GDMA2 Due to Previous cesarean section

ข้อมูลส่วนตัว
หญิงตั้งครรภ์อายุ 32ปีG2P1001 GA38+3 wks
อาการสำคัญ:นัดมาผ่าคลอดตามนัด
น้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ 55กิโลกรัม ส่วนสูง 153 เซนติเมตร BMI ก่อนการตั้งครรภ์ 22.06Kg/m2 (Normal weight)

ประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว: ปฏิเสธประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว
ประวัติการผ่าตัด: ผ่าตัดC/S เมื่อ 22 ก.ย. 2560
ประวัติการแพ้ยาแพ้อาหาร: ปฏิเสธการแพ้ยาแพ้อาหาร
ประวัติการใช้สารเสพติด: ปฏิเสธการสูบบุหรี่หรือเสพยา

ประวัติการตั้งครรภ์
-G1 2560 น้ำหนัก 3300g no complication C/S FT

ประวัติการตั้งครรภ์ปัจจุบัน :
หญิงตั้งครรภ์ G2P1001 เคยฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเพชรรัตน์และมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลตำรวจตอนอายุครรภ์ 28+3 wksหญิงตั้งครรภ์มี อายุ 32ปีจึงได้รับการคัดกรองเบาหวานด้วย Bs 50 gm ได้ค่าFBS= 226 mg% ตอนอายุครรภ์ 21+2 wks และนัดมาตรวจOGTT ตอนอายุครรภ์ 22+6 OGTT=103,203,219,215 ตอน24+6 wks ค่าFBS = 101 mg% และค่า2-hour postprandial blood sugar= 179 mg% จึงได้รับการวินิจฉัยเป็น GDMA2 ได้รับการรักษาด้วยRegular insulin16-16-16 u sc และNPH 10 U sc.hs.​​​

อาการแรกรับ
สัญญาณชีพแรกรับ​​​​​​​​​​​​: สัญญาณชีพ T=36.7, PR=104, RR=18, BP=135/76, Pain score=0คะแนน, O2 sat=98%

ผลตรวจร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า
เยื่อบุตาทั้งสองข้างไม่ซีด anicteric ไม่พบตาขาวมีสีเหลือง ไม่มีฟันผุหรือเหงือกอักเสบ ต่อมไทรอยด์ไม่โต เต้านมปกติ หัวนมปกติไม่บอด ไม่แบน ไม่บุ๋ม ผิวหนังไม่มีผื่น ไม่มีจ้ำเลือด ไม่มีรอยแดง ขาทั้ง 2 ข้างไม่มีบวม no pitting edema

ผลการตรวจครรภ์ทางหน้าท้อง

  • Fundal grip : ¾ เหนือสะดือ
  • Umbilical grip : OR position, FHS (fetal heart sound) = 154 bpm
  • Bilateral inguinal grip : HF (head float) : ส่วนนําทารกยังไม่เข้าสู่ช่องเชิงกราน

Pawlik’s grip : HF (head float) : ส่วนนําทารกยังไม่เข้าสู่ช่องเชิงกราน
Vx (Vertex presentation) : ส่วนนําเป็นศีรษะ

ผลการตรวจทางช่องคลอด PV: ปากมดลูกปิด
ผลตรวจการหดรัดตัวของมดลูก:No contraction

ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการจากANC

GCT = 226 mg/dL, OGTT = 103 203 219 215,VDRL = non-reactive, HBsAg = negative, HIV Ab = negative
คัดกรองธาลัสซีเมีย ภรรยา ; MCV = 64.5, Hb E Screening
DCIP) =Positive, Hb typing = Suspected Homozygus Hb E or beta-thal, Screening alpha Thai = negative
สามี ; MCV = 73.0, Hb E Screening (DCIP) =Positive, Hb
typing = Hb E with or without alpha-thal/Hb E trait with or without alpha-thal, Screening alpha Thai = negative
Covid-19 = not detected

