Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Abdominal injury - Coggle Diagram

- - - - การถูกกระแทกโดยตรง (direct blow)
        
        ได้แก่ กระแทกกับขอบล่างของพวงมาลัยรถยนต์ หรือ บางส่วนของรถที่ยุบเข้ามา ทําให้เกิดการกดทับหรือกดเบียดกับอวัยวะภายในช่องท้องแรงที่มากระทําทําให้อวัยวะตัน(solid organ) มีรูปร่างผิดปกติและทําให้อวัยวะกลวง (hollow viscus organs) แตก เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบ (peritonitis) ได้
      - แรงเฉือน (shearing injury)
        
        เป็นรูปแบบหนึ่งของบาดเจ็บแบบบีบอัด (crush injury) ซึ่งเกิดจากการใส่เข็มขัดนิรภัยที่ไม่เหมาะสม ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุอาจได้รับบาดเจ็บจากแรงเฉื่อย (deceleration injury) ได้ เช่น การฉีกขาดของตับ (liver) และอวัยวะอื่นที่สามารถถูกทําให้เคลื่อนที่ได้ ในขณะที่มีเอ็น (ligament) ยึด
    - - ได้แก่ การบาดเจ็บที่เกิดจากวัตถุแปลกปลอมมากระทําให้เกิดการทะลุของเนื้อเยื่อ ความรุนแรงของการบาดเจ็บขึ้นอยู่กับความเสียหาย ของโครงสร้างของเนื้อเยื่อนั้นๆ การบาดเจ็บแบบนี้ทําให้เกิดเป็นโพรงขึ้นบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะบาดแผลการถูกแทงจากวัตถุมีคม
  - - - ทําให้มีเลือดและน้ําดีคั่งค้างในช่องเยื่อบุช่องท้อง การเปลี่ยนแปลงของตับลักษณะนี้พบได้มากที่สุด มักเกิดจากการบาดเจ็บแบบมีแผลทะลุ
    - - การแตกของเนื้อเยื่อตับบริเวณใต้เยื่อหุ้มตับและมีเลือดคั่งอยู่ระหว่างเยื่อหุ้มตับและเนื้อเยื่อตับ
    - - ทําให้มีเลือดออกภายในตับ มักเกิดจากการบาดเจ็บแบบกระแทก มีอัตราตายสูง เนื่องจากการฉีกขาดของหลอดเลือดใหญ่ของตับ
  - - - Unstable
        ต้องผ่าตัด
      - Stable
        รักษาตามอาการ (conservative)
    - - บาดเจ็บระดับ 3 ขึ้นไป
        ส่วนใหญ่มีอาการทางระบบไหลเวียนโลหิตไม่เสถียร (hemodynamic instability) จากการเสียเลือดมาก (ตับต้องการเลือดไปเลี้ยง~1,500ml/min) ส่งผลเกิด ภาวะช็อกจากการเสียเลือด(hemorrhagic shock)
  - - - ผู้ป่วยมี ภาวะ hemodynamic stability
        ไม่มีการบาดเจ็บอื่นท่ีช่องท้องซึ่งต้องรักษาโดยการผ่าตัด
        มีทีมพร้อมในกรณีฉุกเฉิน เช่น ทีมอ่านผล CT scan ทีมศัลยแพทย์ และทีมดูแลในหอผู้ป่วยวิกฤตในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลงและต้องเปลี่ยนแปลงการรักษา เป็นต้น
    - - ได้รับบาดเจ็บที่ตับรุนแรงระดับ 3 ขึ้นไป เกิดมีการฉีกขาดของเนื้อตับมาก
        เนื้อตับส่วนนั้นขาดเลือดไปเลี้ยงหรือมีเลือดออกมาก
        กลุ่มนี้จะมีสัญญาณชีพไม่ปกติแมเจะได้รับ การช่วยฟื้นคืน (resuscitation)
        อันตรายต่อชีวิต3 อย่างคืออุณหภูมิกายต่ำ(hypothermia) ภาวะเลือดเป็นกรด (acidemia) และการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ (coagulopathy)
        หรือรวมเรียกว่า bloody vicious cycle/lethal triad
        
