Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน่วยที่ 11 การวิจัยเชิงคุณภาพในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร - Coggle…
หน่วยที่ 11 การวิจัยเชิงคุณภาพในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร
11.1 การวิจัยเชิงคุณภาพ
11.1.1 ความหมายความสำคัญและการประยุกต์การวิจัยเชิงคุณภาพในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร
การแสวงหาความรู้ความจริงโดยเฉพาะทางสังคมศาสตร์แบ่งเป็น
2 กลุ่มสังคมศาสตร์เชิงตีความ
3 กลุ่มสังคมศาสตร์เชิงวิพากษ์
1 กลุ่มสังคมศาสตร์เชิงปฏิฐานนิยม
ความหมายของการวิจัยเชิงคุณภาพเป็นงานวิจัยในทัศนะของกลุ่มสังคมศาสตร์เชิงตีความซึ่งเป็นการแสวงหาความรู้โดยพิจารณาปรากฏการณ์สังคมจากสภาพแวดล้อมตามความเป็นจริงในทุกมิติเพื่อหาความสัมพันธ์ของปรากฏการณ์กับสภาพแวดล้อมนั้นโดยสนใจข้อมูลด้านความรู้สึกนึกคิดความหมายค่านิยมอุดมการณ์ของบุคคลและมุ่งทำความเข้าใจปรากฏการณ์และพฤติกรรมของคนในสังคมมักใช้การติดตามระยะยาวโดยสังเกตสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการเป็นหลัก
ความสำคัญของการวิจัยเชิงคุณภาพ
ธรรมชาติของปรากฏการณ์ทางสังคม
2 เป็นพัฒนาการทางประวัติศาสตร์
3 ไม่มีแบบแผนที่ตายตัว
1 เป็นพลวัต
4 มีลักษณะเป็น 2 มิติคืออัตวิสัยและภาวะวิสัยหรือวัตถุวิสัย
5 อาจสะท้อนให้เห็นได้จากหน้าที่ทางสังคม
6 การวิจัยเชิงคุณภาพเป็นการวิจัยระดับจุลภาคเป็นชุมชนที่มีสมาชิกประมาณ 100-200 ครอบครัว
7 การวิจัยเชิงคุณภาพเป็นการศึกษาการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต่างๆว่ามีปัจจัยใดเป็นตัวกำหนด
การประยุกต์การวิจัยเชิงคุณภาพ
1 เป็นกระบวนการซึ่งทำให้เข้าใจบุคคลเป้าหมายกลุ่มสังคมชุมชนและเห็นถึงปฏิกิริยาหรือการตอบสนอง
2 เป็นการศึกษาวิจัยระดับจุลภาคเน้นเฉพาะในท้องถิ่นที่มีขอบเขตพื้นที่ไม่กว้าง
3 เนื่องจากการวิจัยเชิงคุณภาพเป็นกระบวนการที่ผู้วิจัยสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มเป้าหมายและชุมชนซึ่งจะทำให้ผู้วิจัยสามารถประสานความสัมพันธ์ดังกล่าวไปสู่การดำเนินงานเพื่อปฏิบัติการในการส่งเสริมการเกษตรร่วมกัน
4 ในระดับปฏิบัติการของหน่วยงานต่างๆผลจากการวิจัยสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการกำหนดแนวทางพัฒนา
5 ในระดับนโยบายหน่วยงานองค์กรต่างๆในทุกระดับโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับนโยบายสามารถนำไปกำหนดนโยบายยุทธศาสตร์การส่งเสริมการเกษตรที่เหมาะสม
6 การพัฒนางานศึกษาวิจัยที่ต่อเนื่องผลการวิจัยจะเป็นพื้นฐานและเป็นข้อศูนย์ที่นักวิจัยและชุมชนจะนำไปกำหนดประเด็นในการวิจัยในแต่ละเรื่องที่เป็นประเด็นเฉพาะและละเอียดลึกซึ้งในแต่ละด้านเพื่อนำไปสู่การพัฒนาเฉพาะเรื่องเฉพาะด้านต่อไป
