Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 47 ปี 173c3070b134372bc5b46ac286a53ba0-removebg…

- - - - ใช้ระยะในการฟอกไต 6 ชั่วโมง
  - - - เนื่องจากไตไม่สามารถขจัดของเสียและของเหลวออกจากร่างกาย สารพิษที่สร้างขึ้นในเลือดทำให้เกิดอาการป่วย ไตมีหน้าที่อื่น ๆ เช่น การควบคุมความดันโลหิต
        การผลิตฮอร์โมนที่ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงและกระตุ้นวิตามินดีสำหรับกระดูกที่แข็งแรง
        
        ข้อวินิจฉัยที่2 มีภาวะพร่องออกซิเจนเนื่องจากไตเรื้อรังระยะสุดท้าย
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.วัด v/s ทุก 4 ชั่วโมง โดยดูค่าของ RR
        
        ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะพร่องออกซิเจน เช่น มีผิวกายซีด ปากเขียว เหงื่อออกหายใจบวม หัวใจเต้นเร็ว
        
        ดูแลจัดท่าFowler’s เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยหายใจสะดวกขึ้น ปอดขยายตัวได้ดี ทำให้ผนังหน้าท้องหย่อนตัว
        
        ดูแลให้ On O2 cannular 3 L/min ตามแผนการรักษาของแพทย์ และติดตามค่า o2 sat
        
        ดูแลให้ได้รับยา Ferrous fumarate 200 mg 1x3 pc. ตามแผนการรักษา และติดตามผลข้างเคียงของยาเช่น ท้องเสีย คลื่นไส้ ปวดท้อง อาเจียน เป็นต้น
        
        ดูแลให้ได้รับยา Hypercrit 4000 1 u. SC. สัปดาห์ละ2ครั้ง ก่อนให้เลือด และติดตามผลข้างเคียงของยา เช่น คลื่นไส้ เวียนศีรษะ ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ผื่นคันลมพิษ ความดันโลหิตสูง บวม มีไข้ เป็นต้น
        
        ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการค่า Hb,Hct ตามแผนการรักษา
        
        7.ดูแลให้ได้รับยา Folic acid 5 mg 1tab OD pc. และติดตามผลข้างเคียงเช่น เวียนศีรษะ ไม่อยากอาหาร เรอ ท้องอืด มีแก๊สในกระเพาะอาหาร รู้สึกตื่นเต้น กระสับกระส่าย
        
        การประเมินผล
        
        RR = 20 min
        
        O2 sat = 95 %
        
        Hct = 40 %
        
        Hb = 14 %
        
        S: ผู้ป่วยบอกว่าหายใจเหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
        
        O: - On O2 cannular
        
        O2 sat = 90 %
        
        RR = 22 min
        
        Hb = 8.4 %
        
        Hct = 25.4 %
        
        วัตถุประสงค์
        
        ผู้ป่วยไม่มีภาวะพร่องออกซิเจน
- - - - ถ้ายังคงมีแรงกดต่อไป จะก่อให้ผิวหนังชั้นหนังกำพร้าเกิดการอักเสบ บวม และเกิดเป็นตุ่มน้ำพองได้ ทำให้ผิวหนังถูกทำลายเพิ่มมากขึ้น เกิดการหลุดลอกของหนังกำพร้าและหนังแท้ จะถูกทำลายฉีกขาดเห็นเป็นแผลตื้น
        
        เมื่อแรงกดมากระทำต่อเนื่องจะมีการทำลายของผิวหนังลึกลงถึงชั้นไขมัน จะเห็นกลางแผลมีลักษณะซีด มีรอยแดงล้อมรอบและมีความกระด้างของผิว ทำให้เห็นแผลเป็นรอยลึกหรือเป็นโพรง
        
        ในระยะนี้ถ้ามีเชื้อแบคที่เรียเข้ามาในแผลจะก่อให้เกิดการติดเชื้อ ซึ่งเชื้อแบคทีเรียที่สะสมอยู่ในแผลจะดึงออกซิเจนเป็นจำนวนมากไปใช้ในการเจริญเติบโต ทำให้เซลล์เนื้อเยื่อบริเวณนั้นขาดออกซิเจนเพิ่มขึ้น เนื้อเยื่อจึงถูกทำลายมากขึ้น
        
        เนื้อเยื่อที่ตายแล้วจะเห็นสะเก็ดสีดำ สามารถหลุดลอกออกได้ หากขังมีแรงกดต่อเนื่อง/มีการดูแลแผลไม่ถูกต้อง จะมีการทำลายถึงชั้นเอ็น กล้ามเนื้อและกระดูก กลายเป็นแผลเปิดที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสเลือด
        
        ผู้ป่วยเป็นแผลอยู่ใน ระยะที่ 3
        
        ข้อวินิจฉัยที่ 1 เสี่ยงต่อภาวะติดเชื้อ เนื่องจากมีแผลบริเวณcoccyx
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        S:-
        
        O: WBC=28,260
        
        Neutrophils=91%
        
        แผลเป็นโครง 10 cm. มี Discharge หนองซึม ประมาณ 10 cc
        
        วัตถุประสงค์:เพื่อป้องกันไม่ให้มีการติดเชื้อ
        
        1 more item...
  - - - การวินิจฉัยโรคในปัจจุบัน
        
        : Dx.Infected bedsore
      - การอักเสบ (Inflammatory)
        
        ร่างกายถูกกระตุ้นให้อักเสบ
        
        Neutrophils จะเป็นเซลล์กลุ่มแรกที่ถูกกระตุ้นให้ไปรวมตัวกันบริเวณที่อักเสบ
        
        กำจัดโดยการกลืนกิน(phagocytosis) เข้าไปในเซลล์แล้วทำลายด้วย lysosomal enzyme superoxide radical ปล่อยเข้าไปใน phagosome
        
        Neutrophils ยังกระตุ้นให้สร้างและหลั่ง inflammatory mediators
        
        กำจัดสารและสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้เกิดการอักเสบและทำลายเนื้อเยื่อที่อยู่รอบๆบริเวณที่เกิดการอักเสบ
        
        1 more item...
- - - - กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมินความวิตกกังวลของผู้ป่วย เช่น อาการสีหน้า ท่าทาง เพื่อสามารถแก้ปัญหาและให้ความช่วยเหลือได้อย่างถูกต้อง
        
        แนะนำการเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การฝึกหายใจ การทำจิตใจให้สงบ อ่านหนังสือ ฟังเพลง ไหว้พระ สวดมนต์
        
        กระตุ้นให้ญาติมีส่วนร่วมในการให้กำลังใจ/กิจกรรมต่างๆของผู้ป่วย พร้อมทั้งส่งเสริม ช่วยเหลือผู้ป่วยในการปฏิบัติตัว
        
        การประเมินผล
        
        ผู้ป่วยมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคที่เป็นอยู่น้อยลง
        
        ผู้ป่วยมีสีหน้าสดชื่น ไม่มีสีหน้าเครียด
        
        ผู้ป่วยมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคที่เป็นอยู่มากขึ้น
        
        4.สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความคุ้นเคยและไว้วางใจ
        
        5.จัดสภาพแวดล้อมให้เงียบสงบและสุขสบายเพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
        
        2.เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้ระบายความวิตกกังวลและซักถามข้อสงสัย เพื่อให้ผู้ป่วยได้ระบายความวิตกกังวล ให้ความไว้วางใจและเข้าใจในข้อสงสัย