ผลหารตรวจอื่นๆ

U/S

GA by LMP(week) : 29 weeks

Cardiac activity : positive

Fetal number : 1

Presentation : Cephalic

Biparietal Diameter (BPD) : 68 mm/26wks 6 day

Head Circumference (HC) : 213 mm/27wks 2day

Abdominal Circumference (AC) : 272 mm/27wks 2day

Femur Length (FL) : 50 mm/26wks 5day

Placenta : grad 1

Est.fetal weight : 1410 gm

GA by US : 28 wks 1 day

Amniotic fluid index = 10 cm

พยาธิสภาพ
การตั้งครรภ์ทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลินโดยเฉพาะในช่วง 24-28 wks ไขมันของมารดาจะจับกับฮอร์โมนที่สร้างจากรก เป็นสาเหตุทำให้ดื้ออินซูลิน รกผลิตฮอร์โมนที่ต้านอินชูลินเข้าสู่กระแสเลือด ได้แก่ HPL,Estrogen, Progesterone,Prolactin -ขณะตั้งครรภ์มีการเปลี่ยนแปลงเมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต
-Insulinase,cortisol ทำให้เนื้อเยื่อต้อบสนองต่ออินซูลินลดลง >>>> ส่งผลให้ระดับน้ำตาลเลือดต่ำ เพิ่มความอยากอาหาร ความไวต่ออินซูลินลดลง จนในที่สุดระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติหลังรับประทานอาหาร ในการตั้งครรภ์ปกติจะพบภาวะดื้อต่ออินซูลิน เพื่อดึงน้ำตาลไปเลี้ยงทารก โดยภาวะดื้อต่ออินซูลินจะลดลงในระยะหลังคลอด Beta cell จะหลั่งอินชูลินเพิ่มเพื่อให้ระดับน้ำตาลปกติ ในหญิงที่เป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ จะมีการจะมีการหลั่งอินชูลินไม่เพียงพอหรือหายไป มีภาวะให้น้ำตาลในเลือดสูง Beta cell หลั่งอินซูลินไม่เพียงพอโดยจะมีภาวะนี้ถึงหลังคลอด12สัปดาห์

ผลกระทบต่อมารดา

  1. การควบคุมโรคเบาหวานยากขึ้น เนื่องจากความ ต้องการอินซูลินไม่แน่นอน โดยจะเกิดภาวะ hypoglycemia ในระยะแรกของการตั้งครรภ์ และจะเกิดภาวะ hyperglycemia ในครึ่งหลังของการตั้งครรภ์จากการที่ รกสร้างฮอร์โมนที่ออกฤทธิ์ต้านการทำงานของอินซูลิน

2.มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนของหลอดเลือดที่อวัยวะ
ต่าง ๆ เช่น nephropathy,retinopathy

  1. มีโอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ (preeclampsia)

4.มีโอกาสเกิด polyhydramnios

  1. อัตราการแท้งเพิ่มขึ้น มักพบในรายที่ควบคุมเบาหวาน
    ได้ไม่ดี

6.เพิ่มอุบัติการณ์ของการคลอดก่อนกำหนด

  1. ในรายทารกตัวโตจะคลอดยาก ทำให้เพิ่มอุบัติการณ์ใน การคลอดโดยสูติศาสตร์หัตถการสตรีตั้งครรภ์อาจได้รับ บาดเจ็บจากการช่วยคลอดโดยสูติศาสตร์หัตถการ และ เสี่ยงต่อการตกเลือดหลังคลอดเพิ่มขึ้น
  1. มีโอกาสติดเชื้อง่ายขึ้น โดยเฉพาะการติดเชื้อในระบบ
    ทางเดินปัสสาวะ

ผลกระทบต่อทารก

  1. ทารกในครรภ์ขาดออกซิเจน(Fetal distress)
  1. ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์(IUGR)
  1. ทารกพิการแต่กำเนิด (congenital anomalies)
  1. ทารกเสียชีวิตในครรภ์
  1. ทารกตัวโต (macrosomia)
  1. ทารกขาดออกชิเจนแรกคลอด (bith asphyxia) ซึ่ง อาจส่งผลระยะยาวต่อพัฒนาการด้านสมอง

7.ทารกได้รับบาดเจ็บจากการคลอด (birth injury)

8.ทารกมีภาวะหายใจลำบาก (respiratory distress syndrome: RDS)

9.ทารกมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (neonatal hypoglycemia)

  1. ทารกมีภาวะเม็ดเลือดแดงมากเกินไป (neonatal
    polycythemia)
  1. ทารกมีภาวะตัวเหลืองแรกเกิด (neonatal hyperbilirubinemia) เกิดจากการที่มีภาวะ polycythemia
  1. ทารกมีภาวะแคลเชียมในเลือดต่ำ (neonatal
    hypocalcemia)
  1. ทารกมีภาวะแมกนีเชียมในเลือดต่ำ (neonatal
    hypomagnesemia)
  1. ทารกมีภาวะหัวใจโต (cardiac hypertrophy)

การคัดกรอง

ปัจจัยเสี่ยง

1.อายุ>30ปี

หญิงตั้งครรภ์อายุ 32ปี

2.BMI>27kg/m^2

หญิงตั้งครรภ์มีBMI=22.06 kg/m^2(์Normal weight)

3.ญาติสายตรงเป็นเบาหวาน

ปฏิเสธ

4.เคยมีประวัติGDMครรภ์ก่อน

ปฏิเสธ

5.น้ำตาลในปัสสาวะ ≥ 1+

Glucose 1+ (08/10/2564)