        การผ่าตัดช่องท้องเพื่อควบคุมความสูญเสีย (damage control laparotomy: DCL)
        เป้าหมาย : ควบคุมหรือหยุดการเสียเลือด และการรั่วของน้ําดี (bile leak) เพื่อให้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีที่สุด DCL ต้องทําควบคู่กับการกู้ชีพเพื่อควบคุมความเสียหาย (damage control resuscitation: DCR)
        เป็นการผ่าตัดเปิดช่องท้องเพื่อควบคุมความ สูญเสียในผู้ป่วยบาดเจ็บที่ตับรุนแรง โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อห้ามเลือด ใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง
        
        การกู้ชีพเพื่อควบคุมความเสียหาย (damage control resuscitation: DCR)
        มีหลักสําคัญ 2 ประการคือ หลักการยอมรับความดันโลหิตต่ำ(permissive hypotension) และ หลักการให้เลือดและส่วนประกอบของเลือดทดแทน(hemostatic resuscitation)
        การยอมให้ความดันโลหิตไม่สูงเท่ากับปกติ แต่ให้มีเลือดไปยังอวัยวะที่สําคัญ คือ
        สมองและหัวใจ เพียงพอจนกว่าจะห้ามเลือดได้
        โดยยอมให้ความดัน systolic blood pressure: SBP ตั้งแต่ 80 mmHg หรือ
        ค่าเฉลี่ยความดันโลหิต (mean arterial pressure: MAP) ตั้งแต่ 60 mmHg ขึ้นไป
        
        ภาวะแทรกซ้อน
        ภาวะเลือดออกซ้ำ (re-bleeding) : ส่วนใหญ่พบเลือดออกจาก หลอดเลือดแดง
        บริเวณตําแหน่งที่ได้รับบาดเจ็บเดิมที่ได้รับการห้ามเลือดไว้
        อาการและอาการแสดง ได้แก่ hematocrit ลดลง ท้องอืดตึงมากขึ้น (abdominal distension)
        ความดันโลหิตต่ำหรือ อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น
        รักษาภาวะเลือดออกขึ้นอยู่กับความคงที่ของสัญญาณชีพ ถ้าสัญญาณชีพคงที่ รักษาโดยการฉีดสีทางหลอดเลือดแดง (angiogram) และอุดหลอดเลือด (embolization) กรณีที่สัญญาณชีพไม่คงที่ การรักษาคือ การผ่าตัดซ้ำ
        ภาวะความดันในช่องท้องสูง (intra-abdominal hypertension: IAH) : ภาวะความดันในช่องท้อง
        (intra-abdominal pressure: IAP) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 12 มิลลิเมตรปรอท
        ทําให้มีการลดลงของเลือดที่ไปเลี้ยงผนังช่องท้อง และ อวัยวะในช่องท้อง
        การรั่วของท่อน้ําดี (biliary fistula) : เห็นจากการจับของสีน้ําดี และการฉีกขาดของท่อน้ําดี
        การติดเชื้อที่ตับและในช่องท้อง (perihepatic/intraabdominal sepsis) : เช่น การเอาผ้าซับเลือด(packing) ออกช้า
        ภาวะเลือดออกจากท่อน้ําดี (hemobilia) : เกิดจากการฉีกขาด ของท่อน้ําดีในตับ หรือรูรั่วของทางเชื่อมระหว่าง
        ท่อน้ําดีและหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงบริเวณท่อน้ําดี
        ภาวะน้ําดีปนเปื้อนในเลือดดํา (bilhemia) : เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อยมาก
      - การกดห้ามเลือดรอบตับ(perihepatic packing)
        เป็นวิธีการผ่าตัดที่ใช้กันท่ัวไปและ ประสบผลสําเร็จในการจัดการการบาดเจ็บรุนแรงที่ตับ หลังเปิดหน้าท้อง ใช้ผ้าซับเลือดวางรอบตับ เป็นการกดระหว่างผนังช่องอกด้านหน้า กระบังลม และเยื่อบุช่องท้องด้านหลัง การกดห้ามเลือดที่ตับ ด้วยมือ(manual compression) ทําในกรณีที่เห็นจุดเลือดออกชัดเจนกรณียังเห็นมีเลือดออกอยู่ แสดงวราเลือดที่ออกอาจมาจากหลอดเลือดแดงในตับ (hepatic artery)
    - - แก้ไขภาวะอุณหภูมิกายต่ำ (hypothemia) โดยใช้ผ้าห่มเป่าลมร้อน (warm blanket/bear hugger) หรือใช้น้ําอุ่นสวนล้าง(irrigate) เข้าไปในสายยางที่ใส่เข้าไปในกระเพาะอาหาร (nasogastric tube) และสายยางท่อปัสสาวะ (foley’s catheter)
      - แก้ไขภาวะเลือดเป็นกรด (acidemia) โดยการให้สารน้ําหรือ เลือดให้เพียงพอ
      - และแก้ไขปัญหาการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ (coagulopathy) โดยการให้พลาสมา (fresh frozen plasma: FFP) เกล็ดเลือดเข้มข้น (platelet concentration) ไฟปริโนเจน (fibrinogen/cryoprecipitate) ปัจจัยการแข็งตัวของเลือดเข้มข้น (clotting factor concentrates: prothrombin complex concentrate/ PCC) และยาบางชนิด เช่น วิตามิน เค
        กรดทรานซิมิค (tranexamic acid) เป็นต้น
- - - - บี หรือเบตาเซลล์มีเนื้อที่ประมาณร้อยละ 75 ของไอเลตส์ออฟแลงเกอร์ฮานส์ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนอินซูลิน
      - เอ หรือแอลฟาเซลล์ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณร้อยละ 20 ของไอเลตส์ออฟแลงเกอร์ฮานส์ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนกลูคากอน
      - ดีหรือเดต้าเซลล์ มีเนื้อที่ประมาณร้อยละ 5-10 ของไอเลตส์ออฟแลงเกอร์ฮานส์ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนโซมาโทสเตทิน (somatostatin))
      - พีพี หรือเอฟเซลล์ เพนคริเอติก พอลิเปปไทด์ มีเนื้อที่ประมาณร้อยละ 1-2 ของไอเลตส์ออฟแลงเกอร์ฮานส์ ทำหน้าที่ผลิตเพนคริเอติก พอลิเปปไทด์ (pancreatic polypeptide) ทำหน้าที่ลดการดูดซึมอาหารที่กระเพาะและลำไส้ (gastrointestinal function)
  - - - Location
        
