Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Previous c/s with Polyhydramnios with Fetal duodenal atresia - Coggle…
Previous c/s with Polyhydramnios with
Fetal duodenal atresia
พยาธิสภาพ
Polyhydramnios
อาการ
สาเหตุ
การวินิจฉัย
การรักษา
ผลกระทบ
ด้านทารก
ทารกมีส่วนนำผิดปกติ หรืออยู่ในท่าผิดปกติ
สายสะดือพันคอ
ได้รับภาวะแทรกซ้อนจากการคลอดก่อนกำหนด
อัตราตายปริกำหนด
ด้านมารดา
มดลูกหดรัดตัวไม่ดี
ภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
เจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
สายสะดือพลัดต่ำ
รกลอกตัวก่อนกำหนด
หายใจลำบาก
GA 35+2 wk. ทำ Amniocentesis + Amnioreduction (700 ml)
คลอด C/S ในวันที่ 8/3/64 เวลา 9.29 น. ทารกเพศหญิง น้ําหนักตัว 2,530 gm. Appar score 9 10 10 คะแนน Blood loss 300 ml.
รักษาด้วยยา prostaglandin syntase
การให้ยาขับปัสสาวะเพื่อลดภาวะบวม
รายที่เสี่ยงคลอดก่อนกำหนด ควรให้ยายับยั้งการหดรัดตัวของมดลูก
ให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก เพื่อให้มดลูกหดรัดตัวดีและให้ต่อไปถึงระยะหลังคลอด
ประเมินท่าของของทารกให้แน่นอนเมื่อเจ็บครรภ์ ประเมิน FHS
การเจาะถุงน้ำคร่ำเพื่อการรักษา (Therapeutic Amniocentesis)
ทำ c/ร ถ้ามีข้องบ่งชี้ เช่น ทารกมีท่าและส่วนนำผิดปกติ ครรภ์แฝด CPD สายสะดือพลัดต่ำ รกลอกตัวก่อนกำหนด มีภาวะ fetal distress
ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
Oxytocin
กลไกการออกฤทธิ์ : เป็นยากระตุ้นมดลูก ยานี้ทำงานโดยการทำให้มดลูกหดตัว โดยการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของแคลเซียมภายในเซลล์กล้ามเนื้อมดลูก
ผลข้างเคียง : BP ต่ำ Pluse เบาเร็ว หน้าแดง มือแดง
Methergin
กลไกการออกฤทธิ์ : เพิ่ม tone rate และ amplitude ของการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก ทำให้มดลูกบีบรัดตัวโดยไม่คลายตัวเป็นเวลานาน ช่วยลดระยะที่สามของการคลอดและลดจ้านวนการเสียเลือด
ผลข้างเคียง : BP สูง N/V เจ็บแน่นหน้าอก หลอดลมหดเกร็ง
Cytotec
กลไกการออกฤทธิ์ : เป็นยาที่เหนี่ยวนำการเกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบที่บริเวณมดลูก และการคลายตัวของกล้ามเนื้อบริเวณปากมดลูก
ผลข้างเคียง : หนาวสั่น N/V ถ่ายเหลว
Duracin
กลไกการออกฤทธิ์ : ตัวยาคาร์บีโทซินถูกสร้างและสังเคราะห์ขึ้นมาเลียนแบบและมีกลไกการออกฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนออกซิโทซิน (Oxytocin) โดยยาชนิดนี้จะเข้าจับกับตัวรับ(Receptor)ที่เรียกว่า Oxytocin receptor ตรงผนังกล้ามเนื้อมดลูก ส่งผลให้มดลูก/กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัวเป็นจังหวะ
ผลข้างเคียง : BP ต่ำ Pluse เบาเร็ว หน้าแดง มือแดง
Nalador
กลไกการออกฤทธิ์ : ชักนำให้เกิดการสิ้นสุดการตั้งครรภ์ ในสภาวะที่มีสภาพหรือการชักนำให้เกิดการสิ้นสุดการตั้งครรภ์ของการตั้งครรภ์ในกรณีที่มีทารกตายในครรภ์
ผลข้างเคียง : เพิ่มความดันในหลอดเลือดปอด ห้ามใช้ในผู้ป่วยโรคหอบหืด
การซักประวัติ
เคยตั้งเคยตั้งครรภ์แฝดน้ำ
ทารกมีความพิการแต่กำเนิด
การตรวจร่างกาย
ตรวจหน้าท้อง คลำส่วนของทารกลำบาก มีน้ำมากระทบมือ
ฟัง FHS ไม่ได้ยินวัดเส้นรอบท้อง > 100 cms.