6.มีประวัติดังต่อไปนี้ คือ
-ทารกคลอดตายไม่ทราบสาเหตุ
-ทารกพิการโดยกำเนิด
-มีประวัติคลอดบุตรน้ำหนักมากกว่า 4000 g
-ทารกเสียชีวิตในครรภ์

-G1 2560 น้ำหนัก 3300g no complication C/S FT

สรุป
หญิงตั้งครรภ์มีปัจจัยเสี่ยงคืออายุ 32ปี และ มีglucose 1+(08/10/2564)

555AD998-0D5A-44D1-BEBB-0DA0DF28ED19

หญิงตั้งครรภ์ G2P1001 เคยฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเพชรเวท หญิงตั้งครรภ์มีอายุ 32ปีจึงได้รับการคัดกรองเบาหวานด้วย Bs 50 gm ได้ค่าFBS= 207 mg% ตอนอายุครรภ์ 21+2 wks และนัดมาตรวจOGTT ตอนอายุครรภ์ 22+6 OGTT=103,203,219,215 ตอน24+6 wks ค่าFBS = 101 mg% และค่า2-hour postprandial blood sugar= 179 mg%จึงได้รับการวินิจฉัยเป็น GDMA2 ได้รับการรักษาด้วยRegular insulin6-16-12 u sc และNPH 6 U sc.hs.และมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลตำรวจตอนอายุครรภ์ 28+3 wks ตรวจBs 50 gm ได้ค่าFBS =226 mg/dL ตอนอายุครรภ์32+3 wks ฉีด RI 16-16-12 U sc ac,NPH= 10 u sc hs. ผล2-hour postprandial blood sugar= 130mg% FBS=88 mg% ตอนอายุครรภ์ 37 wks ปรับ RI=16-16-14 และ NPH=10 U



การแบ่งชนิดของโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (gestationalหรือ Chemical Diabetes) ได้แก่ Class A
ของCarpenterโดยแบ่ง 2 ประเภท ดังนี้

1.1 GDM A1 คือหญิงตั้งครรภ์ที่มี 0GTT ผิดปกติตั้งแต่ 2 ค่าขึ้นไป แต่ค่าแรกไม่ควรเกิน 95MG%
และ 2 HOURS POSPANDIAL ไม่เกิน 120 MG%รักษาด้วยการควบคุมอาหารไม่ต้องใช้อินสุลิน

1.2 GDM A2 คือ หญิงตั้งครรภ์ที่มี 0GTT ผิดปกติตั้งแต่ 2 ค่าขึ้นไป ค่าแรกเกิน 95MG%และ 2
Hours Postpandialเกิน 120 MG%รักษาด้วยการควบคุมอาหารและอินสุลิน

S__17195036

Regular insulin
Onset:30-40นาที
Peak: 2-3ชั่วโมง
Duration:5-8ชั่วโมง

intermediate acting
Onset:2-4ชั่วโมง
Peak: 4-10ชั่วโมง
Duration:10-16ชั่วโมง

ผลข้างเคียงได้แก่
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ และน้ำหนักตัวขึ้น และมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน ได้แก่
รู้สึกวิตกกังวล มึนงง ซึมเศร้า,ตาพร่ามัว,มีอาการหนาวสั่น และมีเหงื่อออก ตัวเย็น,เกิดอาการชักกะตุก ชัก หรือตัวสั่น,ปัสสาวะน้อยลง,หัวใจเต้นเร็ว หรือเต้นผิดปกติ,ปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้

แนวทางการดูแล

แนวทางการดูแลขณะฝากครรภ์

  1. ฝากครรภ์ตามปกติ ตรวจยืนยันและติดตามอายุครรภ์ที่แน่นอนโดย USG ติดตาม น้ำหนักทารก, A FI ความผิดปกติของทารก
  2. ในระหว่างไตรมาสที่สอง ( 18-20 สัปดาห์) ควร USG หาความผิดปกติ (Target USG for anomalies)
  3. ส่งตรวจตาประเมินภาวะแทรกซ้อนของโรค


  4. GA 2 28 wk ให้ นับเด็กดิ้น



5.ในรายที่ควบคุมเบาหวานไม่ดี ให้ทำ NST สัปดาห์ละ 2 ครั้งตั้งแต่อายุกรรภ์ 32 สัปดาห์ถ้าผลเป็น non reactive test ให้
ประเมินด้วย BPP หรือ CST ถ้าไม้มีข้อห้าม และตรวจบ่อยขึ้นถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อน