        วางตัวอยู่ในแอ่งรูป “C” ของ duodenum อยู่หลัง peritoneum (retroperitoneal organ)
        
        ด้านหน้า: Stomach และ lesser peritoneal sac
        
        ด้านหลัง: Spleen, kidneys, adrenal glands, diaphragm และ transverse mesocolon
        
        ด้านล่าง: Small intestine
      - ลักษณะภายนอก แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่
        
        Head (ส่วนหัว): วางตัวอยู่ในแอ่งรูป “C” ของ duodenum อยู่ตรงกับระดับ L2-L3
        
        Neck (ส่วนคอ): เป็นส่วนที่อยู่หน้าต่อ superior mesenteric artery และ portal vein
        
        Body (ส่วนลำตัว): เป็นส่วนที่ต่อจาก neck ทอดตัวตามขวางข้าม body ของ L1 อยู่หน้าต่อ abdominal aorta, left kidney และ left adrenal gland
        
        Tail (ส่วนหาง): เป็นส่วนที่วางตัวอยู่ใน lienorenal ligament (peritoneal fold ยึดจาก diaphragm ไปยัง spleen และ left kidney) ไปจรด splenic hilum อยู่ตรงกับระดับ L1
  - - - การบาดเจ็บของตับอ่อนจะมีอาการน้อยและตรวจพบได้ยากในช่วงแรกเนื่องจากเป็นอวัยวะที่อยู่ใน retroperitoneal space
      - การตรวจร่างกาย
        ดู
        ในช่วงแรกอาจไม่มีecchymosis แต่จะมีอาการแสดงเมื่อมีภาวะแซกซ้อนที่ตับอ่อน อาจพบรอยฟกช้ำ สีม่วงคล้ำที่รอบสะดือ(Cullen's sign)แต่ถ้าตรวจพบ seat belt sign อาจบ่งบอกถึงการบาดเจ็บของ pancreas
        คลำ
        ในช่วงแรกอาจมีแค่ tenderness แต่ไม่มี gurading
    - - Amylase
        การบาดเจ็บของpancreas จาก blunt injury จะมีค่า serum amylaseที่สูงขึ้น แต่ serum amylaseที่สูงขึ้นจะไม่สัมพันธ์กับความรุนแรงของการบาดเจ็บ pancreas ดังนั้นควรมีการตรวจซ้ำ เพราะค่าserum amylaseที่สูงขึ้นอาจเกิดจากการบาดเจ็บที่อวัยวะอื่นๆได้ เช่น salivarybgland หรือ small bowel และในผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บที่สมองก็สามารถมีค่า serum amylasezเพิ่มขึ้นสูงเช่นกัน
      - Lipase
        เมื่อค่า serum amylase สูงขึ้นค่า lipaseก็จะสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
      - ตรวจระดับน้ำตาล เพราะตับอ่อนทำหน้าที่ในการผลิตอินซูลิน เมื่อpancreas injury ย่อมส่องผลต่อการผลิตฮออร์โมน insulin
    - - Plain film Abdomen จะพบ retroperitoneal aur เช่น air around psoas muscle
      - Focus assessment sonography of trauma(FAST) เป็นการตรวจหาของเหลวในช่องท้อง สำหรับระบุการบาดเจ็บของอวัยวะนั้นโดยตรง แต่การบาดเจ็บของ pancreas อาจมองเห็นความผิดปกติได้ยากเนื่องจาก pancreas เป็นอวัยวะที่อยู่ใน retroperitoneal space ทำให้มองเห็นได้ยาก
        
