Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน่วยที่ 3 การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีโรคร่วมกับการตั้งครรภ์,…
หน่วยที่ 3 การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีโรคร่วมกับการตั้งครรภ์
โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
การติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะในขณะตั้งครรภ์ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อย
ลักษณะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
2) กลุ่มกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (cystitis)
1) กลุ่มกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน (acute pyelonephitis)
3) การติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะกลุ่มไม่มีอาการ (asymptomatic bacteriuria; ASB)
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะในสตรีตั้งครรภ์
3. สตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ
เช่น GDM สตรีตั้งครรภ์ที่มีประวัติโครงสร้างของทางเดินปัสสาวะผิดปกติ และ/หรือเคยเป็นนิ่วที่ไต/เคยติดเชื้อ UTI มาก่อน
2. ปัจจัยทางกายภาพ
ทำให้รูเปิดของหลอดไตที่กระเพาะปัสสาวะคดเคี้ยว
การขับปัสสาวะออกไม่สะดวก
ขนาดมดลูกที่ใหญ่ขึ้นตามอายุครรภ์ จะเบียดกระเพาะปัสสาวะ
ปัสสาวะคั่งค้างในกระเพาะปัสสาวะ แบคทีเรียสะสมนาน
กระเพาะปัสสาวะอักเสบเฉียบพลัน และกรวยไตอักเสบเฉียบพลันตามมา
1. ปัจจัยทางด้านการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนจากการตั้งครรภ์
Progesterone
การเคลื่อนไหวและการหดตัวของหลอดไตลดลง
ประสิทธิภาพของการซึมกลับลดลง
ทำให้กล้ามเนื้อเรียบของหลอดไตและหลอดฝอยของไตคลายตัว
ปัสสาวะคั่งค้างในระบบทางเดินปัสสาวะเพิ่มขึ้น
กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน (acute pyelonephritis)
พยาธิสภาพ
ผลจากปัสสาวะคั่งและมีเชื้อแบคที่เรียที่เป็นสาเหตุของไตอักเสบเข้าไปทางท่อปัสสาวะและท่อไต
ทำให้ท่อปัสสาวะและท่อไตอักเสบ ติดเชื้อรุนแรงได้ (septic shock)
ผลของการอักเสบของท่อไต ทำให้การทำหน้าที่ของไตลดลง: การดูดซึมกลับของเกลือ โซเดียมลดลง
น้ำคั่งในเซลล์เนื้อเยื่อมาก ทำให้ท่อไตบวม ไตบีบตัวแรง อาจทำให้เลือดออกที่ไต ไตอักเสบและไตวาย
ภาวะน้ำคั่งในร่างกายมาก หัวใจทำงานมากขึ้น หายใจลำบาก
อาจเป็นสาเหตุของการตายได้
อาการและอาการแสดง
ปัสสาวะขุ่นหรือเป็นสีน้ำล้างเนื้อ
ปวดหลังที่ตำแหน่งของไต (CVA) และปวดหลังเพิ่มมากขึ้นเมื่อมี SI
มีไข้ หนาวสั่น
มึนศีรษะ
คลื่นไส้และอาเจียน
ช็อกจากการติดเชื้อในกระแสเลือด
มักเกิดในไตรมาสที่ 3 และเกิดจากการรักษาไม่สมบูรณ์ ในรายที่มดลูกอักเสบหรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบมาก่อน
การวินิจฉัยภาวะกรวยไตอักเสบ
การซักประวัติ: เคยเป็นนิ่ว DM หรือมีการอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะมาก่อนมีอาการปวดหลังและมีไข้สูง อาจมีคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปัสสาวะขัด ปัสสาวะขุ่น
การตรวจร่างกาย: จะพบมีไข้สูง และหนาวสั่น เคาะ costovertebral angle (CVA) จะเจ็บปวดมาก และมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนทันที
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ: urine พบเชื้อเแบคทีเรียมากกว่า 100,000 colony forming unit/ml [cfu/ml]
ความรุนแรงของการติดเชื้อ
Severe: unstable vital sign
Moderate: ประกอบด้วย 2 ข้อจาก 4 ข้อ ต่อไปนี้
ไข้สูง> 39๐C
Severe flank pain
คลื่นไส้ อาเจียน หรืออาการทาง systemic
เม็ดเลือดขาว > 15,000 เซลล์/ลบ.มม.