  1. Admit ซ้ำเพื่อปรับระดับ insulin ในกรณีที่

6.1 FBS 2 105 หรือ2 hr PP 2 120 และทดลองเพิ่ม insulin แล้วยังไม่สามารถ control ได้


6.2 Fetal macrosomia


6.3 Polyhydramnios


  1. GA >=38 สัปดาห์ PV bishop score + NST สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
    Bishop score < 6 Follow up
    Bishop score > 6 Admit for termination
  2. GA > 40 wk ทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลง ด้วยวิธีที่ปลอดภัย แนะนำให้ ทคลองเร่งคลอดก่อนพิจารณา cesarean scction
  3. พิจารณา cesarean section ในรายที่สงสัยภาวะทารกตัวโต( macrosomia)

แนวทางการดูแลในระยะคลอด

GDM ที่ไม่ได้ใช้ Insulin อายุครรภ์ที่สมควรคลอด เหมือนสตรีตั้งครรภ์ปกติทั่วไป
การดูแลในขณะคลอด เหมือนสตรีตั้งครรภ์ปกติทั่วไป

GDM ที่ใช้ Insulin

  1. กรณี Elective cesarean section
    -NPO after midnight
    -ควรผ่าตัดในช่วงตอนเช้า
    -งด Insulin มื้อเช้าของวันผ่าตัด
    -ตรวจ BS (Dextrostick) ตอนเช้าวันผ่าตัด
    -ให้IV fluidเป็น RLS หรือ NSS
    -F/U BS (Dextrostick) ทุก 1-2 ชั่วโมง
  2. กรณี Induction of labor หรือ In labor
    -NPO หลังเที่ยงคืน
    -ตรวจ BS (Dextrostick) ตอนเช้าวันกำหนดคลอด หรือ วันที่มาคลอด
    -งด Insulin มื้อเช้า / มื้อถัดไป ของวันมาคลอด (มื้อสุดท้ายคือ เย็น)
    -ให้ IV fluid เป็น 0.9% NSS 1000 ml rate 100-150 ml/hr
    -F/U DTX ทุก 1-2 ชั่วโมง ให้ BS 70-100 mgal
    -ถ้า DTX <70 ให้เปลี่ยน IV เป็น 5% DNSS rate 100-150 ml/hr
    -ให้ RIเมื่อ DTX > 100 โดยให้ rate of 1.25 U/hr if glucose levels exceed 100 mg dl

19/12/64-หญิงตั้งครรภ์งดน้ำงดอาหารหลัง00.00น.
-Set OR For C/S 9.00 น.
-เดิมให้สารน้ำเป็น 0.9% Nss 1000 ml IV drip 60ml/hr หลังNPO เนื่องจากค่าDTX=188mg%
-DTX 06.00น. วันที่20/12/64 =73 mg%
-เปลี่ยน IV เป็น 5% D/N/2 1000 ml IV drip จาก 60 ml/hr
-ตามlab elyte
-ให้RI 1:1 0.5U -8.00น.K ต่ำเลยให้0.9% NSS 1000 ml + KCL 40 mEq IV drip 60ml/hr stat
-Hold RI IV drip
-ปรับ rate 5% D/N/2 1000 ml IV dripจาก 60 ml/hr เป็น 100ml/hr
-ลด rate 0.9% NSS 1000 ml + KCL 40 mEqIV จาก 60ml/hr เป็น 40 ml/hr

1.ANC รวม15ครั้ง U/S ตอน 29wks by date
28+1by u/s EFW=1410g AFI=10cm
2.ไม่พบความผิดปกติ
3.ไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่ดวงตา
4.28wks เด็กดิ้นดีมากกว่า 10ครั้งต่อวัน
5.NST สัปดาห์ละ2ครั้งตอนอายุครรภ์ 32 reactive ดี

การพยาบาลที่สำคัญ

2.ผู้ป่วยมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำเนื่องจากผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์

3.ทารกมีโอกาสเกิดภาวะพร่องอ็อกซิเจนเนื่องจากมารดามีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์

4.มารดาวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของทารกในครรภ์ เนื่องจากตนเป็นเบาหวาน

ระยะหลังคลอด

  1. งด Insulin
  2. ภายหลังคลอด 1-3 วัน ทำ FBS หรือ random plasma glucose ถ้าผิดปกตินัด ทำ 2-hour /75 gm OGTT หลังคลอด 6-12 สัปดาห์ (Best predictors of future diabetes)

DTX หลังคลอด ทุก 6 ชั่วโมง
20/12/64
ค่าDTX 12.00น.=111 mg%
18.00น.=100 mg%
21/12/64
ค่าDTX24.00น. = 143 mg%
06.00น.=105 mg%
11.00น.=102 mg%
15.00น.=117 mg%

การรักษา
GDMA1
-ควบคุมอาหาร
-ออกกำลังกาย
GDMA2
ใช้ยาอินสุลิน
09C2AD5A-F72E-438D-A345-4F185FBFCD77

1.ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด