบอกว่า มีเพศสัมพันธ์เฉพาะคู่หมั้นที่คบกันมา4ปี โดยคุมกำเนิดกินยาคุม ชนิด21เม็ด
การใช้เข็มฉีดยาร่วมกันกับผู้ติดเชื้อ
การสัมผัสเลือดและน้ำเหลืองของผู้ติดเชื้อ
การติดต่อจากแม่สู่ลูก
อาการและอาการแสดง
ระยะเฉียบพลัน (acute retroviral syndrome stage) มักเกิดภายใน 1-4week หลังได้รับเชื้อ อาการจะคงอยู่โดยเฉลี่ย 3-14 วัน จะพบอาการ ไข้ อ่อนเพลีย ท้องเสีย เจ็บคอ และต่อมน้ำเหลืองโต
ระยะสงบทางคลินิก (Clinical Latency Stage) เป็นระยะที่ไม่แสดงอาการชัดเจน แต่เมื่อตรวจเลือดจะพบantibody ต่อเชื้อ HIV ซึ่งจะเริ่มพบประมาณ 6-8 week หลังจากได้รับเชื้อ อาจจะนานไปถึง 3เดือน หากไม่ได้รับการรักษา HIVจะทำลาย CD4ไปเรื่อยๆและจะทำให้เกิดอาการและ อาการแสดง คือ ต่อมน้ำเหลืองโต lymphadenopathy ฝ้าขาวที่ลิ้นจาก oral candidiasis งูสวัด Herpes Zoster
SD: คนไข้บอก “1วันก่อนมารพ. ถ่ายเหลวประมาณ 10ครั้ง”
OD: จากการตรวจร่างกาย พบฝ้าขาวที่ลิ้น และต่อมน้ำเหลืองที่คอโต
หญิงไทยวัย26ปี
Dx. Infected chronic diarrhea with HIV infection
CBC
WBC Count 14.4 10x3/uL
RBC Count 3.25 10x3/uL
Neutrophil 88.7 %
Lymphocytes 6.8 %
ระยะโรคเอดส์(AIDS stage ) เป็นระยะที่มีอาการของโรคเอดส์เต็มขั้น อาจพบมะเร็ง เช่น kaposi sarcoma และ B-cell lymphocytes น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
การรักษา
การรักษาด้วยยาต้านเอชไอวีเท่านั้น เนื่องจากเป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดีที่สุด โดยผู้ติดเชื้อจะได้รับยาต้านเอชไอวีอย่างน้อย 3 ชนิดร่วมกันเป็นสูตรยา แต่มีหลักการรักษา คือ ผู้ติดเชื้อต้องกินยาให้ตรงเวลาทุกวันต่อเนื่องตลอดชีวิต เพราะยาจะไปทำการยับยั้งการแบ่งตัวและการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัส ถ้าหยุดกินเมื่อไหร่ก็จะทำให้เชื้อไวรัสแบ่งตัวเพิ่มจำนวนและแพร่กระจาย
Tenofovir (TDF) +Emtricitabine (FTC) + Efavirenz (EFV) ร่วมกับยาให้รับประทานเพื่อบรรเทาอาการท้องร่วง
ดูแลสภาพจิตใจ
เนื่องจากผู้ป่วยมีภาวะวิตกกังวลเนื่องจากขาดความรู้การปฏิบัติตัวต่อการติดเชื้อ
SD: ผู้ป่วยบอก “มันจริงใช่ไหมคะ ผลตรวจต้องมีอะไรผิดปกติขอตรวจใหม่ได้มั้ยคะ เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับฉัน ถ้าคนอื่นรู้แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ฉันต้องลาออกจากการเป็นครูใช่ไหม และจะทำมาหากินอะไร ต่อจากนี้ไปฉันจะต้องทำอย่างไรฉันจะตายเร็วๆนี้ใช่ไหมคะ”
OD:สีหน้าเศร้าหมอง เริ่มร้องไห้
การวินิฉัย
ELISA : positive for antibodies against HIV
Western blot analysis. : positive for antibodies against HIV
p24 antigen test: positive for circulating HIV antigens
OD: CD4 t-cell count : 599/mm3
OD:
Case