Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สรุปบทที่3 พยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีโรคร่วมกับการตั้งครรภ์2, นางสาวจิราภรณ์…
สรุปบทที่3 พยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีโรคร่วมกับการตั้งครรภ์2
วัณโรคปอด
วัณโรคนอกปอดอาจพบได้ในอวัยวะอื่นๆ ได้แก่ เยื่อหุ้มปอด ต่อมน้ำเหลือง กระดูกสันหลัง ข้อต่อ ช่องท้อง ระบบทางเดินปัสสาวะ ระบบสืบพันธุ์ ระบบประสาท
วิธีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การเพาะเลี้ยงเชื้อและพิสูจน์ยืนยันชนิด (mycobacterial culture and identification)
การทดสอบความไวต่อยา (drug susceptibility testing)
การตรวจหาเชื้อ acid-fast bacilli (AFB) ด้วยกล้องจุลทรรศน์ (microscopic examination)
การตรวจทางอณูชีววิทยา (molecular biology) เช่น การตรวจ Xpert MTB/RIF assay
การตรวจหาการตอบสนองของร่างกายต่อการติดเชื้อวัณโรค (immune reactivity testing)
เกิดการติดเชื้อได้ในทุกอวัยวะของร่างกาย ส่วนใหญ่มักเกิดที่ปอด (ร้อยละ 80)
การรักษา
ในช่วงตั้งครรภ์แนะนำให้รักษาการติดเชื้อวัณโรคแฝงเฉพาะในรายที่มีข้อบ่งชี้ เช่น มีการติดเชื้อในระยะใกล้ (Recent infection) หรือผู้ป่วยกลุ่มภูมิคุ้มกันบกพร่อง (Significant immunocompromise) กรณีที่ไม่พบข้อบ่งชี้ดังกล่าว แนะนำให้รักษาหลังคลอดบุตร 3 เดือน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะตับอักเสบ
กรณีที่ตรวจพบการติดเชื้อวัณโรคระยะแฝงและได้รับการรักษาตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ แนะนำให้รักษาด้วยยาต่อจนครบตามแผนการรักษาเดิม โดยปรับสูตรยาให้เหมาะสมกับช่วงตั้งครรภ์
วัณโรคเป็นโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจแบบผ่านทางอากาศ (Airborne-transmitted infection disease) สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ โดยการสูดหายใจเอาเชื้อวัณโรคที่ปนออกมากับละอองน้ำลายหรือเสมหะเมื่อผู้ป่วยไอหรือจาม
การป้องกันการแพร่กระจายการติดเชื้อ
กรณีทั้งมารดาและทารกมีการติดเชื้อวัณโรคระยะแสดงอาการ (Congenital TB) แพทย์ควรให้การรักษาทั้งมารดาและทารกแรกคลอด โดยไม่จำเป็นต้องมีการแยกห้อง แต่มารดาควรสวมหน้ากากอนามัย
กรณีมารดาติดเชื้อวัณโรค และทารกแรกคลอดตรวจการทดสอบทางผิวหนังให้ผลบวก (โดยที่ไม่พบอาการแสดงอื่นๆ) มารดาควรได้รับการรักษาการติดเชื้อวัณโรคระยะแสดงอาการ ในขณะที่ทารกแรกคลอดควรได้รับการรักษาการติดเชื้อแฝง และไม่จำเป็นต้องแยกมารดาและทารกแรกคลอดออกจากกัน
โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
ปัจจัย
ด้านการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนจากการตั้งครรภ์
Progesterone
การเคลื่อนไหวและการหดตัวของหลอดไตลดลง
ประสิทธิภาพของการซึมกลับลดลง
ทำให้กล้ามเนื้อเรียบของหลอดไตและหลอดฝอยของไตคลายตัว
ปัสสาวะคั่งค้างในระบบทางเดินปัสสาวะเพิ่มขึ้น
ทางกายภาพ
ขนาดมดลูกที่ใหญ่ขึ้นตามอายุครรภ์ จะเบียดกระเพาะปัสสาวะ
ทำให้รูเปิดของหลอดไตที่กระเพาะปัสสาวะคดเคี้ยว