        FAST ตำแหน่งที่นิยมตรวจมี 4 ตำแหน่ง
        สำหรับ pancreas ตรวจที่ตำแหน่ง Perissplenic(Left upper quadrant)
      - CT abdomen ใน 12 ชั่วโมงแรกของการบาดเจ็บ pancreas อาจมีผล CT sacn ที่ปกติ จึงต้องทำการวินิจฉัยทางรังสีวิทยาอย่างอื่นร่วมด้วย
  - - - 1.simple external drainge เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่การบาดเจ็บในระดับที่1 และ2 ที่ไม่มีการบาดเจ็บของ pancreas duct
      - 2.Omental pancreatorrhaphy and drainge ทำในผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บของ pancreas ระดับที่ 2 ที่มี parenchymal laceration
      - 3.Distal pancreatectomy with or without splenectomy ใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บของ pancreas duct
      - 4.Endoscopic Retrograde Cholangio Pancreatography (ERCP) แนะนำให้ทำในผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บของ pancreas ระดับที่4
- - - - 1.Hematologic function
        Mochanical fitration ซึ่งจะทำลายเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุ,สร้างเม็ดเลือดแดงในระยะเอ็มบริโอ,กำจัดเชื้อโรคในกระแสเลือดและซ่อมแซมเม็ดเลือดแดงที่ผิดปกติให้สามารถทำงานได้เป็นปกติ
      - 2.Immunologic function
        
        สร้าง Immunoglobulinโดยเฉพาะ Ig M เพื่อตอบสนองต่อencapsulated bacteria
        
        สร้าง Monocytes,Lymphocyte
        
        ใน Red pulp จะมีMacrophages ที่คอนดักจับเชื้อโรคในกระแสเลือด
    - - ม้ามจะอยู่บริเวณช่องท้องส่วนบน ใต้กะบังลมทางซ้าย และอยู่ใกล้กับตับอ่อน และไตซ้าย ถูกยึดติดไว้กับเยื่อบุช่องท้อง
  - - - เลือดออก
        
        เลือดออกใต้แคปซูล (subcapsular) น้อยกว่าร้อยละ 10 ของพื้นผิวและก้อนเลือดไม่ขยาย
      - การฉีกขาด
        
        แคปซูลฉีกขาด (capsular tear) ลึกไม่เกิน 1 ชม. และไม่มีเลือดออก
    - - เลือดออก
        
        เลือดออกใต้แคปซูลร้อยละ 10-50 ของพื้นผิว และก้อนเลือดไมโตขึ้น หรือมีเลือดออกในเนื้อม้าม (intraparenchymal) เส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 5 ชม.
      - การฉีกขาด
        
        แคปซูลฉีกร่วมกับเลือดไหลไม่หยุด หรือเนื้อม้ามฉีกลึก 1-3 ชม.
    - - เลือดออก
        
        เลือดออกใต้แคปซูลมากกว่าร้อยละ 50 ของพื้นผิว หรือก้อนเลือดโตขึ้น หรือมีเลือดออกในเนื้อม้ามกว้างมากกว่า 5 ชม. หรือแคปซูลฉีกขาดร่วมกับเลือดไหลไม่หยุด
      - การฉีกขาด
        