11.1.2 ลักษณะและแบบแผนการวิจัยเชิงคุณภาพ
ลักษณะของการวิจัยเชิงคุณภาพ
1 การวิจัยเชิงปริมาณมีลักษณะที่สำคัญคือ
4 เทคนิควิธีเชิงปริมาณจึงเป็นหัวใจของการวิจัยทุกขั้นตอน
5 การวิจัยเชิงปริมาณมักจะนึกถึงรูปแบบการวิจัย 2 รูปแบบได้แก่การสำรวจกับการทดลอง
3 โดยมากจะมีการตั้งคำถามวิจัยหรือสมมติฐานวิจัยที่เจาะจงไว้ก่อนซึ่งโดยมากจะรองรับด้วยองค์ความรู้ทฤษฎีแล้วทำการทดสอบยืนยันด้วยข้อมูลที่รวบรวมได้
6 เทคนิคการเก็บข้อมูลในการวิจัยเชิงปริมาณจะอิงอยู่กับเครื่องมือวัดต่างๆที่ตีค่าการวัดเป็นตัวเลขได้
2 มีแบบแผนเฉพาะเจาะจงที่แน่นอน
7 คุณภาพการวิจัยเชิงปริมาณขึ้นอยู่กับผลการสรุปเชิงนัยทั่วไปและคุณภาพการวัดคือความเที่ยงตรงความเชื่อถือได้
1 เป้าหมายของการวิจัยเชิงปริมาณโดยหลักใหญ่มุ่งศึกษาพฤติกรรมของคน
การวิจัยเชิงคุณภาพมีลักษณะที่สำคัญคือ
2 ไม่อิงข้อมูลตัวเลขแต่จะใช้และนำเสนอข้อมูลในเชิงบรรยายพรรณนา
3หลักการรอบด้านการวิจัยเชิงคุณภาพใช้หลักการการศึกษารอบด้านเพื่อการที่จะเข้าใจปรากฏการณ์ทางสังคมแบบทุกแง่ทุกมุม
1 การวิจัยเชิงคุณภาพมุ่งทำความเข้าใจและตีความให้ความหมายแก่ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของคนในสังคม
4 การให้ความสำคัญกับบริบทการที่เน้นความรอบด้านของปรากฏการณ์จึงนำไปสู่คุณลักษณะหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกันก็คือการให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมโดยรวม
5 การให้ความสนใจกับปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์
6 การให้ความสนใจกับความคิดและทัศนคติของกลุ่มคนที่ศึกษา
7 แนวทางการวิจัยเชิงคุณภาพจะมีความยืดหยุ่นมากกว่าการวิจัยเชิงปริมาณแต่เพื่อให้ความหมายแก่พฤติกรรมอย่างเที่ยงตรงการวิจัยเชิงคุณภาพจะไม่อยู่ภายใต้กรอบของทฤษฎีสมมุติฐานที่กำหนดไว้ก่อน
9 การวิจัยเชิงคุณภาพเป็นการศึกษาที่ลุ่มลึกและใช้เวลานานเน้นการใช้ข้อมูลเชิงคุณภาพ
10 การวิเคราะห์ข้อมูลไม่เน้นวิธีการเชิงปริมาณ
11 การตีความหรือการให้ความหมายแก้พฤติกรรมและเรื่องราวเป็นหัวใจของการวิจัยเชิงคุณภาพซึ่งการตีความเป็นเทคนิควิธีที่ไม่มีแบบแผนแน่นอนตายตัว
12 การรายงานผลการวิจัยเชิงคุณภาพจะอิงวิธีการพัฒนาเป็นหลัก
13 คุณภาพของการวิจัยจะขึ้นอยู่กับความเที่ยงตรงและเชื่อถือได้ของข้อมูลที่ลึกครอบคลุมและสะท้อนความเป็นจริงของปรากฏการณ์และวิธีการตีความและการให้ความหมายซึ่งขึ้นกับตัวนักวิจัย
11.2 การออกแบบการวิจัยเชิงคุณภาพในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร
11.2.2 การเลือกตัวอย่างในการวิจัยเชิงคุณภาพ
การเลือกชุมชนที่จะศึกษา
2 ความเข้าใจภาษาท้องถิ่น
3 ขนาดของชุมชนไม่ควรจะเป็นชุมชนใหญ่
1 เลือกพื้นที่ที่ศึกษาสอดคล้องกับประเด็นข้อปัญหาและวัตถุประสงค์ของการศึกษา
4 การคมนาคมเข้าถึงสะดวก
5 มีผู้แนะนำหรือรับรอง
6 ความปลอดภัยในชุมชนที่ศึกษา
กรณีบุคคลหรือตัวอย่างในการศึกษา
1 การเลือกตัวอย่างแบบ slow blow job การสัมภาษณ์ผู้รู้หรือผู้ให้ข้อมูลสำคัญในหมู่บ้าน
2 การเลือกตัวอย่างแบบหลายกลุ่มหรือหลายมิติคือผู้วิจัยควรจะต้องรู้พื้นฐานโครงสร้างของชุมชนในชุมชนนั้นควรแบ่งกลุ่มย่อยหรือมิติออกได้กี่มิติ
11.2.3 วิธีการเก็บข้อมูลในการวิจัยเชิงคุณภาพ
การสังเกต 1 กรอบแนวคิดในการสังเกต 2 ประเภทของการสังเกต 3 บทบาทของผู้วิจัยในการสังเกตในสนาม 4 ข้อควรพิจารณาในการใช้วิธีการสังเกต 5 การเลือกตัวแทนพฤติกรรมในการสังเกต 6 วิธีการสำคัญของการใช้วิธีการสังเกตการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกเป็นวิธีการสัมภาษณ์ที่ต้องการรายละเอียดมากในเรื่องที่ผู้ต้องการผู้ศึกษาต้องการเกิดขึ้นเมื่อผู้ให้สัมภาษณ์มีความคุ้นเคยและสามารถให้คำตอบได้มากการสัมมนาหรือการจัดเวทีชาวบ้านเป็นวิธีการสำคัญวิธีการหนึ่งของการรวบรวมข้อมูลในการวิจัยเชิงคุณภาพในการใช้การสัมมนาในการวิจัยเชิงคุณภาพใช้ได้ 4 กรณี 1 เพื่อกำหนดกรอบการวิจัยที่ควรจะดำเนินการ 2 เพื่อกำหนดติดตามข้อมูลการวิจัย 3 เพื่อรวบรวมรายละเอียดของประเด็นที่ศึกษา 4 เพื่อวิเคราะห์ผลการวิจัยที่ดำเนินการไปแล้วผู้วิจัยจะนำผลของการประชุมสัมมนาไปพิจารณาและปรับรายงานการวิจัยก่อนจะจัดทำรายงานการวิจัยขั้นสุดท้าย 1 ลักษณะของการสัมมนาหรือเวทีชาวบ้าน 2 องค์ประกอบของการจัดสัมมนาหรือเวทีชาวบ้าน 3 ข้อคิดในการจัดสัมมนาหรือเวทีชาวบ้านการบันทึกประวัติชีวะบุคคลผู้วิจัยจะต้องตั้งคำถามต่างๆ 1 รายละเอียดที่ได้มานั้นมีพื้นฐานการรวบรวมเรื่องราวมาอย่างไร 2 ข้อมูลต่างๆนั้นได้รับการแก้ไขหรือตีความผิดพลาดหรือมีลักษณะยำให้เห็นเฉพาะในแง่ดีของบุคคลนั้นหรือไม่ 3 ตัวอย่างที่ทำการศึกษานั้นใช้เทคนิคในการเลือกอย่างไรมีความถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ผู้วิจัยจะต้องพิจารณาด้วยว่ามีความน่าเชื่อถือและถูกต้องมากน้อยเพียงใดโดยยึดหลักเกณฑ์ของการพิจารณาประกอบ 1 พิจารณาจากตัวผู้แต่ง 2 พิจารณาจากลักษณะของการแต่งหรือการเขียนเอกสาร 3 พิจารณาว่าเอกสารที่ค้นคว้านั้นเป็นต้นฉบับหรือสำเนา 4 พิจารณาถึงเจตนารมณ์ของผู้แต่งหรือผู้เขียนการเก็บข้อมูลแบบผสมผสานประกอบด้วยวิธีการต่างๆเช่น 1 การสอบถังแบบมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง 2 การสนทนาพูดคุยทางอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ 3 การสังเกตอย่างมีส่วนร่วมและการสังเกตอย่างไม่มีส่วนร่วม 4 การจดบันทึกประจำวัน 5 การทำกรณีศึกษาเหตุการณ์หรือธรรมเนียมประเพณีเรื่องใดเรื่องหนึ่ง 6 การเข้าร่วมประชุมกับชาวบ้านในงานพัฒนาหรืองานพิธีต่างๆเหตุการสัมภาษณ์เจาะลึกแต่การอ่านเอกสารอื่นๆที่เกี่ยวข้องการจัดเวทีชาวบ้านการสัมมนา 10 การระดมสมอง 11 การเดินสำรวจสังเกต 12 การศึกษาอัตชีวประวัติของผู้นำ 13 การทำกรณีศึกษาครอบครัวหรือเครือญาติ
การจัดสนทนากลุ่ม
การสัมภาษณ์แบบเจาะจง
การสนทนากลุ่มตามธรรมชาติ
การจัดสนทนากลุ่มเป็นการนำทั้ง 2 วิธีมารวมกัน
1 ความหมายของการจัดสนทนากลุ่ม
2 วัตถุประสงค์ของการจัดสนทนากลุ่ม
3 องค์ประกอบในการจัดสนทนากลุ่ม 4 ขั้นตอนในการจัดสนทนากลุ่ม 5 ความถูกต้องและความเชื่อถือได้ของข้อมูลในการจัดสนทนากลุ่ม
11.2.1 การกำหนดปัญหาวัตถุประสงค์กรอบแนวคิดและสมมติฐานการวิจัยเชิงคุณภาพ
การกำหนดปัญหาการวิจัย
เลือกประเด็นปัญหาที่ผู้วิจัยสนใจและเป็นปัญหาที่เป็นปรากฏการณ์ที่อยู่ในความสนใจของคนทั่วไปปัญหาหรือโจทย์วิจัยคือข้อสงสัยที่นักวิจัยต้องการรู้ในข้อเท็จจริงซึ่งจะนำไปสู่การหาทางปฏิบัติเพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับข้อสงสัยนั้นและการหาคำตอบต้องกระทำอย่างมีระบบระเบียบเชื่อถือได้
การประเมินปัญหาการวิจัยพิจารณาจาก
3 ปัจจัยด้านหน่วยงาน
2 เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของหน่วยงานรวมถึงผลต่อการพัฒนาองค์กรการสร้างองค์ความรู้ใหม่ในองค์กร
3 การระมัดระวังที่จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบทางลบต่อหน่วยงาน
1 ความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์งานวิจัยและนโยบายของหน่วยงานองค์กรที่นักวิจัยสังกัด
2 ปัจจัยด้านสังคม การเมืองและสิ่งแวดล้อม
2 ความสำคัญและประโยชน์ต่อบุคคลกลุ่มชุมชนสังคม
3 ผลกระทบเชิงบวกและลบ
1 การพัฒนาองค์ความรู้
4 ความซ้ำซ้อนกับผลงานอื่นๆ
5 ความเหมาะสมของขอบเขตปัญหา
6 ข้อจำกัดต่างๆที่มีอยู่ในการทำวิจัย
7 ปัจจัยด้านการเมือง
8 สิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่
1 ปัญหาเกี่ยวกับนักวิจัย
4 เครื่องมือวิธีการ
5 เวลางบประมาณทรัพยากรที่จะใช้
3 ความสามารถความชำนาญของนักวิจัย
6 ปัญหาอุปสรรคในการศึกษาข้อมูล
2 ความสนใจ
7 หน่วยงานสนับสนุน
1วัตถุประสงค์ของผู้วิจัย
8 ความร่วมมือจากส่วนต่างๆ
การกำหนดวัตถุประสงค์การวิจัยเป็นส่วนที่บอกให้ทราบว่าผู้วิจัยต้องการจะศึกษาหรือค้นหาคำตอบอะไร
การกำหนดกรอบแนวคิดในการวิจัย ไพฑูรย์ มีกุศล กล่าวว่ าการวิจัยเชิงคุณภาพ มีลักษณะที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการศึกษาปรากฏการณ์ทุกๆมิติอย่างรอบด้านโดยมีปัจจัยที่ต้องคำนึงดังนี้
1 กรอบแนวคิดในด้านพื้นที่หรือสนาม
2 กรอบแนวคิดในด้านมิติแห่งเวลา
3 กรอบแนวคิดในด้านปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวกับชุมชน
4 กรอบแนวคิดทฤษฎีที่จำเป็นและเหมาะสมในการศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคม
การกำหนดสมมติฐานผู้วิจัยเชิงคุณภาพจะไม่กำหนดสมมติฐานจากกรอบแนวคิดอันใดอันหนึ่งโดยเฉพาะแต่จะปรับและเปลี่ยนอยู่เสมอโดยการเก็บรวบรวมข้อมูลและพิสูจน์สมมติฐานตลอดเวลา สมมติฐานจึงอาจผิดหรือถูกก็ได้เมื่อสมมติฐานนั้นถูกพิสูจน์และตรวจสอบแล้วจึงจะเป็นข้อสรุป
11.2.4 เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการวิจัยเชิงคุณภาพ
11.0.4 เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการวิจัยเชิงคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเชิงคุณภาพ 1 แบบสัมภาษณ์ 1.1 แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง 1.2 แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง1.3 แบบสัมภาษณ์ที่ไม่มีโครงสร้าง 2 แบบบันทึกการสังเกต 3 เครื่องมืออื่นๆดังนี้ 1 โครงสร้างครอบครัว 2 แผนที่ชุมชน 3 แผนที่ภายในชุมชน 4 แผนที่ทางสังคมในชุมชน 5 การทำกิจกรรมในภาคและนอกภาคการเกษตรอุปกรณ์ที่ใช้ในการวิจัยเชิงคุณภาพ 1 บันทึกการสนทนา 1 การบันทึกโดยใช้แผนที่ความคิด 2 การบันทึกโดยใช้บัตรคำ 2 เครื่องบันทึกเสียง 3 กล้องบันทึกภาพและการวาดภาพ
11.3 การวิเคราะห์และเสนอผลการวิจัยเชิงคุณภาพในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร
11.3.1 การวิเคราะห์ข้อมูลในการวิจัยเชิงคุณภาพ
การวิเคราะห์ข้อมูล หมายถึง การตรวจสอบและจัดประเภทหมวดหมู่ของข้อมูลแล้วตีความศึกษารูปแบบความสัมพันธ์ของข้อมูลที่จัดหมวดหมู่เหล่านั้น
สุภางค์ จันทวานิชและพนิดา มาประเสริฐ สรุปได้ดังนี้
3 การวิเคราะห์เพื่อหาความหมายและกระบวนการของสิ่งต่าง ๆ
4 การวิเคราะห์ข้อมูลโดยวิธีการอุปมาน
2 การไม่ตั้งสมมติฐานที่แน่นอนเพื่อการทดสอบไว้ล่วงหน้า
5 การวิเคราะห์เชิงพรรณนา
1 กระบวนการวิเคราะห์และการสังเคราะห์เพื่อสร้างข้อสรุป
6 การไม่มีกฎหรือสูตรการวิเคราะห์ที่ตายตัว
7 จะไม่ใช้สถิติในการวิเคราะห์เป็นหลักแต่อาจใช้สถิติบางอย่าง
เงื่อนไขในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ
1 ผู้วิจัยต้องเป็นผู้วิเคราะห์ข้อมูลด้วยตนเอง
2 ผู้วิเคราะห์ข้อมูลมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการวิจัย
3 นักวิจัยต้องอยู่ในชุมชนนานพอที่จะได้รับความวางใจจากชุมชน
4 เริ่มวิเคราะห์ข้อมูลตั้งแต่เริ่มรวบรวมข้อมูล
5 การวิเคราะห์ข้อมูลต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร
6 นักวิจัยต้องรู้จักเลือกสถานการณ์เพื่อเป็นกุญแจดอกสำคัญ
7 ผู้วิจัยต้องมีวิธีการตรวจสอบความเที่ยงตรงความเชื่อถือได้และมีจริยธรรม
8 ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพนักวิจัยอาจจัดเวทีหรือการประชุมเสวนาเพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องผู้รู้ร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูล
9 ทีมนักวิจัยต้องทำงานกันอย่างใกล้ชิด
10 นักวิจัยต้องได้รับการฝึกฝนและมีความชำนาญ
แนวคิดทฤษฎีในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ
สุภางค์ จันทวานิชได้กล่าวไว้ ดังนี้
1 ในขั้นของการทดลองสร้างกรอบแนวคิดจะสร้างขึ้นจากแนวคิดทฤษฎีหลายๆแนวคิดทฤษฎีประกอบการและมีลักษณะเป็นสหสาขาวิชา
2 ในขั้นของการสรุปกรอบแนวคิดจะมีความใกล้ชิดกับข้อมูลรูปธรรมค่อนข้างมากหรือเรียกว่าทฤษฎีติดดินเป็นทฤษฎีหรือข้อสรุปที่สร้างขึ้นมาอย่างเป็นระบบจากข้อมูลรูปกระทำหรือความเป็นจริงโดยตรงของการวิจัยไม่ใช่ทฤษฎีใหญ่ที่เป็นที่ยอมรับอย่างสากลเหมือนทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์
แนวคิดทฤษฎีที่สำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ
สุภางค์ จันทวานิช ได้แก่
แนวคิดเรื่องการวิเคราะห์ชุมชน การวิเคราะห์เครือข่ายสังคมและทฤษฎีโครงสร้างการทำหน้าที่
ขั้นตอนในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ
2 more items...
การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพมีขั้นตอนในการวิเคราะห์
1 more item...
เครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ
3 เครือข่ายของเหตุและผล
4 การจัดแยกประเภทของคำ ความคิดหรือความเชื่อ
2 แผนภูมิ
1 แผ่นที่
5 ตารางรายการ
11.3.2 การนำเสนอผลการวิจัยเชิงคุณภาพ
มักจะนำเสนอผลด้วยการพรรณนา
อาจจะมีการนำเสนอข้อมูลที่เป็นตัวเลขอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เน้นในเชิงสถิติและเพื่อให้เห็นทิศทางเห็นภาพหรือความเป็นไปของสิ่งที่ศึกษามากกว่าจะเน้นใช้ตัวเลขในการวิเคราะห์และนำเสนอผล
การนำเสนอข้อมูลยังต้องคำนึงถึงลักษณะของข้อมูล
โดยปกตินักวิจัยควรนำเสนอข้อมูลที่เป็นความบรรยายก่อน
แล้วจึงเสนอข้อมูลที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของเหตุการณ์ต่างๆ
และในที่สุดก็นำเสนอข้อมูลที่เป็นคำอธิบายเหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร
ผู้วิจัยอาจจะมีการนำเสนอในลักษณะเป็นแผนภาพแบบต่างๆประกอบคำอธิบาย บรรยายเสนอเป็นตารางเปรียบเทียบ