ตรวจทางช่องคลอด คลำพบถุงน้ำทูนหัวโป่งตึงโดยไม่มีอาการเจ็บครรภ์
การตรวจพิเศษ
U/S —> ค่า AFI > 25 cm. ( ค่าปกติ 5-25 cm. ) , SDP > 8 cm. ( ค่าปกติ 2-8 cm. )
ด้ชนีปริมาณน้ำคร่ำ: Amniotic fluid index (AFI)
การวัดแอ่งน้ำคร่ำที่ลึกที่สุดจากการแบ่งหน้าท้องมารดาเป็น 4 ส่วน เท่า ๆ กันโดยอาศัยแนวของสะดือและ linea nigra ถ้าน้อยกว่า 5 ซม.ถือว่ามีภาวะน้ำคร่ำน้อย ถ้ามากกว่า 25 ซม.ถือว่าเป็นครรภ์แฝดน้ำ
วัดแองที่ลึกที่สุดของน้ำคร่ำ: Single Deepest Pocket (SDP) / Deepest vertical pocket (DVP)
ตรวจหาตำแหน่งของแอ่งน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่ไม่มีสายสะดือหรือตัวเด็กอยู่ให้วัดในแนวดิ่ง โดยต้องมีที่ว่างในแนวนอนอย่างน้อย 1 ซม ถ้ามีขนาด 2 ซม หรือน้อยกว่า ถือว่ามีภาวะน้ำคร่ำน้อย (oligohydramnios) ถ้ามีแอ่งใหญ่เกิน 8 ซม. ถือว่าเป็นครรภ์แฝดน้ำ (polyhydramnios) ถ้าอยู่ระหว่าง 2.1-8 ซม ถือว่าปกติ
แพทย์ U/S พบว่ามี PolyHydramnios เมื่อ GA 35+2 wk.
1.
สาเหตุที่เกี่ยวกับทารก
มีปัญหาในการกลืนน้ำคร่ำ การตีบตันของทางเดินอาหาร ความผิดปกติของระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาท และความผิดปกติอื่น ๆ เช่น trisomy 18
2.
สาเหตุที่เกี่ยวกับมารดา
ได้แก่ มารดาเป็นเบาหวาน
U/S พบ Fetal duodenum atresia เมื่อ GA 35+2 wk.
Acute hydramnios
ท้องขยายเร็ว,แน่นท้อง,หายใจลำบาก,ใจสั่น,ขาบวม
Chronic hydramnios
อึดอัดแน่นท้องตอนนอนราบแต่มักจะทนได้
ปริมาณน้ำคร่ำ > 2,000 ml หรือ U/S พบว่า ค่า SDP > 8 cm หรือมีค่า AFI > 25 cm ถ้าปริมาณน้ำคร่ำค่อยๆเพิ่ม เรียกว่า chronic hydramnios แต่ถ้าเพิ่มเร็วใน 2-3 วัน เรียกว่า Acute hydramnios
ข้อมูลผู้ป่วย
หญิงตั้งครรภ์ อายุ 26 ปี GA 37+5 Wk by date
อาการสำคัญที่มาโรงพยาบาล :
(7/3/64) มาตรวจครรภ์ตามนัด มีมูกใสไหลออกมา ไม่มีเจ็บครรภ์
ลูกดิ้นน้อยลง (<10 ครั้ง/ วัน)
(8/3/64) เวลา 7.00 น. มีน้ําเดิน Vaginal pooling positive, Cough test positive ย้ายลง LR plan C/S 9.00 น.
วิธีการทดสอบน้ำคร่ำ
1.Cough test —> ให้ pt.เบ่งไอ ถ้าเห็นน้ำออกมาจากช่องคลอด = Positive
2.Vaginal pooling —> พบน้ำคร่ำขังอยู่ที่แอ่งช่องคลอด = Positive
3.Nitrazine paper test —> ทดสอบความเป็นกรดด่าง กระดาษเปลี่ยนจากเหลืองเป็นฟ้า = :check:
4.Fern test —> นำน้ำคร่ำป้ายบนสไลด์ แล้วส่องกล้องจุลทรรศน์ ถ้าเป็นน้ำคร่ำจะพบผลึกรูปใบเฟิน
5.Nile blue test —> เมื่อทารกอายุครรภ์ 32 สัปดาห์ขึ้นไปจะตรวจพบเซลล์จากต่อมไขมันของทารกได้ในน้ำคร่ำ เมื่อนำไปย้อมด้วย nile blue sulphate เซลล์เหล่านี้จะติดสีแสด
G2P1001
G1 คลอด full term C/S ทารกเพศหญิง น้ำหนัก 2800 กรัม ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ( ปี 2560 )
ANC
DM
อายุ 26 ปี ✅ BMI = 19.47 ✅
ไม่มีประวัติครอบครัวเป็นเบาหวาน ✅
คลอดบุตร 2800 กรัม ปี 2560 ✅
HT
BP แรกรับ 105/70 ✅
มารดาของหญิงตั้งครรภ์เป็นโรคความดันโลหิตสูง :warning:
Thalassemia
🚺 : MCV = 88.3 , DCIP = Neg ✅ 🚹 : ไม่ได้ตรวจ
Down’s syndrome
ไม่ได้รับการแนะนำให้ตรวจเนื่องจากอายุ 26 ปี
Serology
HIV :no_entry:
VDRL :no_entry:
HbsAg :no_entry:
Covid :no_entry:
ปัญหาการพยาบาลที่สำคัญ
เสี่ยงตกเลือดหลังคลอดเนื่องจากมดลูกมีการขยายตัวมากกว่าปกติจาก Polyhydramnios
การพยาบาล
1.ประเมินสัญญาณชีพทุก 15 นาที จนมีอาการปกติหลังจากนั้นบันทึกทุก 4 ชั่วโมงสังเกตระดับความรู้สึกตัวและอาการผิดปกติเช่น หน้ามืด ใจสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น ซีดเพื่อประเมินการตอบสนองของร่างกาย
ต่อปริมาณเลือดที่ลดลงในระบบการไหลเวียนเลือด
2.ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกและคลึงมดลูกจนหดรัดตัวกลมแข็งและกดไล่ก้อนเลือดที่อาจค้างอยู่ในมดลูกซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้มดลูกหดรัดตัวไม่ดี
3.สังเกตลักษณะและจำนวนเลือดที่ออกทางช่องคลอดโดยสังเกตจากการชุ่มผ้าอนามัยเพื่อประเมินปริมาณการเสียเลือด
4.ดูแลให้กระเพาะปัสสาวะว่างโดยกระตุ้นให้ผู้ป่วยลุกไปปัสสาวะ เพื่อไม่ให้ขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูก และบันทึกปริมาณปัสสาวะทุก 1 ชั่วโมง เพื่อดูการทำงานของไตถ้าเกิดภาวะช็อคปัสสาวะจะออกน้อยกว่า 30 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง
5.ดูแลให้ได้รับยากระตุ้นการกดรัดตัวของมดลูก เพื่อให้มดลูกมีการหดรัดตัวดีขึ้นป้องกันการตกเลือดหลังคลอด
มีโอกาสเกิดสายสะดือพลัดต่ำ (Prolapsed cord)
การพยาบาล
1.ดูแลให้หญิงตั้งครรภ์นอนพักบนเตียงท่านอนหงายก้นสูงเพื่อป้องกันการพลัดต่ำของสายสะดือ
2.ให้ยายับยั้งการหดรัดตัวของมดลูกตามคำสั่งการรักษาของแพทย์ เพื่อลดการหดรัดตัวของมดลูก ในกรณีมดลูกหดรัดตัวถี่ หรือต้องรอผ่าตัดเป็นเวลานาน
3.หากสายสะดือย้อยออกมาดูแลไม่ให้สายสะดือที่ย้อยออกมากระทบความเย็น โดยการหาผ้าอุ่นหุ้มสายสะดือที่โผล่พ้นช่องคลอดออกมา เพราะความเย็นจะทำให้เกิดการหดเกร็งของเส้นเลือดที่สายสะดือมากยิ่งขึ้นและห้ามดันหรือผลักสายสะดือเข้าไปในโพรงมดลูก เพราะจะทำให้เกิดอันตรายต่อทารกมากขึ้น
4.ฟัง FHS ทุก 30 นาที เพื่อดูความผิดปกติของทารกในครรภ์และ On FHS Monitor หากพบอาการ ผิดปกติ เช่น Variable deceleration ที่เกิดจาก Cord compression ให้ออกซิเจนแก่หญิงตั้งครรภ์และจัดท่า นอนตะแคงซ้าย เพื่อให้ออกซิเจนไปยังทารกมากขึ้น
5.สังเกตความผิดปกติของน้ำคร่ำว่ามีขี้เทา (Meconium) ปนหรือไม่เนื่องจากทารกในครรภ์อาจเกิดการสําลักขี้เทาได้