        เนื้อม้ามฉีก (parenchymal tear) ลึกมากกว่า 3 ซม. หรือมีการฉีกขาดของหลอดเลือด
    - - การฉีกขาด
        
        บางส่วนของม้ามหรือหลอดเลือดในม้ามฉีกขาด มากกว่าร้อยละ 25 ของม้ามไม่มีเลือดไปเลี้ยง
    - - เลือดออก
        
        ม้ามแตกเละ (completely shatters spleen)
      - การฉีกขาด
        
        ไม่มีเลือดไปเลี้ยงม้ามเลย (devascularize spleen)
  - - - 1.ให้นอนพักบนเตียงนาน 48-72 ชั่วโมง หลังจากนั้นลุกลงจากเตียงได้และแนะนำให้ออกกำลังกายเบา ๆ หลังจำหน่ายรายที่บาดเจ็บไม่รุนแรง ห้ามทำงานหนักเป็นเวลาอย่างน้อย 46 สัปดาห์ ส่วนรายที่บาดเจ็บต้องงดทำงานหนักประมาณ 2-4 เดือน
      - 2.อุดด้วยสารห้ามเลือด(Angioembolization) ซึ่งอาจมีอาการแทรกซ้อนในภายหลัง ได้แก่ ม้ามขาดเลือด เป็นหนอง เลือดออก ปอดแฟบและมีสารเหลวในโพรงเยื่อหุ้มปอดด้านซ้าย (left pleural effusion)
      - 3.ติดตามค่าความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดง ประเมินและตรวจร่างกายซ้ำเป็นระยะ ๆ
      - 4.การตรวจพิเศษเพิ่มหรือช้ำในรายที่ไม่แน่ใจ หากไม่พบความผิดปกติแพทย์จะอนุญาตให้ลุกลงจากเตียงได้เมื่อครบ 48 ชั่วโมงหลังการบาดเจ็บ และเริ่มรับประทานอาหารอ่อนได้
    - - 1.Systolic < 90 mmHg.ร่วมกับมีอาการหลอดเลือดหดตัว (ผิวหนังเย็นขึ้น) Capillary refill >2 ระดับความรู้สึกตัวลดลง หายใจตื้น
      - 2.Systolic < 90 mmHg.แต่ต้องให้เลือดหรือยาเพื่อเพิ่มความดันเลือดร่วมกับพารามิเตอร์อื่นที่ผิดปกติ เช่น ค่าความเป็นด่างเกิน (base excess) มากกว่า 5 มิลลิโมล/ลิตร (mmoV/L) ดัชนีช็อก
        มากกว่า 1 ให้เลือดอย่างน้อย 4-6 ยูนิต ภายใน 24 ชั่วโมงแรก หรืออายุ 55 ปีขึ้นไปร่วมกับคะแนนการบาดเจ็บสูง
      - 3.แพทย์อาจพิจารณาจากปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย ได้แก่ การบาดเจ็บหลายระบบ มีประวัติได้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (โดยเฉพาะผู้สูงอายุ) หญิงตั้งครรภ์ซึ่งทารกในครรภ์อาจไม่ทนต่อความเครียดจากการรักษาแบบไม่ผ่าตัดที่ไม่ได้ผลได้
      - ภาวะแทรกซ้อนภายหลังการผ่าตัดเอาม้ามออกทั้งหมด
        
        1.เลือดออกมาก มักเกิดภายใน 24 ชั่วโมงหลังผ่าตัด ดังนั้นจึงต้องประเมินแผลผ่าตัด สิ่งคัดหลั่งที่ออกมาจากท่อระบาย และติดตามผลค่าความเข้มข้นของเลือดแดง
        
        2.มีรูรั่วที่ตับอ่อน (Pancreatic istula) เนื่องจากม้ามอยู่ติดกับตับอ่อน อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของอวัยวะใกล้เคียงขณะผ่าตัดได้
        
        3.การอักเสบใต้กระบังลม (Subphrenic abscess) ผู้ป่วยอาจมีไข้ขึ้นๆลงๆ
        
        ติดเชื้อง่ายหลังผ่าตัดม้าม (Overwhelming post splenic infection: OPS)
        เนื่องจากม้าม
        ที่สร้างภูมิคุ้มกัน เมื่อไม่มีม้ามร่างกายจึงติดเชื้อง่ายโดยเฉพาะเชื้อที่มีแคปซูล(encapsulated bacteria)
        
        เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือด (Thromboembolism) ซึ่งเกิดได้ทั้งในหลอดเลือดดำและหลอดเลือดแดงเนื่องจากหลังผ่าตัดเกล็ดเลือดจะเพิ่มขึ้น
        
        อื่น ๆ ได้แก่ โรคเบาหวาน เลือดแข็งตัวง่าย เกล็ดเลือดสูง (thrombocytosis):
  - - - ในเบื้องต้นควรดูแลตามหลัก Advance Trauma Life Support (ATLS) ก่อนเป็นอันดับแรกสำหรับในส่วนของการบาดเจ็บที่ม้ามนั้นกลไกการบาคเจ็บอาจเกิดได้หลายรูปแบบคือ การฉีกขาดจาก rapid deceleration, blunt injury และsecondary injury เช่น ถูกกระดูกซี่โครงที่หักทิ่มแทง เป็นต้น
    - - ถ้าพบว่ามีประวัติต่อไปนี้ให้สงสัยว่าน่าจะมีบาดเจ็บที่ท้อง ได้แก่ ได้รับแรงกระแทกบริเวณลำตัว เอว ชายโครงหรือสีข้างอย่างรุนแรง หยุดรถกะทันหัน หรือได้รับบาดเจ็บหลายระบบ
        
        pt.มักมีอาการปวดท้องด้านซ้ายร้าวไปไหล่ซ้าย
      - การตรวจร่างกาย
        
        ดู ดูความผิดปกติของผิวหนังหรือเนื้อเยื่อบริเวณหน้าท้อง เอว หลัง เช่น บวม ช้ำ เลือดออก ถลอก กระดูกซี่โครงหักใกล้ม้าม ท้องโตตึง
        
        ฟัง ได้ยินเสียงฟู่ที่ท้อง แสดงว่ามีรูทะลุระหว่างหลอดเลือด
        
        คลำ คลำได้ยินเสียงกรอบแกรบ หรือ คลำแล้วผิวหนังไม่สม่ำเสมอบ่งชี้ถึงการบาดเจ็บที่ม้าม
        
        เคาะ เคาะได้เสียงทึบdiffuse dultness)แสดงว่ามีเลือดออกในช่องท้องแล้วเจ็บร่วมกับหน้าท้องแข็งเกร็ง
    - - Chest c-ray Chest X-ray ช่วยวินิจฉัยการบาดเจ็บที่ท้อง ดูว่าซี่โครงล่างหักมักมีการบาดเจ็บของม้าม
        
        CT whole abdomen จะช่วยให้เห็นรายละเอียดของอวัยวะภายในได้ละเอียดยิ่งขึ้น สามารถระบุอวัยวะที่บาดเจ็บ การมีเลือดออกที่อวัยวะนั้นได้
        
        Focus assessment sonography of trauma(FAST) เป็นการตรวจหาของเหลวในช่องท้อง สำหรับระบุการบาดเจ็บของอวัยวะนั้นโดยตรง
    - - CBC
        
        Electrolyte
        
        Coagulation test
        
        ดูการทำงานตับ ไต
- - - - Right Upper Quadrant(RUQ)
        
        Liver,pylorus,duodenum,Head of pancreas,Right kidney,Hepatic flexure of colon
      - Right lower Quadrant(RLQ)
        
        Right kidney, cecum ,appendix
      - Left Upper Quadrant(LUQ)
        
        Stomach,Spleen,Body of pancreas,Left Kidney,Splenic flexure of colon,Transverse and descending Colon
      - Left Lower Quadrant(LLQ)
        
        Left Kidney,Sigmoid colon,Dscending colon
  - - - Liver,Spleen,Stomach,บางส่วนของduodenum และบางส่วนของColon
    - - Kidney,Adrenal gland,Ureter,pancrease,หลอดเลือดดำและแดง,และบางส่วนของ Clon
    - - Pelvic,Urinary bladderUrethra,Rectum,Small intestine,Prostate gland,Ovary,Fallopian Tube