การขับปัสสาวะออกไม่สะดวก
ปัสสาวะคั่งค้างในกระเพาะปัสสาวะ แบคทีเรียสะสมนาน
กระเพาะปัสสาวะอักเสบเฉียบพลัน และกรวยไตอักเสบเฉียบพลันตามมา
สตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น GDM สตรีตั้งครรภ์ที่มีประวัติโครงสร้างของทางเดินปัสสาวะผิดปกติ และ/หรือเคยเป็นนิ่วที่ไต/เคยติดเชื้อ UTI มาก่อน
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบในสตรีตั้งครรภ์ จากการติดเชื้อแบคทีเรียในระหว่างตั้งครรภ์ พบได้ร้อยละ 1 - 2 ของสตรีตั้งครรภ์สำหรับเชื้อที่เป็นสาเหตุของ กระเพาะปัสสาวะอักเสบเหมือนกับเชื้อที่ก่อให้เกิดภาวะกรวยไตอักเสบเฉียบพลันเกิดจากการติดเชื้อพวกแบคทีเรียบริเวณปากช่องคลอดหรือทวารหนักใกล้ท่อปัสสาวะ ย้อนกลับขึ้นไป (Ascending infection) (E.Coli)
ผลกระทบ
มารดา
มดลูกหดรัดตัวแรง เป็นสาเหตุของการตั้งครรภ์สิ้นสุดเร็วกว่ากำหนดคลอด
แท้งหรือคลอดก่อนกำหนด
ทารก
ทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า
คลอดก่อนกำหนด
ทารกตายในครรภ์
การพยาบาลที่สำคัญคือ ป้องกันการอักเสบและบรรเทาความรุนแรงของการอักเสบโดยเร็ว
การติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะในขณะตั้งครรภ์ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อย
กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน (acute pyelonephritis)
พยาธิ
ผลจากปัสสาวะคั่งและมีเชื้อแบคที่เรียที่เป็นสาเหตุของไตอักเสบเข้าไปทางท่อปัสสาวะและท่อไต
ทำให้ท่อปัสสาวะและท่อไตอักเสบ ติดเชื้อรุนแรงได้ (septic shock)
ผลของการอักเสบของท่อไต ทำให้การทำหน้าที่ของไตลดลง: การดูดซึมกลับของเกลือ โซเดียมลดลง
น้ำคั่งในเซลล์เนื้อเยื่อมาก ทำให้ท่อไตบวม ไตบีบตัวแรง อาจทำให้เลือดออกที่ไต ไตอักเสบและไตวาย
ภาวะน้ำคั่งในร่างกายมาก หัวใจทำงานมากขึ้น หายใจลำบาก
อาจเป็นสาเหตุของการตายได้
อาการและอาการแสดง
ปัสสาวะขุ่นหรือเป็นสีน้ำล้างเนื้อ
ปวดหลังที่ตำแหน่งของไต (CVA) และปวดหลังเพิ่มมากขึ้นเมื่อมี SI
มีไข้ หนาวสั่น
มึนศีรษะ
คลื่นไส้และอาเจียน
ช็อกจากการติดเชื้อในกระแสเลือด
มักเกิดในไตรมาสที่ 3 และเกิดจากการรักษาไม่สมบูรณ์ ในรายที่มดลูกอักเสบหรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบมาก่อน
ผลกระทบจากกรวยไตอักเสบต่อการตั้งครรภ์
กรวยไตอักเลบทำให้มีการเพิ่มขึ้นของกรด arachidonic และ prostaglandin ในเลือด ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวแรง
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
การอักเสบทำให้ Endometrium เปื่อยยุ่ย ทำให้เลือดออกง่ายในระยะแรกของการตั้งครรภ์อาจจะทำให้แท้งบุตร ในไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป จะทำให้คลอดก่อนกำหนดได้
การพยาบาลที่สำคัญคือ การส่งเสริมการพักผ่อน ส่งเสริมให้รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะแต่ไม่แสดงอาการ
ตรวจพบแบคทีเรียในปัสสาวะมากกว่า 105 colony forming unit/ml [cfu/ml]จากการเก็บปัสสาวะอย่างสะอาด 2 ครั้งติดต่อกัน
ไม่มีอาการแสดงใด ๆ ของการติดเชื้อ