Mild: ไม่พบ criteria ของ moderate และ severe
ผลกระทบจากกรวยไตอักเสบต่อการตั้งครรภ์
กรวยไตอักเลบทำให้มีการเพิ่มขึ้นของกรด arachidonic และ prostaglandin ในเลือด ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวแรง
การอักเสบทำให้ Endometrium เปื่อยยุ่ย ทำให้เลือดออกง่าย
ในระยะแรกของการตั้งครรภ์อาจจะทำให้แท้งบุตร
ในไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป จะทำให้คลอดก่อนกำหนดได้
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
หมายถึง กระเพาะปัสสาวะอักเสบในสตรีตั้งครรภ์ จากการติดเชื้อแบคทีเรียในระหว่างตั้งครรภ์
พบได้ร้อยละ 1 - 2 ของสตรีตั้งครรภ์
สำหรับเชื้อที่เป็นสาเหตุของ กระเพาะปัสสาวะอักเสบเหมือนกับเชื้อที่ก่อให้เกิดภาวะกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน
เกิดจากการติดเชื้อพวกแบคทีเรียบริเวณปากช่องคลอดหรือทวารหนักใกล้ท่อปัสสาวะ ย้อนกลับขึ้นไป (Ascending infection) (E.Coli)
พยาธิสภาพ
ผลจากการมีน้ำปัสสาวะคั่งในกระเพาะปัสสาวะและมีเชื้อแบคทีเรียเข้าไปในทางเดินปัสสาวะ
ต่อมาเนื้อเยื่อ ของกระเพาะปัสสาวะจะมีการอักเสบและบวม ทำให้การบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะลดลง
ปัสสาวะจะถูกขับออกจาก ร่างกายน้อยในแต่ละครั้ง น้ำปัสสาวะจึงเต็มกระเพาะปัสสาวะ
ปัสสาวะบ่อย ต้องใช้แรงเบ่งมาก จึงทำให้มีเส้นเลือดฝอยที่กระเพาะปัสสาวะแตก ทำให้มีเลือดออกมากับน้ำปัสสาวะในบางขณะ
การอักเสบทำให้ผนังชั้น Endometrium บางฉีกขาดง่าย พบ RBC ในปัสสาวะ
อาการและอาการแสดง
ปัสสาวะขัด ปัสสาวะกะปริดกะปรอย กลั้นปัสสาวะไม่ได้
อาจปัสสาวะเป็นเลือดหรือน้ำล้างเนื้อ
ปวดท้องน้อย/ หัวหน่าว ในรายที่ปัสสาวะไม่ออก
ผลกระทบ
ต่อมารดา มดลูกหดรัดตัวแรง เป็นสาเหตุของการตั้งครรภ์สิ้นสุดเร็วกว่ากำหนดคลอด (แท้งหรือคลอดก่อนกำหนด)
ต่อทารก ทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า คลอดก่อนกำหนด ทารกตายในครรภ์
การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะแต่ไม่แสดงอาการ (asymptomatic bacteriuria; ASB)
คือ ตรวจพบแบคทีเรียในปัสสาวะมากกว่า 105 colony forming unit/ml [cfu/ml] จากการเก็บปัสสาวะอย่างสะอาด 2 ครั้งติดต่อกัน
ไม่มีอาการแสดงใด ๆ ของการติดเชื้อ
พบการเกิด asymptomatic bacteriuria ในสตรีตั้งครรภ์ประมาณร้อยละ 3 ถึงร้อยละ 13
โดยทั่วไปหากพบ asymptomatic bacteriuria ในสตรีที่ไม่ตั้งครรภ์ไม่จำเป็นต้องให้การรักษาใด
ในสตรีตั้งครรภ์จำเป็นต้องให้การรักษาเนื่องจากขณะตั้งครรภ์จะมีการยืดขยายของทางเดินปัสสาวะเชื้อโรคอาจแพร่กระจายไปยังกรวยไตทำให้เกิดกรวยไตอักเสบได้ มีรายงานว่าร้อยละ 30 ของสตรีตั้งครรภ์ที่เป็น asymptomatic bacteriuria และไม่ได้รับการรักษาจะพัฒนาเป็น pyelonephritis
ในสตรีตั้งครรภ์จำเป็นต้องให้การรักษาเนื่องจากอาจเกิดการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดได้
Thyroid Disease and Pregnancy
การทำงานของต่อมธัยรอยด์เปลี่ยนแปลงไปที่สำคัญได้แก่
การเพิ่มขึ้นของ thyroxine binding globulin (TBG)
ภาวะพร่องไอโอดีน (iodine deficiency)