6.ตรวจ PV เพื่อดูการเปิดของปากมดลูก ระดับของส่วนนํา เพื่อประเมินความก้าวหน้าของการคลอด
ทารกเสี่ยงต่อภาวะพร่องออกซิเจน
การพยาบาล
1.ดูแลให้หญิงตั้งครรภ์ Bed rest บนเตียงให้มากที่สุด นอนตะแคงด้านซ้าย เพื่อลดการกดทับของเส้นเลือด Vena Cava รวมไปถึงให้ออกซิเจน Cannula 3 LPM เพื่อให้ทารกในครรภ์ได้รับออกซิเจนเพิ่มมากขึ้น
2.ติดตาม FHS ทุก 30 นาที เพื่อประเมินภาวะขาดออกซิเจนหากพบว่าน้อยกว่า 110 ครั้ง/ นาที รายงานให้แพทย์ทราบ
3.On EFM monitoring เพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงของทารกในครรภ์
4.สอนและสาธิตการหายใจให้เต็มปอดและเป่าออกทางปากช้าๆเมื่อมดลูกคลายตัวเพื่อให้ได้รับออกซิเจนเต็มที่
5.ติดตามและสังเกตลักษณะของน้ำคร่ำเพื่อประเมินภาวะ Fetal distress
มีโอกาสเกิดรกลอกตัวก่อนกำหนด
การพยาบาล
1.แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์สังเกตอาการที่ผิดปกติที่แสดงถึงภาวะของรกลอกตัวก่อนกำหนด เช่น มีเลือดออกทางช่องคลอด เจ็บท้องมาก กดเจ็บบริเวณมดลูก
2.งดการตรวจภายในทางช่องคลอดและทางทวารหนัก เพราะจะกระตุ้นให้รกมีการฉีกขาดมากขึ้นทำให้เลือดออกทางช่องคลอดมากขึ้น และเกิดอันตรายต่อสตรีตั้งครรภ์และทารกในครรภ์รวมทั้งงดการสวนล้างช่องคลอด การใช้ยาระบาย และงดการสวนอุจจาระในระยะก่อนคลอด
ฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ทุก 1 ชั่วโมง ระวังไม่ต้องกดและคลำหน้าท้องมาก เพราะอาจกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัว ทำให้รกฉีกขาดมากขึ้น ถ้าพบเสียงหัวใจทารกในครรภ์ผิดปกติรายงานแพทย์ทันทีเพื่อให้การรักษาป้องกันการเกิดภาวะเครียด(fetal distress) ซึ่งทารกในครรภ์อาจขาดออกซิเจนได้
4.ดูแลให้นอนพักบนเตียงแบบสมบูรณ์ (absolute bed rest) เพื่อลดการใช้พลังงานและออกซิเจนของร่างกาย
5.ติดตามประเมินการหดรัดตัวของมดลูก ความถี่และความรุนแรงของอาการเจ็บครรภ์
คำแนะนำ
1.แนะนำวิธีการคลึงมดลูกเพื่อกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
2.อาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์ก่อนนัดคือ มีใข้สูง น้ำคาวปลาสีแดงสดมีปริมาณมากมีกลิ่นเหม็น ผีเย็บบวม แดง เป็นหนอง เต้านมอักเสบเป็นฝี
ด้านทารก แนะนำมารดาให้สังเกตกาวะผิดปกติของบุตร เข่น ตัวเหลือง ตาเหลือง สะดือแดงมีกลิ่นเหมัน ซึมไม่ยอมดูดนม ท้องอืด
3.แนะนำเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ ให้งดมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 6 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
4.แนะนำให้เลือกวิธีคุมกำเนิด
ประเภทยาคุมกำเนิด
ยาคุมกำเนิดแบบกิน สะดวก หยุดทานสามารถมีลูกได้เลย แนะนำให้กินยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ที่มี Progesterone ขนาดน้อย (minipill) เพราะยาตัวนี้ไม่ผ่านทางน้ำนมจะไม่มีผลต่อน้ำนมและทารกอาจจะคุมร่วมกับการใช้ถุงยางก็ได้
ยาคุมกำเนิดแบบฉีด •มีแบบชนิด 1เดือน และ 3 เดือน ช่วยในเรื่องการลืมกินยาคุมเริ่มฉีดครั้งแรกในตอนที่มาตรวจ 6 สัปดาห์หลังคลอด
ยาคุมกำเนิดแบบฝัง •มีเข็มคุม 3 ปีและ5ปี ไม่มีผลต่อน้ำนม คุมได้น่าน 2-3 ปี เริ่มฝังครั้งแรกในตอนที่มาตรวจ 6 สัปดาห์หลังคลอดได้เลยหากต้องการมีบุตรให้นำออกประจำเดือนจะเริ่มมาปกติ
การทำหมันหลังคลอด •ทำภายใน 6 สัปดาห์หลังคลอด จะนิยมทำในช่วง 48 ชั่วโมงหลังการคลอด เนื่องจากสามารถทำได้โดยง่าย