พบการเกิด asymptomatic bacteriuria ในสตรีตั้งครรภ์ประมาณร้อยละ 3 ถึงร้อยละ 13
หากพบ asymptomatic bacteriuria ในสตรีที่ไม่ตั้งครรภ์ไม่จำเป็นต้องให้การรักษาใด
ในสตรีตั้งครรภ์จำเป็นต้องให้การรักษาเนื่องจากขณะตั้งครรภ์จะมีการยืดขยายของทางเดินปัสสาวะเชื้อโรคอาจแพร่กระจายไปยังกรวยไตทำให้เกิดกรวยไตอักเสบได้ มีรายงานว่าร้อยละ 30 ของสตรีตั้งครรภ์ที่เป็น asymptomatic bacteriuria และไม่ได้รับการรักษาจะพัฒนาเป็น pyelonephritis
ในสตรีตั้งครรภ์จำเป็นต้องให้การรักษาเนื่องจากอาจเกิดการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดได้
ธัยรอยด์ผิดปกติ
ภาวะธัยรอยด์ฮอร์โมนมากเกินไป (Hyperthyroidism)
มีระดับธัยรอยด์ฮอร์โมนมากเกินไป สาเหตุที่พบ ได้บ่อยที่สุดคือโรคเกรฟส์ (Grave’ disease)
พบสตรีตั้งครรภ์ที่เป็น hyperthyroidism ประมาณ 2 ต่อ 1,000 ราย
อาการและอาการแสดง
การเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อพบว่ามีกล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ Quadriceps มีการสั่นของ ปลายมือ เมื่อยกแขนขึ้นเหยียด
มีตาโปน (exophthalmos)
ระบบหัวใจและหลอดเลือด พบการเปลี่ยนแปลงโดยมี ชีพจรขณะพักมากกว่า 100 ครั้ง/ นาทีมี pulse pressure กว้าง อาจมี dyspnea ได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็น Atrial fibrillation มี การเพิ่มของ cardiac output และ systemic vascular resistance ลดลง
ต่อมธัยรอยด์โตขึ้น ฟังได้เสียง thyroid bruit
มีผิวหนังอุ่นขึ้น เหงื่อออกมาก
มีความวิตกกังวล มีอาการทางระบบประสาท (Nervousness) เช่น ตื่นเต้น ตกใจง่าย
มีท้องเสีย หรือมีน้ำหนักลด
ผลของ Hyperthyroidism ต่อทารก
. ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างดีอาจเกิด intrauterine growth retardation (IUGR
ทารกมีน้ำหนักตัวน้อย อัตราการเกิด perinatal mortality สูงเล็กน้อย
การเกิดโรค
ในภาวะปกติ thyroid hormone จะจับกับ thyroid blinding globulin [TBG] เหลือเพียงเล็กน้อยที่อยู่ในรูปอิสระและออกฤทธิ์ได้
การตั้งครรภ์ปกติฮอร์โมน human chorionic gonadotropin; HCG ที่สร้างจากรก จะไปกระตุ้นให้ต่อมธัยรอยด์ทำงานเพิ่มขึ้นส่งผลให้มีการสร้าง thyroid hormone มาก ขึ้น
ขณะเดียวกันฮอร์โมน estrogen ที่เพิ่มขึ้นก็จะไปกระตุ้นให้เซลล์ตับสร้าง TBG มากขึ้นและไป จับกับ thyroid hormone ในกระแสเลือด
ทำให้ปริมาณของธัยรอยด์อิสระในกระแสเลือดไม่เพิ่มขึ้น จึงไม่เกิดภาวะ hyperthyroidism
เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายมีการสร้าง thyroid hormone และ TBG ที่ไม่สมดุลกัน จะทำให้มี ปริมาณของของธัยรอยด์อิสระในกระแสเลือดมากหรือน้อยกว่าปกติ ทำให้เกิดภาวะ hyperthyroidism หรือ hypothyroidism ได้
ผลของต่อสตรีตั้งครรภ์
Hyperthyroidism
ภาวะ Thyroid storm หรือ crisis พบได้น้อย
ทำให้เกิดการแท้ง การคลอดก่อนกำหนด
ภาวะแทรกซ้อนได้แก่ โลหิตจาง การติดเชื้อหรือ Pre-eclampsia
มีภาวะ hyperemesis gravidarum
มีผลต่อระบบหัวใจ โดยมีการเพิ่ม cardiac output 65% และเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ 21% ลดความด้านทานของหลอดเลือด 35% ในระยะที่เป็น thyrotoxicosis แบบเฉียบพลัน อาจทำให้มารดาตายได้เนื่องจากหัวใจวาย
สำคัญThyroid storm ไข้สูง ผิวหนังอุ่นชื้น เหงื่อออก, ชัก หมดสติ, atrial fibrillation หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง congestive heart failure, หายใจเร็ว หอบเหนื่อย ท้องเสีย ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
ภาวะธัยรอยด์ฮอร์โมนน้อยเกินไป (Hypothyroidism)
เป็นภาวะที่ต่อมชัยรอยด์ทำงานน้อยเกินไป
มีสาเหตุมาจาก Hashimoto thyroiditis และ Hyperthyroidism ที่ได้รับการรักษามากไปจนเกิดภาวะ Hypothyroidism
โดยพบสตรีตั้งครรภ์ ที่เป็น Hypothyroidism ประมาณ 9 ต่อ 1,000 ราย
อาการและอาการแสดง
ผมแห้งหยาบ เปราะ ผิวหนังหนา แห้งหยาบ เล็บเปราะหักง่าย
ผิวหนังบวมฉุ แขนขาบวมกดไม่บุ๋ม นํ้าหนักเพิ่มมาก
ท้องผูก ท้องอืด
ขี้ลืม ซึมเศร้า ความคิดช้า
อ่อนเพลีย ง่วงนอนตลอดเวลา เชื่องช้า ขี้หนาว
ผลของ Hypothyroidism ต่อสตรีตั้งครรภ์
อาจพบภาวะแทรกซ้อนได้แก่ Pre eclampsia , Heart failure
การแท้ง
รกลอกตัวก่อนกำหนด
เป็นสาเหตุให้เกิด Thyroiditis ในระยะหลังคลอด
ผลต่อทารก
อัตราการตายคลอดเพิ่มขึ้น 2 เท่า
ทารกมีนํ้าหนักน้อย
ทารกมีความผิดปกติตั้งแต่กำเนิดและมีพัฒนาการช้า เมื่ออายุ 6-8 เดือน
โรคหอบหืด
โรคหอบหืดเป็นโรคปอดที่พบบ่อยที่สุดระหว่างตั้งครรภ์ พบร้อยละ 0.2 ของสตรีตั้งครรภ์ และ ร้อยละ 0.15 ของการคลอด ในต่างประเทศพบประมาณร้อยละ 1 ของการตั้งครรภ์
อาการเหล่านี้อาจหายไปได้เอง หรือหายไปเมื่อได้รับยาขยายหลอดลม
อุบัติการณ์
อาการ
ไอแน่น
หอบเหนื่อย
หายใจลำบากมาก
มีเสมหะ
มีเสืยงวี้ดเกิดขึ้น (Wheezing and severe dyspnea)
สาเหตุ
Extrinsic asthma
เกิดจากปฏิกริยาแพ้ต่อสารต่าง ๆ (allergens) พบได้ประมาณ 60 %
เกสรดอกไม้ อาหาร ยา ขนสัตว์
การได้รับสารที่แพ้ทำให้ร่างกายปล่อยสารเคมีชนิดหนึ่งออกมา เรียกว่า chemical mediators
หลอดลมหดเกร็ง และหลั่งเยื่อเมือกออกมามาก
Intrinsic asthma
ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการแพ้
เกิดจาก
การออกกำลังกาย
การใช้ยา มากเกินไป
การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
อารมณ์ตึงเครียด
โรคหืดเป็นโรคที่มีการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม ทำให้หลอดลมมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้และสิ่งแวดล้อมมากกว่าคนปกติ (bronchial hyper-responsiveness, BHR) ทำให้มีการ หดเกร็งของหลอดลมและมีเสมหะเพิ่มขึ้น เยื่อบุหลอดลมบวมและจะปรากฏอาการหายใจลำบากมาก และมีเสืยงวี้ดเกิดขึ้น (Wheezing and severe dyspnea)
ผลของการตั้งครรภ์ต่อโรคหอบหืด
ผลต่อมารดา
การเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
เสี่ยงต่อการเลียชีวิตจาก Status asthmaticus
การแท้ง
การหยุดหายใจจากกล้ามเนื้ออ่อนล้า
ผลต่อทารก
การเจริญเติบโตช้าในครรภ์
ทารกคลอดก่อนกำหนด
เสียชีวิตในครรภ์
นางสาวจิราภรณ์ พุทธจักร รหัส621001401466 เลขที่1