ต่อมธัยรอยด์มีการสร้างธัยรอยด์ฮอร์โมนเพิ่มมากขึ้น
การเกิดโรค
ในภาวะปกติ thyroid hormone จะจับกับ thyroid blinding globulin [TBG] เหลือเพียงเล็กน้อยที่อยู่ในรูปอิสระและออกฤทธิ์ได้
การตั้งครรภ์ปกติฮอร์โมน human chorionic gonadotropin; HCG ที่สร้างจากรก จะไปกระตุ้นให้ต่อมธัยรอยด์ทำงานเพิ่มขึ้นส่งผลให้มีการสร้าง thyroid hormone มาก ขึ้น
ขณะเดียวกันฮอร์โมน estrogen ที่เพิ่มขึ้นก็จะไปกระตุ้นให้เซลล์ตับสร้าง TBG มากขึ้นและไป จับกับ thyroid hormone ในกระแสเลือด
ทำให้ปริมาณของธัยรอยด์อิสระในกระแสเลือดไม่เพิ่มขึ้น จึงไม่เกิดภาวะ hyperthyroidism
เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายมีการสร้าง thyroid hormone และ TBG ที่ไม่สมดุลกัน จะทำให้มีปริมาณของของธัยรอยด์อิสระในกระแสเลือดมากหรือน้อยกว่าปกติ ทำให้เกิดภาวะ hyperthyroidism หรือ hypothyroidism ได้
ภาวะธัยรอยด์ฮอร์โมนมากเกินไป (Hyperthyroidism)
เป็นภาวะความผิดปกติของร่างกายเนื่องจากมีระดับธัยรอยด์ฮอร์โมนมากเกินไป สาเหตุที่พบ ได้บ่อยที่สุดคือโรคเกรฟส์ (Grave’ disease)
พบสตรีตั้งครรภ์ที่เป็น hyperthyroidism ประมาณ 2 ต่อ 1,000 ราย
อาการและอาการแสดง
1.ระบบหัวใจและหลอดเลือด พบการเปลี่ยนแปลงโดยมี ชีพจรขณะพักมากกว่า 100 ครั้ง/ นาที มี pulse pressure กว้าง อาจมี dyspnea ได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็น Atrial fibrillation มี การเพิ่มของ cardiac output และ systemic vascular resistance ลดลง
2.การเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อพบว่ามีกล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ Quadriceps มีการสั่นของปลายมือ เมื่อยกแขนขึ้นเหยียด
3.พบว่ามีตาโปน (exophthalmos)
4.ต่อมธัยรอยด์โตขึ้น ฟังได้เสียง thyroid bruit
5.พบว่ามีผิวหนังอุ่นขึ้น เหงื่อออกมาก
6.มีความวิตกกังวล มีอาการทางระบบประสาท (Nervousness) เช่น ตื่นเต้น ตกใจง่าย
7.มีท้องเสีย หรือมีน้ำหนักลด
การวินิจฉัย
1.จากประวัติและอาการแสดงดังกล่าว
2.จากการวัดระดับธัยรอยด์ฮอร์โมนในซีรั่ม ระดับฮอร์โมนที่ขึ้เฉพาะได้แก่ T3 T4 และ free T3,T4
3.การวัดระดับ TSH พบ TSH มีค่าตํ่ามาก แสดงว่ามีภาวะธัยรอยด์เป็นพิษ
ผลของ Hyperthyroidism ต่อสตรีตั้งครรภ์
1.มีผลต่อระบบหัวใจ โดยมีการเพิ่ม cardiac output 65% และเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ 21% ลดความด้านทานของหลอดเลือด 35% ในระยะที่เป็น thyrotoxicosis แบบเฉียบพลัน อาจทำให้มารดาตายได้เนื่องจากหัวใจวาย
2.อาจพบภาวะแทรกซ้อนได้แก่ โลหิตจาง การติดเชื้อหรือ Pre-eclampsia
3.ภาวะ Thyroid storm หรือ crisis พบได้น้อย
4.ทำให้เกิดการแท้ง การคลอดก่อนกำหนด
5.มีภาวะ hyperemesis gravidarum
**Thyroid storm ไข้สูง ผิวหนังอุ่นชื้น เหงื่อออก, ชัก หมดสติ, atrial fibrillation หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง congestive heart failure, หายใจเร็ว หอบเหนื่อย ท้องเสีย ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
ผลของ Hyperthyroidism ต่อทารก
พบว่าทารกแรกเกิดเป็น Hyperthyroidism ประมาณ 1% เก็บ cord blood เพื่อตรวจดูหน้าที่ของต่อมธัยรอยด์
ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างดีอาจเกิด intrauterine growth retardation (IUGR)
ทารกมีน้ำหนักตัวน้อย อัตราการเกิด perinatal mortality สูงเล็กน้อย
ภาวะธัยรอยด์ฮอร์โมนน้อยเกินไป (Hypothyroidism)
เป็นภาวะที่ต่อมชัยรอยด์ทำงานน้อยเกินไป
มีสาเหตุมาจาก Hashimoto thyroiditis และ Hyperthyroidism ที่ได้รับการรักษามากไปจนเกิดภาวะ Hypothyroidism
โดยพบสตรีตั้งครรภ์ ที่เป็น Hypothyroidism ประมาณ 9 ต่อ 1,000 ราย
อาการและอาการแสดง
1.อ่อนเพลีย ง่วงนอนตลอดเวลา เชื่องช้า ขึ้หนาว
2.ผมแห้งหยาบ เปราะ ผิวหนังหนา แห้งหยาบ เล็บเปราะหักง่าย
3.ผิวหนังบวมฉุ แขนขาบวมกดไม่บุ๋ม นํ้าหนักเพิ่มมาก
4.ท้องผูก ท้องอืด
5.ขี้ลืม ซึมเศร้า ความคิดช้า
การวินิจฉัย
จากประวัติและอาการแสดงดังกล่าว
จากการวัดระดับชัยรอยด์ฮอร์โมนในซึรั่ม ได้แก่ T3 T4 และ free T3,T4
จากการวัดระดับ TSH ถ้าพบว่ามีค่าสูง แสดงว่ามีภาวะ hypothyroidism
ผลของ Hypothyroidism ต่อสตรีตั้งครรภ์
การแท้ง
รกลอกตัวก่อนกำหนด
อาจพบภาวะแทรกซ้อนได้แก่ Pre eclampsia , Heart failure
เป็นสาเหตุให้เกิด Thyroiditis ในระยะหลังคลอด
ผลต่อทารก
อัตราการตายคลอดเพิ่มขึ้น 2 เท่า
ทารกมีนํ้าหนักน้อย
ทารกมีความผิดปกติตั้งแต่กำเนิดและมีพัฒนาการช้า เมื่ออายุ 6-8 เดือน
การรักษา
การให้ยา Thyroid hormone thyroxine ทดแทน
พบว่ายา Thyroid hormone ผ่านรกเข้าสู่ทารกน้อยมาก และช่วยป้องกันการเกิด Critinism ขนาดที่เหมาะสมคือ thyroxine 0.15 มก. ต่อวัน เป็นเวลา 3 สัปดาห์ thyroxine มี half-life นาน จึงให้เพียงวันละครั้ง แล้วจึงปรับขนาด ตามผลการทดสอบการทำงานของต่อมชัยรอยด์ โดยดูจาก serum TSH ที่ลดลง และระดับ serum T4 ที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับปกติของสตรีตั้งครรภ์ ถ้ายังไม่กลับคืนสู่ระดับปกติควรเพิ่มขนาดของ thyroxine ครั้งละ 0.05 มก. ขนาดที่ใช้ของ thyroxine คือ 0.15-0.30 มก. ต่อวัน
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหอบหืด
Asthma in Pregnancy
โรคหืดเป็นโรคที่มีการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม ทำให้หลอดลมมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้และสิ่งแวดล้อมมากกว่าคนปกติ (bronchial hyper-responsiveness, BHR)
ทำให้มีการ หดเกร็งของหลอดลมและมีเสมหะเพิ่มขึ้น เยื่อบุหลอดลมบวมและจะปรากฏอาการหายใจลำบากมาก และมีเสืยงวี้ดเกิดขึ้น (Wheezing and severe dyspnea)
มักมีอาการไอแน่นหรือหอบเหนื่อยเกิดขึ้น เมื่อได้รับสารก่อโรคหรือสิ่งกระตุ้น
สาเหตุ แบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ ได้แก่
1.Extrinsic asthma เกิดจากปฏิกริยาแพ้ต่อสารต่าง ๆ (allergens) พบได้ประมาณ 60 % เช่น เกสรดอกไม้ อาหาร ยา ขนสัตว์ การได้รับสารที่แพ้ทำให้ร่างกายปล่อยสารเคมีชนิดหนึ่งออกมา เรียกว่า chemical mediators ทำให้หลอดลมหดเกร็ง และหลั่งเยื่อเมือกออกมามาก
2.Intrinsic asthma ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการแพ้ อาจเกิดได้จากสาเหตุนำหลายอย่าง ดังนี้ การถ่ายทอดทางพันธุกรรม การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ การออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ การใช้ยา มากเกินไป อารมณ์ตึงเครียด
การวินิจฉัย
เพื่อยืนยันการป่วยเป็นโรคหืด
เพื่อค้นหาสาเหตุ หรือปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการหอบหืด
โดยการวินิจฉัยโรคหืด จะอาศัยประวัติร่วมกับลักษณะทางคลินิกเป็นสำคัญและอาจใช้ การตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อช่วยในการยืนยันการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องเพิ่มเดิมตามความเหมาะสม เช่น สไปโรเมตรีย์ หรือ Peak expiratory flow (PEF)
ผลของการตั้งครรภ์ต่อโรคหอบหืด
ไม่สามารถทำนายได้แน่นอน จากการศึกษาสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหอบหืด โดยการซักถาม อาการและทำ spirometer คือการวัดความจุอากาศของปอดพบว่า ร้อยละ 36 จะมีอาการดีขึ้น ร้อยละ 41 ไม่มีอาการเปลี่ยนแปลงและร้อยละ 23 อาการจะเลวลง
ความเสี่ยงต่อการกำเริบของโรค ในรายที่คลอดโดย Cesarean section สูงกว่าในรายที่คลอดทางช่องคลอดถึง 18 เท่า
ผลต่อการตั้งครรภ์ ในกรณีที่โรคไม่รุนแรง ผลลัพธ์การตั้งครรภ์ไม่ต่างกับครรภ์ทั่วไป การตายปริกำเนิดของรายที่เป็นโรคหอบหืดเพิ่มขึ้น ในกรณ๊มีโรคหอบหืดรุนแรงมากขึ้น และเพิ่มอัตราการตาย ของมารดาทารกในรายที่มีโรคหอบหืดกำเริบเฉียบพลัน (Status asthmaticus)
ผลต่อมารดา ได้แก่ การแท้ง การเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด เสี่ยงต่อการเลียชีวิตจาก Status asthmaticus และการหยุดหายใจจากกล้ามเนื้ออ่อนล้า อัตราการเลียชีวิตสูงถึงร้อยละ 40 การตรวจครรภ์อาจพบระดับยอดมดลูกไม่สัมพันธ์กับอายุครรภ์ มีการหดรัดตัวของมดลูก เลียงหัวใจ ทารกเต้นผิดปกติ ล้ามีอาการรุนแรง อาจมีอาการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดได้
ผลต่อทารก ได้แก่ การเจริญเติบโตช้าในครรภ์ ทารกคลอดก่อนกำหนด เลียชีวิตในครรภ์ ทารกแรกคลอดนํ้าหนักน้อยและอาจเกิดภาวะพร่องออกซิเจนในทารกแรกคลอด นอกจากนี้ทารกมี โอกาสเป็นโรคหอบหืด เป็น 2-4 เท่าของปกติ
วัณโรคในหญิงตั้งครรภ์ (Tuberculosis in pregnancy)
วัณโรคเป็นโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจแบบผ่านทางอากาศ (Airborne-transmitted infection disease)
สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ โดยการสูดหายใจเอาเชื้อวัณโรคที่ปนออกมากับละอองน้ำลายหรือเสมหะเมื่อผู้ป่วยไอหรือจาม
เกิดการติดเชื้อได้ในทุกอวัยวะของร่างกาย ส่วนใหญ่มักเกิดที่ปอด (ร้อยละ 80) ซึ่งสามารถแพร่เชื้อได้ง่าย วัณโรคนอกปอดอาจพบได้ในอวัยวะอื่นๆ ได้แก่ เยื่อหุ้มปอด ต่อมน้ำเหลือง กระดูกสันหลัง ข้อต่อ ช่องท้อง ระบบทางเดินปัสสาวะ ระบบสืบพันธุ์ ระบบประสาท
คำจำกัดความของผู้ป่วยวัณโรค
ผู้ที่น่าจะเป็นวัณโรค (presumptive TB) หมายถึง ผู้ที่มีอาการหรืออาการแสดงเข้าได้กับวัณโรค เช่น ไอทุกวันเกิน 2 สัปดาห์ ไอเป็นเลือด น้ำหนักลดผิดปกติ มีไข้ เหงื่อออกมากผิดปกติตอนกลางคืน เป็นต้น (เดิมเรียกว่า TB suspect)
•ผู้ติดเชื้อวัณโรคระยะแฝง (latent TB infection) หมายถึง ผู้ที่ได้รับเชื้อและติดเชื้อวัณโรคแฝงอยู่ในร่างกาย แต่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันสามารถต่อสู้กับเชื้อ สามารถยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อวัณโรคได้ ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ และไม่สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้
•ผู้ป่วยวัณโรค หรือวัณโรคระยะแสดงอาการ (TB disease หรือ Active TB) หมายถึง ผู้ที่ได้รับเชื้อและติดเชื้อวัณโรคแฝงอยู่ในร่างกาย แต่ภูมิคุ้มกันไม่สามารถยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อวัณโรคได้ เกิดพยาธิสภาพที่ทำให้ป่วยเป็นวัณโรค อาจมีอาการหรือไม่มีอาการก็ได้โดยผู้ป่วยจะสามารถแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ผ่านระบบทางเดินหายใจจากการพูด คุย หรือจาม ของเหลวในร่างกายหรือเนื้อเยื่อในตำแหน่งที่เป็นโรค
การรักษา
ในช่วงตั้งครรภ์แนะนำให้รักษาการติดเชื้อวัณโรคแฝงเฉพาะในรายที่มีข้อบ่งชี้ เช่น มีการติดเชื้อในระยะใกล้ (Recent infection) หรือผู้ป่วยกลุ่มภูมิคุ้มกันบกพร่อง (Significant immunocompromise) กรณีที่ไม่พบข้อบ่งชี้ดังกล่าว แนะนำให้รักษาหลังคลอดบุตร 3 เดือน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะตับอักเสบ
กรณีที่ตรวจพบการติดเชื้อวัณโรคระยะแฝงและได้รับการรักษาตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ แนะนำให้รักษาด้วยยาต่อจนครบตามแผนการรักษาเดิม โดยปรับสูตรยาให้เหมาะสมกับช่วงตั้งครรภ์
การป้องกันการแพร่กระจายการติดเชื้อ (Controlling transmission)
1.กรณีทั้งมารดาและทารกมีการติดเชื้อวัณโรคระยะแสดงอาการ (Congenital TB) แพทย์ควรให้การรักษาทั้งมารดาและทารกแรกคลอด โดยไม่จำเป็นต้องมีการแยกห้อง แต่มารดาควรสวมหน้ากากอนามัย
2.กรณีมารดาติดเชื้อวัณโรค และทารกแรกคลอดตรวจการทดสอบทางผิวหนังให้ผลบวก (โดยที่ไม่พบอาการแสดงอื่นๆ) มารดาควรได้รับการรักษาการติดเชื้อวัณโรคระยะแสดงอาการ ในขณะที่ทารกแรกคลอดควรได้รับการรักษาการติดเชื้อแฝง และไม่จำเป็นต้องแยกมารดาและทารกแรกคลอดออกจากกัน
3.กรณีมารดาติดเชื้อวัณโรค และทารกแรกคลอดไม่มีการติดเชื้อวัณโรค ให้รักษาเหมือนข้อ 2. เป็นระยะเวลา 3-4 เดือน แนะนำให้มารดาสวมใส่หน้ากากอนามัยจนกว่าจะพ้นระยะแพร่กระจายเชื้อ โดยไม่มีความจำเป็นต้องแยกมารดาและทารก หลังได้รับการรักษา 3-4 เดือน บุตรควรได้รับการตรวจการทดสอบทางผิวหนัง
4.กรณีมารดายังอยู่ในระยะแพร่กระจายเชื้อ ทั้งมารดาและทารกจำเป็นต้องส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม และปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผู้มีความเชี่ยวชาญ เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
สำหรับคำแนะนำเรื่องวัคซีน แนะนำว่าไม่ควรให้วัคซีนบีซีจีระหว่างการตั้งครรภ์เพื่อป้องกันการเกิดวัณโรค เนื่องจากเป็นวัคซีนเชื้อเป็น (Live vaccine)
นางสาวศศิกานต์ ค้ำคูณ เลขที่17 รหัสนักศึกษา 621001401484